Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
9 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 

ร้อยรวงใจ ๒๙ (ธัญรัตน์)




“นี่งานพิเศษที่คุณเจตน์บอกคือให้ผมไปหาทางขัดขวางคุณข้าวไม่ให้ทำนาจนได้ข้าวเองหรอกเหรอครับ แล้วทำไมต้องทำแบบนี้ด้วยล่ะครับ” จ่อยถามทันทีที่ถูกเจตน์เรียกให้ไปพบแล้วก็บอกถึงเหตุผลที่แท้จริง
“นายไม่ต้องรู้ แค่ไปทำตามที่ฉันบอกก็พอ จะทำยังไงก็ได้ ที่จะให้ยายข้าวทำนาไม่สำเร็จตามที่พินัยกรรมระบุเอาไว้”
เจตน์บอกด้วยน้ำเสียงที่ดุกว่าปกติ เพราะไม่ชอบให้ใครมาถามซอกแซก แต่ก็ต้องทนเพราะเขามองเห็นแค่จ่อยคนเดียวเท่านั้น ที่พอจะทำงานให้เขาได้

“ผมว่าตอนนี้คงจะทำอะไรไม่ได้หรอกครับคุณเจตน์”
เขาบอกด้วยใบหน้าที่เจื่อน ๆ เพราะรู้สึกกลัวเจตน์ขึ้นมา
“ทำไมล่ะ มันติดอะไร ช่วยบอกให้ฉันรู้หน่อยซิ”
“ก็เมื่อวานผมเพิ่งจะคุยกับเมียมา รู้ว่าคุณข้าวเพิ่งจะหว่านข้าวไปเอง มันไม่มีลู่ทางที่จะทำให้ข้าวเสียหายได้เลยครับ แล้วผมก็ไม่รู้ด้วยว่าจะหาวิธีไหนมาทำ คุณเจตน์ไม่ได้บอกผมไว้แต่เนิ่น ๆ ผมขอไปคิดก่อนจะได้มั้ยครับ” จ่อยบอกตามตรง

“ทำไมมันยากเย็นขนาดนั้นเลยเหรอ กับอีแค่ไปทำให้ข้าวในนามันตาย หรือไม่ก็ทำให้มันไม่ได้ผลผลิตนี่”
เขาชักจะหงุดหงิดเพราะจ่อยให้คำตอบที่ไม่ได้ดังใจ
“มันก็พอจะมีวิธีอยู่หรอกครับคุณเจตน์ แต่เราจะทำตอนนี้ไม่ได้ เพิ่งจะหว่านข้าว ผมมองไม่เห็นทางที่จะทำให้มันตายได้ หรือถ้ามีวิธีทำได้ เดี๋ยวคุณข้าวก็ต้องมาหว่านซ่อมอยู่ดี สู้รอสักพักให้ข้าวมันโตกว่านี้หน่อย คงจะพอมีวิธีให้ลงมือได้บ้างครับ หรือถ้าไม่อย่างนั้นก็รอให้ธรรมชาติเป็นคนลงมือแทนเราก็ได้” จ่อยแนะ

“ยังไง” เขาเริ่มจะพอใจในคำตอบของจ่อยแล้ว
“ก็ถ้าฝนตกหนัก ๆ ก็อาจจะน้ำท่วมทำให้ข้าวตายได้ หรือไม่ก็ฝนไม่ยอมตกข้าวก็อาจจะแห้งตายได้เหมือนกันไงครับ”
“แล้วถ้ามันไม่เป็นอย่างที่นายว่าล่ะ” เขาสงสัย
“โอย มันต้องมีทางสิครับ ไม่อย่างนั้นชาวนาก็ทำนารวยกันหมดสิครับ เอาไว้ให้ผมหาวิธีได้แล้วผมจะบอกคุณเจตน์ก่อนลงมือก็แล้วกันนะครับ แล้วบางทีผมอาจจะต้องไปสำรวจที่บ้านด้วยตัวเอง แล้วผมเบิกค่าใช้จ่ายได้หรือเปล่าครับ”
จ่อยทำเสียงอ่อย ๆ แต่ก็ต้องถาม เพราะมีเรื่องเงินมาเกี่ยวข้อง ซึ่งเขาจำเป็นจะต้องรู้ให้แน่นอน

“ได้ทุกอย่าง แต่ต้องทำงานให้สำเร็จนะ” เขาบอก
“ครับ แล้วถ้าผมทำไม่สำเร็จล่ะครับคุณเจตน์” จ่อยไม่วายเป็นกังวล
“เอาไว้ให้มันถึงเวลาก่อนก็แล้วกัน แต่มันไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก ฉันไม่ใช่คนใจดำอะไร ที่ฉันให้ทำแบบนี้ฉันก็มีเหตุผลของฉัน แต่ฉันรับรองว่าไม่มีใครจะได้รับอันตรายจากงานนี้หรอก อย่างมากนายก็อาจจะตกงานแค่นั้น ถ้าทำไม่ถูกใจฉัน เพราะฉะนั้นก็ตั้งใจทำตามที่ฉันสั่งให้ดี ๆ หมดธุระะแล้วไปทำงานต่อได้ และอย่าลืมนะ ห้ามให้ใครรู้เด็ดขาด”
เขากำชับจ่อยอีกครั้ง



