บล็อก "บ้านหมอ" ขอนำเสนอเรื่องสุขภาพ + ภาษาอังกฤษ + ข่าวต่างประเทศสบายๆ สไตล์เราครับ...

 
ธันวาคม 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
26 ธันวาคม 2551
 

6 วิธี(tips)เขียนบลอกให้มีคนอ่าน


...


เมื่อไม่กี่สิบปีก่อน... การที่จะเล่าเรื่องราวอะไรๆ ให้คนหมู่มากอ่านนั้นยากมากๆ เนื่องจากต้นทุนในการตีพิมพ์หนังสือสูงมาก ทำให้การเป็นนักเขียนยากตามไปด้วย


ทุกวันนี้เทคโนโลยีก้าวไปไกลมากๆ ทำให้ต้นทุนในการ "เล่าเรื่อง" และแสดงความเป็นตัวตน (identity / เอกลักษณ์เฉพาะบุคคล) ของเราต่ำลงมาก มีเว็บไซต์มากมายพร้อมที่จะบริการให้พวกเราเขียนบล็อกได้ฟรี ดีไม่ดีอาจจะได้เงินด้วย (ถ้ามีคนซื้อเรื่องไปพิมพ์ หรือเกิดดังขึ้นมาเลยมีช่องทางหารายได้แบบใหม่ๆ)


...


เมื่อก่อนการเป็น "บก. (บรรณาธิการ)" นั้นยากมากๆ ทว่า... ทุกวันนี้การเป็น "บก. (บล็อกเกอร์ / blogger)" นั้นง่ายขึ้นมาก ขอเพียงใจกล้าและหน้าไม่ต้องด้าน (คนหน้าด้านมักจะเขียนบล็อกได้ไม่ดี ทำไม... ผู้เขียนจะอธิบายต่อไป) หน่อยก็เขียนบล็อกได้แล้ว


ทีนี้จะเขียนบล็อกอย่างไรให้มีคนอ่าน... โปรดติดตามอ่านได้ ณ บัดนี้


...



ภาพแม่ค้าขายขนมปังฝรั่งเศส ดูที่ตาเธอดีๆ... เธอเพิ่งถูกทุบตีมา หรืออาจจะมีอุบัติเหตุมาก็ได้ (พระตะบอง กัมพูชา > 16 ธันวาคม 2549) 


...


ท่านอาจารย์ซูซาน กูเนลิอุส ได้เขียนเรื่อง '5 tips to write blog post: How to write posts that get noticed and keep readers interested' หรือ "5 เคล็ดลับในการเขียนบล็อก: เขียนอย่างไรให้เตะตา (เป็นที่สนใจ) และทำให้คนอ่านสนใจ"


ผู้เขียนขอนำมาเล่าสู่กันฟัง และจะเพิ่มเคล็ดลับอีกข้อหนึ่งเข้าไป รวมเป็น 6 ข้อครับ


...


Hiker


(1). เลือกสไตล์ (tone & style) ใน "ความเป็นคุณ"      


...


การเขียนบล็อกมีลักษณะคล้ายการขายสินค้าและบริการอื่นๆ คือ จะต้องมองไปข้างหน้าว่า ใครจะมาเป็นลูกค้า (customers) เป็นกลุ่มเป้าหมาย (target) หรือเป็นท่านผู้อ่าน (readers) ของเรา


สิ่งที่เราจะเสนอขายหรือ "เขียน" เช่น เนื้อหาสาระ ภาพ เสียง วิดีโอ ฯลฯ คงต้อง "โดนใจ" หรือตรงกับความต้องการ (demand / desire) ของกลุ่มเป้าหมายด้วย จึงจะมีคนอ่านหรือติดตามบล็อกของเรา


...


ครูภาษาไทยของผู้เขียนสอนว่า "นักเขียนต้องมีสไตล์ นักเขียนที่ไม่สไตล์คือนักเขียนที่กำลังจะตาย (ล้มหายตายจากวงการนักเขียน)"


อาจารย์กูเนลิอุสกล่าวว่า บล็อกเองก็ต้องมีเอกลักษณ์ (identity) และผู้อ่าน (readers) ส่วนใหญ่ชอบบล็อกเกอร์ (นักเขียน) ที่มี "แนว" การเขียน หรือสไตล์คงเส้นคงวา (consistently) มากกว่านักเขียนที่ไม่มีสไตล์การเขียน หรือเปลี่ยน "แนว" ไปทุกวัน ทุกเดือน ทุกปีอะไรทำนองนี้


...


