"ทรัพย์เครื่องปลื้มใจอย่างใดอย่างหนึ่งในโลกนี้หรือในโลกอื่น หรือรัตนะใดอันประณีตในสวรรค์ ทรัพย์และรัตนะนั้นเสมอด้วยพระตถาคตย่อมไม่มี พระพุทธเจ้าแม้นี้เป็นรัตนะอันประณีต ด้วยการกล่าวคำจริงนี้ ขอความสวัสดีจงมี....." "พระไตรปิฏก เป็นตาที่วิเศษยิ่ง, เป็นหูที่วิเศษยิ่ง, เป็นจมูกที่วิเศษยิ่ง, เป็นลิ้นที่วิเศษยิ่ง, เป็นกายที่วิเศษยิ่ง, เป็นใจที่วิเศษยิ่ง, เป็นครู-อาจารย์ที่วิเศษยิ่ง, เป็นพ่อ-แม่ที่วิเศษยิ่ง, เป็นมิตรและเข็มทิศที่วิเศษยิ่ง, เป็นแผนที่และป้ายบอกทางที่วิเศษยิ่ง, เป็นแสงสว่างส่องทางสู่นิพพานที่วิเศษยิ่ง"จากวัดสามแยก
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2554
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
17 ธันวาคม 2554
 
All Blogs
 
หลวงปู่เกษม แสดงธรรม ชุดที่ ๑๒๑ "หมู่มารทำสัจจะอธิษฐาน (๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๔)

หลวงปู่เกษม แสดงธรรม ชุดที่ ๑๒๑ "หมู่มารทำสัจจะอธิษฐาน (๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๔)
เนื้อหา บางส่วนจากการแสดงธรรมชุดนี้
      ๑. บาปไม่สงสารผู้ใด
      ๒. ภัยเกิดจากบาปที่ตนได้สร้างไว้
      ๓. ต้นไม้คือบ้านของเหล่าชาวทิพย์
      ๔. ใช้สัจจะที่ตรงต่อธรรม... อธิฐานแก้ภัยพิบัติได้
      ๕. ภิกษุรับเงินมาก่อสร้าง... สหธรรมิก ๕ ใช้สอยไม่ได้
           ฯลฯ


บุคคลที่ควรเกลียด ไม่ควรเสพ ไม่ควรคบ ไม่ควรเข้าใกล้ เล่ม 34 หน้า 87

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย …บุคคลที่ควรเกลียด ไม่ควรเสพ ไม่ควรคบ ไม่ควรเข้าใกล้เป็นอย่างไร?

บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้ทุศีลมีธรรมอันลามก (มีการกระทำ) ไม่สะอาด มีความประพฤติน่ารังเกียจ มีการงานอันปกปิด ไม่เป็นสมณะ แต่ปฏิญญา (รับรองตัวเอง)ว่าเป็นสมณะ ไม่เป็นพรหมจารี แต่ปฏิญญาว่าเป็นพรหมจารี เป็นคนเน่าใน เปียกชื้น รกเรื้อ (ด้วยกิเลสโทษ) บุคคลเช่นนี้ควรเกลียด ไม่ควรเสพ ไม่ควรคบ ไม่ควรเข้าใกล้ นั่นเพราะเหตุอะไร?

เพราะถึงแม้ผู้คบจะไม่เอาเยี่ยงของบุคคลชนิดนั้น แต่ก็จะมีกิตติศัพท์อันเลวฟุ้งไปว่า เป็นคนมีมิตรชั่ว มีสหายเลว มีเพื่อนทราม งูที่จมคูถ (ขี้) ย่อมไม่กัดก็จริงอยู่ ถึงกระนั้น มันก็ทำผู้จับให้เปื้อน ฉันใดก็ดี

ถึงแม้ผู้คบจะไม่เอาเยี่ยงของบุคคลชนิดนั้น แต่ก็จะมีกิตติศัพท์อันเลวฟุ้งไปว่า เป็นคนมีมิตรชั่ว มีสหายเลว มีเพื่อนทราม ฉันนั้นเหมือนกัน เพราะเหตุนั้น บุคคลเช่นนั้น จึงควรเกลียด ไม่ควรเสพ ไม่ควรคบ ไม่ควรเข้าใกล้...