โสภณและนาถยามองลูกสาวที่เดินลงมาจากชั้นบนอย่างคนอารมณ์ดี เพราะฮัมเพลงยอดฮิตลงมาด้วย ทั้งสองมองหน้ากันด้วยความสงสัย เพราะเห็นการแต่งตัวของลูกสาวเหมือนจะไปออกรบที่ไหนก็ไม่ปาน
“อะไรกันจ๊ะยายโอ๊ะ จะไปไหนทำไมแต่งตัวซะมิดชิดขนาดนั้น แล้วพี่เราล่ะตื่นนอนหรือยัง”
นาถยาถามลูกสาวด้วยความสงสัย เพราะเห็นใส่กางเกงขายาวเสื้อแขนยาว แล้วยังมีหมวกไปเบ่อเร่อติดมือมาด้วยอีก
“โอ๊ะจะไปช่วยพี่น้ำหว่านข้าวค่ะ มัวแต่ยุ่ง ๆ เลยไม่ได้ไปช่วยเลย สายมากแล้วไม่รู้พี่อ่องมัวทำอะไรอยู่ กว่าจะไปซื้อแหนมเนืองอีก” เธอตอบก่อนที่จะเดินมานั่งใกล้ ๆ พ่อและแม่

“อ้าวเหรอ แล้วพี่เราก็จะไปด้วยกันรึไง ตั้งแต่กลับมาบ้านนี่ ยังไม่ได้อยู่กับพ่อกับแม่สักเท่าไหร่เลยนะ วัน ๆ ก็ทำแต่งานพอตกเย็นก็ไปหาเพื่อน พอวันหยุดก็ไปโน่นไปนี่เรื่อยเลย”
นาถยาอดบ่นลูกชายคนโตไม่ได้ เพราะตั้งแต่จบโทมาจากอเมริกาได้ไม่กี่วัน ก็สอบเข้าไปทำงานที่อำเภอได้ จึงไม่ค่อยมีเวลาให้พ่อแม่สักเท่าไหร่
“โอยคุณแม่คะ โอ๊ะบอกพี่อ่องแล้วนะคะว่าให้อยู่กับคุณพ่อคุณแม่ แต่พี่อ่องสิคะ พอรู้ว่าแถวนั้นมีสาว ๆ สวย ๆ ก็อยากจะไปเที่ยวบ้างค่ะ แต่เอาพี่น้ำมาบังหน้าค่ะ บอกว่าไม่เจอพี่น้ำตั้งนานแล้ว อยากจะไปเที่ยวหาคิดถึง” สมิตารู้ทันพี่ชาย

“แอบนินทาพี่อีกแล้วนะยายโอ๊ะ”
ดนัยรีบขัดคอน้องสาวขณะที่ตัวเองแทบจะวิ่งลงมาตามบันได เพราะรู้ว่าเลยเวลานัดของน้องสาวไปหลายนาทีแล้ว
“ใครว่านินทาเค้าพูดให้ได้ยินต่างหาก เสร็จหรือยังเร็ว ๆ เข้า เดี๋ยวเค้าต้องไปซื้อของอีก”
สมิตาที่มีอายุน้อยกว่าพี่ชายแค่สองปีจึงเหมือนเพื่อนกันมากกว่าจะเป็นพี่กับน้อง
“เดี๋ยวตาอ่อง ตั้งแต่กลับมาแล้วก็ตะลอน ๆ ไปทั่วเนี๊ยะ พาน้องเฟิร์นไปเที่ยวที่ไหนบ้างหรือเปล่า เมื่อกี้ยายโอ๊ะบอกว่ามีสาว ๆ สวย ๆ นี่มันใครที่ไหนกัน อย่าเที่ยวไปสุงสิงกับผู้หญิงส่งเดชนะ ผิดผีลูกบ้านไหนมาแม่ไม่รับเป็นสะใภ้นะจะบอกให้ สะใภ้แม่จะต้องเป็นหนูเฟิร์นคนเดียวเท่านั้น” นาถยามักจะบอกลูกชายเสมอ ๆ

“โธ่คุณแม่ครับ ให้ผมได้ใช้ชีวิตโสดของผมบ้างสิครับ ผมเพิ่งจะอายุแค่นี้นะ ให้ผมได้บริหารความหล่อบ้าง ส่วนเรื่องน้องเฟิร์นเอาไว้ทีหลังก็แล้วกันนะครับ” ดนัยมักจะบอกมารดาแบบนี้เสมอ ๆ ตั้งแต่ที่ตัวเองยังไม่ไปเรียนต่อโทด้วยซ้ำ เพราะเขายังไม่อยากจะเอาชีวิตโสดไปผูกติดไว้กับการแต่งงานก่อนวัยอันควร
“อย่ามามั่วนิ่ม น้องเฟิร์นเรียนจบและทำงานแล้ว พ่อแม่เขาก็อยากจะให้เราให้ความมั่นใจ ฉันจะบอกให้นะว่าลูกผู้ว่าฯ ไม่มีให้เราเลือกบ่อย ๆ หรอกนะ แม่ขอห้ามว่าอย่าไปทำอะไรที่แม่กับพ่อไม่ชอบ ไม่งั้นได้เห็นดีกัน”
นาถยาต้องขึ้นเสียงกับลูก