Hiker


เรื่องนี้ตรงกับสำนวนฝรั่งที่ว่า 'Be good. Be you' นั่นคือ ขอให้เป็นคนดี (ของวงการ)... และอย่าลืมเป็นตัวของตัวเองด้วย เพราะนักเขียนที่ไม่มีสไตล์ "กำลังตาย (dying)" และจะตายไปจากวงการไม่เร็วก็ช้า


ตรงกันข้าม... คนที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ ผ่านโลกมามาก (ยิ่งชอบถ่ายภาพด้วยยิ่งดี ถ้าไม่ชอบก็อย่าเพิ่งตกใจ.. เจออะไรก็จงกดๆๆๆ ชัตเตอร์กล้องดิจิตอลเข้าไป วันหลังก็จะเก่งขึ้นเอง) แบบนี้มักจะเขียนบล็อกได้ดี



...


Hiker


กลไกที่ทำให้บล็อกน่าเขียน และน่าอ่านด้วยคือ "ความเป็นเพื่อน (friendship)"... กล่าวกันว่า ความสุขจากการมีเพื่อนฝูงคือ การได้เจอ "อะไรๆ แบบที่คาดหวัง (to meet what expected)


ถ้าเรามีเพื่อนที่คงเส้นคงวา หรือมีความเป็นแบบ "เดิมๆ" อยู่บ้าง... เราจะรู้สึกปลอดภัย แต่ถ้าเรามีเพื่อนที่วูบๆ วาบๆ ขึ้นๆ ลงๆ (แบบตอน 50up) เราจะรู้สึกไม่ค่อยมั่นคง


...


กล่าวกันว่า โลกออนไลน์นั้น... บางครั้งคนเราก็มี "ความเป็นเด็ก" ลึกๆ อยู่ในใจ คล้ายๆ กับเด็กที่ต้องมีของประจำตัว เช่น ติดหมอน ติดตุ๊กตา ฯลฯ


ความคุ้นเคยกับอะไรที่ "เดิมๆ" นี่เองที่ทำให้บล็อกเกอร์ด้วย นักอ่านด้วยมีความสุขลึกๆ นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ว่า ทำไมคนจึงชอบบล็อกเกอร์ที่มีความสม่ำเสมอ คงเส้นคงวามากกว่าประเภท "วูบๆ วาบๆ เลือดจะไป ลมจะมา"


...


Hiker


(2). ซื่อสัตย์ (honest) "บนบล็อก"                           


... 


สมัยก่อนนักอ่านกับนักเขียนไม่จำเป็นต้อง "รู้จัก" กัน ทว่า... นักอ่านบล็อกมีแนวโน้มจะเป็นพวก "อยากรู้อยากเห็น (curious)" และอยากจะรู้จักคนเขียนมากกว่าอยากจะอ่านแต่เนื้อหาของบล็อก


เพราะฉะนั้นถ้าเป็นไปได้... ควรหาภาพที่เป็นตัวตนของเรา (รูปจริง) ขึ้นบล็อก ให้มันดูเป็นผู้เป็นคนหน่อย อย่าไปเอารูปสิงห์สาราสัตว์ การ์ตูน หรือรูปคนอื่น เขียนประวัติตามจริงด้วย (บางส่วนก็ได้ ไม่ต้องทั้งหมด) แต่อย่าโกหก เพราะโลกของบล็อกเกอร์เป็นโลกของ "เพื่อนๆ พี่ๆ น้อง" ซึ่งพวกเราคงจะไม่อยากให้คนอื่นมาโกหกกัน



...


Hiker


คุณสมบัติอันหนึ่งของบล็อกเกอร์คือ เมื่อท่านเริ่มเขียนบล็อก... ท่านจะเริ่มเป็น "บุคคลสาธารณะ" ขึ้นมา คล้ายๆ กับเป็นดารา นักแสดง นักการเมืองอะไรทำนองนี้ เพราะฉะนั้นเรื่องส่วนตัวของท่านจะเริ่ม "เป็นเรื่องน่าสนใจ (interesting / hot issue)" ขึ้นมาทันที


เพราะฉะนั้นเรื่องที่ "ท่านผู้อ่าน" ชอบมากๆ คือ "ความเป็นคุณ (Be you. > Being you.)" ซึ่งไม่จำเป็นต้องดีเลิศประเสริฐศรีอะไร ขอให้จริงใจ ไม่หลอกลวง แบบนี้... ยอมรับกันได้



...


