Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
3 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 

ร้อยรวงใจ ๒๓ (ธัญรัตน์)




ท้องทุ่งนาที่ก่อนหน้านี้มีแต่ดินที่ถูกรถไถ ไถดะเพื่อกลบซังข้าวเอาไว้นั้น ตอนนี้กลับมาเขียวขจีอีกครั้ง เมื่อมีต้นถั่วเขียวที่เจริญเติบโตขึ้นมาแทนที่ ภรัณยายืนมองท้องทุ่งที่มีสีเขียวสดด้วยความภาคภูมิใจไม่น้อย เพราะตั้งแต่เธอจำความได้ เธอแทบจะไม่เคยได้ปลูกพืชผักอะไรแม้แต่ต้นเดียว จะมีบ้างก็เวลาจะต้องปลูกส่งครูที่โรงเรียนเมื่อสมัยเด็ก ๆ แค่นั้น

เธอยืนมองลุงคำที่เดินแบกจอบไว้บนบ่า แล้วก็ทำหน้าที่เดินสำรวจไร่นาแทบทุกเช้าตามปกติเหมือนทุกวัน แกบอกเธอว่า เป็นชาวนา จะต้องมาเดินตรวจตราที่นาทุกวัน เพราะจะได้รู้ว่าข้าวมีศรัตรูมาทำลายพืชผลหรือไม่ เธอแย้งว่าตอนนี้ยังไม่ได้ปลูกข้าว แต่ลุงคำก็บอกว่า ถั่วเขียวก็สำคัญพอ ๆ กับข้าว เพราะอย่างน้อย ๆ ก็นำเมล็ดของมันไปเก็บไว้ทำพันธุ์ปีหน้า หรือไม่ก็เอาไปขายได้ จะได้ช่วยคุณเข่าประหยัดค่าถั่วเขียวในการปลูกครั้งต่อไปได้หลายบาท

ซึ่งเธอเองก็เถียงแกไม่ขึ้น ได้แต่ปล่อยให้แกปั่นจักรยานพร้อมกับแบกจอบมาตรวจดูไร่นาตามความต้องการของแกแค่นั้น เจ้าไข่ตุ๋นทำตัวเหมือนอยากจะเป็นชาวนาไปกับแกด้วย เพราะตั้งแต่ลงจากรถได้ ก็วิ่งตามลุงคำไปทุกหนทุกแห่ง แล้วก็เห่าเอาเป็นเอาตาย เมื่อเจออะไรที่มีชีวิต เช่น ตัวหนอน กิ้งก่า ที่วิ่งไปมาตามท้องนา

หญิงสาวพยายามจิตนาการว่า เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ท้องนาแห่งนี้คงจะมีพ่อ กับแม่ของเธอ ที่มาทำหน้าที่เดียวกับกับลุงคำในวันนี้เป็นแน่ พ่อคงจะชอบชีวิตที่เรียบง่ายแบบนี้เอามาก ๆ จึงได้ยอมทิ้งความเจริญรุ่งเรืองต่าง ๆ ในเมืองกรุง และมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ และเธอก็เดาได้ว่า พ่อก็คงจะรักแม่มาก ๆ เช่นกัน ถึงได้ยอมออกจากมหาวิทยาลัย เพื่อมารับผิดชอบลูกที่เกิดจากแม่ในตอนนั้น

และเธอก็เดาเอาเองว่า พ่อคงจะรักเธอไม่น้อยเช่นกัน ถึงได้เก็บที่นาไว้ให้เธอมากมายขนาดนี้ แต่ที่เธอไม่เข้าใจก็คือ ทำไมพ่อถึงอยากจะให้เธอมาทำนานัก แถมต้องทำตั้งสองปี ทั้ง ๆ พ่อก็รู้ว่าทำนามันลำบากแค่ไหน แล้วทำไมพ่อถึงอยากจะให้ลูกลำบากนัก แทนที่จะให้อยู่สบาย ๆ ในเมืองกรุง

