|
พระนางยโสธราพิมพา
นางแก้วคู่บารมี เรียบเรียง โดย อังคาร
ตอนที่ 23 พระนางยโสธราพิมพา
ในชาติอันเป็นที่สุดของพระนางพิมพา ผู้เป็นนางแก้วของพระโพธิสัตว์นั้น พระนางเกิดมาเป็นราชธิดาแสนโสภาของพระเจ้าสุปปพุทธะ กษัตริย์กรุงเทวทหะ พระราชมารดามีพระนามว่า พระนางอมิตาเทวี
พระนางพิมพาประสูติวันเดียวกับเจ้าชายสิทธัตถะ จึงนับเป็น ๑ ในสหชาติทั้ง ๗ ของพระพุทธเจ้าซึ่งประกอบด้วย พระนางพิมพา พระอานนท์ นายฉันนะ กาฬุทายีอำมาตย์ ม้ากัณฑกะ ต้นมหาโพธิ และขุมทรัพย์ทั้งสี่
พระนางพิมพานั้นมีหลายนาม คือ พิมพา ยโสธรา ยโสธราพิมพา ภัททา กัจจานา และภัททากัจจานา
เมื่อพระชนมายุได้ ๑๖ พรรษา พระนางพิมพาก็ได้อภิเษกสมรสกับเจ้าชายสิทธัตถะ และทรงพระเกษมสำราญร่วมกันในปราสาท ๓ ฤดู ที่พระเจ้าสุทโธทนะทรงสร้างให้ เพื่อหน่วงเหนี่ยวไม่ให้เจ้าชายสิทธัตถะออกบวชตามคำทำนายของโหราจารย์
แต่ครั้นเจ้าชายสิทธัตถะมีพระชนมายุได้ ๒๙ พรรษา ได้เห็นเทวทูตทั้งสี่ คือ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และนักบวช ทำให้เริ่มรู้สึกสังเวชในความทุกข์ที่สรรพสัตว์ต้องประสบ ยิ่งเมื่อเสด็จกลับมาพระราชวัง ได้เห็นเหล่านางในนอนหลับกลิ้งเกลือกดังซากศพ พระองค์ก็ยิ่งรู้สึกเบื่อหน่ายมากยิ่งขึ้น
ขณะนั้น เป็นเวลาเดียวกันกับที่พระนางพิมพาประสูติพระโอรส นามว่า ราหุล เจ้าชายสิทธัตถะเห็นทุกข์ภัยของสังสารวัฏฏ์ จึงได้ตัดสินใจเสด็จหนีไปออกบรรพชาเพื่อค้นหาวิธีทำลายชาติภพให้ได้
หลังจากที่เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกบวชแล้ว พระนางพิมพา ผู้ซึ่งเป็นคู่รักคู่บารมีติดตามข้ามภพข้ามชาติกันมานานแสนนาน มีจิตผูกพัน และมีความรักอันลึกซึ้งต่อพระองค์ พระนางไม่อาจหักห้ามความรักและความอาลัยที่มีต่อเจ้าชายสิทธัตถะได้ จึงได้คอยติดตามถามข่าวคราวของพระสวามีของพระนางอยู่เสมอ
แม้ความเชื่อในยุคนั้น การที่หญิงไม่มีสามีจะถือว่าไม่มีเกียรติ และหญิงนั้นสามารถมีสามีใหม่ได้ แต่พระนางพิมพาก็ไม่สนใจชายใดอีกเลย พระนางยังคงเฝ้ารอพระสวามีของพระนางเพียงพระองค์เดียว
คราใดที่พระนางได้ยินข่าวว่าเจ้าชายสิทธัตถะนุ่งห่มผ้าย้อมฝาด พระนางก็เปลี่ยนชุดทรงมานุ่งห่มผ้าย้อมฝาดด้วย คราใดที่พระนางได้ยินข่าวว่าเจ้าชายสิทธัตถะทรงบรรทมบนพื้นไม้ พระนางก็บรรทมบนพื้นไม้ได้วย คราใดที่พระนางได้ยินข่าวว่าเจ้าชายสิทธัตถะทรงอดพระกระยาหาร พระนางก็ทรงอดพระกระยาหารด้วย ไม่ว่าจะได้ข่าวว่าพระสวามีปฏิบัติตนอย่างไร พระนางพิมพาก็ปฏิบัติตนเยี่ยงนั้น
เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะออกบรรพชาได้ ๖ ปี พระองค์ก็ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเสด็จไปสั่งสอนพุทธบริษัทอยู่ที่กรุงราชคฤห์ พอย่างเข้าสู่พรรษาที่ ๒ พระเจ้าสุทโธทนะก็ส่งอำมาตย์พร้อมราชบริพารไปทูลเชิญเสด็จพระพุทธเจ้ากลับนครกบิลพัสดุ์ แต่บรรดาอำมาตย์ทั้งหลายกลับไปฟังธรรมและออกบวชเสียทั้งหมด พระเจ้าสุทโธทนะต้องส่งอำมาตย์ไปอีกหลายคณะ จนถึงคณะmuj ๑๐ พระองค์ได้ส่ง กาฬุทายีอำมาตย์ ผู้ซึ่งเป็นสหชาติ ให้ไปทูลเชิญเสด็จพระพุทธเจ้าพร้อมกำชับว่าอย่างไรก็ต้องอัญเชิญเสด็จพระพุทธองค์มาให้ได้
