จิตฺตํ ทนฺตํ สุขาวหํ ... จิตที่ฝึกดีแล้ว ย่อมนำความสุขมาให้ ... สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ ... การให้ธรรมะชนะการให้ทั้งปวง
Group Blog
 
<<
มกราคม 2553
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
9 มกราคม 2553
 
All Blogs
 
รักเหนือรัก ๓



ความรักไม่ได้อยู่ที่หัวใจ แต่อยู่ที่ใจทั้งดวง
เพราะหัวใจกว้างไม่ถึงคืบ
ขณะที่ดวงใจแผ่กว้างได้ครอบโลกเท่าความรัก



เกิดมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก พวกเราทุกคนถูกธรรมชาติฝึกให้เห็นแก่ตัว อยากได้อะไรต้องได้ ไม่ว่าจะอยากดูดนม อยากอยู่ในอ้อมอกแม่ อยากได้ของเล่น ฯลฯ คนอื่นต้องหามาให้ โดยไม่ต้องสนใจว่าใครเขาจะเหนื่อยยากขนาดไหน ไม่ต้องสนใจฟังว่าใครเขาจะอ้อนวอนให้หยุดแผดเสียงอย่างไร ฉันจะเอาของฉันเสียอย่าง ใครจะทำไม

เมื่อโตขึ้น คนส่วนใหญ่ก็ยังไม่พ้นจากแรงทะยานอยากและความเห็นแก่ตัวแบบเมื่อแรกเกิดสักเท่าใด จะเขยิบขึ้นมานิดเดียว ก็คือความเข้าใจว่าไม่มีใครตามใจให้เราทุกอย่างเหมือนพ่อแม่เท่านั้น

ที่แน่ยิ่งกว่าอะไร คือ เราจะสนใจความอยากของตัวเองมากกว่าความทุกข์ของคนอื่นเสมอ!

รักแท้อาจสอนให้คุณเห็นแก่ตัวน้อยลง และค่อยๆยกระดับรักให้สูงขึ้น แต่คงดีหากคิดจะยกระดับความรักด้วยตนเองโดยไม่ต้องคอยรักแท้บงการ เพราะบางครั้งรักแท้มาช้า หรือสายเกินกว่าที่คุณจะแก้ความเห็นแก่ตัวจัดเสียแล้ว

ความรักที่สูงเหนือกว่าภาคพื้นกามารมณ์ เรียกว่าความรักแบบพรหม คือเหล่าพรหมใช้ความรักแบบนี้เป็นเครื่องกำเนิด ตลอดจนเป็นเครื่องรักษาชีวิต จิตของพวกท่านรักได้โดยไม่ต้องอาศัยกามล่อ อีกทั้งเป็นความรักไม่จำกัด ไม่เลือกหน้า ไม่แบ่งชนชั้นวรรณะ เราจึงเรียกความรักแบบพรหมว่า ‘พรหมวิหาร ๔’ ซึ่งแปลตรงตัวว่า ‘เครื่องอยู่ของพรหม’

ความรักแบบพรหมจะทำให้คุณบังเกิดความเข้าใจว่า รักแท้เป็นสิ่งที่ตั้งต้นจากตัวคุณได้ ไม่ใช่ต้องรอขอความร่วมมือจากใคร

รักแท้แบบพรหมไม่เคยตามหาตัวคุณ แต่คุณต้องไล่ล่าหามันเอาเอง และเมื่อหาเจอ คุณจะย้อนกลับมาเปรียบเทียบได้ว่ารักแบบหญิงชายอยู่ต่ำระดับกว่าเพียงใด เป็นสุขน้อยกว่ากันขนาดไหน คุณจะเห็นถนัดว่า ก็เมื่อเท้าของคนเราจมอยู่ในโคลนตมแห่งกิเลส แล้วแสวงหาความรักกันด้วยมือที่เปื้อนโคลนตมแห่งกิเลส ความรักจะไม่เปื้อนมลทินอย่างไรได้

ต่อเมื่อมือเท้าสะอาดจากโคลนตมแห่งกิเลส นั่นเองความรักจึงอยู่ในมือได้โดยไม่เปื้อนมลทิน


รักได้โดยไม่ต้องรอความน่ารัก คือรักเหนือรัก เป็นรักในอุดมคติที่ทำได้จริง ลองมาดูเป็นข้อๆครับว่าเหล่าพรหมท่านทำกันอย่างไร


๑) มีเมตตา


เมตตาในความรักแบบพรหม ก็คือความรู้สึกรักนั่นเอง แต่เป็นรักที่ไม่เจืออยู่ด้วยความเห็นแก่ตัว มีแต่ความปรารถนาให้ใครต่อใครเป็นสุข ซึ่งก็เป็นตรงข้ามกับความเกลียดชังหรือผูกใจพยาบาท อันเปรียบเสมือนไฟทางจิตที่ลุกโพลงตลอดวันตลอดคืน โดยมีหัวใจร้อนๆเป็นถ่านเชื้อเพลิง

เริ่มรักแบบหญิงชาย คุณอาจถูกดึงดูดให้มา ‘ปรารถนาดีต่อกัน’ ด้วยเรื่องคาวๆ แต่ต่อมาเมื่อร่วมบุญ ร่วมกุศลทางกาย วาจา ใจ ก็อาจพัฒนาขึ้นเป็นความรู้สึกลึกซึ้งซึ่งไม่ต้องอิงกามารมณ์ ต่อให้แยกจากกัน ไม่ได้อยู่ด้วยกันอีกแล้ว ก็ยังอยากให้อีกฝ่ายมีความสุขเสมอ ห่วงใยอยู่เสมอ เรื่องแต่หนหลังที่แล้วมาจะแค้นเคืองเพียงใดก็ลืมได้หมด ไม่เก็บมาเป็นอารมณ์ทั้งหมด

