จิตฺตํ ทนฺตํ สุขาวหํ ... จิตที่ฝึกดีแล้ว ย่อมนำความสุขมาให้ ... สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ ... การให้ธรรมะชนะการให้ทั้งปวง
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
9 พฤศจิกายน 2552
 
All Blogs
 
รักษาความรู้สึก ๖




(ต่อ)

ทำอย่างไรจะรู้ใจกันได้?

ในกายมนุษย์นี้ ที่น่าอายเหนือสิ่งอื่นใดคืออะไร? อวัยวะเพศไงครับ! คนเราอาบน้ำเสร็จก็ต้องซ่อนอวัยวะเพศไว้ใต้ร่มผ้าเป็นอันดับแรกล่ะ
แล้วในความเป็นมนุษย์นี้ สิ่งที่น่าอายกว่าอวัยวะเพศคืออะไร? ความคิดไง

ครับ! คนบางคนไม่อายที่จะเปิดเผยอวัยวะเพศต่อสาธารณะ ขนาดแสดงหนังอย่างรู้ทั้งรู้ว่าจะมีคนเห็นกันเป็นล้านยังกล้าเลย แต่ความคิดนี่สิ รู้เมื่อไรอายจนต้องแทรกแผ่นดินหนีเมื่อนั้น!

นี่แสดงว่าทั้งกายทั้งใจมนุษย์เต็มไปด้วยสิ่งซ่อนเร้น และสิ่งที่มนุษย์ต้องการฝังให้เร้นลึกที่สุดก็คือความคิด!
ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ที่ปราศจากความสัมพันธ์กันนะครับ ตามหลักกรรมวิบากแล้ว ยิ่งความคิดที่ซ่อนเร้นเป็นไปในทางร้ายขึ้นเท่าไร รูปกายใต้ร่มผ้าในชาติต่อไปก็ยิ่งน่าเกลียดขึ้นเท่านั้น และกลับกัน ยิ่งมีความคิดแอบทำดีไม่อยากได้หน้ามากขึ้นเท่าไร ส่วนของกายอันเป็นความลับก็จะยิ่งบาดตาน่าดูน่าชมปานกันในชาติหน้า

ของเร้นลับย่อมสัมพันธ์กันทั้งฝ่ายรูปและฝ่ายนามด้วยประการฉะนี้ จิตสร้างเหตุคือความคิดอันเร้นลับเอาไว้ ธรรมชาติจึงแสดงผลออกมาให้เห็นเป็นรูปธรรม ผ่านร่างกายภายในอันรู้กันว่าเป็น ‘ของลับ’ ซึ่งทุกคนเห็นตัวเองถนัดว่าเป็นเช่นไร อีกทั้งต้องเก็บๆเม้มๆ ให้ดี ไม่ว่าจะงามตาหรือน่าเกลียดแค่ไหน
ทว่ายิ่งปิดเท่าไร ยิ่งน่าดูเท่านั้น และถ้าใครดูได้ ก็แปลว่าคนนั้นสนิทใกล้ชิดเป็นกันเองยิ่ง คนกันเองเท่านั้นมีสิทธิ์รู้ว่าเนื้อแท้ที่ถูกปิดซ่อนของคู่ตน น่าชื่นชมหรือชวนแสยะยี้

แต่ถึงคู่รักจะไม่อายที่จะเปิดเผยเขตแดนสนธยาใต้ร่มผ้าต่อกัน ก็ยังอายความคิดใต้กะโหลกอยู่ดีนะครับ แม้ร่วมเตียงกันมาสามสิบสี่สิบปียังซ่อนความคิดบางอย่าง ไม่เปิดเผยให้กันและกันรู้ด้วยวาจาเลย ตราบเท่าที่ยังรู้สึกว่าความคิดนั้นเทียบเท่าแผลอัปลักษณ์อุจาดตา ก็คงไม่มีใครอยากให้หลุดรอดไปสู่การรับรู้ของผู้อื่น

ไม่มีใครไม่อายความคิด และไม่ต้องถึงขั้นความคิดอุบาทว์อะไรนักหนาหรอก ทุกคนจะตื่นตกใจเสมอหากถูกจับได้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ เว้นแต่นึกครึ้มหรืออยากบ้าระห่ำ ประกาศความคิดเป็นวาจาออกไปเอง อันนั้นไม่เป็นไร แต่ที่จู่ๆใครมารู้ความลับในหัวทั้งที่ไม่เต็มใจเปิดเผยนี่แย่เลย แย่กว่าแก้ผ้าล่อนจ้อนเสียอีก!

อ้าว! ไหนใครต่อใครบ่นกันว่าอยากมีคนรู้ใจไม่ใช่หรือ?

การพยายามอ่านความคิดคนอื่น
อาจไม่ช่วยให้คุณรู้ใจตัวเองดีขึ้น แต่การรู้ใจตัวเองดีขึ้น
จะช่วยให้คุณอ่านความคิดคนอื่นออกอย่างรวดเร็ว


มนุษย์เรานี่นะครับ ที่อยากให้รู้ใจน่ะ เอาเฉพาะใจตอนที่คิดดีๆ หรอก แต่ถ้ามารู้ใจตอนกำลังคิดร้ายๆ หรือน่าอับอายล่ะก็อีกเรื่องหนึ่งเลย
ที่ตรงนี้เรามาวิเคราะห์กันก่อน ว่าการมี ‘คนรู้ใจ’ ไปหมดทุกเรื่องนั้น เป็นสิ่งน่าพอใจหรือน่าหลีกเลี่ยงกันแน่?

คำตอบว่าดีหรือไม่ดี แปรไปตามสถานการณ์ครับ

หากคุณครึ่งรักครึ่งชัง ยังเล่นบทพ่อแง่แม่งอน หรือเอาเถิดเจ้าล่อ ผลัดกันเมินผลัดกันมอง แบบนี้ให้เขารู้แม้แต่นิดเดียวก็ไม่ได้ เพราะแค่เขาทราบว่าคุณมีใจให้หรือใคร่มีเซ็กซ์ด้วย คุณคงอยากมุดท่อหนีหายไปเดี๋ยวนั้นแล้ว และอาจไม่อยากเจอกันอีกเลยตลอดชีวิตด้วย!

แต่หากคุณรักแสนรักใครสักคนจนรู้สึกราวจะควักหัวใจมาให้เขากำเล่นได้ แบบนั้นจะมีสิ่งใดเล่าที่คุณไม่ยอมให้เขารู้ได้อีก ยิ่งเขารู้ทะลุทะลวงสิ้นไส้สิ้นพุงเพียงใด ก็ยิ่งทำให้คุณดีใจที่เขารู้จักคุณมากขึ้นเท่านั้น

บทนี้เรามุ่งให้คนรักได้รู้จักรักษาความรู้สึกที่ดีต่อกันไว้ ฉะนั้นต้องบอกว่า ‘ดีเหมือนกันถ้ารู้ใจคนรักเสียบ้าง’ เพราะการรู้ใจจะทำให้คุณปฏิบัติตัวถูก แบบทราบทางลมว่าควรไปทางไหนอย่างไร

จะดีไหมถ้าคุณพูดกับคนรักดีๆ แต่อีกฝ่ายกลับทำหน้าบึ้งใส่ คุณไม่ต้อง ‘ทำความเข้าใจ’ ให้เหนื่อย ก็แค่รู้ว่าคนรักกำลังอารมณ์บ่จอยเรื่องเพื่อน เรื่องงาน เรื่องเงิน ฯลฯ ไม่ใช่เรื่องคุณ!