กาลก่อนๆ นั้น บรรดาอำมาตย์ที่ออกบวชล้วนแล้วแต่ได้บรรลุอรหันต์ทั้งสิ้น จึงได้ปล่อยวางกิจทางโลก ไม่ได้ทูลเชิญเสด็จพระพุทธเจ้าตามรับสั่งของพระเจ้าสุทโธทนะ ส่วนกาฬุทายีอำมาตย์นั้นแม้จะบวชเหมือนคนอื่นๆ แต่ก็ไม่ลืมภาระกิจที่ได้รับมอบหมายมา จึงได้กราบทูลพระพุทธองค์เรื่องที่พุทธบิดาขออาราธนาให้เสด็จนิวัติกบิลพัสดุ์นคร ซึ่งพระพุทธองค์ก็ได้นำพระอรหันต์ขีณาสพจำนวนมาก เสด็จไปโปรดพระประยูรญาติที่นครกบิลพัสดุ์ พระพุทธเจ้าได้ทรงเสด็จมาถึงกรุงกบิลพัสดุ์พร้อมพระสาวก และออกบิณฑบาตอยู่ในพระนคร พระนางพิมพาทอดพระเนตรเห็นพระพุทธองค์เที่ยวเสด็จบิณฑบาตอยู่ จึงไปกราบทูลให้พระเจ้าสุทโทธนะทรงทราบ พระเจ้าสุทโทธนะจึงนิมนต์พระพุทธองค์ให้มารับภัตตาหารในพระราชวัง วันแรก พระพุทธเจ้าได้แสดงธรรมโปรดพุทธบิดาและพระประยูรญาติทั้งหลายในกรุงกบิลพัสดุ์ที่พร้อมใจกันมาเข้าเฝ้ารับฟังธรรม ยกเว้นแต่เพียงพระนางพิมพาและเหล่านางสนมกัญญาที่เก็บตัวอยู่ในตำหนัก ด้วยความรู้สึกทั้งรักและน้อยพระทัยว่าพระพุทธองค์เสด็จกลับมาแล้วก็ควรเสด็จมาหาพระนางที่เฝ้ารอคอยอยู่ถึง ๘ ปี วันที่สอง เมื่อพระพุทธเจ้ารับภัตตาหารในพระราชวังเสร็จแล้ว พระองค์จึงเสด็จไปโปรดพระนางพิมพาในตำหนัก เมื่อพระนางพิมพาได้พบกับพระพุทธองค์ พระนางก็เข้ามากอดพระบาทร่ำไห้รำพันอย่างน่าสงสาร แต่พระพุทธองค์ก็ทรงเทศนาให้พระนางดำรงสติไว้ได้ เมื่อพระพุทธเจ้าทรงเทศนาโปรดพระประยูรญาติแล้ว พระนางพิมพาก็รับสั่งให้ราหุลราชโอรสตามเสด็จพระพุทธเจ้าเพื่อทูลขอราชสมบัติ พระพุทธเจ้าจึงทรงบรรพชาราหุลเป็นสามเณรและให้เสด็จติดตามพระองค์ไปด้วย นอกจากจะเสียพระสวามีไปแล้ว พระนางพิมพาจึงเสียโอรสไปอีกองค์ พระนางพิมพายังคงอยู่ในตำหนักต่อมาอีก ๓ ปี พระเจ้าสุทโธทนะก็เสด็จสวรรคต เมื่อจัดงานพระบรมศพเสร็จ และทำพิธีให้เจ้าชายมหานามะขึ้นครองราชย์สมบัติสืบแทนเรียบร้อยแล้ว พระนางพิมพาจึงนำนางกัญญา ๑,๑๐๐ คน ออกบรรพชาในสำนักของพระมหาปชาบดีเถรี เมื่อบวชแล้วได้ชื่อว่า ภัททากัจจานาเถรี พระภัททากัจจานาเถรีได้รับกรรมฐานจากพระพุทธเจ้า เมื่อเจริญวิปัสสนาได้ไม่ทันถึง ๑๕ วัน ก็บรรลุอรหัตผล เนื่องจากพระกัจจานาเถรีนั้นเป็นผู้บำเพ็ญบารมีมานานกว่าพระอัครสาวก และพระสาวกองค์ใดๆ จึงเป็นผู้ช่ำชองในอภิญญาทั้งหลาย ขณะที่พระอรหันต์อื่นๆ สามารถระลึกชาติได้เพียงแสนมหากัป แต่พระกัจจานาเถรีนั้นมีความคล่องแคล่วในอภิญญามาก นั่งขัดสมาธิเพียงครั้งเดียวก็สามารถระลึกชาติได้ถึงอสงไขยแสนกัป พระพุทธเจ้าจึงทรงแต่งตั้งให้เป็นเอตทัคคะผู้ทรงอภิญญาใหญ่
พระภัททากัจจานาเถรีเสด็จเข้าสู่นิพพานเมื่อมีพระชนมายุได้ ๗๘ ปี ทรงกระทำชาติ ชรา มรณะ และสังสารวัฏฏ์ให้สิ้นสุดลงได้ หลังจากเป็นนางแก้วติดตามเป็นคู่รักคู่บารมีพระโพธิสัตว์มานานถึง ๔ อสงไขย กับเศษแสนมหากัป