ความเมตตาจึงเป็นเรื่องของใจล้วนๆ คุณเห็นใครมีเมตตาได้จากรังสีเยือกเย็นที่ฉายชัดจากนัยน์ตา หรือรัศมีความอบอุ่นอ่อนโยนที่แผ่ออกมาจากตัวให้รู้สึก

ใครที่ไปถึงความมีเมตตาอย่างใหญ่ ย่อมรู้สึกได้ถึงพื้นฐานความเป็นจิตที่หนักแน่นมั่นคง และแผ่รัศมีได้กว้างขึ้นเรื่อยๆ จึงเรียกว่า ‘แผ่เมตตา’ และเมื่อประคองไว้ในอาการเช่นนั้นได้นานเกิน ๕ นาที จิตจะเข้าสู่ภาวะตั้งมั่นเป็นสมาธิอย่างใหญ่ เหมือนหัวตัวหายไป เหลือแต่ความเบิกบาน ยิ้มแย้ม และขยายขอบเขตรอยยิ้มกว้างไกลไพศาล ปีติสุขเบิกบานเหมือนน้ำพุที่ฉีดซ่านไม่รู้อิ่มรู้เบื่อ

ความแผ่ไปแห่งรักอย่างไม่เลือกหน้า ไม่มีประมาณชนิดนั้น เรียกว่า ‘อัปปมัญญาสมาบัติ’ คือเป็นฌาน จิตใหญ่เป็นหนึ่งเดียว ประกอบด้วยความรู้สึกรักได้โดยไม่ต้องเห็นหน้าใคร ไม่ต้องมีคน ไม่ต้องมีสัตว์มาเป็นเป้ายิงความรักใส่ จิตแผ่ไปครอบโลก ปีติสุขจึงซ่านไกลขนาดรู้สึกว่าจะเผื่อแผ่ความสุขไปถึงใครก็ได้ เป็นคนหรือสัตว์ก็ได้ เป็นเทวดาหรือสัตว์นรกก็ได้


๒) มีความกรุณา


กรุณาในความรักแบบพรหม หมายเอาความคิดจะลงมือช่วยใครต่อใครให้พ้นทุกข์ หรือที่สุขอยู่แล้วก็อยากช่วยให้สุขยิ่งๆขึ้นจนถึงความบริบูรณ์ไม่กลับไม่เปลี่ยน ซึ่งเป็นตรงข้ามกับความเห็นแก่ตัวและความตระหนี่ถี่เหนียว อันก่อความแห้งแล้งให้กับสังคมมนุษย์มาทุกยุคทุกสมัย

เริ่มรักแบบหญิงชาย คุณอาจอยากได้รับความกรุณาจากอีกฝ่าย และไม่ค่อยอยากเป็นฝ่ายกรุณาเขาหรือเธอ อาจด้วยความกลัวเสียเปรียบ หรืออาจจะเห็นว่าเขาหรือเธอรักคุณมากกว่า ก็ต้องเอาใจคุณมากกว่า ทำอะไรให้คุณมากกว่า

แต่ต่อมาเมื่อร่วมบุญ ร่วมกุศลทางกาย วาจา ใจ ก็อาจพัฒนาขึ้นเป็นความอยากทำอะไรให้คนรักบ้าง อาจจะในรูปของการตอบแทน แล้วเขยิบขึ้นเป็นความหวังดี คิดริเริ่มช่วยเหลือเองโดยไม่ต้องรออีกฝ่ายทำให้ก่อน รวมทั้งไม่ได้หวังจะให้คนรักมาตอบแทนในรูปแบบเดียวกันหรือรูปแบบไหนๆด้วย

ถ้าต่อยอดพัฒนาจากกรุณาคนรักไปเป็นกรุณาสังคมผู้ด้อยโอกาส หรือกรุณาสัตว์หน้าตาน่าสงสารทั้งหลาย ก็ย่อมไปถึงความกรุณาอย่างใหญ่ สะสมไว้เป็นสิบๆปีแล้ว จิตจะแผ่กระแสเยือกเย็นโอฬาร ราวกับเป็นปราสาทราชวังให้ผู้สัมผัสใกล้ชิดได้รู้สึก

ความอยากช่วยเหลือไม่เลือกหน้า ไม่มีประมาณชนิดนั้น ถ้าตกถึงฌาน มีความเป็นหนึ่งเดียว ก็เรียกว่าเป็นอัปปมัญญาสมาบัติเช่นกัน แต่ทางเข้าของสมาบัติจะมีความยิ่งใหญ่กว่าการแผ่เมตตาเฉยๆ เนื่องจากพัฒนามาจากการสั่งสมบารมีลงมือช่วยจริง


๓) มีมุทิตา


มุทิตาในความรักแบบพรหม คือการพลอยยินดีกับเรื่องดีของคนอื่น หมายถึงว่าเมื่อเห็นใครได้ดี มีสุข มีความเจริญรุ่งเรือง ประสบความสำเร็จทางโลกหรือทางธรรม ก็เกิดความแช่มชื่นโสมนัสตาม ซึ่งเป็นตรงข้ามกับความริษยา อันก่อความร้าวฉานให้กับใครต่อใครทั้งโลกมาชั่วกาลนาน