จะดีไหมถ้าคุณอยากมีเซ็กซ์ แต่เห็นเข้าไปในสภาพร่างกายและจิตใจของคนรัก แล้วรู้ว่ากำลังเหนื่อยอ่อนเกินกว่าจะมารับศึกกับคุณไหว คุณจึงเข้าใจและไม่อยากรบกวน ไม่เริ่มรุกให้คนรักรำคาญใจตั้งแต่ต้น

เมื่อคำนึงว่าเมื่อคนเราตกลงปลงใจร่วมหอลงโรงกันแล้ว ความรู้สึกนึกคิดในหัวคงเป็นอะไรที่ ‘ปิดแบบอยากเปิด’ ไม่ต่างจากของลับทางกายสักเท่าใด เห็นครั้งแรกอาจเหนียมอยู่บ้าง แต่ดูบ่อยเข้าก็เฉยๆ ไม่ตื่นเต้นอะไรอีก แล้วจะรู้สึกดีด้วยถ้าเอาใจของกันและกันมาใส่ใจกัน

พอไม่ตื่นเต้นกับการรู้ใจกันและกันนั่นแหละ แปลว่าสนิทยิ่งกว่าสนิท มีความแน่นแฟ้นเหนือคู่รักอื่นอย่างเทียบกันไม่ติด ลองคิดดูว่าคนเราถ้าเปิดอกเผยใจกันเต็มร้อย ไม่ต้องกลัวอีกฝ่ายจะดูแคลนหรือเกลียดกลัว สามารถพูดปรึกษาตรงไปตรงมาแบบคิดอย่างไรพูดอย่างนั้น ราวกับคุยอยู่กับตัวเอง มันจะวิเศษขนาดไหน?

เมื่อต่างฝ่ายต่าง ‘เห็นใจ’ กันจริงๆ คุณจะรู้สึกเหมือนบ้านเป็นวิมาน และไม่ต้องการความเห็นใจจากใครอีกทั้งโลก!

แล้วอันที่จริงก็ไม่น่าตื่นกลัวอะไรมากหรอกนะครับ เพราะที่จะให้ล่วงรู้เข้าไปละเอียดเป็นคำๆ นั้น ใช่จะหาคนทำได้ง่ายๆ คนทำได้นี่ยากที่จะอยากใช้ชีวิตคู่ เนื่องจากต้องไม่ฝักใฝ่กามารมณ์ ต้องไม่มีอคติหยาบๆ ต้องสะอาดด้วยศีลระดับสูง ต้องปราศจากความฟุ้งซ่านซัดส่าย จิตจึงเสถียรพอจะอยู่ในภาวะเป็นใหญ่สงัดเงียบผ่องใส สามารถรับคลื่นความคิดของใครต่อใครได้แบบเป็นคำๆ

จุดมุ่งหมายหลักสำหรับส่วนที่เหลือของบทนี้ คือการแนะให้คุณรู้เฉพาะสิ่งที่ควรรู้ เพื่อเอาไว้รักษาความรู้สึกต่อคนรักไปนานๆ และเป็นอะไรง่ายๆ ที่คนรักควรรู้กันอยู่แล้ว เช่น จิตกำลังมีราคะหรือไม่มีราคะ จิตกำลังมีโทสะหรือไม่มีโทสะ จิตกำลังมีความหลงผิดหรือไม่มีความหลงผิด เป็นต้น

ผมจะทำให้คุณรู้สึกว่าระหว่างเล่นกับความรัก คุณสามารถเล่นกับจิตไปด้วยพร้อมกัน พูดง่ายๆ คือเอาความรักที่มีอยู่นั่นแหละ มาทำความรู้จักกับจิตตัวเองและคู่ครองให้รู้ดำรู้แดงกันไป แล้วคุณจะรู้ว่าความรักที่เพิ่มพูนขึ้นอย่างล้นหลามนั้น เกิดขึ้นขณะฝึกรู้ใจนั่นแหละ ไม่จำเป็นต้องรู้ใจกันได้จริงๆ เสียก่อนเลย เพราะวิธีฝึกรู้ใจนั่นเองจะทำให้คุณเกิดนิสัย ‘เอาใจเขามาใส่ใจเรา’ มากขึ้น

สรุป คือการเอาใจเขามาใส่ใจเรานั่นแหละครับ ตัวการสำคัญที่จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับคนรักแนบแน่นขึ้น


ฝึกรู้จักกระแสความรักของตนเอง

ลองถามตัวเองว่าคุณ ‘รักเขาไหม?’ ถ้าต้องชั่งใจหาคำตอบเกินพริบตาเดียว แปลว่าดีกรีความรักที่คุณมีต่อเขาคนนั้นยังต่ำอยู่ คุณอาจรู้สึกถึงอาการชะงัก อาการอึดอัด อาการสับสน อาการควานหาคำตอบจากก้นบึ้ง

แต่ถ้าตอบสวนทันทีด้วยความเต็มใจสุดๆว่า ‘รักแน่นอน’ ก็ลองสังเกตดูเถิดว่าอาการทางจิตแตกต่างไปขนาดไหน ทันทีที่คุณนึกถึงเขาหรือเธอ จะเกิดความสว่างหวานหนุนขึ้นมาทันที ขับดันให้ตอบทันทีว่ารักชัวร์

แค่ ‘รัก’ หรือ ‘ไม่รัก’ ก็ทำให้คุณสังเกตอาการทางจิต รู้จักจิตของตัวเองได้แล้ว ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลย ถ้ารักมากจะมีแรงดึงดูดสูงจนอยากเอื้อมแขนไปดึงเข้ามากอด ถ้ารักน้อยจะมีแรงดึงดูดต่ำจนน่าสงสัย ถ้าเฉยๆ จะไม่มีทั้งแรงดึงดูดและแรงผลักออก แต่ถ้าเกลียดหน่อยๆ จะมีแรงผลักออกเล็กน้อย และถ้าเกลียดมากจะมีแรงผลักออกแทบบันดาลให้อยากยกเท้าถีบส่ง

เอาคนรักเป็นตัวตั้ง ตอนเจอกันให้สังเกตใจตัวเองเป็นขณะๆ คุณจะพบรายละเอียดต่างๆ มากมาย ภายใน ๑๐ นาทีอาจมีแรงดึงดูดไม่เท่ากันหลายระดับ บางช่วงมีแรงดึงดูดมาก พอเผลอก็คลายไป แล้วอาจกลับมาดึงดูดใหม่ แต่แรงไม่เท่าเดิม

ถ้าคุณรักเขาหรือเธอจริง สิ่งที่จะคงเหลือยาวนานกว่าความดึงดูดก็คือความสบายใจ ตราบเท่าที่ยังเห็นหรือนึกถึงคนที่คุณรัก ตราบนั้นคุณจะมีความสบายใจเป็นตัวยืน แม้จะไม่รู้สึกถึงแรงดึงดูดให้อยากใกล้หรืออยากกอดเลยก็ตามที