ตอนหน้าจะเป็นบทสรุปของนางแก้วคู่บารมีค่ะ โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ...
ที่มา : //bannpeeploy.exteen.com/20080130/entry เพลง ดวงใจเดียวกัน โดย อ.โชคอนันต์ อักษราชัยพฤกษ์
------------------------------------
รายชื่อผู้ร่วมทำบุญ กฐิน จ.น่าน
1. ลุงแอ๊ด ................................409 บาท 2. ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม ..............500 บาท 3. พี่อ้วนจัง (อ้วนforest) .............999.91 บาท 4. คุณอิสราภรณ์ ศิริคุณ...............1,000 บาท 5. ธัญรัศม์ จิรจรัสธีรโชติ + รัชดากร ศรีธราพิพัฒน์ ....500 บาท 6. พี่หมู (วันที่ท้องฟ้าแจ่มใส)........199.39 บาท 7. นู๋บี (Bee_bu) .......................100 บาท 8. คุณช้าง (เพลงดาบกระบี่เดียวดาย) ...300 บาท 9. พี่โรส (นายกุหลาบ) ...............2,100 บาท 10.นางบุษรัสกรณ์ เบามัณณ ........500 บาท 11.ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม ............300 บาท 12.น้องหนิง .............................100 บาท 13.ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม ..............99 บาท
ยอดรวม ณ วันที่ 23 ก.ย.52 เป็นเงิน 7,107.30 บาท
ขออนุโมทนาค่ะ
เพื่อนๆ ท่านใดประสงค์จะร่วมทำบุญกับ จขบ. ก็ยินดีนะคะ จะปิดรับถึงสิ้นเดือน ก.ย. 52 ค่ะ
ร่วมเป็นเจ้าภาพทำบุญทอดกฐินสามัคคี เพื่อบูรณะอุโบสถ วัดสองแคว จ.น่าน
Create Date : 22 กันยายน 2552 |
|
102 comments |
Last Update : 23 กันยายน 2552 7:25:22 น. |
Counter : 1979 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: หมึกสีดำ 22 กันยายน 2552 12:56:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: หมึกสีดำ 22 กันยายน 2552 18:42:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: ลุงแอ๊ด 22 กันยายน 2552 19:43:11 น. |
|
|
|
| |
โดย: maistyle 22 กันยายน 2552 20:18:00 น. |
|
|
|
| |
โดย: be-oct4 22 กันยายน 2552 20:38:54 น. |
|
|
|
| |
โดย: อ้วนforest IP: 192.168.50.138, 222.123.211.46 22 กันยายน 2552 20:38:56 น. |
|
|
|
| |
โดย: พ่อระนาด 22 กันยายน 2552 20:49:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: อ้วนforest IP: 192.168.50.138, 222.123.211.46 22 กันยายน 2552 20:54:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: อุ้มสี 22 กันยายน 2552 20:56:45 น. |
|
|
|
| |
โดย: พ่อระนาด 22 กันยายน 2552 21:19:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: พี่นู๋ดีค่ะ (kun_isara ) 22 กันยายน 2552 21:28:12 น. |
|
|
|
| |
โดย: อ้วนforest IP: 192.168.50.138, 222.123.211.46 22 กันยายน 2552 21:32:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: พ่อระนาด 22 กันยายน 2552 21:34:14 น. |
|
|
|
| |
