มาแล้วยังดีกว่ามาช้า มาช้ายังดีกว่าไม่มา
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2563
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
18 พฤศจิกายน 2563
 
All Blogs
 

จดหมายจากเมืองไทย : โบตั๋น

วันที่13 สิงหาคม พ.ศ.2488
ตันส่วงอู๋ หนุ่มชาวจีนวัยยี่สิบลงเรือลำใหญ่มาพร้อมกับแต้เส็งและอึ้งกิมเพื่อนทั้งสอง
ของเขาเพราะข้อความอันหอมหวานในจดหมายจากลุงของเส็งที่ว่าเมืองไทยนั้นหากิน
ง่ายนักแม้สุนัขก็ไม่อดตาย
ตันส่วงอู๋คาดหวังที่จะทำงานเก็บเงินสร้างเนื้อสร้างตัว
ส่วนที่เหลือจากการเก็บหอมรอมริบก็จะได้ส่งกลับไปยังแม่และน้องชาย ซึ่งเขาหนีจาก
มาโดยใช้การเขียนจดหมายสื่อแทนคำบอกกล่าวคนทั้งสอง
.
บนเรือลำที่ส่วงอู๋โดยสารมา ได้พบทั้งข่าวดีและข่าวร้าย การพบกับล้อหยงจั๊วผู้ใหญ่
ใจดีที่ยินดีเป็นพ่ออุปถัมภ์ของส่วงอู๋นับเป็นเรื่องดีราวถูกหวย แต่การถูกค่อนขอดจาก
เส็งสหายที่ลงเรือมาพร้อมกัน จนกลายเป็นเรื่องบาดหมางกันชนิดมองหน้ากันไม่ติด
เป็นเรื่องไม่ดีสำหรับเขา
.
เมื่อขึ้นถึงฝั่ง ส่วงอู๋แยกตัวจากเส็ง ขณะที่กิมติดสอยห้อยตามส่วงอู่ไปด้วย ชีวิตของ
ทั้งคู่เริ่มต้นที่สำเพ็ง ชายหนุ่มทั้งสองเริ่มทำงานที่ร้านของล้อง่วนทง จากการฝากฝัง
ของพ่อบุญธรรม (คนที่เจอกันบนเรือนั่นแหละ) ด้วยความรู้ที่ติดตัวมา ทำให้ส่วงอู๋ดู
มีภาษีดีกว่ากิม เขาจึงได้หยิบจับงานบัญชี ขณะที่กิมทำงานเฉกเช่นคนงานทั่วไป
ของร้าน
.
.
-แข่งอะไรแข่งได้แต่เรื่องบุญวาสนาแข่งกันไม่ได้-
ในบรรดาเพื่อนทั้งสามคน ส่วงอู๋ ได้เป็นฝั่งเป็นฝาก่อนใคร เจ้าสาวของเขาคือหมุยเอ็ง
ลูกสาวคนโตของเถ้าแก่ที่เขาได้เข้าทำงานนั่นเอง หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มสร้าง”ครอบครัว”
ลงหลักปักฐานจนมีลูกมีเต้าด้วยกันหลายคน
.
.


.
.
-ความแตกต่างของผู้คน-
มุมมองของส่วงอู๋ หนุ่มชาวจีนผู้จากบ้านมาอย่างเสื่อผืนหมอนใบ ชาวจีนอย่างพวกเขา
ทำงานด้วยความขยันอดทน หนักเอาเบาสู้ แม้จะเป็นกุลีก็ยอม ผิดกับคนไทยที่ถูกปลูก
ฝังว่าข้าราชการเป็นงานที่มีศักดิ์ศรี มองงานค้าขายตามที่พวกเจ๊กจีนทำกันเป็นสิ่งน่า
ละอาย ตามที่สุภาษิตเขาว่า “สิบพ่อค้าไม่เท่าพระยาเลี้ยง” แต่ความจริงคือความจริง
ศักดิ์ศรีนั้นกินไม่ได้ ข้าราชการกินเงินดือนหลายคน รักสบาย ใช้จ่ายไม่อดออม
บางครอบครัวก็มีลูกเต้ามากมายเป็นภาระ เมื่อหมุนเงินไม่ทันใช้ แต่ตัวเองรักสบาย
ลำบากไม่เป็น สุดท้ายจึงต้องซื้อของจากพ่อค้าชาวจีนด้วยเงินเชื่อ บางคนถึงเวลาก็
นำเงินมาใช้ และบางรายก็เงียบหายไปดื้อๆ
.
.
-ลูกรัก-
อันที่จริงแล้วการเลือกที่รักที่ชังไม่ควรเกิดขึ้นในสังคมเล็กๆ จุดเริ่มต้นของชีวิตที่ชื่อว่า
ครอบครัว เว่งคิมลูกชายหัวปีของส่วงอู๋ที่เขาชื่นชมดังหัวแก้วหัวแหวน ผู้เป็นพ่อเตรียม
วางหมากชีวิตของลูกชายเพื่อหวังให้สืบทอดกิจการต่อจากตน ด้วยวิธีต่างๆ นานาที่สรร
หามาให้ ทว่ารักเกินรักมักทำร้าย (ขอยืมวลีจากบัลลังก์เมฆมาใช้เด้อ) ผลลัพธ์ที่ได้ไม่
เป็นดั่งใจเขาคิด 
.
.
-ลูกชัง-
เม่งจู เป็นลูกคนที่สี่ของเว่งคิมและหมุยเอ็ง ในระหว่างตั้งท้องจนคลอดดันมีเหตุพลิกผัน
ทำให้ผู้เป็นแม่ไม่สามารถมีบุตรได้อีกต่อไป ทั้งที่ส่วงอู่หวังจะมีบุตรสืบทอดตระกูลให้
ได้เจ็ดคนตามความเชื่อส่วนตัว (แหม ไม่ใช่ย่อยเลยนะเฮีย ถามเมียดูก่อน ) เม่งจูเลย
ตกอยู่ในสถานะแพะรับบาป พ่อไม่รัก แต่...แม่ไม่เห็นด้วย รวมทั้งอั้งบ๊วย น้องเมียก็ยัง
ถือหางเม่งจูอีกแรงหนึ่ง แต่ลูกชังคนนี้นี่แหละที่สร้างเซอร์ไพรส์ ให้ส่วงอู๋ได้ตลอด
และเป็นสายเลือดเดียวที่มีสิ่งที่ส่วงอู๋นั้นต้องการ
.
.
-เราล้วนหลงตัวเองกันทุกคน-
“คนเรานี่เป็นโรคหลงตัวเอง ยิ่งมาจากชาติที่เจริญเก่าแก่ยิ่งเป็นมาก...
แต่ถ้าเรารู้จักความพอดีก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เชื่อใจในคุณค่าของคน
ไม่ว่ายุคไหนก็ต้องเจริญขึ้นไม่งั้นโลกก็ไม่เจริญ”