หากความรักมีกามราคะเจืออยู่ คุณจะรู้สึกถึงกระแสความคันในกาย และจิตจะพุ่งแน่วไปที่คนรักด้วยความโลภอยากครอบครองกายใจไว้ในมือคุณคนเดียว แต่หากไม่มีกามราคะเจืออยู่เลย คุณจะไม่รู้สึกถึงอาการผิดปกติทางกาย แต่จะรู้ชัดเข้ามาที่กลางใจ ใจจะเบา เนื้อตัวเหมือนโปร่งแสงไปชั่วขณะ ยิ่งถ้ารู้สึกสว่างโล่ง จิตไร้อาการเกี่ยวกระหวัดรัดร้อย อันนั้นแหละครับ ความรู้สึกรักที่อยู่เหนือกามารมณ์ ซึ่งเกิดขึ้นได้เป็นบางครั้งบางคราวกับรักแท้ของคุณ

บางขณะความรักทำให้จิตของคุณกระวนกระวาย โดยที่ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเอาอย่างไรกับเขาหรือเธอดี อันนี้แปลว่าทั้งดึงดูดและผลักออกปะปนระคนกันจนน่าสับสน
สภาพต่างๆ ที่ถูกสังเกตและถูกจดจำได้จากตัวเองนั้น ก็เป็นสภาพอันเดียวกับของคนอื่นนั่นแหละ ถ้าคุณสัมผัสรู้สึกถึงภาวะทางใจของตัวเองได้ คุณก็จำไว้ไปเทียบเคียงกับของคนอื่นได้เช่นกัน


ฝึกรู้จักกระแสความรักของคนอื่น

เมื่อเริ่มฝึกดูใจคนอื่นนะครับ อย่าจ้องหน้า อย่าใช้สายตา เวลายืนอยู่ต่อหน้าเขาหรือเธอ ให้ถามตัวเองว่าปฏิกิริยาทางใจที่มีต่อคุณขณะนั้น เป็นไปในทางพอใจหรือไม่พอใจ สบายใจหรือขุ่นข้อง

ถ้าเป็นไปในทางพอใจ คุณจะรู้สึกถึงสภาพดึงดูดเหมือนจะเหนี่ยวคุณไว้ แต่หากเป็นไปในทางไม่พอใจ คุณจะรู้สึกถึงสภาพผลักออกเหมือนพยายามยันไม่ให้มาใกล้ ความรู้สึกที่ออกมาในช่วงแรกที่สบตาหรือทักทายกันจะเด่นชัดที่สุด แสร้งปลอมแปลงกันได้ยากที่สุด

ถัดจากช่วงแรกจะเป็นความรู้สึกขั้นพื้นฐาน คือสบายใจหรือขุ่นข้องที่จะอยู่กับคุณ ถ้าเป็นไปในทางสบายใจ คุณจะรู้สึกถึงความโปร่งเบา เปิดออกไม่คับแคบ แต่
หากเป็นไปในทางขุ่นข้อง คุณจะรู้สึกถึงความทึบตัน หรืออึ้งๆหนัก หรือเป็นกระแสความระคายวิ่งไปวิ่งมาวนเวียนอยู่ในใจฝ่ายนั้น

สังเกตใจตนเองควบคู่ไปด้วย ก็จะเห็นความพิสดารระหว่างใจมนุษย์ด้วยกันมากขึ้น หากเขากับคุณต่างสนใจกันและกันอย่างเท่าเทียม จะรู้สึกราวกับเป็นคู่แม่เหล็กที่ส่งแรงกระทำดึงดูดต่อกันอยู่อย่างหนักหน่วง แทบเผลอกอดจูบลูบคลำต่อหน้าธารกำนัลได้ ความดึงดูดแบบนี้ไม่ต้องสอนก็รู้สึกเอง เพียงแต่ยากหน่อยที่จะเจอคนที่สนใจคุณเท่ากับที่คุณสนใจเขาพอดิบพอดี

แต่หากเขากับคุณต่างหมั่นไส้ไม่อยากคุยกัน จะรู้สึกเป็นแม่เหล็กอีกแบบที่ส่งแรงกระทำเป็นผลักกันออกห่างอย่างแรง ความรู้สึกผลักไสหรือต่อต้านไม่ใช่ของหายาก เจอตามถนนหนทางได้ถมไป

หากฝึกสังเกตไปเรื่อย คุณจะค่อยๆ แยกแยะถูกว่ามีองค์ประกอบแยกย่อยใด ร่วมอยู่กับแรงดึงดูดและแรงผลักออก เช่น ในความดึงดูดระหว่างกันนั้น มาจาก กามราคะเป็นหลัก หรือมีความชื่นชมจากใจที่ใสสะอาด และในแรงผลักไสระหว่างกัน มีอารมณ์พยาบาทแฝงอยู่ หรือมีแต่ความขุ่นเคืองเล็กๆน้อยๆ ที่ไร้รากแก้ว

เดิมทีคุณอาจเคยชินกับการสังเกตแค่สีหน้าและท่าทาง เช่น เมื่อใครดีใจ เขาจะเบิกตาโตยิ้มกว้างและเสียงใส แต่ถ้าเย็นชาจะคอแข็ง ไม่ยิ้มไม่สนใจ แต่พอฝึกสัมผัสจิต คุณอาจเห็นไปอีกแบบ คือสภาพจิตคนอาจขัดแย้งกับสีหน้าท่าทางอย่างรุนแรง อาจถึงขั้นเป็นตรงกันข้ามกันเลยทีเดียว

นั่นเพราะมนุษย์เป็นนักซ่อนอารมณ์ โดยเฉพาะผู้หญิงบางคนนะครับ แอบหลงรักผู้ชายคนหนึ่งหลายปี แต่กลับแกล้งทำเป็นไม่สน หรือกระทั่งแสดงสีหน้ารังเกียจ กลัวเพื่อนล้อ หรือเกรงใครจะว่าตาบอดมาหลงคนไม่เอาไหน หรือไม่ก็อายที่รู้สึกอย่างนั้นเป็นครั้งแรก แต่ใจนี่หลอกกันไม่ได้หรอก ถ้าสนใจต้องมีแรงดึงดูดออกมาให้รู้แน่ๆ

ทั้งนี้ทั้งนั้น ขอบอกว่ากระแสความดึงดูดหรือผลักออกนี้ จัดเป็นของตื้นนะครับ สัมผัสได้ง่ายๆ แต่ไม่ประกันว่าบอกอะไรลึกซึ้งแค่ไหน คุณต้องเก็บข้อมูลสังเกตเอา โดยอาศัยใจตนเองเป็นหลัก แล้วจะพบว่าความดึงดูดแบบต่างๆ มีลักษณะวิจิตรพิสดารหลากหลายขนาดไหน

เอาหลักสังเกตไปคร่าวๆ แค่ ๓ ข้อก่อน แล้วคุณจะเจาะรายละเอียดลึกลงไปตามลำดับได้ในภายหลัง

๑) ความรักฉันญาติมิตรทำให้จิตของคุณและอีกฝ่ายมีแรงดึงดูดอ่อนๆ ให้ความรู้สึกอบอุ่นเป็นกันเอง

๒) ความนิยมชมชอบดูเหมือนใกล้เคียงกับอารมณ์รัก เพียงแต่ความนิยมจะมีเพียงจิตที่สดใส อาจมีแรงดึงดูดบ้าง แต่ก็ไม่ถึงขนาดวาบหวาม

๓) ความเมตตาอยู่เหนือกามารมณ์ เพราะรู้สึกดี เหมือนส่งสุขให้กันด้วยใจ แต่ไม่แวะมาข้องเกี่ยวกับกามารมณ์ ไม่เกาะเกี่ยวกระหวัดรัดรึง ไม่มีความกระสับกระส่ายกระวนกระวายภายในกายให้รู้สึกเลย เปรียบเหมือนคนรดน้ำต้นไม้โดยหวังเพียงความฉ่ำชื่นตอบแทนกลับมาในขณะกำลังรินน้ำอยู่นั่นเอง


ฝึกจำกระแสจิตประกอบคำพูด

ตอนคนรักคิดอะไรในหัว ถ้าไม่พูดคุณก็ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร และต่อให้เขาพูดอะไรออกมา ก็ไม่แน่ว่าสิ่งนั้นจะตรงกับความคิดที่แท้จริงหรือไม่
ยกตัวอย่างนะครับ ถ้าคุณอุตส่าห์ไปเลือกดอกไม้มากำนัล เมื่อถามคนรักว่า ‘สวยไหม?’ แน่นอนต้องมีการตอบตามธรรมเนียมทันทีว่า ‘สวย!’