โดย: พ่อระนาด 22 กันยายน 2552 21:35:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: พ่อระนาด 22 กันยายน 2552 21:42:44 น. |
|
|
|
| |
โดย: อ้วนforest IP: 192.168.50.138, 222.123.211.46 22 กันยายน 2552 21:45:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: อ้วนforest IP: 192.168.50.138, 222.123.211.46 22 กันยายน 2552 21:53:05 น. |
|
|
|
| |
โดย: หมึกสีดำ 22 กันยายน 2552 22:00:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: พ่อระนาด 22 กันยายน 2552 22:01:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: หมึกสีดำ 22 กันยายน 2552 22:03:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: tukta (tukta510 ) 22 กันยายน 2552 22:14:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: อ้วนforest IP: 192.168.50.138, 222.123.211.46 22 กันยายน 2552 22:15:35 น. |
|
|
|
| |
โดย: พ่อระนาด 22 กันยายน 2552 22:25:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: tukta (tukta510 ) 22 กันยายน 2552 22:30:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: อ้วนforest IP: 192.168.50.138, 222.123.211.46 22 กันยายน 2552 22:34:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: Budratsa 22 กันยายน 2552 23:00:12 น. |
|
|
|
| |
โดย: redclick 22 กันยายน 2552 23:05:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: อ้วนforest IP: 192.168.50.138, 222.123.211.46 23 กันยายน 2552 0:02:32 น. |
|
|
|
| |
โดย: กัดหมอน (กัดหมอน ) 23 กันยายน 2552 6:23:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: redclick 23 กันยายน 2552 7:01:02 น. |
|
|
|
| |
โดย: redclick 23 กันยายน 2552 7:10:02 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 23 กันยายน 2552 7:26:25 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 23 กันยายน 2552 8:22:42 น. |
|
|
|
| |
โดย: หมึกสีดำ 23 กันยายน 2552 9:42:09 น. |
|
|
|
| |
โดย: ตัวp_box 23 กันยายน 2552 9:49:54 น. |
|
|
|
| |
โดย: พรหมญาณี 23 กันยายน 2552 13:10:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: cenyou 23 กันยายน 2552 13:49:12 น. |
|
|
|
| |
โดย: itoursab 23 กันยายน 2552 14:33:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: อ้วนforest IP: 117.47.229.25 23 กันยายน 2552 18:47:21 น. |
|
|
|
| |
โดย: ลุงแอ๊ด 23 กันยายน 2552 20:05:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: หมึกสีดำ 23 กันยายน 2552 21:17:40 น. |
|
|
|
| |
โดย: JohnV 23 กันยายน 2552 21:36:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: อ้วนforest IP: 117.47.229.25 23 กันยายน 2552 22:52:43 น. |
|
|
|
| |
โดย: redclick 24 กันยายน 2552 0:09:18 น. |
|
|
|
| |