ประโยคประทับใจ และแทนใจในเรื่องได้ดี ส่วงอู๋ผู้เรียลจีนขนานแท้ได้แต่งงานกับสาว
จีนที่เกิดในเมืองไทย แต่บางเรื่องเขาก็ไม่เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตามตามทั้งหมด
เช่น เรื่องลูก เมื่อลูกเข้าเรียนอยู่ในโรงเรียนใช้ภาษาไทย แต่เมื่อก้าวเข้าบ้านปุ๊บต้อง
พูดจีนเท่านั้น หวังไม่ให้ลูกๆ ลืมรากเหง้า แต่กลับเป็นดาบสองคมสร้างปมให้ตัวเด็ก
เอง
.
.
ปิดเผยเนื้อหาบางส่วน
เนื้อหาตลอดเวลานับยี่สิบปี ส่วงอู๋เขียนจดหมายถึงแม่โดยที่ไม่ได้รับการตอบกลับ
สักฉบับ เนื่องด้วยสถานการณ์ทางการเมืองการปกครองของเมืองจีนในช่วงเวลานั้น
เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้จดหมายไม่ถึงตัวผู้รับ แต่เราก็เชื่อนะว่าลึกๆ แล้วตันส่วงอู๋
ก็รู้อยู่แก่ใจ

.
.
จดหมายจากเมืองไทย วรรณกรรมน้ำดีซึ่งผู้เขียนหยิบจีบวัฒนธรรม ประเพณี การ
เปลี่ยนแปลงทางสังคมผ่านกาลเวลาโดยใช้จดหมายของส่วงอู๋ทำหน้าที่เป็นไทม์ไลน์
บอกเรื่องราว ได้ซึบซัมบรรยากาศห้องแถวร้านโชว์ห่วย แฟชั่นเสื้อผ้าหน้าผม เทคโน-
โลยีที่ค่อยๆ ย่างกรายมาสู่วิถีชุมชน และสอดแทรกแง่คิดและมุมมองของผู้คนในยุค
สมัยนั้นได้อย่างดี
.

เวอร์ชั่นละครโทรทัศน์ พ.ศ.2535 (คลิปจากยูทูป)
.
.
หลายสิ่งเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป
แต่หากหัวใจของเรายังเต้นอยู่ก็จงสู้ไปให้ถึงที่สุด
.
.
จดหมายจากเมืองไทย
โบตั๋น เขียน
ฉบับพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ชมรมเด็ก

.
.
ชวนอ่าน
https://www.facebook.com/comeonreading
 




 

Create Date : 18 พฤศจิกายน 2563
12 comments
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2563 21:40:49 น.
Counter : 1366 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณhaiku, คุณอุ้มสี, คุณสองแผ่นดิน, คุณกะว่าก๋า, คุณเริงฤดีนะ, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณSleepless Sea, คุณInsignia_Museum, คุณSai Eeuu, คุณnewyorknurse, คุณฟ้าใสวันใหม่

 

ชอบเรื่องนี้มากค่ะ
จำตัวละคร
ตันส่วงอู๋

 

โดย: อุ้มสี 18 พฤศจิกายน 2563 23:31:21 น.  