“หลังสงกรานต์เราก็คงจะได้เก็บเมล็ดถั่วกันแล้วนะคะลุงคำ” เธอบอกเมื่อลุงคำเดินมาสมทบ
“คับ กะพอดีกับบักจอยกับเมียมันมา สิได้มาซอยเฮา” ลุงคำว่า (ครับก็พอดีกับไอ้จ่อยกับเมียมันมา จะได้มาช่วยเรา)
“คุณเข่าไป่เบิงหม่องนั่นกับลุงแนคับ มันมีเพลี้ยกิ๋นต้นบักทัว” ลุงคำบอกเธอ
(คุณข้าวไปดูตรงนั้นกับลุงหน่อยครับ มันมีเพลี้ยมากินต้นถั่ว)
“เหรอคะ งั้นไปกันเถอะค่ะ” เธอรับ แล้วก็เดินตามลุงคำไป ไม่นานก็มาพบกับต้นถั่วเขียวที่ตอนนี้ถูกเพลี้ยจับเต็มไปหมด เธอค่อย ๆ เดินลงไปดูลักษณะของเพลี้ย แต่ดูยังไงก็คงไม่มีทางรู้หรอกว่ามันเป็นเพลี้ยอะไร เพราะเธอไม่ได้หาข้อมูลเรื่องพวกนี้มาก่อน

“ข้าวไม่รู้ว่าเพลี้ยอะไรค่ะลุงคำ แต่ว่าเราจะต้องเอายามาฉีด ก่อนที่มันจะกินลามไปบริเวณกว้างกว่านี้ แล้วที่นาของคุณน้ำมีเพลี้ยแบบนี้หรือเปล่าคะลุงคำ” เธอถามด้วยความอยากรู้ เพราะว่าคนที่ชำนาญอย่างเขาไม่น่าจะไม่รู้ว่าเพลี้ยกำลังลง
“ถามเลาเอ่าโลดคับ มาพุ่นแล่ว” ลุงคำบอกเมื่อชี้ไปหาคนที่กำลังเดินตรงมา (ถามแกเลยครับ มาโน่นแล้ว)
“ผมเพิ่งจะเห็นเมื่อวานนี้เอง วันนี้จะให้ลุงคำไปเอายามาฉีดพอดี เพลี้ยแบบนี้มันธรรมดา ๆ แค่นั้น ผมเจอประจำ”
เขาบอกเมื่อมาถึง เพราะรู้ดีว่าเธอจะถามอะไร

“ลุงไป่เอายายูเถียงนาผม ถังสีเขียว ๆ เด้อคับ เอามาสีดไว้โลด” เขาหันไปบอกลุงคำ และแกก็ทำตามทันที
(ลุงไปเอายาที่เถียงนาผมถังสีเขียวนะครับ เอามาฉีดไว้เลย)
“เหรอคะ แล้วเราจะไถกลบต้นถั่วเมื่อไหร่คะ ตามที่ฉันรู้มาเราจะให้ถั่วเขียวมีอายุ ๕๐-๖๐ วันไปแล้วก็จะไถกลบ”
เธอถามเมื่อลุงคำเดินตรงไปที่เถียงนาเพื่อเอายา
“ปลายเดือนนี้เราก็จะรีบเก็บเมล็ดและไถกลบแล้วล่ะ ว่าแต่คุณเถอะคนมีแค่นี้จะพอเก็บเมล็ดถั่วหรือเปล่าหรอก ตอนเก็บนี่เหนื่อยกว่าตอนหว่านนะคุณ” เขาว่า

“ฉันมีเรียบร้อยแล้ว คุณไม่ต้องกลัวว่าจะต้องได้มาช่วยฉันหรอก ฉันตั้งใจจะมาทำนาฉันก็ต้องมีลู่ทางของฉันเองสิ ไม่ต้องมาทำเป็นถามเอาเชิงหรอก ช่วยแค่นี้ทำเป็นมามีบุญคุณ ใครใช้ให้มาช่วย ทำเองก็ได้” เธอชักจะหมั่นไส้กับคำถามของเขา
“เอ้า...เป็นงั้นไปอีก โอ๊ย ผมก็แค่ถามแค่นั้น ไม่ได้จะว่าอะไรเลย คุณนี่จริง ๆ เลยนะ เคยมองคนในแง่ดีกับใครเขาบ้างมั้ย แล้วเคยตอบอะไรที่มันสั้น ๆ เป็นบ้างมั้ย”
“คุณว่าฉันพูดมากเหรอ คอยดูนะฉันจะไป...”
“ฟ้องคุณพ่อ ว่าผมดูถูกคน ไม่ช่วยคุณ ไม่ดูแลคุณ ถามจริง ๆ เถอะ นอกจากจะคอยฟ้องคุณพ่อให้มาว่าผมแล้ว คุณทำอะไรอย่างอื่นเป็นมั้ย” เขาสวนกลับ