เริ่มรักแบบหญิงชาย คุณอาจพลอยดีใจไปกับความสำเร็จหรือความเจริญก้าวหน้าของคนรัก แทบเหมือนเป็นเรื่องน่ายินดีของคุณเอง เพราะหน้าตาของคุณอยู่คู่เขา เมื่อใบหน้าของเขาใหญ่ขึ้น ใบหน้าของคุณก็พลอยใหญ่ตามไปด้วย

ทว่าพอเลิกเป็นคนรักกัน ความพลอยดีใจของคุณอาจกลับเปลี่ยนเป็นหมั่นไส้ ไม่สบอารมณ์ ไม่อยากได้ยินเรื่องดีๆ ที่เป็นมงคลของคนรักเก่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าได้ยินว่าพบคนใหม่ที่ดีกว่าคุณ ให้ความสุขได้มากกว่าที่คุณเคยให้ อันนี้อย่าว่าแต่จะพลอยยินดี แค่เอาตัวให้รอดจากการกระอักเลือดเสียก่อนก็ยากแล้ว!

ความรักแบบพรหมจะไม่คำนึงว่าใครเคยเป็นคนรัก ใครกำลังเป็นคนชัง ขอให้เป็นคนเถอะ ขอให้เป็นสัตว์หรือสิ่งมีชีวิตใดๆ เถอะ ถ้าได้ดีเป็นพลอยชื่นใจด้วยได้หมด

การฝึกให้ยินดีกับทุกคนนับเป็นเรื่องยาก เพราะความริษยาหรือความพยาบาทมักออกมาขวางหน้า ยิ่งเค้นยิ่งฝืด เหมือนจะให้เสแสร้งแกล้งยินดีที่คนรักเก่าไปได้คนใหม่ดีกว่าตนนั้น มันผิดธรรมชาติเอามาก

ทางเดียวที่คุณจะชื่นใจได้กับความสุขความเจริญของคนและสัตว์ไม่เลือกหน้า คือต้องคอยแผ่เมตตาและกรุณามากจนเกิดสมาธิ จิตตั้งมั่น ซ่านปีติสุขเยือกเย็นได้โดยไม่ต้องมีใบหน้าใครเป็นเครื่องเหนี่ยวนำ ทำได้อย่างนั้นธรรมชาติของใจคุณถึงจะต่างจากเดิม จิตของคุณจะพลอยยินดีกับใครต่อใครไปเองโดยไม่ต้องฝืน เพราะสิ่งเดียวที่จิตคุณต้องการคือความสุขในรัก ไม่อยากเสียสุขในรักให้กับกิเลสคู่ปรับ อันได้แก่ความริษยาและความพยาบาทแต่อย่างใด

ความสามารถแช่มชื่นกับผู้อื่น เมื่อสะสมให้มากอย่างไม่เลือกหน้า ไม่มีขอบเขตประมาณแล้ว ย่อมเข้าถึงอัปปมัญญาสมาบัติได้เช่นกัน เพียงมีความโสมนัสกับเรื่องดีของใคร ใจก็หน่วงเป็นอารมณ์แห่งฌานได้แล้ว


สรุปคือสิ่งที่จะรักษาความสุขไว้ได้ ก็คือความพลอยยินดี ไม่ใช่ความริษยาพยาบาท นี่เองมุทิตาจึงเป็นหนึ่งในสิ่งที่พรหมต้องมี หากยังบกพร่อง หากยังมีข้อยกเว้น ก็ยังนับเป็นพรหมไม่ได้ครับ


หมายเหตุไว้ด้วย ว่าไม่ใช่ช่วยยินดีหรือพลอยแช่มชื่นดะไปหมด เป็นต้นว่าเห็นคนยิงชู้ดับคามือ แก้แค้นสำเร็จ เลยพลอยตบมือหัวเราะร่าไปกับเขา นั่นเท่ากับคุณร่วมยินดีในการฆ่า ซึ่งก็จะได้ส่วนแห่งบาปอันเกิดจากการฆ่า ไม่ใช่มุทิตาแบบพรหมแน่นอนครับ


๔) มีอุเบกขา


อุเบกขาในความรักแบบพรหม คือการมีใจเป็นกลางกับกรรมของคนอื่น เพราะเห็นตามจริงแล้วว่าใครทำอย่างไร ย่อมได้รับผลสอดคล้องตามนั้น

โดยทั่วไปความรักแบบหญิงชายจะไม่สอนให้คุณเป็นกลางวางเฉย เพราะเมื่อเห็นคนรักประสบทุกข์ ก็ย่อมอยากยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ตลอดจนทำทุกอย่างเพื่อให้คนรักพ้นความผิด แม้จะต้องเป็นคนทำผิดเสียเอง

ตรงข้าม เมื่อเห็นคนรักเก่าประสบสุข ก็จะนึกอยากแช่งให้เจอความทุกข์เสียบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณยังคงเสียอกเสียใจกับการเลิกรากัน คุณอาจถึงขนาดอยากทำตัวเป็นต้นเหตุแห่งทุกข์ของเขาเสียเองเลยก็ได้


อุเบกขาแบบพรหมเกิดขึ้นได้สองระดับ ระดับแรกคือการทำความเข้าใจด้วยสติปัญญาแบบนึกคิด คือสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ทุกคนต่างเคยทำทั้งบุญและบาป เมื่อบุญถึงเวลาผลิดอกออกผลเต็มที่ ก็ย่อมไม่มีสิ่งใดทำให้เจ้าของบุญต้องเป็นทุกข์ เช่นเดียวกับเมื่อบาปถึงเวลาเผล็ดผลเต็มกำลัง ก็ย่อมไม่มีสิ่งใดทำให้เจ้าของบาปเป็นสุขไปได้เช่นกัน