Hiker


(3). อย่า "สักแต่ลิ้งค์ (Don't just list links)"              


...


การไม่รู้จักเขียนอะไรเลย เอาแต่ "จับแพะชนแกะ" หรือทำลิ้งค์ (linkage / link) ไปที่โน่นที่นี่เรื่อยเปื่อยบ่อยๆ จะทำให้สูญเสียลูกค้า


ทำแบบนี้บ่อยๆ "ส่วนแบ่งการตลาด (market share)" จะหดตัวไปเรื่อยๆ นักอ่านจะหนีไปอ่านบล็อกอื่นแทน


...


Hiker


วิธีหนึ่งที่ผู้เขียนขอเรียนเสนอคือ ถ้าจะติอะไร... ขอให้ "ติเพื่อก่อ" ติเหตุการณ์ให้มาก ติบุคคลให้น้อยหรือไม่ติบุคคลได้เลยเป็นดีที่สุด ทว่า... ติอย่างเดียวไม่พอ ขอให้บอกไปเลยว่า เรื่องนี้ "มีทางออก" อย่างไร


คนนับแสนนับล้านติเตียนเป็นทั้งนั้น คนที่ "เสนอทางออกอย่างสร้างสรรค์" ออกมาต่างหากที่จะโดดเด่นในโลกปัจจุบัน เนื่องจากยุคนี้เป็นยุคที่เปลี่ยนแปลงเร็ว (ศาสตราจารย์ปีเตอร์ ดรัคเกอร์กล่าวว่า เป็นยุค 'great change' หรือการเปลี่ยนแปลงเร็วและแรง


...


สมัยก่อนคนเราต้องดิ้นรนอย่างหนักเพื่อไม่ให้อดตาย (struggling for survival)... ยุคนั้นผู้นำทำอะไรก็ได้ ขอให้มีข้าวกิน คนก็จะพอใจ


สมัยนี้คนมีข้าวกินแล้ว และกินกันจนอ้วนด้วย... คนจึงเริ่มต้องการอะไรใหม่ๆ ขึ้น หลักการของการบริหารยุคนี้คือ 'People need voice & choices' นั่นคือ คนเราต้องการมีสิทธิ์มีเสียง (voice) และมีทางเลือก (choices) ด้วย บล็อกเกอร์ที่ดีจึงควร "รับฟัง" ท่านผู้อ่านบ้าง และให้ท่านผู้อ่าน "มีทางเลือก" บ้าง


...


Hiker


เคล็ดไม่ลับของยุคนี้คือ ทำอะไร... อย่าไปยัดเยียดทางออกทางเดียว โดยเฉพาะอย่าไปยัดเยียด "ความคิด(เห็น)" บนบล็อก


ให้ "เรียนเสนอ" หรือ "กราบเรียนเสนอ" ทางเลือก (choices) ท่านผู้อ่านไปสัก 2-3 ทาง แล้วให้ "ท่านผู้อ่าน" เลือกเอง (ออกเสียงหรือ 'voice') จึงจะดี


...


Hiker


(4). อย่า "สักแต่ก๊อป (Provide attribution)"              


...


ฝรั่ง (ชาวตะวันตก) ถือกันว่า การขโมยผลงานทางวิชาการ (plagiarism) หรือก๊อปปี้ (copy) ผลงานเป็นความผิดที่ร้ายแรง วงการบล็อกก็ถือเรื่องนี้เหมือนกัน


บล็อกเกอร์บางคนไม่ค่อยเขียนอะไรเอง ว่างๆ ก็ก๊อปเรื่องคนอื่นมาตีพิมพ์ และไม่อ้างอิง (provide attribution / reference) ต้นฉบับไว้ ทำแบบนี้ทำให้เสี่ยงต่อการฟ้องร้องทั้งทางกฎหมาย และผ่านกระบวนการ "ประท้วงเหงา" ออนไลน์


...