“ทำไมจะทำไม่เป็น นี่ไง”
เธอบอกแล้วก็ตรงดิ่งไปหาเขาและใช้สองมือผลักเขาให้ตกจากคันนาลงนั่งกองทับต้นถั่วเขียวแทน
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ เป็นยังไง ทีนี้จะเลือกอย่างไหน ระหว่างให้ฉันไปฟ้องคุณลุง กับให้ผลักคุณตกคันนา”
เธอยิ้มเยาะเย้ยเขา
“โอ้โหคุณ เอาอย่างนี้เหรอ ได้เลย”
เขาลุกขึ้นได้ ก็ทำท่าจะวิ่งไปจับเธอโยนลงไปในนาแทน แต่เธอก็รีบวิ่งไปแอบอยู่หลังลุงคำ ที่กลับมาพร้อมกับถังฉีดและน้ำยาฉีดเพลี้ยก่อน ทำให้เขมินท์จะต้องหยุดแล้วก็หันไปบอกลุงคำเรื่องการใช้ยาฉีดเพลี้ยแทน

“ไหนขอข้าวดูก่อนได้มั้ยคะลุงคำว่ามันกลิ่นแบบไหน”
เธอถามลุงคำแล้วก็ยกเอายาฉีดเพลี้ยมาเปิดฝาแล้วก็ดม ๆ ดู
“หยี เหม็นจังเลย” เธอพูดแล้วก็รีบยื่นขวดยากลับให้ลุงคำ
“นี่คุณใครเขาให้เอาไปดมใกล้ ๆ จมูก เดี๋ยวก็เมากันพอดี ขนาดคนฉีดเขายังต้องหาผ้าปิดจมูกเอาไว้เลย คุณไปนั่งรอที่เถียงนาของคุณโน่นเลย อีกหน่อยจะฉีดยาแล้ว เดี๋ยวกลิ่นก็จะโชยไปทั่ว” เขาดุเธอ

“ไปก็ได้ ตุ๋นไปกันเถอะลูก อย่ามาอยู่แถวนี้เลย เดี๋ยวจะโดนงับเอา”
เธอหน้างอ แล้วก็เดินสบัดก้นไปกับเจ้าไข่ตุ๋น แต่ก็เดินแทบจะไม่ถึงเถียงนา เพราะรู้สึกมึน ๆ ที่หัว แล้วก็เวียนศีรษะขึ้นมา เธอต้องใช้ความพยายามที่จะเดินไปให้ถึงเถียงนา เพราะจะได้ไปพักนั่นเอง ร่างเล็ก ๆ ล้มตัวลงนอนไปกับพื้นเถียงนาทันทีที่มาถึง โดยไม่ได้สนใจว่ามันจะมีฝุ่นหรือผงตกอยู่ที่พื้นเหมือนทุก ๆ ครั้ง เพราะอาการเวียนศีรษะเริ่มหนักขึ้น ๆ

“คุณ ๆ คุณเป็นยังไงบ้าง” เขมินท์เขย่าร่างที่นอนขดอยู่
“อืม ฉันเวียนหัวจังเลย ไม่รู้เป็นอะไร” เธอบอกขณะลืมตาไปมองเขา
“จะอะไรซะอีกล่ะ ก็คุณเมายาฉีดเพลี้ยไง ที่หลังอย่าได้ริไปดมมันเข้านะ”
เขาเตือนและไม่ต้องบอกเขารู้ถึงสาเหตุของเธอ