คำตอบหรือคำอุทานสั้นๆ นี่จะเป็นแบบฝึกหัดให้เข้าไปรู้ความคิดข้างในได้ อย่างดี อย่างเช่นคำว่า ‘สวย’ คำเดียว คุณฟังแล้วบอกได้ว่าอะไรเป็นตัวขับออกมา
ถ้าออกมาจากหัวใจที่พองโต คุณจะรู้สึกถึงแรงปีติในอากาศ กลางอกของคนตอบจะเปิดโล่งเบ่งบาน แล้วก็เนิ่นนานพอสมควร

ถ้าออกมาจากความยินดีธรรมดาๆ คุณจะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงจากก่อนหน้าที่เฉยๆ กลายเป็นสุขสดชื่นเล็กน้อย แล้วจางลงอย่างรวดเร็ว
แต่หากออกมาจากการเล่นละคร คุณจะรู้สึกถึงความว่างเปล่า มีแต่การฉีกยิ้มหรือส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดภายนอก ไร้ปีติสุขภายในอย่างสิ้นเชิง
และหากถึงขั้นออกมาจากการฝืน ‘กัดฟันพูด’ คุณจะรู้สึกถึงอาการกลั้นใจและอึดอัดกลางอกหน่อยๆ กับทั้งคาอยู่อย่างนั้นค่อนข้างนานกว่าจะหายไป

การสังเกตความรู้สึกของอีกฝ่ายขณะตอบคำถามหรืออุทานสั้น จะพาคุณเข้าไปลึกกว่านั้น คุณจะสังเกตเห็นว่าก่อนเปิดปากพูด ทุกคนจะมีห้วงความคิดหนึ่งเกิดขึ้นก่อน และส่งเป็นคลื่นไร้รูปออกมาให้คุณสัมผัสได้ คล้ายคลื่นกระแทกที่มีความแรงหรือความเบาต่างกัน คุณไม่ต้องพยายามแปล ไม่ต้องตีความใดๆ ทั้งสิ้น แค่สังเกตและจดจำ ‘กระแสแบบนั้น’ ที่ส่งออกมาจากฝ่ายนั้นเอาไว้เฉยๆ

ความคิดในหัวของคนๆ หนึ่ง ก็คือคำพูดของเขาที่คุณได้ยินอยู่เรื่อยๆ นั่นแหละครับ ใช้คำพูดไหนเป็นประจำ คำพูดนั้นก็จะอยู่ในหัวของเขาบ่อยหน่อย หากคุณจับกระแสจากใจในขณะที่เขาพูดได้ คุณก็จะจำได้เมื่อมันเกิดขึ้นอีก แม้เขาจะไม่เปิดปากเปล่งเสียงออกมาเลยก็ตาม

ยกตัวอย่างเช่นถ้าเขาเป็นคนชอบพูดคำว่า ‘บ้าจริงๆ!’ คุณจะได้ยินเขาอุทานทุกครั้งที่อยากด่าใคร แต่หากอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ที่เขาเกรงใจ ก็จะมีแต่คำว่า ‘บ้าจริงๆ!’ หรืออะไรคล้ายๆ อย่างนั้นอยู่ในหัว โดยไม่เล็ดรอดออกมาทางปาก ทว่าคุณก็จะจับได้ว่ามันอยู่ในหัวเขา เพราะจำแบบแผนคลื่นความคิดเดียวกันได้

ความคิดที่ประกอบด้วยอารมณ์จะถูกเห็นง่ายกว่าความคิดประเภทสักแต่คิด ยกตัวอย่างง่ายที่สุดเช่นคำว่า ‘เอา’ ของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน บางคนตอบว่า ‘เอา’ จะเจือด้วยกระแสความรู้สึกเต็มใจ จริงจัง ในขณะที่อีกคนพูดคำเดียวกันนี้จะเบาโหวง เรื่อยเฉื่อยไม่หนักแน่นคล้ายเอาก็ได้ไม่เอาก็ไม่เป็นไร

หากยินดีจะฝึกรู้ใจกันจริงๆ เพื่อให้เชื่อมั่นว่าไม่ใช่อุปาทานหลอกๆ ก็ให้เอาเศษกระดาษเล็กๆ มาสามชิ้น เขียนเลข ๑ ถึง ๓ ลงไป จากนั้นสุ่มเลือกขึ้นมาชู เพื่อให้คนรักอ่านเลขนั้นๆ ออกเสียงอย่างเต็มปากเต็มคำ เลือกสลับไปสลับมา ระหว่างนั้นคุณก็จับตาดูสบายๆ และพยายามจำให้ได้ว่ามีลักษณะคลื่นจิตแบบไหนปรากฏพร้อมคำพูด หากแยกแยะได้ว่าแต่ละเลขมีคลื่นประจำที่แตกต่างกัน วนเวียนกี่ทีคุณก็สัมผัสได้เป๊ะๆ แบบนั้น นั่นแสดงว่าคุณสัมผัสเข้าไปถึงคลื่นความคิดของคนรักแล้ว

ที่จะหมดความสงสัย คือให้คนรักนึกถึงตัวเลขระหว่าง ๑ ถึง ๓ ในหัวโดยไม่ต้องพูดบอก แล้วคุณใช้ความรู้สึกเอา ว่าสัญญาณคลื่นความคิดของคนรักตรงกับเลขใด อันนี้ต้องตกลงกันดีๆด้วยนะครับ ถ้าแกล้งคิดเป็นเลขอื่นหลอกกัน คุณจะสับสนและเสียกำลังใจ ต่อจิตกันไม่ติดไปเลย และสำคัญคือห้ามใช้วิธีดูตาแล้วคาดเดา ย้ำว่าคุณต้องสัมผัสถึงคลื่นความคิดที่ส่งออกมาจากหัวของอีกฝ่ายเท่านั้น

อ่านให้เข้าใจและลองทำตามขั้นตอนข้างต้นอย่างใจเย็น หากทายสิบครั้งคุณถูกเกินห้าครั้งขึ้นไป ให้ถือว่าเริ่มสัมผัสคลื่นความคิดของคนรักได้ และก็อาจจะถึงตาคนรักให้ลองสลับข้างกับคุณบ้าง

หากต่างฝ่ายต่างทายถูกอย่างแม่นยำ ให้เพิ่มเลขขึ้นทีละหนึ่ง คือเป็น ๔, ๕, ๖ ไปเรื่อยๆ ถึงจุดหนึ่งจะพบว่าไม่ต้องให้คนรักอ่านเลขออกเสียงให้ฟังก่อน คุณก็อาจทายถูก และที่ตรงนั้นคุณจะเริ่มจำคลื่นความคิดที่ซับซ้อนของคนรักมากขึ้นเรื่อยๆได้ โดยเฉพาะความคิดสั้นๆที่เขาหรือเธอชอบพูดให้คุณได้ยินติดหู