“เฮ้อ คุณพ่อครับช่วยหน่อยสิครับ” เขาโอดครวญกับพ่อ
“ไปกันเถอะลูกสายมากแล้ว ทางนี้พ่อจะจัดการเอง” โสภณให้ทางลูก ๆ
“คุณนี่อย่างนี้ทุกทีเลย แทนที่จะช่วยกันสั่งสอนลูก กลับให้ท้ายแบบนี้ คอยดูนะไปคว้าผู้หญิงข้างถนนมาทำเมียฉันจะไม่ไปบายศรีให้มันจริง ๆ ด้วย แล้วคุณก็เตรียมย้ายไปอยู่อำเภออื่นได้เลย ท่านผู้ว่าฯ ไม่เก็บคุณไว้หรอก” นาถยาเอ็ดสามี
“แม่คะอย่าบ่นนักเลยค่ะ งั้นเราไปก็เถอะพี่อ่องเค้าสายมากแล้ว ไปนะคะคุณพ่อคุณแม่”
สมิตารีบไหว้พ่อแม่และดึงแขนพี่ชายให้วิ่งออกจากบ้านทันที เพราะขืนอยู่นาน ๆ มีหวังได้ฟังเทศนากัณฑ์ใหญ่แน่ ๆ

“เฮ้อ หูชาเลย เพราะเราคนเดียวแท้ ๆ เลย” ดนัยเอามือไปเขกศีรษะน้องสาวที่นั่งรถมาด้วย
“นี่มาเขกหัวเค้าทำไม ตัวเองโชคร้ายเอง ช่วยไม่ได้ แล้วยายเฟิร์นไม่ดีตรงไหนถึงไม่ค่อยอยากจะไปหานัก”
สมิตาบ่นพี่ชายอีกคน
“ไม่ใช่ไม่อยากไปหา แต่พี่แค่ยังไม่อยากจะแต่งงานตอนนี้นี่นา ชีวิตคนเรามันต้องเจออะไรอีกมากมาย ไม่เห็นจะต้องรีบจับแต่งเลย ยายเฟิร์นเองก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร พี่ไปหาอาทิตย์ที่แล้วยังคุยกันดี ๆ อยู่เลย ว่าที่พ่อตาก็ไม่ได้ว่าอะไร”
“แล้วไอ้ที่บอกว่า ชีวิตคนเรามันต้องเจออะไรอีกมากมาย นี่หมายถึงสาว ๆ อีกมากมายหรือเปล่าล่ะ” น้องสาวรู้ทัน

“แหม เรานี่แกแดดอีกแล้วนะ แล้วตกลงมีสาวสวย ๆ จริง ๆ เหรอ”
เขาถามน้องสาว เพราะสมิตาเคยเล่าให้ฟังเรื่องความสวยของภรัณยาจนทำให้เขาอยากจะมาเห็น แต่ก็ไม่มีโอกาสสักที เพราะน้องสาวตัวดีไม่ว่างพามา ครั้นจะมาเองก็คงจะเข้าไม่ถึงตัวสาวเจ้า เพราะไม่รู้จักกัน
“มีสวย ๆ จริง แต่ไม่รู้ว่าจะได้เจอหรือเปล่านะ ไม่รู้ว่าตอนนี้พี่น้ำหว่านข้าวที่นาคุณข้าวหรือว่านาตัวเองอยู่ โอ๊ะก็ลืมโทรไปถาม แต่ถ้าไม่เจอที่นาเราก็ไปเที่ยวหาที่บ้านได้ แต่ตอนนี้ไปซื้อแหนมเนืองก่อน” เธอให้ความหวังพี่ชาย

บรรยากาศที่ท้องทุ่งนาวันนี้ค่อนข้างจะคึกคักเป็นพิเศษ อากาศก็ครึ้มฟ้าครึมฝนกำลังพอดี หลังจากอาหารเช้าเสร็จทุกคนมีใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสกว่าหลาย ๆ ตั้งแต่ได้กรำแดดกรำฝนมายี่สิบกว่าวันแล้ว วันนี้ทั้งหมดหวังจะปิดงานหว่านข้าววันสุดท้าย
ทุกคนเดินลงจากบ้านของเขมินท์ไปที่หน้านา เพราะทิศทางการหว่านนั้น เขาใช้วิธีหว่านจากเถียงนาของเขาไล่ลงมาทางบ้านที่ติดกับที่นาอีกฟากหนึ่ง เพื่อที่จะได้สะดวกในการเก็บรถไถและอุปกรณ์หนักอื่น ๆ

ภรัณยาพร้อมมณฑามาช่วยเขมินท์แทบจะทุกวัน แต่ไม่ต้องมาแต่เช้ามืดเหมือนตอนที่หว่านที่นาตัวเอง แล้วก็ไปช่วยหว่านเป็นพัก ๆ พอเหนื่อยหน่อยเธอก็จะคอยป่วนเขาและคนอื่น ๆ ให้ทุกคนพอได้เสียงหัวเราะบ้าง ป้าหวางกับลุงคำนั้นมาทำงานตามปกติ เพราะทุก ๆ ปีทั้งสองก็จะผูกขาดเป็นลูกจ้างชั่วคราวจนเกือบจะเป็นประจำให้กับเขาอยู่แล้ว เพราะเขามีงานทำนาให้คอยรับจ้างเกือบจะทั้งปี ส่วนเจนจิราและเชอร์รี่อยู่ช่วยหว่านข้าวที่นาของเพื่อนรักจนเสร็จจึงกลับไปดูร้านเบเกอร์รี่ต่อ

“ยายข้าวทำไมวันนี้ไม่คลุมหน้าไว้ล่ะลูก เดี๋ยวหน้าก็ดำหรอก” มณฑาเตือนหลานสาวด้วยความห่วง
“แม่ป้าคะวันนี้ไม่มีแดดหรอกค่ะ รับรองว่าหน้าข้าวไม่ดำหรอก” เธอหันไปบอกแม่ป้าที่หว่านถัดจากเธอไป
“หน้าดำขึ้นมาจนหาแฟนไม่ได้ จะมาโทษว่าแม่ป้าไม่เตือนไม่ได้นะ”
“โธ่แม่ป้าคะ อย่างข้าวนี่เขาเรียกว่าสวยเลือกได้อยู่แล้วค่ะ ไม่มีวันที่จะหาแฟนไม่ได้หรอกค่ะ”
เธอบอกด้วยความมั่นใจจนทำให้เขมที่หว่านข้าวต่อจากมณฑาถึงกับหัวเราะออกมา