“คุณลุกขึ้นมาก่อน มาล้วงคอให้มันอาเจียน แล้วก็จะดีขึ้นเอง”
เขาบอกและก็พยุงร่างเธอให้ลุกขึ้นมานั่ง แล้วก็หาถุงมาวางตรงหน้าให้เธอได้อาเจียนออกมา
“อืกก ๆ ๆ ๆ ไม่เอาแล้วฉันเหนื่อย” เธอพยายามอาเจียน แต่มันไม่ยอมออก
“พยายามอีกหน่อยคุณ เดี๋ยวก็จะดีขึ้น แล้วผมจะไปส่งบ้าน” เขาบอก
“อืกก ๆ ๆ ๆ ๆ” เธอพยายามอีกครั้ง และก็สำเร็จ

“เอาน้ำล้างปากล้างหน้าหน่อยนะ จะได้ดีขึ้น”
เขากลับมาพร้อมกับขันน้ำส่งให้เธอ แล้วเขาก็จัดการกับถุงอาเจียนของเธอด้วยการฝังในเวลาไม่นานนัก
“ผมจะไปส่งบ้าน คุณเดินไหวมั้ย” เขากลับมาและถามเธอ
“ไหว” เธอรับแล้วก็พยามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืนด้วยความลำบาก
“พยายามหน่อยนะ อีกหน่อยก็ถึงรถแล้ว” เขาบอก ทั้ง ๆ ใจจริงแล้วอยากจะช่วยอุ้มเธอไปที่รถด้วยซ้ำ แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะไม่แน่ใจว่ากว่าเขาจะพาร่างเธอไปถึงรถนั้น จะมีใครผ่านมาพบเข้าหรือไม่ ซึ่งไม่เป็นผลดีกับเธอเลยในสังคมบ้านนอกแบบน “จับมือผมไว้นะ”
เขาทำได้แค่ยื่นมือให้เธอเท่านั้น แล้วก็ค่อย ๆ พาเธอเดินไปจนถึงรถในที่สุด เขาขับรถของเธอไป โดยทิ้งมอเตอร์ไซด์ที่เขาขับมาไว้ที่เถียงนาแทน

ภรัณยามึนศีรษะจนแทบไม่อยากจะเดินลงรถเลย แต่ก็ต้องพยายามโดยมีเขาคอยพยุงให้เดินขึ้นบับไดไปอย่างช้า ๆ เสียงถ้วยชามกระทบกันมาจากในครัว ทำให้เขมินท์รู้ว่าแต๋นคงยุ่งอยู่กับครัว เขาพาเธอนั่งลงกับเบาะที่ใช้เป็นที่รับแขก แต่เธอเลือกที่จะนอนแทนการนั่ง เพราะวิงเวียนจริง ๆ

“คุณข้าวเป็นอะไรคะคุณน้ำ” แต๋นเดินออกมาดู
“เมายาฉีดเพลี้ยหน่ะ แต๋นช่วยเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้คุณข้าวหน่อยเร็ว” เขาบอก
“ค่ะ” แต๋นรับคำและรีบวิ่งเข้าครัว ไม่นานก็ออกมาพร้อมผ้าและกะละมังน้ำ
“คุณ ๆ ผมว่าคุณเข้าไปในห้องดีกว่า แล้วก็ให้แต๋นเช็ดตัวให้หน่อยนะ เปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยเลย จะได้สบายตัวขึ้น”
เขาลงไปนั่งใกล้ ๆ เธอ แต่อีกฝ่ายไม่ได้สนใจคำบอกเล่าของเขาแล้ว เพราะวิงเวียน

