Ortho knowledge for all @ Do no harm patient and myself @ สุขภาพดี ไม่มีขาย ถ้าอยากได้ ต้องสร้างเอง
 
พฤศจิกายน 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
15 พฤศจิกายน 2551

กำลังใจ





กำลังใจ

ทำไมชีวิตผมต้องมาเจออะไรอย่างนี้ด้วยนะ นี่ผมคิดถูกแล้วหรือที่เข้ามาเรียนคณะนี้ งานก็ยาก เนื้อหาก็เยอะ แถมยังต้องอดหลับอดนอนมาอยู่เวรอีก เหมือนไม่มีอะไรดีในชีวิตเลย สิ่งเหล่านี้เคยเป็นความคิดของผมในอดีต แต่เหตุการณ์วันหนึ่งบนวอร์ดอายุรกรรมทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนไป เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง

วันนั้นก็เป็นอีกวันที่ต้องขึ้นวอร์ดมาทำงาน บรรยากาศตอนบ่ายหลังกินข้าวกลางวันเสร็จใหม่ๆ มันช่างน่าล้มตัวนอนจริงๆ

“ไม่ได้การ ต้องทำรายงานแล้ว หาคนไข้ซักประวัติซักเตียงดีกว่า ขืนไม่รีบๆทำไว้ก่อน จะไปเหนื่อยใกล้สอบเอาได้”

ผมคิดในใจพลางเดินไปที่เคาน์เตอร์พยาบาลเปิดแฟ้มดูเวชระเบียนของผู้ป่วย จำได้ว่าเมื่อเช้าตอนราววอร์ดมีคนไข้เป็นปอดอักเสบจากเชื้อราอยู่เตียงนึง เป็นPrecaution(HIV) ด้วย น่าสนใจดีคงเขียนรายงานได้ไม่ยาก รีบๆไปซักดีกว่าจะได้ไปพักผ่อนเร็วๆ เบื่อจริงๆอยู่แต่บนวอร์ด

“สวัสดีครับ เป็นนักศึกษาแพทย์ปี 4 ครับ ขออนุญาตซักประวัติตรวจร่างกายหน่อยนะครับ”

ผมยกมือสวัสดีและแนะนำตัวกับผู้ป่วยทันทีที่ไปถึงเตียง ผู้ป่วยรายนี้เป็นผู้ชายวัยกลางคนอายุประมาณ 30 ปี ดูภูมิฐาน นอนอยู่บนเตียงริมหน้าต่าง มีสายcanulaคาดจมูก ดูๆคงไม่เหนื่อยมากแล้ว ถ้าไม่บอกก็คงไม่รู้ว่าเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง แล้วผมก็เริ่มซักประวัติ ผู้ป่วยก็ตอบด้วยความร่วมมือเป็นอย่างดี ผู้ป่วยรายนี้เป็นอาจารย์สถาบันแห่งหนึ่ง

เขาเล่าให้ฟังว่า เขาติดเชื้อมาจากแฟนเขาซึ่งเป็นคนที่เขาไม่คิดว่าจะติดมากที่สุด หลังจากนั้นไม่นานก็เริ่มมีภาวะแทรกซ้อนจากโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง แต่เอ๊ะผมเพิ่งจะมีผู้ป่วยเป็นเอชไอวีเป็นครั้งแรก ไม่รู้ว่าคนที่เขาเป็นโรคนี่เขาจะรู้สึกแย่ขนาดไหนนะตอนทราบข่าวครั้งแรก จำได้ว่าวิชาfamily medicine ที่เพิ่งเรียน การซักประวัติทางpsychosocialน่าจะมีประโยชน์ ลองเอามาใช้สักหน่อยละกัน

“คุณคิดยังไงกับโรคที่เป็นอยู่นี่บ้างครับ”

“ตอนนี้คุณรู้สึกอย่างไรบ้างครับ”

“แล้วไม่ทราบว่าครั้งแรกที่คุณรู้ว่าตัวเองมีเชื้อนี่รู้สึกอย่างไรบ้างครับ ”