โดย: เจ้าหญิงที่เจ้าชายตายจาก (timeofmylove ) 24 กันยายน 2552 2:00:14 น. |
|
|
|
| |
โดย: กัดหมอน 24 กันยายน 2552 6:44:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: redclick 24 กันยายน 2552 6:54:15 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 24 กันยายน 2552 8:03:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: JohnV 24 กันยายน 2552 10:14:03 น. |
|
|
|
| |
โดย: ตัวp_box 24 กันยายน 2552 12:48:11 น. |
|
|
|
| |
โดย: หมึกสีดำ 24 กันยายน 2552 14:04:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: พธู 24 กันยายน 2552 15:24:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: มินทิวา 24 กันยายน 2552 16:43:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: หมึกสีดำ 24 กันยายน 2552 20:14:08 น. |
|
|
|
| |
โดย: นู๋ Beee เองค่ะ (http://beee.bloggang.com) IP: 125.24.112.168 24 กันยายน 2552 23:39:02 น. |
|
|
|
| |
โดย: อ้วนforest IP: 119.42.77.36 25 กันยายน 2552 1:04:44 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 25 กันยายน 2552 7:31:38 น. |
|
|
|
| |
โดย: JohnV 25 กันยายน 2552 9:35:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: หมึกสีดำ 25 กันยายน 2552 10:09:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: พรหมญาณี 25 กันยายน 2552 14:06:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: redclick 25 กันยายน 2552 17:02:31 น. |
|
|
|
|
|
|
เพียรฝึกตนใฝ่รู้ หลักธรรม
จิตเพ่งคิดจดจำ บ่มไว้
หมายเพียรมุ่งตัดกรรม วัฏฏะ
หวังสละจิตสุดท้าย ดิ่งเข้านิพพาน..
|
|
|
|
|
|
|
ขอมาอ่านนางแก้วชาติสุดท้ายด้วยคนนะครับ
ตอนนี้มีเสียงบรรยายด้วย ดีจังครับ
ขอโมทนาครับ
ขออนุญาต ถวายพระพร เอตทัคคะ ผู้เป็นเลิศทางด้านผู้ทรงอภิญญาใหญ่
ด้วยยโสธราเถริยาปทานที่ ๘ นะครับ
ยโสธราเถริยาปทานที่ ๘
ว่าด้วยบุพจริยาของพระยโสธราเถรี
[๑๖๘] ดิฉันมีฤทธิ์มาก มีปัญญามาก มีภิกษุณี ๑,๑๐๐ องค์ เป็นบริวาร
เข้าไปเฝ้าพระสัมพุทธเจ้า ถวายอภิวาทแล้วเห็นลายลักษณ์กงจักร
ของพระศาสดา แล้วนั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนหนึ่ง ได้กราบทูลว่า
หม่อมฉันมีอายุ ๗๘ ปี ล่วงเข้าปัจฉิมวัยแล้ว ถึงความเป็นผู้มีกาย
เงื้อมลงแล้วขอกราบทูลลาพระมหามุนี หม่อมฉันมีวัยแก่ มีชีวิต
น้อย จักละพระองค์ไป มีที่พึ่งของตนได้ทำแล้ว มีมรณะใกล้เข้ามา
ในวัยหลัง ข้าแต่พระมหาวีรเจ้า หม่อมฉันจักถึงความดับในคืนวันนี้
มิได้มีชาติ ชรา พยาธิและมรณะ จักไปสู่นิพพานที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง
เป็นบุรีอันไม่มีความแก่ ความตายและไม่มีภัย บริษัทเข้าเฝ้าพระองค์
อยู่ รู้จักความผิด ขอประทานโทษ ณ ที่เฉพาะพระพักตร์พระองค์
เมื่อหม่อมฉันท่องเที่ยวไปในสงสาร หากมีความพลั้งพลาดใน
พระองค์ ขอพระองค์ทรงโปรดประทานโทษแก่หม่อมฉันเถิด.