*** อีกอย่างหนึ่งการห้ามคบหาสมาคมกับผู้ทุศีลนั้นก็เพราะเมื่อคบหาสมาคมกันแล้ว ย่อมจะเป็นการหักรานประโยชน์เกื้อกูลของตนเองทั้งในโลกนี้และในโลกหน้าด้วย***


ธรรมเป็นเหตุให้เสื่อมและเจริญ(ปริหานสูตร) เล่ม37 หน้า660-661
[๑๘๓] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๘ ประการนี้ ย่อมเป็น
ไปเพื่อความเสื่อมแก่ภิกษุผู้เสขะ ธรรม ๘ ประการเป็นไฉน. คือ
ความเป็นผู้ยินดีการงาน ๑ ความเป็นผู้ยินดีในการคุย ๑ ความเป็น
ผู้ยินดีในความหลับ ๑ ความเป็นผู้ยินดีในการคลุกคลีด้วยหมู่คณะ ๑
ความเป็นไม่คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย ๑ ความเป็นผู้ไม่
รู้จักประมาณในโภชนะ ๑ ความเป็นผู้ยินดีในธรรมเครื่องข้อง ๑
ความเป็นผู้ยินดีในธรรมเครื่องให้เนิ่นช้า ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ธรรม ๘ ประการนี้แล ย่อมเป็นไปเพื่อความเสื่อมแก่ภิกษุผู้เสขะ.

คำว่าพระเสขะ คือ พระอริยะที่ยังต้องศึกษาในเรื่องของมรรคผลอยู่ต่อไป
หมายเอาพระโสดาบัน พระสกทาคามี และพระอนาคามี
ส่วนพระอรหันต์ เรียกว่าพระอเสขะ คือ พระอริยะที่ไม่ต้องศึกษาเรื่องมรรคผลอีกต่อไป
เพราะสำเร็จเสร็จสิ้นกิจการทั้งหลายทั้งปวงที่เกี่ยวข้องกับการเวียนว่ายตายเกิดของตัวเองแล้ว

ผู้ยินดีในการงาน ก็คือ การใช้เวลาในแต่ละไปกับการทำงานมากกว่าที่จะใช้เวลาให้หมดไป
กับการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน เวลาในแต่ละวันหมดไปกับการทำและคิดอยู่กับเรื่องของการงานทั้งหลาย เมื่อไม่มีเวลามาคิดเรื่องมรรคผลในขั้นสูงๆขึ้นไป พระเสขะทั้งพระและโยมก็ติดแหง็กอยู่ที่เดิมนั่นล่ะ ตัวอย่างของเรื่องนี้ก็มี นางวิสาขาบ้าง อนาถบิณฑิกเศรษฐีบ้าง เป็นต้น

ไม่คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย ก็คือ ปล่อยให้ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เพลิดเพลินไปกับ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ธรรมารมณ์ ที่มากระทบ และไม่ได้พิจารณาให้เห็นถึงความไม่เที่ยงของสรรพสิ่งทั้งหลายที่มาสัมผัสและที่รับสัมผัส

ธรรมเครื่องข้อง ก็คือ เครื่องผูกพันทั้งหลายที่พระเสขะยังละไม่ได้หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "สังโยชน์"ซึ่งสังโยชน์หรือเครื่องผูกพันนี้จะทำให้พระเสขะต้องเกิดและตายวนเวียนอยู่ในวัฏฏะสงสารต่อไป ถ้าเป็นพระโสดาบันก็ยังเหลืออีก 7 อย่าง (ถ้าสงสัยเปิดดูสังโยชน์10) ถ้าเป็นพระสกทาคามีก็ยังเหลืออีก 7 อย่าง (แต่เป็น 7 แบบพิเศษคือ บางเบากว่าพระโสดาบัน) ถ้าเป็นพระอนาคามีก็ยังเหลืออีก 5 อย่าง

ธรรมเครื่องเนิ่นช้า ก็คือ ตัณหา มานะ ทิฏฐิ เมื่อพระเสขะเพลิดเพลินเมามันอยู่กับเรื่องเหล่านี้
กรรมฐานเพื่อมรรคผลเบื้องสูงๆขึ้นไปก็ไม่เจริญ พระเสขะทั้งพระและโยมก็ติดแหง็กอยู่ที่เดิมนั่นล่ะ
ตัณหาก็หมายเอา ตัณหา 108
มานะก็หมายเอา มานะ 9
ทิฏฐิก็หมายเอา ทิฏฐิ 62