“แล้วทำอย่างไรต่อครับ”

คำถามมากมายพรั่งพรูจากปากผม บ้างก็เป็นรูปแบบที่ท่องจำกันมา บ้างก็มาจากความอยากรู้จริงๆ ฟังคนไข้เล่าครั้งแรกที่เขาทราบว่าเป็นก็ต้องใช้เวลานานเหมือนกันในการทำใจ เพราะเขาติดมาจากแฟนคนเดียวที่เขาไม่คิดว่าจะติด แฟนเขาก็ออกจะเรียบร้อยราวกับกุลสตรีไทยก็ไม่ปาน แต่แล้วความประมาทก็เป็นบ่อเกิดของความผิดพลาด มันกลายเป็นบทเรียนราคาแพงที่จะอยู่กับเขาไปอีกนาน

ตอนนี้ดูเหมือนเขาจะทำใจได้แล้วกับสิ่งที่เขาเป็น ผมพูดคุยกับเขาไปเรื่อยๆ จนถึงคำถามหนึ่งที่ทำให้ผมต้องแปลกใจ

“คุณพ่อคุณแม่ทราบหรือยังครับ”

สีหน้าผู้ป่วยเริ่มเปลี่ยนสีดูเศร้ากว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาลง

“ผมบอกคุณแม่เป็นคนแรก คืนนั้นแม่ไม่ว่าอะไรผมสักคำ ได้แต่ร้องไห้กอดผมทั้งคืน แล้วบอกเพียงว่าลูกของแม่ต้องไม่เป็นไร นี่เป็นสิ่งที่ผมเสียใจที่สุดในชีวิตที่ทำให้แม่ต้องร้องไห้ ”

น้ำตาหยดน้อยๆเริ่มไหลรินลงมาจากดวงตาของเขา ผมยื่นกระดาษทิชชูให้ เขารับไว้เช็ดน้ำตา

“ชีวิตคนเรามันสั้นนะหมอ กว่าจะรู้บางทีก็เกือบจะสายไป”

วันนั้นคืนแรกที่เขารู้เขาก็ร้องไห้เข้าไปกอดแม่ เขาบอกว่าเขาโชคดีที่มีแม่ที่เข้าใจความรู้สึกเขา ไม่เคยมีทีท่ารังเกียจเขาเลยแม้แต่น้อย คอยแต่ให้กำลังใจเขาให้สู้ต่อไป ไม่ว่าอย่างไรลูกก็เป็นลูกของแม่เสมอ ตรงกันข้าม กลับรู้สึกโกรธแค้นผู้หญิงคนนั้นที่มาทำร้ายลูกเขา ทำให้ลูกของเขาต้องติดเชื้อร้ายที่ไม่มีทางรักษานี้

ทุกวันนี้เขาเป็นอาจารย์ที่มีนักเรียนรักมากมายเพราะความใจดีของเขานี่เอง ระหว่างที่เขานอนอยู่โรงพยาบาลมีลูกศิษย์โทรมาหาหลายคน อยากให้เขาหายไวๆ จะได้กลับไปสอนอีกครั้ง

ผมเองก็รู้สึกได้ถึงความอ่อนโยนของเขา รู้สึกสงสารเขาเหมือนกัน ถ้าเป็นตัวผมเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง จะมีกำลังใจมากมายได้อย่างเขาหรือเปล่า รู้สึกว่าตัวเองยังโชคดีนัก ความยากลำบากในการเรียนของผมนั้นเทียบไม่ได้เลยกับความทุกข์ที่ผู้ป่วยต้องเผชิญ

ผมเผลอพูดคุยและให้กำลังใจเขาไปจนไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไร ผมลาผู้ป่วยกลับมาโดยที่ไม่รู้ว่าเขาประทับใจผมที่ผมใส่ใจกับความรู้สึกเขาอยู่

