พระเกษม เตะ พระพุทธเจ้าปลอม โดยหลวงปู่เกษม อาจิณณสีโล 11ก.ค.2555
เนื้อหา บางส่วนจากการแสดงธรรมชุดนี้ ๑. ทุกๆคน ต้องเคยเป็นมาหมดทุกๆอย่าง ๒. พระอริยะผู้มักมาก ๓. คำสอนอาจารย์บางอย่างถือได้ บางอย่างถือไม่ได้ ๔. ถ้าคำสั่งไม่ถูกต้อง สามารถคัดค้านหรือเห็นแย้งได้ ๕. มารเนรมิตหลุมถ่านเพลิงเพื่อขัดขวางไม่ให้คนทำดี ฯลฯ ทุกๆคน ต้องเคยเป็นมาหมดทุกๆอย่าง(ทุคตสูตร) เล่ม26หน้า524 ว่าด้วยสงสารกำหนดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ เหมือนทุคตบุรุษ สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวันอารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี. ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกภิกษุทั้งหลาย. แล้วได้ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สงสารนี้กำหนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ เมื่อเหล่าสัตว์ผู้มีอวิชชาเป็นที่กางกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องประกอบไว้ ท่องเที่ยวไปมาอยู่ที่สุดเบื้องต้นย่อมไม่ปรากฏ เธอทั้งหลายเห็นทุคตบุรุษผู้มีมือและเท้าไม่สมประกอบ พึงลงสันนิษฐานในบุคคลนี้ว่า เราทั้งหลายก็เคยเสวยทุกข์เห็นปานนี้มาแล้ว โดยกาลนานนี้ ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่า สงสารนี้กำหนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ ฯลฯ พอเพื่อจะหลุดพ้น ดังนี้. พระอริยะผู้มักมาก (มุสาวาทวรรคสิกขาบทที่8) เล่ม4หน้า199 ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ไฉนพวกเธอจึงได้กล่าวชมอุตริมนุสธรรมของกันและกันแก่พวกคฤหัสถ์เพราะเหตุแห่งต้องเล่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การกระทำของพวกเธอนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ว่าดังนี้:- พระบัญญัติ อนึ่ง ภิกษุใดบอกอุตริมนุสธรรมแก่อนุปสัมบันเป็นปาจิตตีย์ เพราะมีจริง คำสอนอาจารย์บางอย่างถือได้ บางอย่างถือไม่ได้(ปุจฉาวิสัชนาวัตถุ ๑๐ประการ) เล่ม9หน้า543 ครั้งนั้น ท่านพระสมภูตสาณวาสี ได้กล่าวกะท่านพระยสกา. กัณฑกบุตรว่า ท่านพระเรวตะรูปนี้ เป็นพหูสูต ชำนาญในคัมภีร์ ทรงธรรมทรงวินัย ทรงมาติกา เป็นผู้ฉลาด เฉียบแหลม เป็นนักปราชญ์ มีความละอาย มีความรังเกียจ ใคร่ต่อสิกขา ถ้าพวกเราจักถามปัญหากะท่านพระเรวตะท่านพระเรวตะสามารถจะยังราตรีทั้งสิ้น ให้ล่วงไป ด้วยปัญหาข้อเดียวเท่านั้นก็แลบัดนี้ ท่านพระเรวตะจักเชิญพระอันเตวาสิกให้สวดสรภัญญะ ท่านนั้นเมื่อภิกษุรูปนั้น สวดสรภัญญะจบ พึงเข้าไปหาท่านพระเรวตะ แล้วถามวัตถุ๑๐ ประการนี้ ท่านพระยสกากัณฑกบุตรรับคำของท่านพระสัมภูตสาณวาสีแล้วท่านพระเรวตะได้เชิญพระอันเตวาสิก ให้สวดสรภัญญะแล้ว ท่านพระยสกากัณฑกบุตร เมื่อภิกษุนั้นสวดสรภัญญะจบ ได้เข้าไปหาท่านพระเรวตะ อภิวาทนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วถามว่า