ความเข้าใจในระดับนึกคิดนั้น จะให้ผลเป็นความรู้สึกวางเฉยได้ก็ต่อเมื่อคิดบ่อย เห็นเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับใคร ถ้าช่วยได้ก็ช่วยด้วยความกรุณาแบบพรหม แต่หากช่วยไม่ได้ก็ต้องคิดวางอุเบกขาแบบพรหมว่าเป็นกรรมของเขาเช่นกัน


อีกระดับหนึ่งที่เหนือกว่านั้น คือการหยั่งรู้เข้าไปในเรื่องของกรรมวิบากจริงๆ คือจิตเกิดอภิญญาอันมีสมาธิชั้นสูงเป็นบาทฐาน คือเมื่อเรียนรู้ไว้ก่อนว่าร่างกายเป็นผลของกรรมเก่า รูปร่างหน้าตาเป็นผลของกรรมเก่า เพศเป็นผลของกรรมเก่า ชะตากรรมทั้งหลายเป็นผลของกรรมเก่า ก็สามารถใช้จิตตรวจสอบดูความจริงอันเป็นเบื้องหลังกรรมทั้งหมดเหล่านั้น

เมื่อจิตมีกำลังมากพอ ย่อมเกิดญาณหยั่งรู้ และพบว่ากรรมวิบากเป็นความจริง โดยจะเห็นเป็นเรื่องๆไป เช่น เมื่อพบว่าคนรักเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน จู่ๆมีรถบรรทุกถลาเข้าบี้บดจนยับเยินไปทั้งคัน แทนที่จะร้องไห้คร่ำครวญ ตัดพ้อต่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าทำไมไม่เห็นดูแลคนดี ผู้มีอภิญญาย่อมตรวจดูได้ด้วยตนเอง โดยหน่วงนิมิตโศกนาฏกรรมของคนรักไว้ด้วยใจ แล้วน้อมนึกว่าโศกนาฏกรรมนี้มีสิ่งใดเป็นต้นเหตุ


ด้วยความแก่กล้าของญาณ ผู้ทรงอภิญญาก็อาจเห็นถนัดว่าคนรักเคยไปซุ่มดักฆ่าใครกลางทางเอาไว้แต่ปางก่อน มาชาตินี้ถึงจุดตัดของเวลาที่ต้องเสวยผลบาปนั้น จึงบันดาลให้ต้องตายอนาถกลางทาง ทั้งหมดหาใช่การกลั่นแกล้งหรือการดูดายจากภูตผีหรือเทวดาที่ไหนเลย

คุณจะทราบด้วยญาณ ว่าปาณาติบาตหนักๆ ที่เคยทำไว้ มักวางแผนให้เจ้าของกรรมต้องตายด้วยอุบัติเหตุก่อนที่จะเกิดมามีเลือดเนื้อเสียอีก ด้วยความหยั่งทราบนี้เอง คุณจึงไม่ตีโพยตีพายโวยวายกับใคร แต่จะสงสารสัตว์โลกเท่าเทียมกัน แม้แต่คนที่กำลังอยู่ดีมีสุข คุณก็จะไม่รู้สึกว่าเขา ‘เคราะห์ดี’ ไปกว่าคนที่กำลังประสบเคราะห์ร้ายแต่อย่างใดเลย

ทุกคนโชคร้ายที่ไม่รู้เรื่องกรรมวิบากเหมือนๆ กันหมด!


อุเบกขาแท้จริงระดับพรหมที่อยู่เหนือมนุษย์ ใจจึงเป็นกลาง หนักแน่นยิ่งกว่าแผ่นดิน ผิดว่าตามผิด ถูกว่าตามถูก ไม่ปล่อยให้ความรักหรือความเกลียดมาครอบงำได้ จิตจึงเป็นอิสระ และพร้อมจะเข้าถึงฌาน เป็นอัปปมัญญาสมาบัติได้ทุกเวลา

สำหรับอุเบกขาที่ฝึกได้ในชีวิตคู่นี่นะครับ เอาแค่ให้ชีวิตคู่เป็น ‘สนามฝึกดัดจิต’ ก็พอแล้ว คนเราไม่เห็นตัวเองผิด เห็นแต่ตัวมีความชอบ และเห็นแต่ความผิดของคู่ครอง แล้วบางทีรู้ทั้งรู้ว่าตัวเองผิด ก็จะดันทุรังงัดเหตุผลข้างๆคูๆมาบีบให้คนรักยอมรับว่าตนเองถูกให้จงได้

ที่ผ่านมาเมื่อผิดแล้วไม่ว่าตามผิด ทำให้จิตบิดเบี้ยว ถึงตอนครองคู่ก็อาจอาศัยชีวิตคู่เป็นสนามฝึกดัดจิตให้ตรง โดยเริ่มจากการยอมลงให้กับเหตุผล ตอนแรกๆอัตตาจะยังหนา ไม่เอื้อให้อยากยอมรับ แต่เมื่อพิจารณามากเข้า ย้ำกับตัวเองมากเข้าว่าทำอย่างนี้เราผิดจริง หรือทำอย่างนั้นเรามีส่วนผิดด้วย เลิกคิดคำแก้ตัวต่างๆนานา ผ่านเดือนผ่านปีคุณจะกลายเป็นคนจิตตรง เห็นอะไรตามจริงอย่างเต็มตัว โดยไม่ต้องฝืนใจอีก