“นั่นสิคุณมณ อย่างหนูข้าวนี่ผมว่าไม่น่ากลัวว่าจะหาไม่ได้นะ น่าจะกลัวว่าจะมีมาให้เลือกเยอะเกินไปมากกว่า”
เขาออกความเห็น เพราะรู้สึกเอ็นดูเด็กคนนี้จริง ๆ เลย ยิ่งได้อยู่ทำงานใกล้ ๆ ติดต่อกันมาหลาย ๆ วันแบบนี้แล้ว ทำให้เขาชอบในความเป็นคนที่ตรงไปตรงมาของเธอไม่น้อยเลยทีเดียว
“ช่างเฟิร์มซะไม่มีนะ สวยเลือกได้” เขมินท์บ่นเบา ๆ แค่นั้น เพราะทนฟังคนขี้โม้ไม่ไหวจริง ๆ
“นี่คุณฉันได้ยินนะ ว่าอะไรฉัน” เธอแขวะเขา “อ้าว ถ้าได้ยินแล้วมาถามผมอีกทำไมกัน” เขาย้อน

“ฉันคุยกับแม่ป้าอยู่ดี ๆ มายุ่งทำไมไม่ทราบ งานของตัวเองหน่ะรีบ ๆ ทำเข้าไป วันนี้คุณต้องท่องเอาไว้ว่า ๖๐ ไร่ขึ้น อย่าลืมนะว่าฉันยังมีอีกเจ็ดร้อยไร่รออยู่อีก นี่คุณโชคดีมาก ๆ นะรู้มั้ย ที่มีลุงคำ ป้าหวาง คอยแสตนบายอยู่ แล้วก็โชคดียกกำลังสอง ที่มีฉัน กับแม่ป้ามาช่วยหว่านและแต๋นมาช่วยทำกับข้าวให้แบบนี้ ถ้าคุณต้องทำเองคิดเองทุกอย่างล่ะก็ จ้างให้ก็ไม่มีทางเสร็จ”
เธอล้อเลียนคำพูดของเขา ที่เฝ้าพูดกรอกหูเธอจนหูแทบชา ตลอดระยะเวลาที่ต้องหว่านข้าวให้เสร็จ
“ล้อเลียนเหรอ เดี๋ยวเจอดีแน่” เขามองไปยังเธอที่ทำหน้ายียวนใส่เขาด้วยความสนุก

“ก็รึไม่จริงล่ะ ดูซะก่อนซิ ว่าชาวบ้านเขาหว่านไปถึงไหน ๆ แล้ว ตัวเองยังรั้งท้ายคนอื่นอยู่ คุณนี่ไม่สมกับเป็นเจ้าของนาเลยนะ เขามีแต่เจ้าของจะต้องเป็นหัวเรี่ยวหัวแรง แต่ดูคุณซิ อาศัยแต่แรงคนอื่น อายหน่ะสะกดเป็นมั้ย ถ้าไม่เป็นจะให้คุณโอ๊ะมาช่วยสอนให้ แหวะ ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ” เธอพูดแล้วก็แลบลิ้นใส่เขาพร้อม ๆ กับหัวร่อชอบใจ
“ยังไม่ยอมหยุดอีก แบบนี้ต้องเจอดีแน่ ๆ นี่ไงดูนี่สิ ว่านี่มันอะไรเอ่ย เอ้าให้ เป็นรางวัลที่มาช่วยงาน”
เขาว่าแล้วก็เดินไปหาเธอมือก็ถือบางอย่างซ่อนไว้ข้างหลัง แล้วก็ไปยื่นใกล้ ๆ หน้าเธอ

“อะไร ว๊าย งู ๆ ๆ ๆ แม่ป้าช่วยด้วยค่ะ อีตาบ้า เอาไปไกล ๆ นะ”
เพียงแค่ได้เห็นสิ่งในมือของเขา ที่ยื่นไปตรงหน้าให้เธอเท่านั้น ถังข้าวบนบ่าก็ถูกทิ้งอย่างไม่สนใจ แล้วเธอก็วิ่งจนโคลนราบไปเป็นแถบ ๆ เพราะความกลัว
“ยายข้าวเป็นอะไร ว๊าย งู ๆ ๆ ๆ ๆ”
มณฑาตกใจที่เห็นหลานวิ่งแต่แรกอยู่นั้น แต่พอเห็นสิ่งที่อยู่ในมือของเขมินท์แล้ว ก็กลัวจนวิ่งหนีไม่แพ้หลานสาวเลย ทั้งสองพากันวิ่งไปหลบอยู่ข้าง ๆ เขม ทำให้ทุกคนทั้งขำและตกใจไปตาม ๆ กัน
“เจ้าน้ำเล่นอะไรไม่รู้เรื่อง ดูสิน้ามณกับหนูข้าวกลัวกันหมดแล้ว โยนทิ้งเดี๋ยวนี้นะ”
เขมดุลูกชาย เพราะเห็นสองป้าหลานกลัวจนน้ำหูน้ำตาไหลไปตาม ๆ กัน