สิงคิโสณกัปปะ ควรหรือ ขอรับ. พระเรวตะย้อนถามว่า สิงคิโลณกัปปะนั้น คืออะไร ขอรับ ย. คือการเก็บเกลือไว้ในเขนงโดยตั้งใจว่าจักปรุงในอาหารที่จืดฉันควรหรือไม่ ขอรับ. ร. ไม่ควร ขอรับ. ย. อาจิณณกัปปะ ควรหรือไม่ ขอรับ ร. อาจิณณกัปปะนั้น คืออะไร ขอรับ ย. คือการประพฤติวัตรด้วยเข้าใจว่า นี้พระอุปัชฌาย์ของเราเคยประพฤติมา นี้พระอาจารย์ของเราเคยประพฤติมา ควรหรือไม่ ขอรับ ร. อาจิณณกัปปะ บางอย่างควร บางอย่างไม่ควร ขอรับ ย. อมถิตกัปปะ ควรหรือไม่ ขอรับ ร. อมถิตกัปปะนั้น คืออะไร ขอรับ ย. คือนมสดละความเป็นนมสดแล้ว ยังไม่ถึงความเป็นนมส้ม ภิกษุฉันเสร็จ ห้ามภัตรแล้ว จะดื่มนมนั้นอันเป็นอนติริตตะ ควรหรือไม่ ขอรับ ร. ไม่ควร ขอรับ ย. ดื่มชโลคิ ควรหรือไม่ ขอรับ ร. ชโลคินั้น คืออะไร ขอรับ ย. คือการดื่มสุราอย่างอ่อนที่ยังไม่ถึงความเป็นน้ำเมา ควรหรือไม่ขอรับ ร. ไม่ควร ขอรับ ย. ผ้าปูนั่งไม่มีชาย ควรหรือไม่ ขอรับ ร. ไม่ควร ขอรับ ย. ทองและเงิน ควรหรือไม่ ขอรับ ร. ไม่ควร ขอรับ ย. ท่านเจ้าข้า พวกพระวัชชีบุตรชาวเมืองเวสาลีนี้แสดงวัตถุ ๑๐ประการเหล่านี้ ในเมืองเวสาลี ท่านเจ้าข้า ถ้าเช่นนั้น พวกเราจงช่วยกันยกอธิกรณ์นี้ขึ้น ในภายหน้าสภาพที่มิใช่ธรรมจักรุ่งเรื่อง ธรรมจักเสื่อมถอย สภาพที่มิใช่วินัยจักรุ่งเรื่อง วินัยจักเสื่อมถอย ในภายหน้าพวกอธรรมวาทีจักมีกำลังพวกธรรมวาทีจักเสื่อมกำลัง พวกอวินัยวาที จักมีกำลัง พวกวินัยวาทีจักเสื่อมกำลัง ท่านพระเรวตะรับคำท่านพระยสกากัณฑกบุตรแล้ว. ถ้าคำสั่งไม่ถูกต้อง สามารถคัดค้านหรือเห็นแย้งได้(คัดค้านเมื่อทำกรรมไม่เป็นธรรม)เล่ม6หน้า443 เรื่องห้ามทำกรรมไม่เป็นธรรม ก็โดยสมัยนั้นแล พระฉัพพัคคีย์ทำกรรมไม่เป็นธรรมในท่ามกลางสงฆ์ ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระผู้มีพระภาคเจ้ารับ สั่งว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงทำกรรมไม่เป็นธรรมในท่ามกลางสงฆ์ รูปใดทำต้องอาบัติทุกกฏ. พระฉัพพัคคีย์ยังขืนทำกรรมไม่เป็นธรรมอยู่ตามเดิม ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้คัดค้านในเมื่อภิกษุทำกรรมไม่เป็นธรรม. สมัยต่อมา ภิกษุทั้งหลายผู้มีศีลเป็นที่รักพากันคัดค้านในเมื่อพระฉัพพัคคีย์ทำกรรมไม่เป็นธรรม พระฉัพพัคคีย์ได้อาฆาต เคืองแค้น คุกคามจะฆ่าเสีย ภิกษุทั้งหลายจึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ทำความเห็นแย้งได้. ภิกษุทั้งหลายทำความเห็นแย้งในสำนักพระฉัพพัคคีย์เหล่านั้นนั่นแหละพระฉัพพัคคีย์ได้อาฆาต เคืองแค้น คุกคามจะฆ่าเสีย ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลายเราอนุญาตให้ภิกษุ ๔-๕ รูปคัดค้าน ให้ภิกษุ ๒-๓ รูปทำความเห็นแย้ง ให้ภิกษุรูปเดียวนึกในใจว่า กรรมนั้นไม่ควรแก่เรา. มารเนรมิตหลุมถ่านเพลิงเพื่อขัดขวางไม่ให้คนทำดี(อ.