จาก หนังสือธรรมะใกล้ตัว ฉบับที่ ๖๔

----------------------------------------

ปล. ตอนนี้ยาวหน่อยนะคะ แต่เห็นว่าเกี่ยวกับพรหมวิหาร ๔ ก็เลยไม่อยากแยกค่ะ ยังไงก็ค่อยๆ อ่านนะคะ
ครั้งหน้าจะไปดู "การยกระดับบุญ เกี่ยวข้องกับรักแท้อย่างไร " อย่าลืม! ติดตามกันนะคะ อ้อ ตอนหน้าเป็นตอนจบของหนังสือเล่มนี้แล้วนะคะ ใครพลาดล่ะก็ขอบอกว่าน่าเสียดายค่ะ




Create Date : 09 มกราคม 2553
Last Update : 11 มกราคม 2553 7:12:25 น. 50 comments
Counter : 655 Pageviews.

 
สวัสดีวันเด็กครับ พ่อระนาดแววไว

วันนี้ไปรับขนมที่ไหนมาบ้างครับ คริ คริ

เด็กหน้าดื้อ เขาจะแจกขนมมั๊ยครับ

สุขสันต์วันหยุดดีๆ นะครับ




โดย: หมึกสีดำ วันที่: 9 มกราคม 2553 เวลา:17:31:20 น.  

 
รอใครหนอเรียกว่าเด็กฯ คริ คริ
ไปธนาคารออมสินมาค่ะ ลืมว่าเป็นวันเด็ก เข้าคิวนานมาก แต่ถอนเงินจากแบงก์อื่นมาแล้ว จะย้อนกลับไปฝากแบงก์กลัวเขารู้ว่าเราบ้า เลยทนรอ...ได้กระปุกออมสินมาหนึ่งอัน ความจริงเขาแจกเฉพาะเด็กๆ แต่เขาให้ครูเรดฯ ด้วยละ คงกลัวเราโวยวาย หรือไม่คิดว่าเราเป็นเด็กๆ โฮะ โฮะ


โดย: redclick วันที่: 9 มกราคม 2553 เวลา:17:55:24 น.  

 
^^

รักหนอรัก
รักแท้เป็นสิ่งที่ตั้งต้นจากตัวคุณได้ ไม่ใช่ต้องรอขอความร่วมมือจากใคร

ใช่เลยรักแท้เราทำคนเดียวได้


โดย: Girl_lov_Star วันที่: 9 มกราคม 2553 เวลา:19:10:21 น.  

 
สวัสดีค่ะ สบายดีหรือเปล่าคะ


โดย: ooyporn วันที่: 9 มกราคม 2553 เวลา:19:14:23 น.  

 
แน่นอน รักแท้มีอยู่จริง


โดย: ถุงก๊อปแก๊ป วันที่: 9 มกราคม 2553 เวลา:19:26:08 น.  

 
น้องปุ๊กจัง ยังไม่อ่านก่อนแอบเข้ามาฟังเพลง55
เพลงเพราะจังไม่ได้ยิน สุนทรนานแล้ว


โดย: อ้วนforest IP: 119.31.88.227 วันที่: 10 มกราคม 2553 เวลา:1:22:17 น.  

 
อนุโมทนาสาธุค่ะคุณพ่อระนาด รักแบบพรหม(กับพรหมวิหาร ๔) นี่ดีจังเลยน่ะค่ะ บุษเชื่อค่ะว่ารักแท้มีจริง สุขสันต์วันเด็กค่ะ มาส่งเข้านอนจ๊ะ นอนหลับฝันดีค่ะ


โดย: Budratsa วันที่: 10 มกราคม 2553 เวลา:1:45:50 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับคุณปุ๊ก








โดย: กะว่าก๋า วันที่: 10 มกราคม 2553 เวลา:7:16:01 น.  

 
ใช้พรหมวิหาร 4 มาเป็นช่วยทำให้รักคงอยู่กะเราเหรอคะคุณปุ๊ก...อืมมม...นอกจากเรื่องงานแล้วยังเอาไปใช้เรื่องอื่นๆ ในชีวิตคนเราได้อีกเยอะนะคะ


โดย: deeplove วันที่: 10 มกราคม 2553 เวลา:10:39:26 น.  

 
ตื่นหรือยังคะ วันนี้จะออกไปซื้อต้นไม้ค่ะ


โดย: redclick วันที่: 10 มกราคม 2553 เวลา:11:47:06 น.  

 
ความรักของพี่จอนก็เป็นแบบไม่จำกัด ไม่เลือกหน้า ไม่แบ่งชนชั้นวรรณะเหมือนกันจ้ะน้องปุ๊กจ๋าาา


โดย: JohnV วันที่: 10 มกราคม 2553 เวลา:13:12:04 น.  

 
ตามแบบคนข้างบนด้วยคน น้องปุ๊กจัง5555


โดย: อ้วนforest IP: 110.49.186.67 วันที่: 10 มกราคม 2553 เวลา:17:20:27 น.  

 
ดีจ้าพี่ปุ๊ก
เพิ่งผ่านวันเด็กไปมะวานนี้เอง
นู๋แจนยังเล่นไม่เต็มอิ่มเลยอ่ะ 555
(แอ๊บสุดๆ)



โดย: JJ&TheGang วันที่: 10 มกราคม 2553 เวลา:19:24:21 น.  