“ผมขอโทษครับคุณน้า” เขมินท์ยกมือไหว้มณฑาทั้ง ๆ ที่เจ้างูยังคงอยู่ในมือเขาอยู่ มณฑาได้แต่พยักหน้าให้
“มันเป็นงูสาครับ ไม่มีพิษสงอะไร เรามักจะพบมันบ่อย ๆ ในนาข้าว แล้วอีกอย่างมันก็ตายแล้ว คงจะโดนรถไถเหยียบมั้ง พ่อบอกให้เอาไปทิ้งไงเจ้าน้ำ โตแล้วนะเราเล่นไม่ดูหน้าดูหลังเลย”
เขาบอกมณฑาและหันไปดุลูกชายอีกครั้ง แล้วเขมินท์ก็โยนเจ้างูทิ้งไปจนสุดกู่
“อีตาบ้า คอยดูนะฉันจะเอาคืนให้เข็ดเลยไม่เชื่อคอยดู”
เธออาฆาตเขาไว้ด้วยน้ำเสียงที่เบาเมื่อกลับมาหน้านาตัวเอง เพราะไม่อยากจะให้ผู้ใหญ่ได้ยิน
“ฮ่า ๆ ๆ ทีหลังห้ามมาล้อเลียนอีกนะ อันนี้มันของตาย แต่ต่อไปรับรองว่าดิ้นได้ด้วย”
เขาเองก็บอกเบา ๆ ด้วยเหตุผลที่ไม่ต่างจากเธอ และก็ลอบยิ้มให้เธอด้วยความสะใจที่เห็นเจ้าหล่อนวิ่งจนโคลนราบ

“พี่น้ำคะ คุณลุงคะ” เสียงสมิตาร้องมาจากเขตบ้าน
“อ้าวหนูโอ๊ะ แล้วมากับใครล่ะนั่น” เขมมองไปแล้วก็เห็นสมิตายืนอยู่กับใครบางคนที่ในมือมีถุงเต็มสองมือ
“อ๋อ มากับอ่องครับคุณพ่อ น้องโอ๊ะบอกว่ากลับมาได้จะถึงเดือนแล้ว แต่ไม่ได้มาหาเรา” เขมินท์บอกแล้วก็วางถังข้าวไว้พร้อมกับเดินขึ้นไปหาสองพี่น้องทันที เพราะเป็นมารยาทเจ้าบ้านที่ดีที่จะต้องไปต้อนรับแขกที่มาเยือน
“สวัสดีค่ะคุณลุง คุณน้ามณ วันนี้โอ๊ะกับพี่อ่องจะมาช่วยปิดงานด้วยนะคะ พี่อ่องนี่คุณน้ามณ แล้วส่วนคนสวย ๆ คนนั้นก็คุณข้าวค่ะ” สมิตาเดินลงมาพร้อม ๆ กับดนัยและเขมินท์ แล้วก็แนะนำพี่ชายทันที

“สวัสดีค่ะหนูโอ๊ะ วันนี้เป็นวันดีจริง ๆ เลยนะคะคุณเขม มีคนมารุมเยอะแยะเลยค่ะ” มณฑารับไหว้สองพี่น้องแล้วก็ยิ้ม
“สวัสดีหลาน ๆ เป็นไงบ้างพ่ออ่องกลับมาแล้วไม่เจอกันเลยนะ” เขมรับไหว้ทั้งสองเช่นกัน
“ก็ดีครับ วันนี้ผมขอมาช่วยนะครับคุณลุง ขอบคุณครับพี่น้ำ ให้ผมอยู่ตรงไหน ตรงนี้ได้มั้ยครับ”
ดนัยบอกแล้วก็รับเอาถังจากเขมินท์ที่ยื่นให้ทั้งเขากับสมิตา แล้วเขาก็เลือกที่จะไปหว่านใกล้ ๆ กับภรัณยา
“สวัสดีครับคุณข้าว ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ผมอ่องเป็นพี่ชายยายโอ๊ะครับ” เขาทักทายเธออีกที
“สวัสดีค่ะคุณอ่อง ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ”
เธอยิ้มรับเพื่อนใหม่ด้วยรอยยิ้มที่สดใส จนทำให้ดนัยหันไปหาน้องสาวที่ยืนมองอยู่ใกล้ ๆ

“เป็นอย่างที่เค้าว่าหรือเปล่าพี่อ่อง” สมิตาถามและยิ้มให้พี่ชาย
“ไม่มีผิดเพี้ยนเลยยายตัวดี อย่างนี้ต้องมีรางวัล”
เขาบอกกับน้องสาวเป็นนัยรู้กันแค่สองพี่น้อง ซึ่งภรัณยาไม่รู้อะไรด้วย แต่ก็ยิ้มให้คนทั้งสองก่อนที่จะลงมือหว่านข้าวต่อ ส่วนเขมินท์นั้นพอเดาได้ว่าดนัยหมายถึงอะไร ซึ่งเขาไม่ค่อยจะชอบใจอยู่ลึก ๆ ไม่รู้เป็นเพราะที่เขารู้อยู่แก่ใจว่าดนัยนั้นช่ำชองเรื่องผู้หญิงมากแค่ไหน หรือเป็นเพราะที่เขาไม่ชอบให้ใครมาเล่นหูเล่นตากับเธอกันแน่ อันนี้เขาเองก็ไม่แน่ใจนัก