ขทิรังคารชาดก) เล่ม55หน้า374 ทันใดนั้น มารผู้มีบาปสั้นสะท้านลุกขึ้นแล้วคิดว่า พระปัจเจกพุทธเจ้านี้ ไม่ได้อาหารมา ๗ วันแล้วจากวันนี้ไป วันนี้ เมื่อไม่ได้จักฉิบหาย เราจักทำพระปักเจกพุทธเจ้านี้ให้พินาศ และจักทำอันตรายแก่ทานของเศรษฐี จึงมาในขณะนั้นทันที แล้วเนรมิตหลุมถ่านเพลิงประมาณ ๘๐ ศอก ในระหว่างวัตถุสถานที่ตั้ง หลุมถ่านเพลิงนั้นเต็มด้วยถ่านเพลิงไม้ตะเคียน ไฟลุกโพลงมีแสงโชติช่วงปรากฏเหมือนอเวจีมหานรก ก็ครั้นเนรมิตหลุมถ่านเพลิงนั้นแล้วตนเองได้ยืนอยู่ในอากาศ บุรุษผู้มาเพื่อจะรับบาตรเห็นดังนั้นได้รับความกลัวอย่างใหญ่หลวงจึงกลับไป. ผู้ใดโกรธตอบบุคคลผู้โกรธ ผู้นั้นย่อมเลวกว่า(อักโกสกสูตร)เล่ม25หน้า203 พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า "ผู้ไม่โกรธ ฝึกฝนตนแล้ว มีความเป็นอยู่สม่ำเสมอ หลุดพ้นแล้ว เพราะรู้ตอบสงบ คงที่อยู่ ความโกรธแล้ว ผู้นั้นเป็นผู้ใดโกรธตอบบุคคลผู้โกรธ แล้วผู้นั้นเป็นผู้ลามก กว่าบุคคลนั้นแหละ เพราะการโกรธตอบนั้น บุคคลไม่โกรธตอบบุคคลผู้โกรธแล้ว ชื่อว่าย่อมชนะสงครามอันบุคคลชนะได้โดยยาก ผู้ใดรู้ว่าผู้อื่นโกรธแล้วเป็นผู้มีสติสงบเสียได้ ผู้นั้นชื่อว่าย่อมประพฤติประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย คือแก่ตนและแก่บุคคลอื่น เมื่อผู้นั้นรักษาประโยชน์อยู่ทั้งสองฝ่าย คือของตนและของบุคคลอื่น ชนทั้งหลายผู้ไม่ฉลาดในธรรมย่อมสำคัญบุคคลนั้นว่า เป็นคนเขลา ดังนี้". การบัญญัติพระวินัย เป็นวิสัยของพระพุทธเจ้าเท่านั้น(ปัญหาของพระสารีบุตร) เล่ม1หน้า354-55 [พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสห้ามท่านพระสารีบุตร] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อจะทรงประกาศแก่พระสารีบุตรนั้นว่า เวลานี้ ยังไม่เป็นกาลแห่งอันบัญญัติสิกขาบทก่อน จึงตรัสว่า อาคเมหิตฺวสารีปุตฺต ดังนี้เป็นต้น. บรรดาบทเหล่านั้น คำว่า อาคเมหิ ตฺวความว่า เธอจงรอก่อน มีคำอธิบายว่า เธอจงยับยั้งก่อน. ก็คำนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสซ้ำสองครั้ง ด้วยอำนาจความเอื้อเฟื้อ. ด้วยคำว่า อาคเมหิเป็นต้นนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงห้ามความที่การบัญญัติสิกขาบท เป็นวิสัยของพระสาวก เมื่อจะทรงทำให้แจ้งว่า การบัญญัติสิกขาบทเป็นพุทธวิสัย พระผู้มีพระภาคเจ้าพึงบัญญัติสิกขาบทนั้น พระตถาคตเท่านั้นจักรู้กาลแห่งอันบัญญัติสิกขาบทนั้น.พระผู้มีพระภาคเจ้าครั้นตรัสอย่างนี้แล้ว เพื่อจะแสดงสมัยมิใช่กาลก่อน อาสวะทั้งหลายย่อมตั้งอยู่ในธรรมเหล่านี้เพราะเหตุนั้น ธรรมเหล่านั้นจึงชื่อว่า เป็นที่ตั้งแห่งอาสวะ, อีกอย่างหนึ่งธรรมทั้งหลายอันอาสวะพึงตั้งอยู่ คือไม่พึงผ่านเลยไป เพราะเหตุนั้น ธรรมเหล่านั้นจึงชื่อว่า เป็นที่ตั้งแห่งอาสวะ, อาสวะคือทุกข์ และอาสวะคือกิเลส อันเป็นไปในทิฏฐธรรมและในสัมปรายภพ อาสวะมีการค่อนขอดของคนอื่น ความวิปฏิสาร การฆ่าและการจองจำเป็นต้น และอาสวะอันเป็นทุกข์พิเศษในอบาย ย่อมตั้งอยู่นั่นเทียว