วันสุดท้ายที่เขาจะต้องออกจากโรงพยาบาล ผมก็ไปตรวจร่างกายเขา พูดทักทายเขาตามปรกติ เมื่อผมกำลังจะลาไปตรวจเตียงอื่นต่อ เขาก็หยิบขนมปังห่อใหญ่ขึ้นมาแล้วก็ยื่นใส่มือผม แล้วบอกขอบคุณมากสำหรับการดูแลและให้กำลังใจเขามาตลอดเวลาที่เขาอยู่โรงพยาบาล

ผมยังงงๆกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้ปฏิเสธไป แต่ผู้ป่วยยังยืนยันที่จะให้ผมจึงรับไว้แล้วเดินจากมา นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้รับของจากผู้ป่วย ระหว่างเดินมาห้องพักผมยังคิดอยู่ว่าทำถูกไหมที่รับของผู้ป่วยมาแบบนี้ แต่ตอนนี้ในใจผมพองโตเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกที่ดีอย่างบอกไม่ถูก

ความรู้สึกตรงนี้มันไม่ได้อยู่ที่ราคาของที่ได้รับเลย เพราะราคาขนมปังเองคงไม่กี่บาท แต่คุณค่าต่อจิตใจผมจริงๆมันมากกว่านั้นมาก มันอยู่ที่ความรู้สึกที่ผู้ป่วยอยากจะให้ผมด้วยใจมากกว่า มันทำให้ผมรู้สึกมีคุณค่าในชีวิตอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน

ก่อนกลับผมก็ได้สวัสดีลาแม่เขา แม่เขาแอบกระซิบบอกกับผมว่า

“ขอบคุณมากนะคะที่คอยพูดคุยเป็นเพื่อนลูกเขามาตลอด ลูกดิฉันชมคุณไม่ขาดปากเลย ในอนาคตคุณต้องได้เป็นหมอที่ดีแน่ๆค่ะ”

คำพูดของแม่ผู้ป่วยยิ่งทำให้ผมมีความสุขมากขึ้นไปอีก เป็นความรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกที่เราสามารถเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นได้ มีคุณค่าในตัวเองมากขึ้น

เชื่อไหมว่า ความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานบนวอร์ดที่ผ่านมามันหายไปหมดสิ้น หยาดเหงื่อแรงงานที่ได้พยายามเพื่อการเรียนที่แสนยากลำบาก ตอนนี้รู้สึกมันเกินคุ้มค่าจริงๆ



สิ่งที่ผู้ป่วยและแม่ของผู้ป่วยได้บอกกับผมในวันนั้นมันยังอยู่ในความทรงจำของผมมาตลอดเพราะมันกลายมาเป็นกำลังใจให้ผม เวลาที่ผมท้อแท้หรือเหน็ดเหนื่อยกับการเรียน ทำให้ผมรู้ว่านอกจากตัวผมเองที่คิดว่ามีความทุกข์ที่สุด ยังมีคนที่ลำบากกว่าผมอยู่อีก รวมทั้งน้ำใจจากผู้ป่วยที่ผมได้รับนั้นทำให้ผมรู้สึกว่า ยังมีสิ่งดีๆซุกซ่อนอยู่บนโลกที่อาจจะดูโหดร้ายใบนี้เพียงเราคิดจะค้นหา แต่ที่สำคัญคือต้องค้นหาด้วยหัวใจ



นศพ.วัฒนกิจ จันทรธนะสุทธิ์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี







Create Date : 15 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2551 10:31:16 น. 3 comments
Counter : 945 Pageviews.  

 
เศ้ราใจค่ะ เรื่องของคนไข้คนนี้ เข้าข่าย

"เรามักทำให้คนที่ใส่ใจเราต้องร้องไห้

เรามักร้องไห้ให้กับคนที่ไม่เคยใส่ใจเรา

และเรามักใส่ใจกับคนที่ไม่มีวันร้องไห้ให้เรา

นี่คือความจริงของชีวิต เป็นเรื่องแปลกแต่จริง"

สงสารแม่เขานะคะ

เป็นกำลังใจให้หมอนะคะ

มาอ่านบ่อยแต่ไม่ค่อยได้เม้นค่ะ



โดย: patra_vet วันที่: 15 พฤศจิกายน 2551 เวลา:13:16:41 น.  