“วันนี้โอ๊ะซื้อแหนมเนืองมาฝากคุณข้าวเยอะแยะเลยนะคะ” สมิตาบอก
“ยายโอ๊ะซื้อครับแต่ให้ผมจ่ายเงิน คุณข้าวชอบหรือเปล่าครับ” ดนัยรีบบอกก่อนที่น้องตัวดีจะทำคะแนนนำหน้าตัวเอง
“ชอบค่ะมีผักเยอะดีด้วย” เธอตอบตามความจริง แล้วเธอก็จะคอยตอบคำถามต่าง ๆ ที่ดนัยสรรหามาถามเธอแทบจะไม่เว้นช่วง จนเวลาล่วงเลยไปเป็นชั่วโมง สองพี่น้องเริ่มเมื่อยขาขึ้นมาแล้ว

“น้องโอ๊ะกับอ่องไปนั่งพักก่อนก็ได้ อีกไม่นานก็จะเสร็จแล้ว” เขมินท์บอกเมื่อเห็นอาการของสองคน
“นั่นสิ ลุงว่าขึ้นไปพักบนบ้านก็ได้นะหนูโอ๊ะ แต๋นก็ไปเตรียมอาหารได้แล้วล่ะ” เขมบอก
“คุณข้าวไปด้วยกันมั้ยครับ” ดนัยหันไปถามเธอ
“ไม่ดีกว่าค่ะ ข้าวจะปิดงานให้เสร็จ รอมาตั้งเกือบเดือนแล้วเวลาแบบนี้ อยากรู้ว่ามันจะรู้สึกยังไง คุณอ่องกับคุณโอ๊ะไปก่อนเถอะค่ะ เตรียมแหนมเนืองเอาไว้ฉลองเลยนะคะ”
“งั้นเจอกันข้างบนนะครับ ไปยายโอ๊ะเอามือมาเกาะแขนพี่ก็ได้”
ดนัยบอกน้องสาว และก็ยื่นมือไปให้น้องเกาะ

หลังจากสองพี่น้องหายไปไม่นานนัก เสียงรถไถนาที่ดังสนั่นลั่นทุ่งก็เงียบลง ภรัณยาเงยหน้าขึ้นไปมองก็พบว่ารถไถถูกเอาขึ้นไปไว้บนเขตบ้านแล้ว เธอมองดูแปลงนาที่ไถทิ้งเอาไว้มีเหลือแค่สองแปลงเท่านั้น ทำให้เธอรู้สึกดีใจเป็นที่สุดที่วินาทีที่เธอรอคอยใกล้จะมาถึงในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้านี้

“ไชโย แม่ป้าคะ เราใกล้จะเสร็จแล้วค่ะ ข้าวดีใจจริง ๆ เลยนะคะที่ข้าวได้อยู่ช่วยจนถึงตอนปิดงาน”
เธอบอกและยิ้มร่าด้วยความดีใจ
“จริงด้วยยายข้าว แม่ป้าก็ดีใจเหมือนกัน ไม่รู้พ่อเราจะดีใจแบบนี้บ้างหรือเปล่านะเวลาเสร็จงาน”
มณฑาก็มีอาการที่ไม่ต่างจากหลานสาวนัก เพราะเธอก็เรียกได้ว่าอยู่ช่วยตั้งแต่แรกจนสุดท้ายเหมือนกัน พลอยทำให้เขมินท์ยิ้มตามไปด้วย แต่ไม่ใช่ดีใจเพราะจะเสร็จงานหรอก เป็นเพราะเขาเห็นสีหน้าที่ดีใจจนเกินเหตุของเธอ กับแม่ป้าต่างหาก

“ดีใจสิคุณ พอเสร็จงานนะพวกเราจะเปิดสาโทฉลองเลยล่ะ”
เขมบอกพร้อมกับยิ้มกว้าง ไข่ ไก่ และแมวรีบเดินลงมาหน้านาช่วยหว่านส่วนที่เหลืออย่างไม่รอช้า แล้วพื้นที่ว่าง ๆ มันก็แคบลง ๆ จนในที่สุด
“นี่ ๆ คุณอันนี้ขอฉันนะ”
เธอห้ามไม่ให้เขมินท์หว่านลงไปในพื้นที่สุดท้าย แต่ตัวเองขอเป็นคนปิดงานเอง
“เสร็จแล้วไชโย้ ไชโย คุณพ่อคุณแม่ขา ข้าวทำนาเสร็จแล้วนะคะ ดีใจกับข้าวหรือเปล่าคะ”
เธอแหกปากร้องแทบจะลั่นทุ่งเพราะความดีใจจนเกินพิกัด ร้องไม่ร้องเปล่ายังยกไม้ยกมือและก็วิ่งไปรอบ ๆ ทำให้ทุกคนพลอยดีใจและสนุกสนานไปด้วย

“นี่ ๆ คุณอย่าดีใจให้มันเกินเหตุหน่อยได้มั้ย อะไรกันแค่หว่านข้าวเสร็จ คุณยังไปได้ไม่ถึงครึ่งทางเลยนะผมจะบอกให้ ปลูกมันแล้วก็ไม่ใช่ว่าจะได้ผลเสมอไป คุณยังต้องมาคอยดูแลมันอีกนานกว่าจะได้เก็บเกี่ยว ผมว่าคุณเอาไว้ดีใจตอนที่ได้ข้าวมาเป็นเม็ด ๆ จะดีกว่า เพราะถ้ามันไม่ได้ข้าวขึ้นมา บอกตรง ๆ นะว่าอายแทน”
เขารีบขัดจังหวะเธอทันที เพราะแม่คุณออกจะดีใจจนโอเวอร์
“นี่ฉันรู้แล้วน่า ไม่ต้องมาสอนหรอก ของตัวเองก็ดูแลให้มันดี ๆ เถอะ เชอะ”
เธอว่าแล้วก็สบัดก้นเดินตามคนอื่น ๆ ที่ทยอยขึ้นจากนา