ในวิติกกมธรรมเหล่าใด เพราะวีติกกมธรรมเหล่านั้น เป็นเหตุแห่งอาสวะมีอาสวะอันเป็นไปในทิฏฐธรรมเป็นต้นเหล่านั้น. เสียงเทศน์ของพะอภิภูดังไปหมื่นโลกธาตุ(อรุณวตีสูตร) เล่ม25หน้า183-185 ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ได้ยินว่า ในกาลนั้น พรหม พรหมบริษัท และพรหมปาริสชัชะทั้งหลาย ได้มีจิตพิศวงเกิดแล้วว่า น่าอัศจรรย์จริงไม่เคยมีมาเลย ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ความที่สมณะเป็นผู้มีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมาก ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล ภิกษุอภิภูได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนานว่าสิขีว่า พระเจ้าข้า ข้าพระองค์ย่อมทราบข้าพระองค์เป็นผู้กล่าววาจาเห็นปานนี้ ในท่ามกลางภิกษุสงฆ์ว่า ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย เราอยู่ที่พรหมโลกสามารถยังหมื่นโลกธาตุให้รู้แจ่มแจ้งด้วยเสียงได้. พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าสิขีตรัสว่า ดูก่อนพราหมณ์ เป็นกาลของเธอที่เธอดำรงอยู่ที่พรหมโลก พึงยังหมื่นโลกธาตุให้รู้แจ่มแจ้งด้วยเสียงได้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พระอภิภูทูลรับพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าสิขีว่า อย่างนั้นพระเจ้าข้าดังนี้แล้ว ดำรงอยู่ในพรหมโลก ได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ว่า:- "ท่านทั้งหลายจงริเริ่ม จงก้าวหน้าจงประกอบ (ความเพียร) ในพระพุทธศาสนา จงกำจัดเสนาแห่งมัจจุเหมือนช้างกำจัดเรือนไม้อ้อฉะนั้น ผู้ใดจักไม่ประมาทในพระธรรมวินัยนี้อยู่ ผู้นั้นจักละสงสารคือชาติ แล้วกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้". ลักษณะการตายของพระพุทธเจ้า(มหาปรินิพานสูตร)เล่ม13หน้า322 ปรินิพพาน ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเข้าปฐมฌาน ออกจากปฐมฌานแล้ว เข้าทุติยฌาน ออกจากทุติยฌานแล้ว เข้าตติยฌาน ออกจากตติยฌานแล้ว เข้าจตุตถฌาน ออกจากจตุตถฌานแล้ว ทรงเข้าอากาสานัญจายตนะ ออกจากอากาสานัญจายตสมาบัติแล้ว เข้าวิญญาณัญจายตนะ ออกจากวิญญาณัญจายตนสมาบัติแล้ว เข้าอากิญจัญญายตนะ ออกจากอากิญจัญญายตนะสมาบัติแล้ว เข้าเนวสัญญานาสัญญายตนะ ออกจากเนวสัญญานาสัญญายตนสมบัติแล้ว ทรงเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ. ครั้งนั้น ท่านพระอานนท์ได้ถามท่านพระอนุรุทธะว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จปรินิพพานแล้วหรือ ท่านพระอนุรุทธะกล่าวว่า อานนท์ผู้มีอายุพระผู้มีพระภาคเจ้ายังไม่เสด็จปรินิพพานทรงเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ. ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงออกจากสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติแล้ว เข้าเนวสัญญานาสัญญายตนะ ออกจากเนวสัญญานาสัญญายตนสมาบัติแล้วเข้าอากิญจัญญายตนะ ออกจาก อากิญจัญญายตนะสมาบัติแล้ว เข้าวิญญาณัญจายตนะ ออกจากวิญญาณัญจายตนสมาบัติแล้ว เข้าอากาสานัญจายตนะ ออกจากอากาสานัญจายตนสมาบัติแล้ว เข้าจตุตถฌาน ออกจากจตุตถฌานแล้วเข้าตติยฌาน ออกจากตติยฌานแล้ว เข้าทุติยฌาน ออกจากทุติยฌานแล้วเข้าปฐมฌาน ออกจากปฐมฌานแล้ว เข้าทุติยฌาน ออกจากทุติยฌานแล้วเข้าตติยฌาน ออกจากตติยฌานแล้ว เข้าจตุตถฌาน. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงออกจากจตุตถฌานแล้ว เสด็จปรินิพพานในลำดับ (แห่งการพิจารณาองค์จตุตถฌานนั้น). [๑๘๕] เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าปรินิพพานแล้ว พร้อมกับการปนิพานได้เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ เกิดความขนพองสยองเกล้าน่าพึงกลัว ทั้งกลองทิพย์ก็บันลือขึ้น. พราหมณ์ผู้เห็นพระพุทธเจ้าเป็นลูกชาย(ประวัตินกุลบิดคฤหบดี) เล่ม33หน้า79-80 ประวัตินกุลบิดาคฤหบดี นกุลบิดาคฤหบดีเป็นเลิศกว่าพวกอุบาสกผู้กล่าวถ้อยคำแสดงความคุ้นเคย.ดังได้สดับมา ท่านคฤหบดีนั้น ครั้งพระพุทธเจ้าพระนามว่าปุทุมุตตระ บังเกิดในเรือนสกุล กรุงหังสวดี กำลังฟังพระธรรมเทศนาของพระศาสดา เห็นพระศาสดาทรงสถาปนาอุบาสกผู้หนึ่งไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะเป็นเลิศกว่าพวกอุบาสกผู้คุ้นเคย ก็ทำกุศลให้ยิ่งยวดขึ้นไปปรารถนาตำแหน่งนั้น. ท่านเวียนว่ายอยู่ในเทวดาและมนุษย์ถึงแสนกัปในพุทธุปบาทกาลนี้ก็บังเกิดในสกุลเศรษฐี นครสุงสุมารคิรี แคว้นภัคคะ. แม้พระศาสดา อันภิกษุสงฆ์แวดล้อมแล้วเสด็จจาริกไปถึงนครนั้นประทับอยู่ที่เภสกลาวัน . ครั้งนั้น นกุลบิดาคฤหบดีนี้ ก็ไปเฝ้าพระศาสดาพร้อมด้วยเหล่าชาวสุงสุมารคิรีนคร โดยการเฝ้าครั้งแรกเท่านั้น เขาและภริยาก็ตั้งความสำคัญว่า พระทศพลเป็นบุตรของตน จึงหมอบลงที่พระยุคลบาทของพระศาสดากราบทูลว่า ลูกเอ๋ย เจ้าทิ้งพ่อแม่ไปเสียตลอดเวลาเท่านี้ เที่ยวไปอยู่เสียทีไหน. นัยว่า นกุลบิดาคฤหบดีนี้ แม้ในชาติก่อน ๆ ก็ได้เป็นบิดาพระทศพล ๕๐๐ ชาติ เป็นอา ๕๐๐ ชาติเป็นปู่ ๕๐๐ ชาติ เป็นลุง ๕๐๐ ชาติ. นกุลมารดาก็ได้เป็นมารดา๕๐๐ ชาติ เป็นน้า ๕๐๐ ชาติ เป็นย่า ๕๐๐ ชาติ เป็นป้า ๕๐๐ ชาติ. ดังนั้น เพราะมีความรักที่ติดตามมาตลอดกาลยาวนาน พอเห็นพระทศพลก็สำคัญว่าบุตรจึงทนอยู่ไม่ได้. พระศาสดามิได้ตรัสว่า จงหลีกไปตราบเท่าที่จิตใจของคนทั้งสองนั้นยังไม่รู้สึกตัว. ครั้งนั้น พอคนทั้งสองนั้นกลับได้สติตามเดิมแล้ว พระศาสดาทรงทราบอาสยะ คืออัธยาศัยของเหล่าสัตว์ผู้วางใจเป็นกลางแล้ว ทรงแสดงธรรม. เมื่อจบเทศนา แม้ทั้งสองคนก็ดำรงอยู่ในพระโสดาปัตติผล วิธีทำให้"สมปราถนา"ทุกๆอย่าง( สังขารูปปัตติสูตร) เล่ม22หน้า404.. ว่าด้วยปฏิปทาให้สำเร็จความปรารถนา ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราตถาคตจักแสดงความเกิดขึ้นแห่งสังขารแก่เธอทั้งหลาย. เธอทั้งหลายจงฟังความเกิดขึ้นแห่งสังขารนั้น จงใส่ใจให้ดี เราตถาคตจักกล่าวต่อไป. ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ชอบแล้วพระพุทธเจ้าข้า. -ปฏิปทาเพื่อเป็นกษัตริย์มหาศาล ดูก่อนภิกษุทั้งหลายภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ประกอบด้วย ศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปัญญาเธอมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า ไฉนหนอ! เราเมื่อตายไปแล้วพึงเข้าถึงความเป็นสหายแห่งกษัตริย์มหาศาลเถิด ดังนี้ก็มี เธอจึงตั้งจิตนั้น อธิษฐานจิตนั้น เจริญจิตนั้น ความปรารถนาและวิหารธรรมเหล่านั้น อันเธอเจริญแล้วอย่างนี้ ทำให้มากแล้วอย่างนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความสำเร็จในภาวะนั้นดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นี้มรรค นี้ปฏิปทา เป็นไปเพื่อความสำเร็จในความเป็นสหายแห่งกษัตริย์มหาศาล. -ปฏิปทาเพื่อเป็นพราหมณ์มหาศาล ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คือภิกษุเป็นผู้ประกอบด้วย ศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา เธอมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า ไฉนหนอ ! เราเมื่อตายไปแล้ว พึงเข้าถึงความเป็นสหายแห่งพราหมณ์มหาศาลเถิด ดังนี้ก็มี. . . ว่า ไฉนหนอ ! เราเมื่อตายไปแล้วพึงเข้าถึงความเป็นสหายแห่งคฤหบดีมหาศาลเถิด ดังนี้ก็มี เธอจึงตั้งจิตนั้นอธิษฐานจิตนั้น เจริญจิตนั้น.... -ปฏิปทาเพื่อเป็นเทวดาชั้นดาวดึงส์ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเป็นผู้ประกอบด้วย ศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา.เธอได้ฟังว่า เทวดาชั้นดาวดึงส์ มีอายุยืน มีวรรณะ มากด้วยความสุข เธอมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า ไฉนหนอ ! เราเมื่อตายไปแล้ว พึงเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นดาวดึงส์เถิด. เธอจึงตั้งจิตนั้น อธิษฐานจิตนั้น เจริญจิตนั้น.... -ปฏิปทาเพื่อเป็นเทวดาชั้นยามา... -ปฏิปทาเพื่อเป็นเทวดาชั้นดุสิต... -ปฏิปทาเพื่อเป็นเทวดาชั้นปรนิมมิตวสวัตดี... -ปฏิปทาเพื่อเป็นสหัสสพรหม ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีกคือ ภิกษุเป็นผู้ประกอบด้วย ศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา เธอได้ฟังว่า สหัสสพรหม มีอายุยืน มีวรรณะ มากด้วยความสุข ดูก่อนภิกษุทั้งหลายสหัสสพรหม ย่อมน้อมจิตแผ่ไปตลอดโลกธาตุพันหนึ่งอยู่. แม้สัตว์ทั้งหลายที่เกิดแล้วในสหัสสพรหมนั้น ก็น้อมจิตแผ่ไปอยู่ได้. ดูก่อนภิกษุทั้งหลายเปรียบเหมือนบุรุษมีนัยน์ตาดี วางมะขามป้อมผลหนึ่งในมือแล้วพิจารณาได้ฉันใด ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สหัสสพรหมก็ฉันนั้นเหมือนกันแล ย่อมน้อมจิตแผ่ไปตลอดโลกธาตุพันหนึ่งอยู่. แม้สัตว์ทั้งหลายที่เกิดแล้วใน สหัสสพรหมนั้น ก็น้อมจิตแผ่ไปอยู่ได้. เธอมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า ไฉนหนอ ! เราเมื่อตายไปแล้ว พึงเข้าถึงความเป็นสหายแห่งสหัสสพรหมเถิด เธอจึงตั้งจิตนั้น อธิษฐานจิตนั้น เจริญจิตนั้น..... -ปฏิปทาเพื่อเป็นทวิสหัสสพรหม...