พระมีผู้พระภาคตรัสว่า
ดูกรท่านผู้ปฏิบัติตามคำสอนของเรา ท่านจงแสดงฤทธิ์ และตัดความ
สงสัยของบริษัททั้งปวงในศาสนาเถิด.
พระยโสธราเถรีกราบทูลว่า
ข้าแต่พระมหาวีรเจ้า หม่อมฉันชื่อยโสธราเป็นปชาบดีของพระองค์
เมื่อยังทรงครองอาคารวิสัย เกิดในศากยสกุลตั้งอยู่ในองค์สมบัติ
ของหญิง ประเสริฐกว่าหญิง ๑๖๙,๐๐๐ นาง ข้าแต่พระมหาวีรเจ้า
หม่อมฉันเมื่ออยู่ในพระราชวังของพระองค์ เป็นประธานเป็นใหญ่
กว่าหญิงทั้งปวง สมบูรณ์ด้วยรูปสมบัติ และอาจารสมบัติ
ดำรงอยู่ในความเจริญทุกสมัย นารีทั้งมวลย่อมเคารพหม่อมฉัน
เหมือนพวกมนุษย์เคารพเทวดา ฉะนั้น หม่อมฉันเป็นประมุข
แห่งนางกัญญาหนึ่งพัน ในราชพระนิเวศน์ของพระศากยบุตร นาง
กัญญาเหล่านั้นร่วมสุขร่วมทุกข์กัน ปานประหนึ่งว่าพวกเทวดาใน
นันทวัน ฉะนั้น หม่อมฉันเป็นบัณฑิต ล่วงกามธาตุด้วยรูปธาตุ
มิได้มีใครๆ มีรูปเหมือนรูปของหม่อมฉัน เว้นแต่พระองค์ผู้เป็น
นายกของโลก หม่อมฉันขอภิวาทพระสัมพุทธเจ้าแล้ว จักแสดง
ฤทธิ์ถวาย พระยโสธราเถรี แสดงฤทธิ์ชนิดต่างๆ มากมาย
แสดงกายเท่าภูเขาจักรวาล แสดงศีรษะเท่าอุตรกุรุทวีป แสดงแขน
สองข้างเท่าทวีปทั้งสอง แสดงสรีระเป็นต้นหว้าประจำทวีปมีกิ่ง
ด้านใต้มีลูกเป็นพวง กิ่งต่างๆ ก็มีลูกดก แสดงดวงจันทร์ และ
ดวงอาทิตย์เป็นนัยน์ตา แสดงเขาสุเมรุเป็นกระหม่อมแสดงเขา
จักรวาลเป็นหน้า เอาต้นหว้าพร้อมทั้งรากทำเป็นพัดเดินเข้าไป
เฝ้าถวายบังคมพระศาสดาผู้เป็นนายกของโลกแสดงเพศช้าง เพศม้า
ภูเขา และทะเล ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ เขาสุเมรุ และเพศท้าว
สักกเทวราช กราบทูลว่า ข้าแต่พระมหาวีรเจ้าผู้มีพระจักษุ หม่อมฉัน
ผู้ชื่อว่ายโสธรา ขอถวายบังคมพระยุคลบาท พระเถรีเอาดอกไม้
ปิดพันโลกธาตุไว้ และนิรมิตเป็นเพศพรหมแสดงสุญญตธรรมอยู่
กราบทูลว่า ข้าแต่พระวีรเจ้าผู้มีพระจักษุ หม่อมฉันผู้ชื่อว่ายโสธรา
ขอถวายบังคมพระยุคลบาท หม่อมฉันเป็นผู้มีความชำนาญในฤทธิ์
มีความชำนาญในทิพโสตธาตุ มีความชำนาญในเจโตปริยญาณ ย่อม
รู้ปุพเพนิวาสญาณ และทิพจักษุอันหมดจดวิเศษ มีอาสวะทั้งปวง
หมดสิ้นแล้ว บัดนี้ ภพใหม่ไม่มีอีก ข้าแต่พระมหาวีรเจ้า หม่อมฉัน
มีญาณในอรรถะ ธรรมะ นิรุตติ และปฏิภาณเกิดขึ้นในสำนักของ
พระองค์ ความพร้อมเพรียงแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ผู้เป็นนาถะ