นี่เป็นคำอธิบายว่าคู่รักบางคู่พออยู่กันนานๆ แล้วทำไมจึงรู้ความคิดกันได้โดย ไม่ต้องพูด คำพูดที่ตรงไปตรงมาต่อกัน ย่อมก่อกระแสความคิดเป็นคลื่นแบบเดิมๆให้คุ้นเคย ซึ่งสัมผัสแล้วจำได้ทันทีว่าแบบนี้ เอา ไม่เอา ชอบ ไม่ชอบ ผิดกับคู่รักส่วนใหญ่ที่แม้อยู่กันมาทั้งชีวิต เห็นกันมาทั้งชีวิต ก็ไม่เคยรู้ใจกันเลย นั่นก็เพราะไม่เคยเอาใจเขามาใส่ใจตน หรือไม่เคยแม้กระทั่งสังเกตว่าอีกฝ่ายกำลังพอใจหรือขุ่นเคือง มีแต่ใส่ใจว่าตนอยากได้สิ่งใด พอใจหรือไม่พอใจอย่างไรท่าเดียว


ฝึกรู้สึกถึงกันจากทางไกล

หากฝึกรักษาความรู้สึกกันและกันตามที่กล่าวแล้วทั้งหมดในบทนี้ ก็เท่ากับพวกคุณจูนจิตให้ตรงคลื่นกันได้อย่างยากจะหาคู่ใดเสมอเหมือน พวกคุณจะรู้สึกว่ากำลังมองไปในทางเดียวกันตลอดเวลา เดินควงคู่อยู่บนดิน ก็เหมือนโบยบินไปในฟ้ากว้างด้วยการเป็นปีกซ้ายและปีกขวาให้กับรักแท้

จิตที่ประณีตเสมอกันด้วยบุญ คือมีศรัทธา ศีล จาคะ และปัญญาเสมอกัน คลื่นจิตโดยรวมจะมีความใกล้เคียงกันมาก ยิ่งหากฝึกรู้ใจ เล็งจิตกันและกันเข้าไปอีก พวกคุณจะพบด้วยความอัศจรรย์ใจว่าสิ่งลึกลับในหัวของคนเรา อาจถูกรู้กันได้ง่ายๆ แค่นี้เอง

ความเพลินในกันและกันจะมีรสหลากหลาย ทั้งทางกายและทางใจ แม้กายห่างกัน ก็เหมือนใจสัมผัสกันได้คล้ายอยู่ใกล้
คุณหาความมั่นใจได้ตั้งแต่ตอนอยู่ในบ้าน ใช้ชีวิตตามปกติ ไม่ต้องนัดแนะกันเป็นพิเศษ เมื่ออยู่ต่างห้องกันให้นึกถึงคนรัก ถามตัวเองว่าคนรักกำลังสบายใจหรืออึดอัดใจ กำลังเป็นสุขหรือเป็นทุกข์ ทันทีนั้นเอง กระแสความผ่อนคลายหรืออึดอัดจะมาปรากฏในใจคุณทันที

ถ้าเป็นสุขสบายใจเต็มที่ จะเห็นเหมือนเกิดแสงสว่างเต็มดวงขึ้นในใจคุณ และพลอยทำให้คุณเกิดความเบิกบานตามไปด้วย

ถ้าแค่สบายใจธรรมดา จะเห็นเหมือนแสงสว่างครึ่งๆ ซึ่งอาจไม่มีผลใดๆกับความรู้สึกของคุณ

ถ้าอึดอัดใจมาก จะเห็นเหมือนเกิดความมืดขึ้นในใจคุณ และพลอยทำให้คุณเกิดความคับข้องตามไปด้วย

ถ้าแค่อึดอัดธรรมดา จะเห็นเหมือนความมืดสลัว ซึ่งอาจไม่มีผลใดๆกับความรู้สึกของคุณ

สำรวจดูดีๆ ว่าคุณแค่ทำความรู้สึกถึงเขาธรรมดาๆ หรือ ‘มีความอยาก’ ให้เขาเป็นสุขเป็นทุกข์แบบหนึ่งๆ ถ้าจับได้ไล่ทันตัวเองว่าตั้งความอยากไว้ ก็ให้ทราบเลยครับว่าความอยากคือตัวเบี่ยงเบนสัมผัสให้บิดเบี้ยวและผิดพลาด

เพื่อพิสูจน์ว่าคุณรู้สึกถูกต้อง ให้เดินหาคนรักจนเจอ แล้วถามตัวเองซ้ำอีกครั้ง ว่าด้วยอิริยาบถปัจจุบันของคนรักนั้น เขาหรือเธอกำลังรู้สึกอย่างที่คุณสัมผัสได้จากอีกห้องหนึ่งหรือเปล่า
และเพื่อยืนยันให้เกิดความมั่นใจชนิดไม่มีทางพลาด ให้ทักถามคนรักไปตรงๆ ว่ากำลังรู้สึกประมาณนั้นประมาณนี้อยู่ไหม ถ้าคำตอบออกมาถูกหลายๆ ครั้ง คุณจะเชื่ออย่างไม่สงสัยอีกต่อไปว่าตนสัมผัสจิตคนรักจากทางไกลได้จริง ไม่ใช่อุปาทานไปเอง

จิตไม่มีระยะทาง เพราะอยู่ในอีกมิติหนึ่งที่เป็นต่างหากจาก กว้าง ยาว ลึก ฉะนั้นแม้พวกคุณอยู่ห่างกันถึงดาวพระศุกร์ คุณภาพของจิตสัมผัสก็จะไม่ลดทอนลงตามระยะทางแม้แต่น้อย

จิตสัมผัสของรักแท้ เป็นของเล่นชิ้นหนึ่งที่น่าสนุก และความสนุกนั้นก็จะทำให้คุณติดใจในกันและกันมากขึ้นเรื่อยๆ กับทั้งอยากสื่อสารกันให้รู้ซึ้งยิ่งๆขึ้นไป ราวกับเป็นคนเดียวกันจริงๆ ไม่เป็นอื่นต่อกันจริงๆ และจิตสัมผัสจะไม่มีผลกระทบข้างเคียง หากคุณหมั่นพิจารณาว่าสิ่งที่สัมผัสได้ เป็นเพียงภาวะหนึ่ง เกิดขึ้นเดี๋ยวหนึ่งแล้วก็ดับ ไม่ต่างจากลมฟ้าอากาศ ที่มีร้อนบ้างเย็นบ้างสลับกัน

ความไม่ยึดมั่นถือมั่นจะทำให้คุณยังคงเป็นตัวของตัวเอง ไม่ติดค้างคาใจ ไม่ถือสาความคิดหยุมหยิมของใคร แต่ด้วยความยึดมั่นถือมั่น ต่อให้ไม่รู้จริงว่าใครคิดอย่างไร คุณก็จะทึกทักและปักใจเชื่ออยู่อย่างนั้น ว่าเขากำลังคิดอย่างที่คุณสำคัญผิดว่าเขาคิด