ความเสื่อมของพระเสขะก็หมายถึง กรรมฐานเพื่อมรรคผลเบื้องสูงๆขึ้นไปของท่านเหล่านั้นมันเสื่อม มันเสื่อมคือมันไม่เจริญ ที่มันไม่เจริญเพราะธรรมที่เป็นอกุศลทั้งหลายตามที่พระพุทธเจ้าแสดงไว้นั้น มันฉุดรั้งพระเสขะเอาไว้

หมายถึงว่า เมื่อเป็นพระโสดาบัน ก็ไม่อาจที่จะยกระดับจิตให้เข้าสู่ความเป็นพระสกทาคามีได้
เมื่อเป็นพระสกทาคามี ก็ไม่อาจยกระดับจิตให้เข้าสู่ความเป็นพระอนาคามีได้
เมื่อเป็นพระอนาคามี ก็ไม่อาจยกระดับจิตให้เข้าสู่ความเป็นพระอรหันต์ได้
แบบนี้พระพุทธเจ้าท่านเรียกว่า เป็นความเสื่อมของพระเสขะ

แต่ไม่ใช่ว่าเป็นพระโสดาบันแล้ว จะเสื่อมจากพระโสดาบันมาเป็นปุถุชน
เป็นพระสกทาคามีแล้วจะเสื่อมมาเป็นพระโสดาบันหรือเสื่อมมาเป็นปุถุชน
เป็นพระอนาคามีแล้วเสื่อมาเป็นพระสกทาคามีหรือเสื่อมเป็นพระโสดาบันหรือเสื่อมเป็นปถุชนนะ แบบนี้ไม่ใช่ ความเป็นพระอริยะแต่ละขั้น เมื่อเป็นแล้วไม่มีทางเสื่อมจากธรรมของอริยะขั้นนั้นๆเด็ดขาด

เป็นแต่เพียงท่านไม่สามารถเจริญกรรมฐานเพื่อยกระดับจิตของตัวเองไปสู่ความเป็นอริยะขั้นสูงขึ้นไปเท่านั้น ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะธรรม 8 ประการเป็นตัวเหนี่ยวรั้งท่านเอาไว้ตามที่พระพุทธเจ้าแสดงไว้นั่นเอง

ถ้ามีคนมาบอกว่า ตอนนี้เสื่อมจากพระโสดาบันแล้ว หรือเสื่อมจากพระสกทาคามีแล้ว
หรือตอนนี้เสื่อมจากพระอนาคมีหรือเสื่อมจากพระอรหันต์แล้ว จำเป็นต้องบำเพ็ญเอาความเป็นอริยะใหม่ แบบนี้ไม่ใช่พระอริยะในพระพุทธศาสนาเด็ดขาด เป็นความเพ้อเจ้อ เป็นความวิปลาสคลาดเคลื่อนจากธรรมที่ถูกต้องไปแล้ว หรือ พูดให้ชัดๆอีกทีก็คือเป็น "บ้า" ไปแล้ว

ทรัพยากรธรรมชาติก็มีชาวทิพย์หวงแหน
//www.samyaek.com/board2/index.php?topic=2418.0

ถามปัญหาครับ
//www.samyaek.com/board2/index.php?topic=1414.0

วัดป่าสามแยก เบิกบุญ โอนบุญ อกหัก โดนของ ธรรมะ ธรรมทาน คลายเครียด เจริญรุ่งเรือง
www.samyaek.com




Create Date : 17 ธันวาคม 2554
Last Update : 7 เมษายน 2556 18:24:31 น. 9 comments
Counter : 1306 Pageviews.

 
วันนี้วันที่ 17 ธ.ค. 54 เวลา 20.00 น.กำลัง "ถ่ายทอดสด" จากสำนักสงฆ์ป่าสามแยก

รับชมได้ที่
www.samyaek.com
ดูวีดีโอช่องที่ 1 (สำหรับผู้ที่อินเตอร์เน็ทช้า: 56k)

www.samyaek.com/?channel=2
ดูวีดีโอช่องที่ 2 (สำหรับผู้ที่อินเตอร์เน็ทเร็ว: 212k)

//www.samyaek.com/board2/index.php?topic=2303.msg17659#msg17659
(หัวข้อ: สำหรับท่านที่มีปัญหาดูถ่ายทอดสดไม่ได้)


โดย: Budratsa วันที่: 17 ธันวาคม 2554 เวลา:20:22:05 น.  