 


โดย: deeplove วันที่: 10 มกราคม 2553 เวลา:21:43:52 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับคุณปุ๊ก









โดย: กะว่าก๋า วันที่: 11 มกราคม 2553 เวลา:6:41:17 น.  

 
สวัสดีตอนเช้าค่ะ ทำงานอีกแล้วเนาะ เร็วจัง


โดย: redclick วันที่: 11 มกราคม 2553 เวลา:7:35:36 น.  

 
ท่านผู้ปกครองต้องเคลียร์ด่วน ปล่อยให้คุณหนูเล็กคิดเอง คิดไปถึงไหนๆ


โดย: redclick วันที่: 11 มกราคม 2553 เวลา:12:34:41 น.  

 

มาแจ้งข่าวว่าอัพบล็อกแลัวครับ...

วันนี้เสนอตอน

หล่มสวรรค์ !


"....ลมหายใจ ไร้ศักดิ์ศรี ของชีวิต

ความศักดิ์สิทธิ์ แห่งวิญญาณ ถูกผลาญพร่า

ธรรมชาติ ถูกบีบบด กดราคา

เติมเงินตรา ท่อ-สายไฟ ใส่แทนกัน..."





โดย: ลุงแว่น วันที่: 11 มกราคม 2553 เวลา:13:40:07 น.  

 
รักแบบพรหมต้องรักแบบปีบผลิมาณพครับ
เอาพวงมาลัยวางคั่นไว้ตรงกลาง


โดย: oddy.freebird วันที่: 11 มกราคม 2553 เวลา:15:17:40 น.  

 
แวะมาเยี่ยมคุณปุ๊กตอนเย็นๆ..
งานยุ่งไหมคะ..


โดย: ตัวp_ลีมล็อกอิน IP: 124.122.110.82 วันที่: 11 มกราคม 2553 เวลา:15:26:26 น.  

 
เดี๋ยวจะเอามาสวมให้ที่นิ้วนางนะ เอามั้ยจ๊ะน้องปุ๊กจ๋าาา


โดย: JohnV วันที่: 11 มกราคม 2553 เวลา:16:09:11 น.  

 
งั้นรอก่อนนะ เดี๋ยวไปหาซื้อขนมหลอกเด็กก่อน เอาแบบที่เค้ามีสร้อยมีแหวนซ่อนอยู่ในถุงอ่ะ แถมรถให้ด้วย 1 คัน รถที่มีช็อคโกแลตติดอยู่ข้างหลังด้วยจ้ะ เท่ห์ดี


โดย: JohnV วันที่: 11 มกราคม 2553 เวลา:16:24:17 น.  

 
อ้าว...เคลียร์แบบพี่จอห์นแนะนำไม่ดีหรือคะนู๋เล็ก 555


โดย: redclick วันที่: 11 มกราคม 2553 เวลา:16:32:46 น.  

 
รักแท้มีจริง จริง ๆ ค่ะ
แต่คุณดังตฤณบอกว่า
รักแท้จะมีจริง แต่แท้จริงกว่าคือกิเลส
เห็นด้วยเป็นที่สุดค่ะ อิอิ

แวะมาราตรีสวัสดิ์ค่า
หลับฝันดีนะคะ


โดย: JinnyTent วันที่: 11 มกราคม 2553 เวลา:23:27:45 น.  

 
เพลงนี้เป็นเวอร์ชั่น Original เลยใช่ใหมครับ...

ขอบคุณที่ติดตามนะครับ


โดย: ผัสสะ วันที่: 12 มกราคม 2553 เวลา:0:24:05 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับคุณปุ๊ก









โดย: กะว่าก๋า วันที่: 12 มกราคม 2553 เวลา:6:51:09 น.  

 

สวัสดีตอนเช้าค่ะ
.....แวะมาส่งความสุข ช่วยรับไว้ด้วยน๊า.....



ปล. เพลงนี้ก็เป็นเพลงที่ชอบอยู่เหมือนกันค่ะ เพราะเน้อ....


โดย: นุ่มณอ่อนนุช วันที่: 12 มกราคม 2553 เวลา:7:22:52 น.  

 
สวัสดีตอนเช้าค่ะ เพลงเพราะจัง...ห้ามใจมิไปใฝ่เพ้อ ฮืมมม


โดย: redclick วันที่: 12 มกราคม 2553 เวลา:7:25:21 น.  

 
แวะมาขยายความเรื่องปีปผลิมาณพครับ
จบแล้วก็ได้เวลาแยกย้าย พ่อระนาดเป็นมาตุคามไปทางซ้าย นายอังคารเป็นบุรุษจะต้องไปทางขวาแล้วครับ รถกำลังจะมารับแล้ว
พบกันใหม่วันศุกร์..