หากคลื่นจิตเท่ากัน เล็งตรงกัน ผูกพันกันอยู่เสมอๆ ก็อย่าแปลกใจเมื่อถึงเวลาหนึ่งมีเสียงของคนรักดังขึ้นในหัว ได้ยินชัดๆเหมือนหูฟังเสียง เพียงแต่นี่เป็นเสียงที่คุณรู้ว่าเกิดขึ้นกระทบใจ ไม่ใช่ความสั่นสะเทือนผ่านอากาศมากระทบแก้วหู

การมีเสียงของคนรักดังขึ้นในหัวไม่ใช่ปาฏิหาริย์ แต่เป็นธรรมชาติของจิตที่ทำตัวเป็นคลื่นรับส่งย่านเดียวกัน หลายคู่ก็เกิดประสบการณ์ทำนองนี้หรือยิ่งกว่านี้โดยไม่ต้องฝึก เพียงแต่ไม่ถึงระดับสื่อสารสองทางราวกับคุยโทรศัพท์ เพราะถึงขั้นนั้นต้องเรียกว่าเป็น ‘โทรจิต’ แล้ว

การมีโทรจิตต้องอาศัยความนิ่งและคุณภาพของจิตอีกระดับหนึ่ง ใจคุณต้องคิดน้อยลงกว่าธรรมดาเกิน ๙๐% ด้วยการเอาใจไปเกาะอยู่กับเครื่องทำความสงบเช่นลมหายใจหรือกสิณ ซึ่งยากที่ชาวบ้านทั่วไปจะทำ เอาแค่สัมผัสใจตอนตัวห่างไกลได้ก็สนุกพอแล้ว แน่นแฟ้นกว่าคู่อื่นไม่รู้เท่าไรแล้วครับ อย่าไปไกลถึงขั้นโทรจิตเลย


ฝึกฝันร่วมกัน

การฝันร่วมกันแทบเป็นประสบการณ์สามัญสำหรับคู่รักที่นอนพร้อมกัน และก่อนนอนคุยกันไปจนหลับ ทั้งนี้เนื่องจากจิตก่อนหลับจะถูกโยงเข้าหากัน หรือกระทั่งเล็งตรงกัน โดยมีข้อเรื่องที่พูดคุยกันเป็นตัวเหนี่ยวนำ พอหลับลงไปจึงมีคลื่นจิตของอีกฝ่ายมากระทบใจ ทำให้เห็นนิมิตฝันเป็นกันและกันในเรื่องราวคล้ายคลึงกัน

ฝันร่วมกันของคู่รักธรรมดามักจะตรงกันเพียงบางส่วน เช่น ฝันว่าไปเที่ยวน้ำตกด้วยกันก็จริง แต่สอบถามดูจะพบว่าฝ่ายหนึ่งไปเที่ยวน้ำตกไนแอการา ส่วนอีกฝ่ายไปเที่ยวน้ำตกที่ไหนไม่รู้ รู้แต่ไม่ได้ใหญ่มหึมาขนาดไนแอการาแน่นอน

หากอธิบายตามหลักจิตวิทยาขั้นพื้นฐาน ก็คือทั้งสองอาจคุยกันในแบบที่ทำให้รู้สึกชุ่มฉ่ำ ประมาณเดียวกับไปเที่ยวน้ำตก แต่น้ำตกในความประทับใจอยากไปเที่ยวของฝ่ายชายอาจเป็นไนแอการา ในขณะที่ฝ่ายหญิงไม่มีความปรารถนาหรือประทับใจไนแอการาเป็นพิเศษมาก่อน

แต่ยังมีฝันอีกแบบหนึ่ง ซึ่งพ้นไปจากฝันธรรมดา แต่เป็นการ ‘ร่วมฝัน’ ในความหมายของการร่วมสร้างนิมิตฝันขึ้นมาด้วยกันจริงๆ กับทั้งฝึกบังคับให้เป็นไปตามปรารถนาได้ด้วย เช่น ตกลงกันไว้ล่วงหน้าว่าถ้าเจอกันในฝัน จะบินไปด้วยกัน หรือไปดำน้ำเล่นกัน

การฝึกถ้าให้ลัดที่สุดนะครับ ต้องการคู่รักที่มีศรัทธา ศีล จาคะ และปัญญาเสมอกันดีแล้ว รู้วาระจิตกันพอสมควรแล้ว คลื่นจิตอยู่ในย่านเดียวกันแล้ว
ที่เหลือจากนั้นก็เล่นไม่ยาก ทำอย่างไรก็ได้ให้จิตไปจดจ่อกับความฝันของอีกฝ่าย เช่น หมั่นถามว่าเมื่อคืนฝันถึงกันและกันบ้างหรือเปล่า ฝันว่าอะไร และตั้งข้อสังเกตอย่างเป็นกิจจะลักษณะ คุยเฟื่องกันไปเลยว่าคุณอยู่ในความฝันของคนรักโดยมีความหมายแบบใด

ขุดคุ้ยเรื่องฝันๆ มาคุยกันให้เยอะๆ แล้วจิตจะเล็งอยู่กับความฝันของกันและกันไปเอง พอก่อนนอนให้ตกลงกันธรรมดาๆ อย่าตั้งใจมาก เอาแค่ว่าถ้าเจอกันในฝันคืนนี้นะ ลองจับมือกันบินจากพื้นขึ้นฟ้าไปในแนวตั้ง แล้วมองลงมาว่าเห็นอะไร ช่วยกันจำไว้ตรวจดูกันตอนเช้าว่าตรงไหม

หากคืนนั้นต่างคนต่างฝันไปคนละเรื่องก็ไม่เป็นไร ให้ทำความตกลงกันอีกทุกคืน จะเปลี่ยนแนวไปทางไหนก็ได้ เพราะบางทีจิตต้องเจอเรื่องที่สนใจพร้อมกันจริงๆ จึงจับติด เอาไปเป็นนิมิตฝันได้
ประสบการณ์แรกๆ ในการเจอกันในฝัน อาจนำหน้าด้วยฝันมั่วเลอะเทอะทั่วไป แต่พอเกิดนิมิตของคนรัก ก็จะกระตุ้นเตือนความทรงจำ ว่าเจอกันในฝันจะทำอะไรบ้าง และนั่นแหละ นิมิตฝันจะเป็นไปตามที่ถูกโปรแกรมไว้ก่อนหลับ

คลื่นจิตเป็นสิ่งอ่อนไหว ไม่มีทางที่คุณจะบังคับดังใจว่าต้องเกิดฝันร่วมกันในคืนนั้นคืนนี้ แต่ที่แน่คือถ้าคืนไหนจับพลัดจับผลูมีกันและกันในฝันขึ้นมา คืนนั้นพวกคุณจะสนุกมาก อาจเหมือนตะลุยผจญภัยอย่างน่าตื่นเต้นไปในนิทานอาหรับราตรีด้วยกัน ซึ่งไม่มีทางจะเกิดขึ้นจริงเลยในชั่วชีวิตคนธรรมดาเดินดิน

ถ้าจุดเครื่องติดแค่ครั้งเดียว คุณจะร่วมฝันด้วยกันได้อีกบ่อยๆ โดยอาจไม่ต้องสร้างข้อตกลงเป็นพิเศษ เพราะจิตขณะหลับจะทำงานเอง จูนกันติดเองเป็นอัตโนมัติ พวกคุณจะได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น เข้าถึงกันมากขึ้น เพราะความฝันคือส่วนสำนึกครึ่งดิบครึ่งสุก ทุกสิ่งจะไม่เหลือเป็นที่ปิดบังกันอีกเลย
และถ้าต้องฝันร้ายด้วยกัน จิตสำนึกของความเป็นคู่แท้ที่สร้างกันมา จะบันดาลนิมิตไปในทำนองฉุดมือช่วยกันอยู่ กอดคอร่วมกันตาย แน่นอนตื่นขึ้นมา พวกคุณอาจอยากร้องไห้กอดกันแน่นด้วยความดีใจที่เป็นเพียงฝัน กับทั้งเห็นใจกันลึกซึ้งขึ้น เชื่อมั่นว่าถ้าเป็นอย่างในฝันจริงก็จะไม่ทอดทิ้งกันแน่นอน