 


สวัสดียามเช้าครับ

เรื่องนี้ยังไม่เคยอ่าน
แต่ผมเคยอ่านงานของคุณโบตั๋น 2-3 เรื่อง
ท่านเขียนหนังสือเก่งมากๆเลยนะครับ
มักจะมีเรื่องของชาวจีนโพ้นทะเลด้วย

 

โดย: กะว่าก๋า 19 พฤศจิกายน 2563 6:16:16 น.  

 

สวัสดีครับคุณอุ้มสี
เป็นนิยายที่ครบรสดีครับ


สวัสดีคุณก๋าครับ
นิยายของโบตั๋น ผมจำได้อีกเรื่องคือ แวววัน เป็นหนังสืออ่านนอกเวลา สมัยที่พี่ผมเรียนม.ปลาย ผมไม่เคยอ่าน แต่ได้ยินพี่เล่าว่าเป็นแนวชีวิต ดราม่ามากเลยครับ

 

โดย: มาช้ายังดีกว่าไม่มา 19 พฤศจิกายน 2563 9:11:38 น.  

 

เป็นเรื่องที่เคยอ่าน ตอนเรียนมัธยมครับ แนวนี้อีกเรื่องของคุณโบตั๋น ที่ชอบมากๆคือ ไผ่ต้องลม รายละเอียดครบรส มากๆครับ

 

โดย: สามปอยหลวง 19 พฤศจิกายน 2563 9:14:43 น.  

 

ชอบๆๆ
คิดว่าเคยอ่านและติดตามและครน้ำดีเรื่องนี้

อีกเรื่องที่ชอบก็คือ
ผู้หญิงคนนั้นชื่อบุญรอด*

 

โดย: เริงฤดีนะ 19 พฤศจิกายน 2563 11:07:52 น.  

 

ผมเคยเห็นคุณพ่ออ่านหนังสือประมาณนี้ครับ
ชื่อเรื่องน่าจะใช่ แต่โบตั๋นนี่แน่นอนจำได้เลย

 

โดย: จันทราน็อคเทิร์น 19 พฤศจิกายน 2563 16:56:13 น.  

 

สวัสดีคุณสามปอยหลวงครับ
ขอบคุณที่แนะนำเล่มอื่นๆ ที่น่าอ่านนะครับ

สวัสดีคุณเริงฤดีนะ ครับ
ผมเคยได้ดูผู้หญิงคนนั้นชื่อบุญรอด เวอร์ชั่นคุณมยุราอยู่บ้าง แต่ได้ดูจริงๆ จังๆ ก็เวอร์ชั่นคุณนุ่น ศิรพันธ์ครับ เนื้อเรื่องดี คุณนุ่นก็เล่นไว้ดีมากครับ ชอบในน้ำจิตน้ำใจของบุญรอดที่เป็นคนรักครอบครัว

สวัสดีคุณจันทราน็อคเทิร์นครับ

 

โดย: มาช้ายังดีกว่าไม่มา 19 พฤศจิกายน 2563 19:21:39 น.  

 

จดหมายจากเมืองไทยได้อ่านเป็นหนังสือนอกเวลาตอนมัธยมปลายและยังได้ดูละครทีวีด้วยครับ

 

โดย: ทนายอ้วน 20 พฤศจิกายน 2563 11:30:16 น.  

 

มันเคยเป็นหนังสืออ่านนอกเวลา สมัยก่อนนะคะ เด็กสมัยใหม่คงไม่ทันค่ะ

 

โดย: Sai Eeuu 20 พฤศจิกายน 2563 23:36:00 น.  

 

ขอบพระคุณสำหรับกำลังใจนะครับ

 

โดย: ทนายอ้วน 21 พฤศจิกายน 2563 20:03:14 น.  

 


สวัสดียามเช้าครับ

 

โดย: กะว่าก๋า 22 พฤศจิกายน 2563 7:10:22 น.  

 

คนจีนที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาหากินเมืองไทย ประเภทเสื่อผืนหมอนใบ
หลายคนร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี น่าชื่นชมมากค่ะ

 

โดย: ฟ้าใสวันใหม่ 22 พฤศจิกายน 2563 13:20:03 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


มาช้ายังดีกว่าไม่มา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]




สวัสดีครับ
มาช้ายังดีกว่าไม่มา มาแนะนำตัว

จขบ. เป็นมัณฑนากรและวาดภาพประกอบ
งานอดิเรกคือการอ่านการ์ตูน หนังสือ(นิยาย) วาดรูปเล่น ทำอาหาร สำหรับการรีวิวหนังสือนั้นเริ่มขึ้นจากเมื่ออ่านบ่อยๆ เข้า ก็อยากที่จะจดบันทึกช่วยจำ และอยากแนะนำเล่มนั้นเล่มนี้ให้เพื่อนๆอ่านกันด้วย

ใครแวะเวียนผ่านมาหน้าบ้านก็เคาะประตูทักทายกันได้ครับ
ด้วยความยินดี
ขอบคุณครับ
Friends' blogs
[Add มาช้ายังดีกว่าไม่มา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.