“อืก ๆ ๆ ๆ”
อาการคลื่นไส้ขึ้นมาทำให้เธอต้องลุกขึ้นนั่ง แต๋นรีบวิ่งไปหากระโถนมาให้ แล้วอาหารเย็นที่เธอกินไปก็ออกมากองในกระโถนจนหมดสิ้น ร่างบางล้มตัวลงไปนอนกองที่เบาะอีกอย่างคนหมดแรง
“แต๋นเอาผ้ากับกะละมังตามมานะ” เขาบอกก่อนที่จะอุ้มเอาร่างที่อ่อนระทวยของเธอเดินเข้าไปในห้อง
“เสร็จแล้วเรียกฉันนะแต๋น”
เขาบอกเมื่อแต๋นกำลังจะเช็ดตัวให้เจ้านายสาว ก่อนที่ตัวเองจะออกไปรอนอกห้อง ไม่นานแต๋นก็ออกมาพร้อมกะละมัง แต่ไม่เห็นเขมินท์อยู่ที่บ้านแล้ว และรถของเจ้านายก็ไม่อยู่ด้วย แต๋นเข้าไปในครัวเพื่อทำอาหารต่อ ไม่นานเขมินท์ก็กลับมาพร้อมกับยา

“แต๋นเข้ามาในนี้หน่อย เอาน้ำมาด้วย” เขาเดินไปเรียกแต๋นอีกครั้ง เพื่อให้เข้ามาในห้องนอนเธอ เพราะเขาไม่ต้องการที่จะอยู่ตามลำพังกับเธอ แม้จะรู้ว่าแต๋นเป็นคนในบ้านก็ตาม
“คุณกินยานี่นะ จะได้ดีขึ้นหมอที่อนามัยให้ผมมา”
เขาบอกเมื่อพยุงให้เธอลุกขึ้นมานั่ง แล้วก็เอายาป้อนเข้าปากให้เธอ หญิงสาวทำตามแต่โดยดี เพราะอยากจะหาย
“คุณเข่าเป๋นอีหยังน้าน้ำ” ป้าหวางที่เพิ่งกลับจากวัด เดินเข้ามาในห้อง (คุณข้าวเป็นอะไรน้าน้ำ)
“เลาเมายาสีดเพลี้ยตัวป้า” แต๋นตอบแทน (แกเมายาฉีดเพลี้ยหนะสิป้า)

“แต๋นช่วยหาอะไรมาให้คุณข้าวกินหน่อยนะ ข้าวต้มก็ได้ เปิดประตูห้องเอาไว้ด้วย”
เขาบอก เพราะเห็นป้าหวางมาพอดีซึ่งแต๋นก็ทำตามแต่โดยดี
“ป้าหวางยาฟ่าวไป่ไสเด้อคับยูนี่ซะก๊อน” เขาหันไปบอกป้าหวาง ไม่นานแต๋นก็กลับมาพร้อมกับข้าวต้มกุ้งร้อน ๆ
(ป้าหวางอย่าเพิ่งไปไหนนะครับอยู่นี่ก่อน)
“คุณกินข้าวก่อนนะจะได้ดีขึ้น แล้วค่อยนอนพัก”
เขาเขย่าแขนเธอเบา ๆ ทำให้เธอลืมตาขึ้นมาดูแล้วก็ส่ายหน้าว่าไม่อยากจะกิน

“ไม่ได้หรอก กินก่อนแล้วค่อยนอน อย่าดื้อนะไม่งั้นผมจะจับคุณไปนอนโรงพยาบาลแทนเลือกเอา”
เขาขู่ จนเธอต้องลุกขึ้นมา เพราะไม่อยากจะไปนอนโรงพยาบาล อาหารถูกเธอตักเข้าปากสามสี่คำแล้วก็ล้มตัวลงนอนไปอีก ซึ่งครั้งนี้เขาไม่ว่าอะไรปล่อยให้เธอนอนตามสบาย
“หมอบอกว่าอีกหน่อยก็จะดีขึ้น วิ่งป๋อ บ่นเก่งได้เหมือนเดิม แต๋นดูคุณข้าวอยู่ใกล้ ๆ ก็แล้วกัน มีอะไรก็โทรตามฉันนะ”
เขาหันมาบอกแต๋นกับป้าหวางที่มีสีหน้าห่วงเจ้านายอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่จะออกจากห้องและลงเรือนไป เพราะต้องกลับไปดูงานของตัวเองตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติเพราะเขาขับรถเธอออกไป

เสียงโทรศัพท์ที่บ้านดังขึ้นเป็นระยะ ๆ หลังจากที่เขาขับรถหายออกไปจากบ้าน แต๋นทำหน้าที่คอยรับโทรศัพท์และตอบคำถามของเขาซึ่งก็จะเป็นคำถามเดิม ๆ คืออาการของเจ้านายสาวแต๋นเป็นยังไงบ้าง กินยาหรือยัง กินข้าวหรือยัง พูดจ้อบ้างหรือยัง เขาจะถามอยู่แบบนี้ตลอดจนเกือบจะหมดวัน

“เป็นยังไงบ้างคะคุณข้าว ค่อยยังชั่วหรือยังคะ” แต๋นเดินเข้ามาในห้อง เห็นเจ้านายสาวลุกขึ้นจากเตียงได้ก็ดีใจ
“อืม ค่อยยังชั่วแล้วล่ะคุณแต๋น ไม่เหมือนเมื่อเช้านี้ มันจะตายให้ได้เลย ไม่รู้มาก่อนนะว่าไอ้ยาฉีดเพลี้ยนี้มันจะแรงขนาดนี้ ฉันขอผ้าเช็ดตัวหน่อยนะ จะไปอาบน้ำ นอนมาทั้งวันแล้ว” เธอบอก
“ดีเลยค่ะ คุณข้าวหิวหรือเปล่าคะ แต๋นจะได้ไปจัดอาหารเอาไว้ให้ ตอนเที่ยงก็กินไปหน่อยเดียว มีคนโทรมาบอกแต๋นว่าให้บอกให้คุณข้าวกินข้าวเยอะ ๆ และก็จะได้กินยาค่ะ” แต๋นบอกและยิ้มออก

“ใครล่ะ” “ก็คนที่พาคุณข้าวกลับบ้านหน่ะสิคะ วันนี้โทรมาทั้งวันเลยค่ะ ถามถึงแต่อาการคุณข้าว”
“เชอะ กลัวฉันจะไปฟ้องคุณลุงล่ะสิท่า ฉันขอเสื้อผ้าชุดใส่สบาย ๆ ที่สุดนะคุณแต๋น”
เธอบอกแล้วก็หายเข้าไปในห้องน้ำ เธอก็ใช้เวลากับการชำระล้างร่างกาย และทาครีมบำรุงผิวนานกว่าปกติ พอกลับออกมาข้างนอกก็พบว่าเขานั่งรออยู่ที่ชุดรับแขกแล้ว ไม่ทันที่เธอจะได้ถามอะไร เขมก็ขึ้นบันไดบ้านขึ้นมาอีกคน

“หนูข้าวเป็นยังไงบ้าง เจ้าน้ำมันบอกลุง ก็อดห่วงไม่ได้ต้องรีบมาดู ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้นจะได้พาไปโรงพยาบาล”
เขมบอกขณะเดินมานั่งที่ชุดรับแขกใกล้ ๆ ลูกชาย
“ข้าวหายแล้วค่ะคุณลุง ขอบคุณมาก ๆ นะคะ” เธอไหว้เขมและเดินไปนั่ง
“ลุงเอานี่มาเยี่ยมไข้แหนะ” เขมบอกแล้วก็ยกถุงที่ถือติดมือมายื่นให้เธอ
“โอ้โห คุณลุงรู้ได้ยังไงคะว่าข้าวชอบกิน ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ กำลังอยากกินพอดีเลย”
เธอไหว้เขาเป็นคำรพที่สอง เพราะของฝากที่เขมส่งให้นั้น ก็คือสตอเบอร์รี่ลูกแดง ๆ โต ๆ ที่ปกติเธอจะมีติดบ้านเอาไว้ให้แต๋นทำน้ำปั่นให้ดื่มประจำนั่นเอง แต่พอดีมันหมดยังไม่ได้ไปซื้อ ทำให้เขมินท์มองเธอแล้วก็อดขำไม่ได้ ที่ดีใจกับของฝากจนเกินเหตุ