“โอ๊ย...สืด ๆ ๆ ฮื่อ ๆ ๆ แม่ป้าช่วยข้าวด้วย” เพราะด้วยความที่ไม่ทันระวังเท้าก็เลยไปเหยือบโคลนที่ตกอยู่ตามคันนาทำให้ลื่นก้นจำเบ้าอยู่อย่างนั้น จนต้องร้องออกมาเพราะความเจ็บ
“ฮ่า ๆ ๆ ผมบอกแล้วว่าให้เอาไว้ดีใจทีหลัง ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ” เขาหัวเราะชอบใจที่เห็นเธอนั่งแหมะอยู่อย่างนั้น
“ยายข้าวลุกไหวมั้ย เดินยังไงเรานี่” มณฑาที่เดินนำไปไกลแล้วร้องกลับมาถาม
“เจ้าน้ำช่วยน้องสิ อะไรยืนดูน้องอยู่ได้” เขมที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ มณฑารีบบอก
“เอามือมาสิครับคุณเข่า” เขาเดินเข้าไปใกล้ ๆ แล้วก็ยื่นมือไปให้เธอใช้ดึง

“ขอบใจนะ นี่แน่ะหัวเราะฉันดีนัก ลงไปเลย”
ด้วยความที่เธอโมโหที่ถูกเขาหัวเราะเยาะ พอเขาช่วยให้เธอลุกขึ้นได้แล้ว เธอก็เลยใช้มือสองข้างผลักร่างเขาไปอย่างแรงจนเขาต้องตกคันนาลงไปคลุกโคลนแทน
“ว๊าย ๆ ๆ แม่ป้าช่วยข้าวด้วย อีตาบ้า ปล่อยฉันนะ ปล่อยนะ นี่แหน่ะ ๆ”
เพียงแค่เขาลุกขึ้นได้ก็วิ่งไล่ดึงเอาร่างบาง ๆ ให้ตกลงไปในนาแล้วก็หอบเอาโคลนไปละเลงตามตัวเธอ ส่วนเธอก็ตอบโต้ด้วยวิธีเดียวกัน ปากก็ร้องขอความช่วยเหลือจากแม่ป้าอยู่อย่างนั้น

“สองคนนี่พอกันได้แล้วเล่นอะไรไม่รู้เรื่องเลย ว้าย คุณเขมระวัง”
มณฑารีบเดินกลับมาห้ามพร้อมกับเขม แล้วก็รีบเอาตัวหลบเจ้าโคลนที่หลานสาวควักเอาไปปาใส่เขมินท์แต่เขาหลบทันมันก็เลยลอยไปหามณฑาแทน จนทำให้ทั้งมณฑาและเขมได้รับรางวัลไปเต็ม ๆ
“อุ๊ยแม่ป้า คุณลุงข้าวขอโทษค่ะ” เธอหน้าเจื่อนเพราะปาผิดเป้า
“ฮ่า ๆ ๆ นี่แหน่ะ เก่งจริงก็ปาให้โดนสิครับคุณเข่า” เขาควักโคลนแล้วก็ปาไปใส่เธอเต็ม ๆ พร้อม ๆ กับทำหน้าล้อเลียนจนอีกฝ่ายโกรธเลือดขึ้นหน้า แล้วทั้งแม่ป้าและคุณลุงของเธอก็เลยพลอยโดนลูกหลงไปหลาย ๆ ลูก

“นี่คุณบอกให้ลูกชายคุณหยุดได้แล้ว เปื้อนกันหมดแล้วนะ” มณฑาดุเขมที่ออกจะสนุกกับเด็ก ๆ
“คุณก็บอกหลานสาวคุณหยุดด้วยสิ เห็นมั้ยปาก็ไม่โดนเจ้าน้ำแต่มาโดนเราแทน” เขมขัดคอ
“นี่คุณเข้าข้างลูกตัวเองเหรอ นี่แหน่ะรักกันจังนะ”
ว่าแล้วมณฑาก็ก้มไปกำเอาโคลนตามคันนาปาไปใส่เขมด้วยความหมั่นไส้
“อะไรกันคุณ เล่นอย่างนี้เลยเหรอ แล้วอย่าหาว่ากำนันไม่เตือนนะ”
เขมนึกสนุกขึ้นมาเลยตอบโต้มณฑาด้วยการดึงเธอตกลงในนาตามหลานสาวไป
“ว๊ายคุณเขมปล่อยฉันนะ ปล่อย ยายข้าวช่วยแม่ป้าด้วย”
แล้วศึกสองสายเลือดก็ประทุขึ้นอยู่กลางทุ่ง ด้วยความสนุกสนาน กว่าจะสงบศึกกันได้แต่ละคนมีสภาพที่มอมแมมเหมือนลูกหมาตกน้ำยังไงยังงั้น

“คุณมณผมว่าให้แต๋นไปเอาเสื้อผ้าที่บ้านมาให้คุณที่นี่เถอะ จะได้อาบน้ำแต่งตัวใหม่ด้วย พวกเด็ก ๆ คงหิวจนจะไส้กิ่วแล้วล่ะ” เขมบอกเมื่อทั้งหมดเดินขึ้นมาถึงบ้านแล้ว
“แต๋นไปเอามาให้แล้วค่ะ ทั้งของคุณแม่ป้าและของคุณข้าวเลย ไปอาบน้ำแล้วก็มากินข้าวเถอะค่ะ อาหารเตรียมจะเสร็จแล้ว อีกหน่อยพวกนั้นก็คงจะมากัน”
แต๋นบอกเพราะทุก ๆ คนเมื่อขึ้นนาได้ก็รีบพากันไปอาบน้ำเรียกความสดชื่นให้กับร่างกาย ก่อนที่จะมากินข้าวร่วมกันมื้อสุดท้าย หลังนาเสร็จ