ของโลก พระองค์ทรงแสดงดีแล้ว ข้าแต่พระมหามุนี อธิการเป็น
อันมากของหม่อมฉันย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์แก่พระองค์ ข้าแต่
พระมุนีมหาวีรเจ้า ขอพระองค์พึงทรงระลึกถึงกุศลกรรมเก่าของ
หม่อมฉันเถิดข้าแต่พระมหาวีรเจ้า หม่อมฉันสั่งสมบุญไว้เพื่อ
ประโยชน์แก่พระองค์ ข้าแต่พระมหาวีรเจ้า หม่อมฉันงดเว้น
อนาจารในสถานที่ไม่ควร แม้ชีวิตก็ยอมสละเพื่อประโยชน์แก่
พระองค์ได้ ข้าแต่พระมหามุนี พระองค์ประทานหม่อมฉันเพื่อให้
เป็นภรรยาผู้อื่นหลายพันโกฏิกัป ก็เพื่อประโยชน์แก่พระองค์ หม่อม
ฉันมิได้เสียใจในเรื่องนั้นเลย ข้าแต่พระมหามุนี พระองค์ประทาน
หม่อมฉันเพื่ออุปการะหลายพันโกฏิกัป เพื่อประโยชน์แก่พระองค์
หม่อมฉันมิได้เสียใจในเรื่องนั้นเลย ข้าแต่พระมหามุนี พระองค์
ประทานหม่อมฉันเพื่อประโยชน์เป็นอาหารหลายพันโกฏิกัป หม่อม-
ฉันมิได้เสียใจในเรื่องนั้นเลย หม่อมฉันบริจาคชีวิตหลายพันโกฏิกัป
ประชุมชนจักทำการพ้นจากภัย ก็ยอมสละชีวิตของหม่อมฉันให้
ข้าแต่พระมหามุนี หม่อมฉันย่อมไม่เคยหวงเครื่องประดับและผ้า
นานาชนิดซึ่งอยู่ที่ตัว และภัณฑะคือตัวหญิง เพื่อประโยชน์แก่
พระองค์ ข้าแต่พระมหามุนิมหาวีรเจ้า ทรัพย์ ข้าวเปลือกปัจจัย
เครื่องบริจาค บ้าน นิคม ไร่นา บุตร ธิดา ช้าง ม้า โค ทาสี
ภรรยา มากมายนับไม่ถ้วน พระองค์ทรงบริจาคแล้วเพื่อประโยชน์
แก่พระองค์ (พระองค์ตรัสบอกหม่อมฉันว่า) เราย่อมให้ทานกะพวก
ยาจก เมื่อเราให้ทานอันอุดม เราย่อมไม่เห็นหม่อมฉันเสียใจ ข้าแต่
พระมหามุนี หม่อมฉันยอมรับทุกข์มากมายหลายอย่างจนนับไม่ถ้วน
ในสงสารเป็นอเนกเพื่อประโยชน์แก่พระองค์ ข้าแต่พระมหามุนี
หม่อมฉันได้รับสุขย่อมอนุโมทนา และในคราวที่ได้รับทุกข์ก็ไม่
เสียใจ เป็นผู้ยินดีแล้วในที่ทุกแห่งเพื่อประโยชน์แก่พระองค์ ข้าแต่
พระมหามุนี พระสัมพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมโดยมรรคาอันสมควร
เสวยสุขและทุกข์แล้ว ได้บรรลุซึ่งพระโพธิญาณ หม่อมฉันได้ร่วม
มาเป็นอันมาก กับพระสัมพุทธเจ้าพระนามว่าโคดมผู้เป็นนายกของ
โลก เป็นเทพผู้ประเสริฐ พระองค์ก็ได้ร่วมมาเป็นอันมาก กับพระ
สัมพุทธเจ้าพระองค์อื่นๆ ผู้เป็นนาถะของโลก ข้าแต่พระมหามุนี
อธิการของหม่อมฉันมีมากเพื่อประโยชน์แก่พระองค์ หม่อมฉันเมื่อ
แสวงหาพุทธธรรมอยู่ก็ได้เป็นบริจาริกาผู้รับใช้ของพระองค์ ในสี่
อสงไขยแสนกัป