“เอ่อ...ลุงก็ไม่รู้หรอกว่าหนูข้าวจะชอบ เห็นมันน่ากินก็เลยซื้อมา ดีใจจังที่เป็นของชอบของหนู แล้วนี่กินอะไรหรือยัง เย็นมากแล้วจะได้กินยา” เขาเตือนด้วยความห่วง
“ยังเลยค่ะคุณลุง แต๋นคงกำลังทำอาหารอยู่ เอ่อ...คุณลุงมีธุระะที่ไหนหรือเปล่าคะ ถ้าไม่มีก็ทานข้าวกับข้าวนะคะ ข้าวรู้สึกคิดถึงแม่ป้าขึ้นมาพอดี ถ้าได้กินข้าวกับคุณลุงคงจะดีขึ้นค่ะ”

“นี่คุณแล้วมันเกี่ยวอะไรกัน คิดถึงแม่ป้าแต่จะกินข้าวกับพ่อผม มั่วนิ่มนะคุณนี่” เขาอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะแย้งเธอ
“อ้าว ฉันก็รู้สึกของฉันอย่างนี้นี่ แล้วคุณมาเกี่ยวอะไรด้วย ฉันไม่ได้ชวนให้คุณกินข้าวด้วยสักหน่อย”
“ไม่เกี่ยวได้ยังไงก็นี่พ่อผม” “แต่คุณลุงจะกินข้าวกับฉันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณเลย”
“อืม ให้มันได้ยังงี้สิ ทีเมื่อเช้านะ หน้านี่ห้อยเหมือนค้างคาว ตัวอ่อนปวกเปียกเหมือนผักลวก พออาการดีหน่อยก็ปากดี รู้อย่างนี้นะ จะปล่อยให้นอนอ๊วกอยู่เถียงนาให้เข็ด” เขาว่า

“คุณไม่ต้องมาทวงบุญคุณฉันเลย เอาเป็นว่าฉันเลี้ยงข้าวเย็นคุณมื้อนี้ก็ได้ จะได้ไม่ต้องมาทวงทีหลัง”
“คุณลุงคะ เห็นมั้ยคะว่าลูกชายคุณลุงหน่ะ คอยแต่จะทวงบุญคุณข้าวนะคะ ไปช่วยข้าวปลูกถั่วเขียวก็ทวงบุญคุณ ช่วยข้าวเมื่อเช้าก็ทวงบุญคุณ แถมสด ๆ เลยนะคะ เมื่อเช้านี้ลูกชายคุณลุงบอกให้ข้าวไปหาคนมาเก็บเมล็ดถั่วเขียวเองค่ะ เพราะว่าตอนเก็บนี่จะยุ่งยากกว่าตอนหว่าน เขาบอกว่าเขาไม่ช่วยเก็บ เพราะช่วยหว่านแล้ว” เธอได้โอกาสรีบฟ้องทันที

“เฮ้อ ผมว่าคุณกลับไปป่วยเหมือนเมื่อเช้าดีกว่านะ” เขาว่า
“เห็นมั้ยคะคุณลุง มาแช่งให้ข้าวป่วยอีกค่ะ” เธอย่นจมูกใส่เขาด้วยความหมั่นไส้
“ใครว่าผมแช่ง ที่ผมอยากจะให้คุณกลับไปป่วยก็เพราะว่า คุณไม่พูดมาก ไม่จู้จี้จุกจิก ว่านอนสอนง่าย ให้กินยาก็กิน ให้นอนก็นอน ให้อาเจียนก็อาเจียนต่างหาก คุณพ่อดูนะครับ ผมแค่พูดไปหน่อยเดียวนะ หนูข้าวของคุณพ่อนี่ต่อไปซะยาวเลย ทีนี้ก็ไม่ต้องมาบ่นผมนะครับว่าทำไมผมไม่ยอมมาดูแล ปากอย่างนี้น่าดูแลตายล่ะ” เขาหันไปหาพ่อแล้วก็หันมายื่นปากใส่เธออีก