 
แวะมาทักทายครับ

สวัสดีคัรับ


โดย: ใบไม้เบาหวิว วันที่: 17 ธันวาคม 2554 เวลา:21:35:06 น.  

 
ในด้านซ้ายที่บอกบุญมี
เรียนเชิญทุกท่านสร้าง พระกริ่ง "พระพุทธนิมิตวิชิตมารโมฬีศรีสรรเพชญ์บรมไตรโลกนาถ" ร่วมกันค่ะ


เจ้าของบล็อก ขออนุญาตินำข้อความพระอาจารย์ พระอาจารย์สายัณห์ ติกฺขปญฺโญ อ้างอิงตามข้อความข้างล่างน่ะค่ะ



ปีนี้อาตมาได้จัดสร้างพระกริ่ง "พระพุทธนิมิตวิชิตมารโมฬีศรีสรรเพชญ์บรมไตรโลกนาถ"เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา และร่วมองค์กฐินของวัดหน้าพระเมรุ และแจกเป็นที่ระลึกในงาน สมโภชน์ องค์พระพุทธนิมิตวิชิตมารโมฬีศรีสรรเพชญ์บรมไตรโลกนาถ ครบ ๕๐๗ ปี จึงขอบอกบุญมายังทุกท่าน

วัดป่าสามแยกสอนไม่ให้บูชาพระพุทธรูปมิใชหรือครับ




โดย: ใบไม้เบาหวิว วันที่: 17 ธันวาคม 2554 เวลา:21:40:01 น.  

 
สวัสดีคุณใบไม้เบาหวิว ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมน่ะค่ะ รบกวนกลับไปดูที่คอมเม้นต์ฯ สุดท้ายน่ะค่ะ ใช่ค่ะวัดสามแยกไม่ให้กราบ ที่ไม่ลบออกเพราะให้รู้ว่าสิ่งที่เคยทำมาผิดไว้สอนตัวเอง เมื่อได้เรียนรู้ธรรมวินัยบ้างแล้ว(อปฺปฎิโม......ห้ามปั้น สูตร5 เล่ม32หน้า214) และถวายเงินพระเป็นบาปตกนรก ฯลฯ จึงได้กราบขอขมาพระรัตนตรัยแล้ว และจะไม่กลับไปทำิอีกค่ะ

คำขอขมาพระรัตนตรัย

“ ขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงบันดาลการขอขมาของข้าพเจ้านี้
ให้ถึงแก่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ บัดนี้ ข้าพเจ้าสำนึกผิดในการกระทำส่วนที่ผิดต่อ
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อันทรงคุณค่าหาประมาณไม่ได้ ข้าพเจ้าจะระมัดระวังสำรวมศึกษาหาความรู้จะไม่ทำในสิ่งผิดที่ได้รู้ จะศึกษาในสิ่งที่ไม่รู้ เพื่อได้รู้ในสิ่งผิดและสิ่งถูกและจะเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้องต่อไป ขอพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงอดโทษ จงอภัย
แก่ข้าพเจ้าผู้ด้อยปัญญาด้วยเถิด ”


โดย: Budratsa วันที่: 18 ธันวาคม 2554 เวลา:3:54:08 น.  

 
ถ้าสิ่งที่หลวงพ่อเกษมสอนถูกต้องศาสนาจะอยู่ได้อย่างไรข้าวก็ต้องซื้อ
ค่าน้ำค่าไฟก็ต้องใช้เงิน
อย่างวัดหลวงพ่อโสธรถ้าไม่ให้ไหว้พระวัดจะเอารายได้มาจากไหนบำรุงพระเณรครับ


โดย: ใบไม้เบาหวิว วันที่: 20 ธันวาคม 2554 เวลา:18:55:17 น.  

 
สมัยพระพุทธเจ้าเองอนาถบิณฑกเอาเงินมาวางเรียงถวายสวนเจ้าเชตจึงได้มีวัดถ้าปลีกวิเวกขนาดนั้นศาสนาจะอญู่อย่างไรเดี๋ยวมุสลิมคงกลืนหมดเหมือนอินโดกับอัฟกานิสถาน


โดย: ใบไม้เบาหวิว วันที่: 20 ธันวาคม 2554 เวลา:18:57:57 น.  