ท้ายบท

หวังว่าบทนี้คงช่วยให้คุณเห็นแนวทาง
ที่จะเป็นสุขกับการมีรักเดียวใจเดียวได้ตลอดไป
แน่นอนว่าไม่ง่าย แต่เป็นไปได้แน่ถ้าเอาจริง

เมื่อคุณสามารถรักษาความรู้สึกไว้ได้ตลอดรอดฝั่ง
โจทย์สำคัญข้อต่อไปคือพอถึงเวลาต้องจากกัน
คุณจะทำอย่างไรดี

จาก หนังสือธรรมะใกล้ตัว ฉบับที่ ๖๐

คราวหน้าจะไปดูกันว่า วิธีจากกันให้เป็น..ความรักจะไม่ตาย นั้นเป็นอย่างไร ? อย่าลืม!! ติดตามกันนะคะ

เพลง สิ่งสุดท้าย

ฟังเพลงไม่ได้คลิกตรงนี้นะคะ




Create Date : 09 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2552 21:05:42 น. 28 comments
Counter : 606 Pageviews.

 
ขอเข้ามาอ่าน รักแท้มีจริง ด้วยคนนะครับ

ความคิดนี่สำคัญเลยนะครับ
ตอนนี้ยาวจังเลยนะครับ

มาส่งพ่อระนาดแววไวเข้านอนครับผม

หลับฝันดี ราตรีสวัสดิ์ครับ

ปล. เพลงเพราะนะครับ







โดย: หมึกสีดำ วันที่: 9 พฤศจิกายน 2552 เวลา:21:20:25 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

หนูดำสบายดีจ้า.. ตอนนี้อยู่ที่สิงคโปร์ อิอิ..ค่าแต่อินเตอร์เน็ตแพงมั๊กมาก เลยไม่ค่อยได้เข้ามาทักทายเลย

แต่คิ๊ดถึ๊ง คิดถึง...ทู๊กๆคน


โดย: หนูดำจำมัย วันที่: 9 พฤศจิกายน 2552 เวลา:21:36:43 น.  

 
เนื้อหายาวนะครับแต่ต้องอ่านประกอบกันทั้งหมด
จะทำให้เข้าใจได้ดีขึ้น อ่านรอบเดียว
มีใจความสำคัญให้จับไปทั่วจนเบลอแต่หลักการ
ใหญ่ๆจับได้
คงต้องอ่านซ้ำอีกแต่ขอเว้นไว้ก่อน555
เพลงนี้เพราะมากฟังแล้วเหงาๆนะแต่แฝงความอบอุ่นในส่วนลึกๆๆๆๆๆ


โดย: อ้วนforest IP: 119.31.126.141 วันที่: 9 พฤศจิกายน 2552 เวลา:21:47:00 น.  

 
โหสาวน้อยปุ๊กจังของเรา อัพงานเร็วแท้
คนแก่ตาลายต้องรีบไปนอนแล้วนิ ฝันดีจ๊ะ

คลิกที่รูป เพื่อเอาโค้ดรูปนี้ไปแปะ



emo


โดย: Nat-cherry วันที่: 9 พฤศจิกายน 2552 เวลา:21:59:11 น.  

 
สวัสดีค่ะ...คุณปุ๊ก

สบายดีหรือป่าวเอ่ย

มาส่งเข้านอนนะค่ะ

หลับฝันดีค่ะ....


โดย: นุ่มณอ่อนนุช วันที่: 9 พฤศจิกายน 2552 เวลา:22:09:07 น.  

 
ใช่ค่ะ อยากมีคนรู้ใจ แต่ถ้ารู้ลึกขนาดรู้ว่าเรากำลังคิดอะไรในใจอย่างนี้ก็คงไม่ค่อยจะงดงามนัก......

อ่านจบแล้วหนึ่งเที่ยว น่าสนใจค่ะ แต่คงต้องค่อยๆอ่านใหม่อีกหลายๆครั้ง ฝึกจิตให้รู้ใจความคิดเห็นส่วนตัวแล้วไม่ใช่ของง่ายแต่ก็คงไม่เกินความสามารถ

ขอบคุณค่ะสำหรับเนื้อหาที่มีคุณค่าและน่าสนใจ


โดย: nathanon วันที่: 9 พฤศจิกายน 2552 เวลา:22:18:06 น.  

 
แวะมาส่งเข้านอนค่ะ...



โดย: กระป๋องแป้งฝุ่น วันที่: 9 พฤศจิกายน 2552 เวลา:23:15:02 น.  

 


โดย: นู๋ Beee เองค่ะ (Beee_bu ) วันที่: 10 พฤศจิกายน 2552 เวลา:1:32:56 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่ปุ๊กกี้ แวะมาทักทายและส่งความคิดถึงให้กันเหมือนเดิมค่ะ

วันนี้วันพระ มีธรรมะดี ๆ มาฝากให้อ่านกันด้วยค่ะ ^_^

เรื่องที่พี่ปุ๊กนำมาลงให้อ่านชุดนี้น่าสนใจทีเดียวค่ะ ได้ทั้งสาระ ประโยชน์ และนำมาใช้ในชีวิตจริงได้อย่างดีทีเดียวค่ะ ชอบประโยคนี้จัง

"การพยายามอ่านความคิดคนอื่น
อาจไม่ช่วยให้คุณรู้ใจตัวเองดีขึ้น แต่การรู้ใจตัวเองดีขึ้น
จะช่วยให้คุณอ่านความคิดคนอื่นออกอย่างรวดเร็ว"

และจะติดตามอ่านตอนต่อไปนะคะพี่สาว


โดย: นู๋ Beee เองค่ะ (Beee_bu ) วันที่: 10 พฤศจิกายน 2552 เวลา:1:35:22 น.  

 
สวัสดีตอนเช้าค่ะ.....คุณปุ๊ก

มีความสุขเยอะๆนะค่า



โดย: นุ่มณอ่อนนุช วันที่: 10 พฤศจิกายน 2552 เวลา:7:16:14 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับคุณปุ๊ก









โดย: กะว่าก๋า วันที่: 10 พฤศจิกายน 2552 เวลา:7:20:25 น.  

 
ยาวจังเลยพ่อระนาด อ่านจนสมองล้าและตาลายไปหมด อ่านแล้วคิดตามไปด้วย ต้องหาคนมาทดสอบทฤษฎีคุณดังตฤณหน่อยแล้ว

เชื่อแล้วว่าพ่อระนาดชอบเพลงของต้อม เพราะเพลงนี้ยังอุตส่าห์เอาเวอร์ชั่นของต้อมมาแปะไว้ แต่ผมชอบ original ของ The hot pepper singer ครับ
พยายามจะไม่ฟังนะเนี่ย เพราะวันนี้วันพระ แต่ครึ่งวันเช้ายังไม่ค่อยเคร่งเท่าไหร่ ต้องทำงาน ต้องไปแบ้งค์ ยังมีโอกาสผิดศีลอยู่ ไปถือเต็มตัวหลังเพล
สวัสดีวันพระครับ


โดย: oddy.freebird วันที่: 10 พฤศจิกายน 2552 เวลา:7:38:08 น.  