ทุกวันนี้ตลาดบล็อกเป็นตลาดของ "ผู้ซื้อ (นักอ่าน)" มากกว่า "ผู้ขาย (บล็อกเกอร์)" ถ้านับเฉพาะบล็อกภาษาไทย... วันหนึ่งน่าจะมีคนเขียนบล็อกนับหมื่นนับแสนเรื่องขึ้นไป (ประมาณการณ์ ยังไม่ทราบสถิติจริง) ลูกค้าจึงทำการโหวตหรือลงมติบล็อกเกอร์กันทุกวินาทีคล้ายการทำข้อสอบแบบ "ขีดถูกขีดผิด"


"ขีดถูก" คือ เลือกเข้าไปอ่าน และอาจจะติดตามตอนต่อไป บล็อกเกอร์ที่ชอบก๊อปมักจะถูก "ขีดผิด" หรือ "คัดเลือกพันธุ์" ออกไปตามกฎการคัดเลือกพันธุ์ของชาร์ล ดาร์วิน เมื่อนักอ่านรู้ว่า การอ่านบล็อกของ "ตัวจริง-เสียงจริง" นั้นมีชีวิตชีวาออนไลน์มากกว่าไปอ่านบล็อกชอบก๊อป (copy)


...


Hiker


ถ้าถามว่า ท่านผู้อ่านรู้จริงๆ หรือว่า บล็อกเกอร์คนไหนเขียนเอง คนไหนก๊อปมา... คำตอบคือ น่าจะรู้ เพราะนักอ่านส่วนใหญ่เป็นคนชั้นกลาง (middle class) มีการศึกษา (educated) และมีสังคมออนไลน์พอที่จะ "บอกต่อ" ไปได้อย่างรวดเร็ว


ถ้าถามคุณครูกูเกิ้ล (google search)... คุณครูกูเกิ้ลก็บอกได้ว่า บล็อกเกอร์คนไหนก๊อปเรื่องคนอื่น ผู้เขียนมีวิธีเช็ค "ลิขสิทธิ์ (copyright)" บทความง่ายๆ และใช้สืบค้นโดยไม่บอกใครเป็นระยะๆ


...


วิธีการคือ การสืบค้น (search) ผ่านประโยคที่ผู้เขียนใช้ในบทความต่างๆ ประมาณ 1-2 ประโยค (copy ประโยคไปปะ หรือ 'paste' ในช่องสืบค้น (search) ของคุณครูกูเกิ้ล


ไม่นาน (ประมาณ 1 วินาทีเศษ) คุณครูจะบอกหมดเลยว่า บล็อกไหนก๊อปไปลง


...


Hiker


(5). "ขึ้นย่อหน้าใหม่บ่อยๆ (Write in short paragraphs)"              


...


ท่านบิลล์ เกตส์ เจ้าของบริษัทไมโครซอฟท์ ได้พยากรณ์ไว้เมื่อประมาณ 12 ปีก่อนว่า ถึงแม้จะมีคนอ่านเรื่องบนจอ (ออนไลน์) มากขึ้นเรื่อยๆ ทั่วโลก แต่กว่าหน้าจอจะอ่านง่ายเท่าหน้ากระดาษอาจใช้เวลาอีกร้อยกว่าปี


แน่นอนว่า การอ่านหนังสือบนจอคอมพิวเตอร์นั้น... เป็นเรื่องเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าเอาการทีเดียว


...


เรื่องนี้คุณครูภาษาไทยประจำชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 (อาจารย์คุณครูภิญโญ บุญหนุน - ถ้าจำชื่อผิดกราบขออภัย) ได้กล่าวไว้ว่า ประมาณ 2-3 บรรทัดให้ขึ้นย่อหน้าใหม่ 1 ครั้ง เรียงความจะน่าอ่านขึ้น


เรื่องนี้ตรงกับกฎ "ปลอดภัย (safe rule)" ในการเขียนบล็อกสมัยใหม่คือ ให้ขึ้นหน้าใหม่ทุกๆ 2-3 บรรทัด นั่นคือ พิมพ์ไปก็ต้องหมั่นกด 'enter' (แป้นขึ้นย่อหน้าใหม่) ไปจึงจะดี


...