 
ลองอ่านข้อความข้างล่างนี้ที่น้องฏา คอมเม้นต์ที่19 ลงไว้ห้องบอกบุญไปก่อนน่ะค่ะ ขอเวลาพิมพ์ก่อน


หยุด!ทำร้ายพระพุทธศาสนา หยุด! ถวายเงิน ทอง แก่พระภิกษุและสามเณร พระภิกษุและสามเณร ที่รับเงิน รับทอง เป็นผู้ทำผิดพระวินัยบัญญัติและกฎหมายอาญา
ธรรมวินัยอันพระตถาคตเจ้าประกาศแล้วเปิดเผยไม่กำบังจึงรุ่งเรือง (เล่ม ๑๐ หน้า ๔๖๕_ปกน้ำเงิน)บัญญัติของพระพุทธเจ้า จากพระไตรปิฎกชุด 91เล่ม ของมหามกุฎราชวิทยาลัย เล่ม 3 (ปกสีแดง หน้า 887 ปกสีน้ำเงิน หน้า 940)

พระบัญญัติ
อนึ่ง ภิกษุใด รับก็ดี ให้รับก็ดี ซึ่ง ทอง-เงิน หรือยินดี ทอง-เงิน อันเขาเก็บไว้ให้ก็ดี เป็นนิสสัคคียปาจิตตีย์(นิสสัคคียปาจิตตีย์ 1 ตัว ต้องตกโรรุวนรก 1 ชั่วอายุ คือ4,000 ปีของนรกขุมนี้ เท่ากับ 840,960,000 ล้านปีมนุษย์)

พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535 ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.ให้ไว้ ณ วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2535 เป็นปีที่ 47 ในรัชกาลปัจจุบัน

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่าโดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยคณะสงฆ์ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่รัฐสภาดังต่อไปนี้

มาตรา 15 ตรี มหาเถรสมาคมมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
...(4)รักษาหลักพระธรรมวินัยของพระพุทธศาสนา

**หยุดทำร้ายพระพุทธศาสนา(โยมควรเรียนรู้) ทำบุญแล้วเป็นบาป ตกนรกทั้งพระและโยม
1.ตักบาตรด้วยเงินและทอง
2.ตักบาตรด้วยสิ่งของที่ต้องห้าม
3.ทำบุญกับพระทุศีล(ผิดศีลธรรมและไม่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย)รับเงิน รับทอง มีบัญชีเงินฝากธนาคารเป็นของตนเอง
มีบัตรเอทีเอ็ม มีบัตรเครดิต
4.ฯลฯ
จากพระไตรปิฎกและอรรถกถาแปลไทยฉบับมหามกุฎราชวิทยาลัย 91 เล่ม11

**ชาวพุทธทั้งหลาย ขอให้อธิษฐานเพื่อถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดังนี้
“ขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงบันดาลบุญของข้าพระพุทธเจ้าให้เข้าไปรวมเป็นพระราชกุศลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พลังบุญทั้งหลาย ที่พระองค์ได้ทรงกระทำต่อพสกนิกรและราชอาณาจักร ขอบุญนั้นทั้งหมด จงเป็นพลังขับดันโรคภัยทั้งหลายที่กำลังเกิดในพระวรกายของพระองค์ให้อันตรธานไป”

จากหลักฐานเทียบเคียงของการใช้สัจอธิษฐาน ในพระไตรปิฎก 91 เล่ม ฉบับมหามกฎราชวิทยาลัย เล่ม 74 หน้า 447-479
ประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2499 มาตรา 1, 3, 341, 342 และ 343 หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักสงฆ์ป่าสามแยก ต.วังกวาง อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ (www.samyaek.com)

ผู้มีปัญญาทั้งหลาย ขอจงพิจารณาเอาเถิด เพราะไม่บังคับให้ใครมาเชื่อหรือทำตาม เพียงแต่นำคำสอนของพระพุทธเจ้ามาเปิดเผย เพื่อให้ชาวพุทธปฏิบัติได้ถูกต้องตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้น


โดย: Budratsa วันที่: 20 ธันวาคม 2554 เวลา:21:37:49 น.  