 
เสียดายจังไม่ได้ไปเจอนะค่ะเอาไว้โอกาศหน้านะค่ะ แต่แอบไปดูรูปบ้านปอป้ามาแล้วค่ะคงสนุกกันน่าดูเลย แล้วมีโอกาสคงได้เจอกันนะค่ะ
มีความสุขทุกเวลาเช่นกันนะค่ะ




โดย: พี่นู๋ดีค่ะ (kun_isara ) วันที่: 10 พฤศจิกายน 2552 เวลา:8:59:07 น.  

 
เรื่องความคิดนี่สำคัญนะ ยิ่งคนที่เราชอบนี่เรายิ่งอยากรู้ความคิดของเค้า จริงมั้ยจ๊ะน้องปุ๊ก เรื่องราวตอนนี้ค่อนข้างเนื้อหาเยอะ ต้องค่อยๆอ่าน แต่พออ่านจบแล้วได้ประโยชน์มากมายเลยจ้ะ

ปล.ลี่เต่าเสี่ยวเย่ฉวี่ภาคภาษาไทยนี่ก็เพราะดีนะจ๊ะ


โดย: JohnV วันที่: 10 พฤศจิกายน 2552 เวลา:9:37:43 น.  

 

น้อมรำลึกคล้ายวันมรณภาพ๖๐ปี หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต
๑๐ - ๑๑ พย. ๕๒ ณ วัดป่าภูริทัตตถิราวาส บ้านหนองผือ อ.พรรณานิคม สกลนคร

วันอังคารที่ ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๒ เป็น วันพระ ตรงกับวันแรม ๘ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีฉลู


ขอให้ ตั้งใจรักษาศีล ทำวัตร สวดมนต์ ทำสมาธิ ตามกำลังครับผม


โดย: หมึกสีดำ วันที่: 10 พฤศจิกายน 2552 เวลา:9:40:55 น.  

 
สวัสดีวันพระ...ค่ะ

ขอให้มีความสุขมาก ๆ ....สุขทั้งกายและใจ

สุข....ทั้งในชีวิตส่วนตัวและหน้าที่การงาน
สุข....กับคนที่ท่านรักและรักท่าน
สุข....กับความสมหวังในทุกสิ่งที่ปรารถนา

สุขสันต์วันพระ..ค่ะ




โดย: พรหมญาณี วันที่: 10 พฤศจิกายน 2552 เวลา:13:06:43 น.  

 
สวีดัสครับ น้องปุ๊กจัง
นี่ก็ใกล้กลับบ้านแล้ว ลืมไปว่ายังไม่ได้มาทัก
บ้านนี้ มีความสุขมากๆนะครับ
กลับบ้านก่อนครับ


โดย: อ้วนforest IP: 124.120.170.14 วันที่: 10 พฤศจิกายน 2552 เวลา:17:06:55 น.  

 
น้องปุ๊กครับ

มาฝึก"จิตรัก" ในบ้านน้องนะ

ได้ใจสบายๆขึ้นครับ

พี่ลัดฟ้ามา


โดย: ลัดฟ้ามาเจอ วันที่: 10 พฤศจิกายน 2552 เวลา:17:33:17 น.  

 
สวัสดีครับ พ่อระนาดแววไว

เอาดอกบวบมาฝากครับผม

และมาชวนไปอ่านเทพธิดาดอกบวบครับผม
ว่างๆ ขอเรียนเชิญ ติดตามได้ที่บล็อกนะครับ



มาส่งเข้านอนด้วยครับ
หลับฝันดี ราตรีสวัสดิ์ครับ



โดย: หมึกสีดำ วันที่: 10 พฤศจิกายน 2552 เวลา:20:19:50 น.  

 
สวัสดีครับคุณปุ๊ก....
มาขอร่วมตามรักแท้ด้วยคนครับ.....เพลงเพราะนะครับ

มาชวนไปไหว้พระที่วัดพระธาตุศรีจอมทอง เชียงใหม่ด้วยกันครับ

ยิ๊นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน....ดีจั๊ดนักครับ



โดย: เพลงดาบกระบี่เดียวดาย วันที่: 10 พฤศจิกายน 2552 เวลา:23:13:30 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับคุณปุ๊ก








โดย: กะว่าก๋า วันที่: 11 พฤศจิกายน 2552 เวลา:7:33:30 น.  

 
พ่อระนาดจ๋า

ดาวจ๋ายกไดฟูกุ ใส้ถั่วแดง + องุ่น มาฝากค่ะ

มีความสุขมากๆนะคะ



โดย: satineesh วันที่: 11 พฤศจิกายน 2552 เวลา:7:40:24 น.  

 
สวัสดีค่ะ
เมื่อวานยายไปวัด นั่งฝึกจิตด้วยค่ะ
อากาศร้อนมาก ยายเป็นลม ต้องนอนพักผ่อน
ยังคิดว่าจะเข้ากรุงเทพฯ ได้หรือเปล่ายังไม่แน่ใจ
ให้หลานมีความสุข และสุขภาพแข็งแรง
ยายเป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ....


โดย: กัดหมอน (กัดหมอน ) วันที่: 11 พฤศจิกายน 2552 เวลา:8:53:19 น.  

 
สวัสดีจ๊ะ
น้องปุ๊กจัง...
พี่เอารูปมาฝากนะคะ...
ยังไม่ได้อัพฯ..หรอกค่ะ...
เลยเอารูปมาฝาก..ตามบล๊อกนะคะ..

อิอิ..ง่ายไปเปล่าเนี่ย..น้องปุ๊กสบายดีนะคะ...









โดย: คนชุมแสง วันที่: 11 พฤศจิกายน 2552 เวลา:12:17:50 น.  

 



วันนี้อากาศร้อนจัง
มาเสิร์ฟ น้ำมะนาวเย็นๆ ยามบ่ายครับผม

ปล. ห้ามลบเม้นผมนะครับ



โดย: หมึกสีดำ วันที่: 11 พฤศจิกายน 2552 เวลา:13:47:30 น.  

 

น้องปุ๊กครับ

มื้อค่ำอร่อยๆนะครับ

พี่มาฝึกจิตจะได้หลับสบายๆนา

น้องมีความสุขมากๆนะครับ

พี่ลัดฟ้ามา


โดย: ลัดฟ้ามาเจอ วันที่: 11 พฤศจิกายน 2552 เวลา:18:18:45 น.  

 
แวะมาดูอิอิ


โดย: อาลีอา วันที่: 11 พฤศจิกายน 2552 เวลา:22:05:27 น.  

 



ขอให้หลับฝันดี ราตรีสวัสดิ์คร๊าบบบ....



โดย: หนุ่มน้อยแห่งลุ่มแม่น้ำบางปะกง วันที่: 11 พฤศจิกายน 2552 เวลา:23:22:23 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พ่อระนาด
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เพียรฝึกตนใฝ่รู้ หลักธรรม

จิตเพ่งคิดจดจำ บ่มไว้

หมายเพียรมุ่งตัดกรรม วัฏฏะ

หวังสละจิตสุดท้าย ดิ่งเข้านิพพาน..

Friends' blogs
[Add พ่อระนาด's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.