Hiker


การศึกษาที่ผ่านมา (มาจากตำราวิชาการหนังสือพิมพ์ มสธ. ครับ) พบว่า การอ่านย่อหน้าสั้นอ่านได้ง่ายกว่าย่อหน้ายาว


ท่านอาจารย์กูเนลิอุสกล่าวว่า นักอ่านส่วนใหญ่จะ "อ่านข่าวผ่านดาวเทียม (scan)" หรือมองภาพรวมก่อนคล้ายๆ "สายตาเหยี่ยว (bird eye view)" ถ้าเจออะไรที่ "ติดพรึ่ดเป็นก้อนๆ (clump)" บนจอ... แบบนี้ท่าจะไม่ไหว และจะไม่อ่านต่อด้วย


...


เรื่องแนวโน้มหรือเทรนด์ (trend) แบบนี้... คนที่ก้าวล้ำนำดีไซน์ (design = ออกแบบ) ไปก่อนใครคือ 'Apple' หรือบริษัทแอปเปิลที่ผลิต MP3, iPhone, iPod ขายนั่นละ



วิธีทำให้บล็อก "โล่ง โปร่ง สบาย" แบบ iPod คือ ให้ขึ้นย่อหน้าใหม่ทุกๆ 2-3 บรรทัด... เรื่องนี้ผู้เขียนอาการหนักกว่าใครเลย คือ ถ้าแวะไปอ่านบล็อกไหนที่ไม่ "โล่ง โปร่ง สบาย" แบบใส่โสร่งแล้ว จะไม่ยอมอ่านต่อเลย


...


Hiker


(6). "กล้าที่จะแตกต่าง (Dare to be different)"           


...


ประมาณ 12 ปีก่อน... ผู้เขียนมีโอกาสไปอบรมระยะสั้นที่มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา อาจารย์พิเศษคือ ท่านอาจารย์ระเด่น (อดีตผู้บริหารธนาคารกรุงไทย) ท่านกล่าวว่า "ยุคนี้อะไรที่ไม่ extraordinary (ไม่+ไม่ธรรมดา = พิเศษ แตกต่าง โดดเด่น ไม่เหมือนใคร) ขายไม่ออกแล้ว"


ใช่แล้วครับ... เคล็ดไม่ลับข้อนี้ (ข้อที่ 6) คือ "กล้าที่จะแตกต่าง (dare to be different)" นั่นเอง บล็อกบ้านเรามีเป็นหมื่นเป็นแสน... บล็อกที่จะยืนหยัดอยู่ได้คงต้องเป็นบล็อกที่ "แตกต่าง" จากบล็อกอื่นๆ


...


Hiker


"ความแตกต่างเป็นปัจจัยที่ทำให้บล็อกโดดเด่น และได้รับความสนใจ... เมื่อมีคนสนใจก็จะมีคนอ่าน เมื่อมีคนอ่าน... บล็อกจึงจะมี "น้ำเลี้ยง"


โลกเราคงจะมีคนไม่กี่คนที่เขียนบล็อกไว้เป็นความลับ เก็บไว้อ่านคนเดียว ตั้งรหัสผ่านขาเข้าไว้ และไม่บอกใคร (ไม่รู้จะเรียกพวกที่เขียนบล็อกไว้อ่านคนเดียวว่า เจ้า "บล็อกเกอร์ (blogger)" ดี หรือจะเรียกว่า เจ้า "ล็อคเกอร์ (locker = ตู้ล็อคส่วนบุคคล)" ดี


...


บล็อกเกอร์ที่เหลือเกือบทั้งหมดคงจะอยากเขียนให้ท่านผู้อ่านเข้าไปอ่าน ซึ่งคงจะต้อง "กล้าแตกต่าง" และ "มีอะไรดี" จึงจะได้รับ "น้ำเลี้ยง" จากท่านผู้อ่านได้


บล็อกของท่านมหาเธร์ (มหาฏีร์) อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซียมีคนเข้าไปอ่านกันสิบกว่าล้านครั้ง (visit) แล้ว ผู้เขียนเชื่อว่า การที่คนดังเขียนบล็อกเป็นที่น่าสนใจอยู่แล้ว ยิ่งท่านมหาฎีร์เป็นคนกล้าที่จะ "แตกต่าง" ยิ่งทำให้บล็อกของท่านน่าสนใจใหญ่เลย


...