ปีปผลิมาณพ เป็นชื่อก่อนบวชของพระกัสสปะเถระ
ปีปผลิมาณพเป็นบุตรพราหมณ์มหาศาลในมหาติตถคาม ตอนอายุ ๒๐ ปี บิดามารดาจะให้ท่านแต่งงาน แต่เพราะท่านอุบัติมาจากพรหม เคยชินกับพรหมวิหาร ๔ และละกามฉันทะ ท่านจึงไม่มีอารมณ์อยากจะแต่งงาน พูดจาบ่ายเบี่ยงบิดามารดาไว้หลายเพลา สุดท้ายท่านบอกว่าถ้าหาหญิงสาวสวยเหมือนรูปทองได้ท่านจึงจะยอมแต่งงาน

พราหมณ์บิดาจึงให้พราหมณ์ ๘ คน ออกไปค้นหาหญิงสาวที่สวยเหมือนรูปทอง จนไปพบนางภัททกาปิลานี ธิดาตระกูลเศรษฐีแห่งสาคละนครว่ารูปงามเหมือนรูปทอง จึงสู่ขอและกำหนดวันแต่งงาน

นางภัททกาปิลานี เป็นคู่บารมีกับปีปผลิมาณพมาหลายล้านชาติ เป็นคนยากจน เป็นเศรษฐี เป็นพระเจ้าจักรพรรดิและนางแก้ว เป็นนักบวชมาด้วยกันมามากต่อมาก ชาติก่อนก็ได้ออกบวชและไปเกิดเป็นพระพรหมเหมือนกัน มาชาตินี้นางจึงไม่อยากแต่งงานเช่นเดียวกัน

สองคนคิดเหมือนกัน ต่างฝ่ายต่างส่งจดหมายไปหากัน บอกกันว่าจะไม่แต่งงาน ขอให้อีกฝ่ายไปแต่งงานกับคนอื่น แต่คนส่งจดหมายไปพบกันกลางทางจึงเปิดจดหมายอ่านดู แล้วจัดการแก้ไขเนื้อความว่าต่างฝ่ายต่างยินดีแต่งงานด้วย

ในที่สุด ปีปผลมาณพกับภัททกาปิลาณีจึงได้แต่งงานกัน

หลังจากแต่งงานกันแล้ว เมื่ออยู่ที่นอนเดียวกัน ทั้งสองจึงอยู่ร่วมกันอย่างบริสุทธิ์ดุจพรหมสององค์มาอยู่ร่วมกันโดยร้อยมาลัยดอกไม้สดวางคั่นกลางระหว่างที่นอน ไม่แตะต้องร่างกายกัน ไม่พูดจากันหรือแลมองกันด้วยอำนาจเสน่หา มองกันด้วยพรหมวิหาร ๔ เท่านั้น

ภายหลังเมื่อบิดามารดาทั้งสองฝ่ายตายหมด ทั้งสองคนจึงเอาสมบัติมาแจกแล้วออกบวช แต่นักบวชต่างเพศจะเดินทางร่วมกันนั้นไม่เหมาะ เมื่อเดินร่วมทางกันไปได้ระยะหนึ่งทั้งสองจึงแยกทางกันที่ทางสองแพร่ง
นางภัททาเข้ามาไหว้ลาสามี กล่าวว่า

“ความสนิทสนมกันฐานมิตรที่เรามีให้กันมานานนับแสนปี ขอให้ทำลายลงไปในวันนี้ ท่านเป็นบุรุษจงแยกไปทางขวา ส่วนดิฉันเป็นมาตุคามจะไปทางซ้าย”

แล้วนักบวชทั้งสองก็แยกทางกันไม่หวั่นไหว มีแต่มหาปฐพีเท่านั้นที่หวั่นไหวเพราะไม่อาจกลั้นอาลัยแทนนักบวชทั้งสองนี้ได้



โดย: oddy.freebird วันที่: 12 มกราคม 2553 เวลา:8:28:52 น.  

 
ต่ออีกนิดครับ

ปีปผลิมาณพวันนั้นก็ได้เฝ้าพระพุทธเจ้าที่มารออยู่ริมทาง ท่านจึงได้บวชด้วยการรับโอวาท ๓ ประการ แล้วสำเร็จเป็นพระอรหันต์ในวันที่แปด ชื่อว่า พระมหากัสสปะเถระ เป็นยอดของภิกษุผู้ถือธุดงควัตร เป็นประธานในการสังคยนาพระไตรปิฎกครั้งที่ ๑
พระกัสสปะเถระนิพพานเมื่ออายุ ๑๒๐ ปี สรีระของท่านบัดนี้ยังวางอยู่บนแท่นระหว่างภูเขาสามลูกที่น้อมยอดมาชนกันกลายเป็นถ้ำอยู่ภายใน รอจนถึงพุทธกาลหน้า พระศรีอาริยเมตไตรยจึงจะมานำสรีระของท่านทำฌาปนกิจบนฝ่ามือของพระองค์ (เป็นเพราะบุรพกรรมที่สองท่านมีร่วมกันมาเมื่อ ๒๐ อสงไขยเศษแสนกัปก่อน)

ส่วนนางภัททาแยกไปแล้วไปอยู่ในสำนักปริพาชก จนห้าปีผ่านไปพระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้มาตุคามบวชได้ นางภัททาจึงไปบวชในสำนักของพระโคตมีเถรีและสำเร็จเป็นพระอรหันต์ เป็นพระเถรีผู้เป็นยอดทางระลึกชาติได้มาก (แต่เป็นรองพระภัททากัจจนาเถรี หรือพระนางพิมพา)



โดย: oddy.freebird วันที่: 12 มกราคม 2553 เวลา:8:36:40 น.  

 
ขอบคุณสำหรับคำตอบนะคะ คุณอังคาร

อนุโมทนา สาธุ ค่ะ


โดย: พ่อระนาด วันที่: 12 มกราคม 2553 เวลา:9:19:59 น.  

 


ทานข้าวกลางวันยังคะ น้องปุ๊ก
มาฟังเพลงหวานๆ ต่อค่ะ


โดย: redclick วันที่: 12 มกราคม 2553 เวลา:12:33:23 น.  

 
สวัสดีค่ะ...