ปัญจสหัสสพรหม.. -ปฏิปทาเพื่อเป็นทสสหัสพรหม... -ปฏิปทาเพื่อเป็นสตสหัสสพรหม... -ปฏิปทาเพื่อเป็นเทวดาชั้นอาภา ๓ ชั้น... -ปฏิปทาเพื่อเป็นเทวดาชั้นสุภา ๓ ชั้น... -ปฏิปทาเพื่อเป็นเทวดาชั้นสุภกิณหา... -ปฏิปทาเพื่อเป็นเทวดาชั้นเวหัปผลา... -ปฏิปทาเพื่อเป็นเทวดาชั้นอวิหา... -ปฏิปทาเพื่อเป็นเทวดาชั้นอตัปปา... -ปฏิปทาเพื่อเป็นเทวดาชั้นสุทัสสี... -ปฏิปทาเพื่อเป็นเทวดาชั้นอกนิฏฐา... -ปฏิปทาเพื่อเข้าถึงอากาสานัญจายตนภพ.. -ปฏิปทาเพื่อเข้าถึงวิญญานัญจายตนภพ... -ปฏิปทาเพื่อเข้าอากิญจัญญายตนภพ... -ปฏิปทาเพื่อเข้าถึงเนวสัญญานาสัญญายตนภพ... -ปฏิปทาเพื่อให้บรรลุเจโตวิมุตติและปัญญาวิมุตติ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีกคือ ภิกษุเป็นผู้ประกอบด้วย ศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา. เธอมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า ไฉนหนอ ! เราพึงเข้าถึงเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ทำให้แจ้งเพราะรู้ยิ่งด้วยตนเอง ในปัจจุบันอยู่. เธอจึงเข้าถึงเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมิได้เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ทำให้แจ้งเพราะรู้ยิ่งด้วยตนเอง ในปัจจุบันอยู่.ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนี้ย่อมไม่เกิดในที่ไหนๆ. -วัดป่าสามแยก ศึกษาพระธรรมวินัย เบิกบุญ โอนบุญ อกหัก โดนของ ธรรมะ ธรรมทาน คลายเครียด เจริญรุ่งเรือง //www.samyaek.com -เวบพี่ดาบต้น //www.piyavat.com -Facebook พุทธพจน์ //www.facebook.com/login.php?next=http%3A%2F%2Fwww.facebook.com%2Fgroups%2FBuddhaspeech
Create Date : 06 ตุลาคม 2555 |
Last Update : 19 มกราคม 2556 20:18:38 น. |
|
5 comments
|
Counter : 4190 Pageviews. |
|
|
รับชมได้ที่
ดูวีดีโอช่องที่ 1 (สำหรับผู้ที่อินเตอร์เน็ทช้า: 56k)
www.samyaek.com
ดูวีดีโอช่องที่ 2 (สำหรับผู้ที่อินเตอร์เน็ทเร็ว: 212k)
www.samyaek.com/?channel=2
สำหรับท่านที่มีปัญหาดูถ่ายทอดสดไม่ได้
www.samyaek.com/board2/index.php?topic=2303.0
การใช้ iPad, iPhone, iPod touch ดูถ่ายทอดสด
www.samyaek.com/board2/index.php?topic=5531.0
วิธีใช้ Tablet ตระกูล Android ดูถ่ายทอดสด
www.samyaek.com/board2/index.php?topic=5512.0
สมาชิกท่านใดมีปัญหาในการรับชม
(ปัญหาอันเกิดจากคอมพิวเตอร์ของท่านเอง)
หากได้แก้ไขตามลิงค์ต่างๆ ข้างต้นแล้ว ก็ยังไม่สามารถรับชมได้
ให้ท่านติดต่อสอบถามได้ที่ คุณชัยณรงค์ รัตนเกษมสุข (เม้ง)
Dtac : 081-554-1699 , AIS 081-935-1651
e-mail : macmagic99@hotmail.com