แสดงมาพอสมควรแก่เวลา... ขอนมัสการกราบเรียน (จำเป็นต้องนมัสการ เพราะบล็อกของผู้เขียนมีพระภิกษุ สามเณรอ่านด้วย) กราบเรียน เรียนมาด้วยความเคารพ และขอถือโอกาสนี้ส่งมอบเรื่องนี้เป็นบรรณาการ (ของฝาก) แด่ท่านผู้อ่านในโอกาสขึ้นปีใหม่ 2552 มา ณ ที่นี้


ถึงตรงนี้... ขอให้พวกเรามีสุขภาพดีไปนานๆ ขออนุญาตส่งความปรารถนาดีปีใหม่ 2552 มา ณ โอกาสนี้ครับ


...



ที่มา                                                     



  • Thank about.com > Susan Gunelius > 5 tips to write blog posts: How to write posts that get noticed and keep readers interested > [ Click ] > December 26, 2008.


  • นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ โรงพยาบาลห้างฉัตร ลำปาง > สงวนลิขสิทธิ์ > 26 ธันวาคม 2551.







Free TextEditor




 

Create Date : 26 ธันวาคม 2551
8 comments
Last Update : 27 ธันวาคม 2551 11:33:22 น.
Counter : 870 Pageviews.

 
 
 
 
เยี่ยมเลยครับ..ลุงหมอ..

จะให้แม่ผมนำไปใช้บ้าง..
 
 

โดย: ขนมตะโก้ วันที่: 28 ธันวาคม 2551 เวลา:6:47:35 น.  

 
 
 
ขอขอบคุณท่านผู้อ่านทุกท่าน... ขอส่งความปรารถนาดีปีใหม่ + ขอสวัสดีปีใหม่กับพวกเราทุกคนครับ...
 
 

โดย: นพ.วัลลภ วันที่: 28 ธันวาคม 2551 เวลา:9:41:13 น.  

 
 
 
ขอบคุณมากค่ะ จะพยายามนำไปใช้ค่ะแค่ข้อแรกก็ไม่ผ่านแล้ว ฮิฮิ

zwani.com myspace graphic comments
Graphics for New Years Comments
 
 

โดย: ก้าวไปตามใจฝัน วันที่: 29 ธันวาคม 2551 เวลา:12:47:37 น.  

 
 
 
ขอขอบคุณ... คุณก้าวไปตามใจฝัน อย่าเพิ่งตกใจครับ... คนเรามักจะทำอะไรดีๆ ได้มากกว่าที่คิดไว้เสมอ เชียร์พวกเรา และขอสวัสดีปีใหม่ด้วย
 
 

โดย: นพ.วัลลภ วันที่: 30 ธันวาคม 2551 เวลา:23:28:44 น.  

 
 
 
ขอบพระคุณสำหรับบทความดีๆ ครับ :)
 
 

โดย: infinity วันที่: 31 ธันวาคม 2551 เวลา:22:46:20 น.  

 
 
 
มาเยี่ยมชมค่ะ บทความนี้ดีมาก ทุกวันนี้ก็พยายามเขียนบล๊อคให้น่าอ่านอยู่ค่ะ
 
 

โดย: ตีไม่แรง ไม้แพง แต่งตัวเท่ห์ วันที่: 7 มกราคม 2552 เวลา:1:36:40 น.  

 
 
 
คุณหมอค่ะเขียนหลายบล็อคอย่างนี้มีเวลาหรือค่ะ
เอาไว้ถ้ามีปัญหาคงต้องรบกวนแล้วล่ะค่ะ
 
 

โดย: jin-ka วันที่: 10 มกราคม 2552 เวลา:8:18:01 น.  

 
 
 
สิ่งที่คุณหมอทำถือเป็นธรรมทานซึ่งเป็นทานที่เลิศที่สุด
 
 

โดย: อิทธิบาทสี่ วันที่: 26 มกราคม 2552 เวลา:8:36:41 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

wullop
 
Location :
ลำปาง Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




บล็อกสุขภาพ + เรื่องทั่วไป... ท่านนำบทความไปใช้ โดยไม่ต้องขออนุญาตครับ... นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์...
New Comments
[Add wullop's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com