มารายงานตัวว่า งานยุ่งมาก...ค่ะ
อาจจะเข้าบล็อกแบบผลุบ ๆ โผล่ ๆ และเยี่ยมเพื่อน ๆ ได้ไม่ทั่วถึง
ต้องขออภัยไว้ด้วย แต่ก็ยังคิดถึงเพื่อน ๆ ทุกท่านเสมอ...นะคะ

ขอให้มีความสุข สนุกกับชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว
ปราศจากทุกข์ โศก โรคภัยใด ๆ มาเบียดเบียน
คิดเงินได้เงิน คิดทองได้ทอง ได้แล้วก็อย่าลืมปอป้า...นะคะ...(อิ อิ)

สุขสันต์วันอังคาร...ค่ะ




โดย: พรหมญาณี วันที่: 12 มกราคม 2553 เวลา:12:37:05 น.  

 
แวะมาทักทายเด็กหน้าดื้อครับ

ขอให้พ่อระนาดแววไวมีความสุขเยอะๆ น๊า


โดย: หมึกสีดำ วันที่: 12 มกราคม 2553 เวลา:14:35:48 น.  

 
หนูเล็กเป็นเด็กดื้อยังไงคะ


โดย: redclick วันที่: 12 มกราคม 2553 เวลา:14:54:24 น.  

 
อ๋อ...ท่านผู้ปกครองกำลังบอกว่า ถึงดื้อก็รักไงคะ ประมาณว่าขนาดดื้ออย่างนี้ เกเรขนาดนี้ยังรักเลย ก็ต้องมีดีอย่างอื่นแหละจริงมั้ยคะ


โดย: redclick วันที่: 12 มกราคม 2553 เวลา:16:31:57 น.  

 
หลังไมค์คร้าบบบ

เอ เพลงบ้านนี้มีนัยอะไรป่าวเอ่ย


โดย: peeradol33189 วันที่: 12 มกราคม 2553 เวลา:17:48:15 น.  

 
ไม่ได้มาเยี่ยมอ่านนานเลยปุ๊ก ไม่ค่อยว่างงานยุ่งมากๆ

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: ลุงแอ๊ด วันที่: 12 มกราคม 2553 เวลา:19:08:06 น.  

 

Friends18.com Orkut MySpace Hi5 Scrap Images
Friends18.com Picture Comments

นู๋แจนมาส่งพี่ปุ๊กเข้านอนค่ะ ฝันดีนะคะพี่ปุ๊ก



โดย: JJ&TheGang วันที่: 12 มกราคม 2553 เวลา:20:44:05 น.  

 


ตื่นยังคะ ทานอาหารเช้ากัน หิวแล้วค่ะ


โดย: redclick วันที่: 13 มกราคม 2553 เวลา:5:25:31 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับคุณปุ๊ก










โดย: กะว่าก๋า วันที่: 13 มกราคม 2553 เวลา:6:24:00 น.  

 
2 วันมานี้งานยุ่งทั้งวันเลย


โดย: JohnV วันที่: 13 มกราคม 2553 เวลา:17:02:19 น.  

 
สวัสดียามเย็นครับ พ่อระนาดแววไว
วันนี้ อัพตอนที่ 3 แล้วนะครับ

ว่างๆ ขอเรียนเชิญ ติดตามได้ที่บล็อกครับผม



โดย: หมึกสีดำ วันที่: 13 มกราคม 2553 เวลา:19:36:55 น.  

 
ตามมาอ่านเรื่องพระมหากัสสปะจากบล็อกคุณอังคารค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 13 มกราคม 2553 เวลา:23:02:26 น.  

 
ไม่ได้หายไปไหนครับ
วันนี้ ไปนมัสการ ท่านเจ้าคุณฯ และ หลวงพ่อทองคำวัดไตรมิตรมาครับ เลยแวะเอาบุญมาฝาก แถมฟังเพลงซึ้งๆ อีกหน่อย
ขอให้มีความสุขมากๆ นะครับ


โดย: kanetp007 วันที่: 13 มกราคม 2553 เวลา:23:04:31 น.  

 
ขอบคุณนะครับ..





โดย: cenyou วันที่: 14 มกราคม 2553 เวลา:1:53:57 น.  

 
สวัสดียามเช้าค่ะน้องปุ๊ก


โดย: redclick วันที่: 14 มกราคม 2553 เวลา:7:34:31 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับคุณปุ๊ก








โดย: กะว่าก๋า วันที่: 14 มกราคม 2553 เวลา:7:51:44 น.  

 




....สวัสดีตอนเช้าค่ะ....
กำลังใจมีให้ทุกวัน
ถ้าวันนี้คิด และหวังอะไรอยู่ขอให้สมหวังนะค่ะ


โดย: นุ่มณอ่อนนุช วันที่: 14 มกราคม 2553 เวลา:7:55:10 น.  

 
...ซ่อนไว้บอกใครไม่ได้ ท่าทีหัวใจที่แอบไปรักเธอ...

พี่จอนไม่เคยแอบรักใคร เพราะรักแล้วบอกเลย เก็บไว้แล้วมันหนักหัวจายยย...


โดย: JohnV วันที่: 14 มกราคม 2553 เวลา:10:22:23 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พ่อระนาด
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เพียรฝึกตนใฝ่รู้ หลักธรรม

จิตเพ่งคิดจดจำ บ่มไว้

หมายเพียรมุ่งตัดกรรม วัฏฏะ

หวังสละจิตสุดท้าย ดิ่งเข้านิพพาน..

Friends' blogs
[Add พ่อระนาด's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.