“แหม รอบคอบจริง ๆ นะเรา ไปยายข้าวไปอาบน้ำกันเถอะเปื้อนหมดแล้ว” มณฑาบอกหลานสาว
“ผมว่าคุณไปใช้ห้องน้ำของผมดีกว่า หนูข้าวก็ไปใช้อีกห้อง ส่วนเจ้าน้ำมันจะได้ไปใช้ห้องของมันจะได้เสร็จเร็ว ๆ ผมเริ่มหิวแล้ว” เขมรีบเสนอขึ้น
“เอ่อ ก็จริงนะฉันก็มัวแต่เล่น แล้วคุณล่ะคะ” เธอหันมาถามเขาเพราะสภาพก็ไม่ต่างกัน
“ผมอาบจากโอ่งข้างล่างนี้ก็ได้ ไปเถอะ”
เขาบอกพร้อม ๆ กับพาเธอไปส่งให้ถึงห้องน้ำ ส่วนหลานสาวก็รีบเดินตรงไปยังห้องน้ำทันทีเหมือนกัน



เสียงรถเข้ามาจอดที่บ้านในเวลาเกือบทุ่มหนึ่ง นาถยาและสามีชะเง้อคอออกไปดูก็รู้เป็นของลูกชายตัวแสบที่หายไปตั้งแต่ตอนสาย ๆ พร้อม ๆ กับน้องสาว

“พากันแล้วเหรอจ๊ะพ่อคุณแม่คุณ” นาถยาถามแบบประชดสองพี่น้อง แล้วก็ทำหน้างอใส่ลูก สมิตาได้แต่มองไปหาพี่ชายเหมือนจะรู้กัน เธอรีบเดินไปกอดร่างแม่เอาไว้
“โอ๊ะมีของมาฝากด้วยนะคะ” เธอบอก
“แล้วเป็นไงบ้างลูก ได้ช่วยเขาหว่านข้าวบ้างมั้ย” โสภณถามลูกชายที่ทรุดตัวลงนั่งใกล้ ๆ พ่อ
“ได้หว่านและก็ได้เจอสาวสวยตามที่พี่อ่องต้องการด้วยค่ะคุณพ่อ” สมิตาแย่งพี่ชายตอบ
“หือ ใครกันสาวสวย แถวนั้นมีด้วยเหรอ พ่อไม่ยักกะเห็นใครที่ไหนเลย” โสภณถามด้วยความสงสัย

“ก็คุณข้าวไงคะคุณพ่อ แหม เจอกันตั้งสองครั้งทำเป็นจำไม่ได้” สมิตาบอกและยิ้มแหย่พ่อ
“อ๋อ จำได้แล้ว อื้ม หนูคนนั้นสวยจริง ๆ ด้วย ยิ่งวันที่ทำบุญบ้านเจ้าเขมนะ ใส่ผ้าซิ่นแล้วยิ่งสวย”
“พี่อ่องได้เห็นแค่แป๊บเดียวถึงกับเก็บมาละเมออยู่นี่ไงคะคุณพ่อ”
“อะไรกันยายโอ๊ะ ละมงละเมออะไรพูดให้มันดี ๆ นะ แม่ว่าก็ไม่เห็นจะสวยตรงไหนเลย สู้หนูเฟิร์นก็ไม่ได้ สวยและรวยด้วย การศึกษาก็ดี เหมาะสมกับลูกชายแม่ที่สุด” นาถยาทำตาเขียวใส่ลูกสาว

“แหม คุณแม่ก็ คุณข้าวก็ฐานะดีนะคะ มีที่นาตั้งสามร้อยไร่ การเรียนก็จบโทเชียวนะคะถึงจะแค่เมืองไทย แต่แกจบตรีจากเมืองนอกเลยนะคะ” สมิตาแย้ง
“แต่ไม่ได้เป็นลูกผู้ว่าฯ และที่แย่ไปกว่านั้น เป็นกำพร้าทั้งพ่อและแม่ด้วย ไม่เอาทีหลังอย่ามาอวดสรรพคุณผู้หญิงคนนี้ให้แม่ได้ยินนะ ทั้งเราและตาอ่องด้วย จำไว้นะว่าสะใภ้แม่ต้องเป็นหนูเฟิร์นคนเดียวเท่านั้น” นาถยายื่นคำขาด
“เฮ้อ คุณพ่อครับ คุณแม่เป็นเอามากจริง ๆ ด้วยครับ หนูเฟิร์นฟีเวอร์จริง ๆ เลย ไม่เอาแล้ว ไปอาบน้ำดีกว่า”
ดนัยบอกแล้วก็เดินหายขึ้นไปชั้นบนทันที เพราะไม่อยากจะได้ยินประกาศิตของมารดาที่อาจจะประกาศห้ามไม่ให้เขาไปหาภรัณยาอีกก็เป็นได้ ซึ่งอันนี้เขาบอกได้เลยว่าห้ามยาก เพราะใบหน้าสวย ๆ ของเธอนั้น ติดตาติดใจเขาเข้าให้แล้ว









 

Create Date : 09 ตุลาคม 2551
0 comments
Last Update : 9 ตุลาคม 2551 9:57:28 น.
Counter : 357 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธัญญะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคแห่งนี้ ตามพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน จะดำเนินตามกฎหมายสูงสุด!!
Friends' blogs
[Add ธัญญะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.