“นี่คุณ...”
“เอาล่ะ ๆ พอกันได้แล้วทั้งสองคน เป็นยังไงกันนะเจอกันทีไรเป็นเถียงกันทุกที เจ้าน้ำนี่ก็อะไรไม่รู้ ตั้งหน้าตั้งตาเถียงน้องอยู่นั่นล่ะ ไม่เคยเปลี่ยนเลยตั้งแต่เล็กจนโต จำไม่ได้เหรอที่น้าฑลฝากน้องไว้หน่ะ” เขมหันไปหาลูกชาย
“หือ คุณพ่อครับ ถ้าผมรู้ว่าจะปากกล้าขนาดนี้ จ้างให้ก็ไม่รับฝากหรอกครับ”
“คุณลุงดูสิคะนี่ขนาดต่อหน้าคุณลุงนะคะ ข้าวพูดอะไรไม่ได้ เขาจะคอยมากระแนะกระแหนข้าวตลอดเลยค่ะ”
เธอบอกและยิ้มพร้อมกับยักคิ้วใส่เขาด้วยความสะใจ ที่มีคนเข้าข้าง

“ฝากไว้ก่อนนะแม่คุณ ทีหลังจะเอาคืนให้เข็ดเลยไม่เชื่อคอยดู” เขาคิดไว้ในใจ

“อ้าว แต๋นวันนี้ทำอะไรกิน ฉันกับคุณน้ำจะฝากท้องไว้ด้วยนะ” เขมบอกเมื่อแต๋นเดินมาจากในครัว
“วันนี้แต๋นกับป้าหวางกำลังจะทำลาบไก่ค่ะ คุณข้าวคะ จะกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ” แต๋นถามเจ้านาย
“งั้นผัดผักใส่กุ้งให้ฉันอีกอย่างก็พอนะคุณแต๋น แล้วลุงคำกลับมาหรือยัง ไม่รู้วันนี้แกเมายาเหมือนฉันหรือเปล่า”
เธออดห่วงลุงคำไม่ได้

“ใครเขาจะไปเมาเหมือนคุณล่ะ ลุงคำนี่แกฉีดยาฆ่าแมลงมาตั้งแต่คุณยังไม่เกิดด้วยซ้ำ” เขาเริ่มอีกแล้ว
“ยุ่งไม่ได้ถามคุณ คุณลุงจะดื่มเบียร์หรือเปล่าคะ ข้าวจะให้แต๋นไปซื้อมาให้” เธอหันไปถาม
“ไม่ต้องหรอกลูก ไหนขอลุงชิมหน่อยซิ เจ้าสตอเบอร์รี่นี่มันอร่อยยังไง ทำไมเราถึงได้ชอบจังเลย”
เขมถาม เพราะอันที่จริงคนที่ฝากมาให้นั้นไม่ใช่เขา แต่เป็นมณฑาต่างหากที่ซื้อและฝากเขามาตั้งแต่เมื่อวาน แต่เขายังไม่อยากจะให้ใครรู้เรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขาและมณฑา เพราะมันไม่เป็นการดีเลย ยิ่งคนรู้มากก็ยิ่งวุ่นวาย เหมือนเมื่อยี่สิบปีที่แล้วอีก









 

Create Date : 03 ตุลาคม 2551
3 comments
Last Update : 3 ตุลาคม 2551 7:40:03 น.
Counter : 351 Pageviews.

 

อ่าน 3 ตอนเลยยังสนุกเหมื่อนเดิมเมื่อไหร่พี่น้ำกับหนูข้าวจะรักกันสักทีอ่ะ

 

โดย: ชะเอม IP: 125.24.137.139 3 ตุลาคม 2551 11:08:40 น.  

 

แล้วเมื่อไหร่หนูข้าวก็คุณน้ำจะปรองดองกันซะทีคะ ลุ้นอยู่นะ

 

โดย: น้องค่ะ (หนึ่งมณี ) 3 ตุลาคม 2551 11:46:21 น.  

 

ความรักของทั้งสองจะค่อย ๆ ปลูกและเติบโตไปเรื่อย ๆ ค่ะ อยากจะให้ออกคล้าย ๆ กับชีวิตจริง ๆ ของเรา ๆ ท่าน ๆ

ที่กว่าจะรักใครสักคน ก็ต้องค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปค่ะ

ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ คุณหนึ่งและคุณชะเอม
ที่ติดตาม

ทั้งสองคนสบายดีนะคะ

 

โดย: ธัญญะ 4 ตุลาคม 2551 7:13:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.