 
พระพุทธเจ้าท่านตรัสกับพระอานนท์ว่า พระธรรมวินัยคือตัวแทนพระุพุทธเจ้า

ประทานโอวาทแกภิกษุสงฆ เล่ม13/หน้า320/บรรทัด17

พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้าที่ 320
ประทานโอวาทแก่ภิกษุสงฆ์

[๑๔๑] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่งกะท่านพระอานนท์ว่า
ดูก่อนอานนท์ บางที่พวกเธอจะพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า ปาพจน์มีพระศาสดาล่วงแล้ว พระศาสดาของพวกเราไม่มี ข้อนี้พวกเธอไม่พึงเห็นอย่างนั้น ธรรมก็ดีวินัยก็ดีอันใดอันเราแสดงแล้ว ได้บัญญัติไว้แล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้นจักเป็นศาสดาแห่งพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา

หลวงปู่เกษมท่านก็เอาจากพระไตรปิฏกนี้แหละค่ะมาสอน เราชาวพุทธต้องทำตามที่พระพุทธเจ้าท่านบัญญัติไว้ กรณีห้ามพระรับเงินทอง แต่ละวัดต้องมีไวยาวัจกรเป็นผู้ัจัดการค่ะ หรือแม้แต่ข้าวสารอาหารแห้งก็ผิดวินัย อยากรู้ต้องเรียนว่าอันไหนถวายได้หรือไ่ม่ได้ อันไหนถวายแล้วได้บุญอันไหนถวายแล้วได้บาปและสิ่งใดที่พระทำแล้วผิดวินัย เรื่องจุลศีล / มัชฌิมศีล / มหาศีล เล่ม11 ฯลฯลองอ่านและพิจารณาดู

ประมาณปีพ.ศ.2570 หลวงปู่เกษมจะเปิดศาสนาง่ายขึ้น คนจะทุบพุทธรูปทิ้งครึ่งค่อนประเทศ ณ เวลานั้นคนจะเหลือน้อย ท่านเทศน์เร็วๆี้นี้เอง จำไม่ได้ว่าชุดไหน จะรอพิสูจน์ใหมค่ะ?

เรื่องถวายเงินพระแล้วตกนรกนั้น ตัวอย่างมีเด็กถวายเงินหลวงปู่เกษมท่าน20บาท ท่านเห็น2ทาง คือทางไปสวรรค์กับทางไปนรกในหนังสือุทิศบุญที่ได้ผล รายละเอียดไปหาอ่านดู ประมาณหน้า89 เป็นต้นไป(หนังสืออุทิศบุญที่ได้ผล คลิกอ่านที่เวบสามแยกจะอยู่มุมขวามือด้านล่างเล่มสีเหลือง)

อยากรู้รายระเอียดว่าอะไร?ยังไง?ทำไม? ฟังหลวงปู่เทศน์และอ่านเรียนธรรมวินัยในเวบสามแยกเยอะๆค่ะ หรือพระไตรปิฏกทั้ง91เล่ม อ่านได้ที่วัดทุกวัดในประเทศไทยหรือมีเวลาเข้าที่เวบ //www.samyaek.com จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็สุดแล้วแต่ค่ะ

ผู้มีปัญญาทั้งหลาย ขอจงพิจารณาเอาเถิด เพราะไม่บังคับให้ใครมาเชื่อหรือทำตาม เพียงแต่นำคำสอนของพระพุทธเจ้ามาเปิดเผย เพื่อให้ชาวพุทธปฏิบัติได้ถูกต้องตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้น


โดย: Budratsa วันที่: 20 ธันวาคม 2554 เวลา:23:21:40 น.  

 
บุญทั้งหมดนี้ให้เทพรักษา ใ้ห้ญาติ ใ้ห้เจ้ากรรมนายเวร ให้เชื้อโรคของข้า ขอบุญนี้ให้ข้าถึงซึ่งความดับ


โดย: Budratsa วันที่: 20 ธันวาคม 2554 เวลา:23:22:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Budratsa
Location :
พิจิตร Switzerland

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับทุกๆคนค่ะ
"ดูก่อนอานนท์ บางทีพวกเธอจะพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า ปาพจน์ (พุทธพจน์) มีพระศาสดาล่วงแล้ว พระศาสดาของพวกเราไม่มี ข้อนี้พวกเธอไม่พึงเห็นอย่างนั้น ธรรมก็ดี วินัยก็ดีอันใดอันเราแสดงแล้ว ได้บัญญัติไว้แล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาแห่งพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา" เล่มที่ ๑๓ : พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๑ หน้าที่ ๓๒๐
Friends' blogs
[Add Budratsa's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.