 
ตอนสมัยเป็นนศพ.ก็เคยเจอผู้ป่วยลักษณะเดียวกันนี้ล่ะคะ่ ตอนนี้ไม่ได้ทำงานกับผู้ป่วยโดยตรงแล้ว บางทีก็คิดถึงเหมือนกันนะเนี่ย

ตึกใหม่ที่ศิริราชหรือเปล่าคะ


โดย: ลูกแม่ดอกบัว วันที่: 15 พฤศจิกายน 2551 เวลา:22:59:56 น.  

 
ประทับใจมากคะ ขอให้เรียนจบไวๆ นะคะ ที่ไทยเราจะได้มีคุณหมอดีๆ เพิ่มมาอีก คน


โดย: Elizabethan วันที่: 16 พฤศจิกายน 2551 เวลา:17:26:12 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

หมอหมู
Location :
กำแพงเพชร Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 762 คน [?]




ผมเป็น ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ หรือ อาจเรียกว่า หมอกระดูกและข้อ หมอกระดูก หมอข้อ หมอออร์โธ หมอผ่าตัดกระดูก ฯลฯ สะดวกจะเรียกแบบไหน ก็ได้ครับ

ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ เป็นแพทย์เฉพาะทางสาขาหนึ่ง ซึ่งเมื่อเรียนจบแพทย์ทั่วไป 6 ปี ( เรียกว่า แพทย์ทั่วไป ) แล้ว ก็ต้องเรียนต่อเฉพาะทาง ออร์โธปิดิกส์ อีก 4 ปี เมื่อสอบผ่านแล้วจึงจะถือว่าเป็น แพทย์ออร์โธปิดิกส์ โดยสมบูรณ์ ( รวมเวลาเรียนก็ ๑๐ ปี นานเหมือนกันนะครับ )

หน้าที่ของหมอกระดูกและข้อ จะเกี่ยวข้องกับความเจ็บป่วย ของ กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น กระดูก ข้อ และ เส้นประสาท โรคที่พบได้บ่อย ๆ เช่น กระดูกหัก ข้อเคล็ด กล้ามเนื้อฉีกขาด กระดูกสันหลังเสื่อม ข้อเข่าเสื่อม กระดูกพรุน เป็นต้น

สำหรับกระดูกก็จะเกี่ยวข้องกับกระดูกต้นคอ กระดูกสันหลัง กระดูกเชิงกราน กระดูกข้อไหล่ จนถึงปลายนิ้วมือ กระดูกข้อสะโพกจนถึงปลายนิ้วเท้า ( ถ้าเป็นกระดูกศีรษะ กระดูกหน้า และ กระดูกทรวงอก จะเป็นหน้าที่ของศัลยแพทย์ทั่วไป )

นอกจากรักษาด้วยการให้คำแนะนำ และ ยา แล้วยังรักษาด้วย วิธีผ่าตัด รวมไปถึง การทำกายภาพบำบัด บริหารกล้ามเนื้อ อีกด้วย นะครับ

ตอนนี้ผม ลาออกจากราชการ มาเปิด คลินิกส่วนตัว อยู่ที่ จังหวัดกำแพงเพชร .. ใช้เวลาว่าง มาเป็นหมอทางเนต ตอบปัญหาสุขภาพ และ เขียนบทความลงเวบ บ้าง ถ้ามีอะไรที่อยากจะแนะนำ หรือ อยากจะปรึกษา สอบถาม ก็ยินดี ครับ

นพ. พนมกร ดิษฐสุวรรณ์ ( หมอหมู )

ปล.

ถ้าอยากจะถามปัญหาสุขภาพ แนะนำตั้งกระทู้ถามที่ .. เวบไทยคลินิก ... ห้องสวนลุม พันทิบ ... เวบราชวิทยาลัยออร์โธปิดิกส์ หรือ ทางอีเมล์ ... phanomgon@yahoo.com

ไม่แนะนำ ให้ถามที่หน้าบล๊อก เพราะอาจไม่เห็น นะครับ ..




New Comments
[Add หมอหมู's blog to your web]