บันทึกปลายปี
ตลอดระยะเวลาที่เขียนบลัอกมานี้ ปีนี้ เป็นปีที่เขียนน้อยที่สุด ... ทั้งที่มีเรื่องอยากเล่าเยอะเหมือนเคย ในกลุ่ม "ท่องเที่ยว" เราเดินทางไปเที่ยวที่ไหนก็อยากบันทึก "ภาพและเรื่อง" แต่เพราะถ่ายรูปเยอะ เลือกไม่ถูก ก็พานไม่อยากจัดการรูป เอามาเล่าเรื่องซะเอง จึง "ดอง" กลุ่มท่องเที่ยวมาตั้งแต่ 3 ปีก่อน จดเอาไว้ว่า ต้องทำ ทริปนครพนม ทริปอินเดีย ครั้งที่ 2 ทริปญี่ปุ่น ทริปเวียดนาม และทริปเที่ยวพร้อมวิ่ง ที่น่าน อัมพวา จอมบึง และลำปาง ไม่รวมกับกิจกรรมเสวนาและนิทรรศการที่ได้ชม ซึ่งจัดไว้ในกลุ่ม อีกจำนวนหนึ่ง
มาถึงเรื่องการอ่านหนังสือของเรา ก็ยังอ่านและเขียนรีวิวสั้นๆ ในกลุ่มภารกิจพิชิตกองดองทางเฟซบุ๊ค แต่ก็ค้างคา ไม่ได้ยกมาแปะไว้ในกลุ่มหนังสือของตัวเอง เป็นตั้งเลย
ที่ยังสม่ำเสมอ ก็คือกลุ่มรายการการอ่านการซื้อ ซึ่งเป็นบันทึกเพื่อจำแบบย่อๆ เท่านั้นเอง
มาถึงส่วนไดอารี่ ... ยิ่งห่าง จึงต้องมาเขียนในวันนี้
ปีที่ผ่านมาทำงานร่วมกับ MD คนใหม่ เป็นชาวไต้หวัน ที่พูดไทยได้ และเธอก็พยายามทำความเข้าใจกับ "ภาษาไทย" ของพนักงาน แต่เราว่า ภาษาไทย และความคิดเห็นด้วยมุมมองแบบคนไทย ของพวกเรา เธอเข้าใจไม่ตรงกันแน่ๆ ก็เลยเกิดประเด็นดราม่า ชวนหงุดหงิด หลายต่อหลายครั้ง
ในแผนกเราเอง ก็มีผู้จัดการแผนก มานั่งในตำแหน่ง Marketing Manager โดยแบ่งเป็น 2 สายงานคือ PR & Communication และ Event-Exhibition-Auction ทั้ง 2 คนนี้ทำงานจากสายงานอื่น ก่อนมาสู่งานในศูนย์การค้าฯ เรารู้ว่า เขาไม่ค่อยเข้าใจลักษณะธุรกิจศูนย์การค้า นี่หมายรวมถึง MD ด้วย
ศูนย์การค้าแห่งนี้มีลักษณะเฉพาะมากๆ ออกตัวเป็นศูนย์อย่างนึง แต่เป็นที่จดจำในอีกแบบนึง พยายามเปลี่ยนภาพลักษณ์ไปครั้งนึงแล้ว แต่ไม่รอด กลับมาสู่จุดยืนเดิม แต่ความที่ทิ้งช่วงไปนาน ..จึงต้องใช้เวลาสร้างใหม่ .... และด้วยการบริหารของ MD ทีี่เดิมอยู่สายการศึกษา มาสู่สายศูนย์การค้า เราจึงเห็นการตัดสินใจที่ทำให้สถานะการเงินของบริษัทเริ่มสั่นคลอน
เราเริ่มคิด "ตีตัวออกห่าง" อีกครั้งแล้ว หลังจากเพิ่งกลับเข้ามาเพียงปีกว่าๆ ถามว่า "กลับมาทำไม" - - กลับมาคิดถึงคำถามนี้ ตอบตรงๆ เลยว่า กลับมาเพราะ "เงินดีขึ้น" และเพื่อนร่วมงานเราคุ้นเคย แต่มาเจอวิธีิคิด วิธีการแก้ปัญหาของผู้นำ ... ความมั่งคงในงาน เริ่มไม่มั่นคงแล้ว ต้องวางแผน หาความมั่นคงใหม่ๆ เตรียมตัวเองให้พร้อม "เดินจากไป"
ชีวิตไม่สิ้น ...ก็ต้องดิ้นกันไป หาทางทำมาหากิน เอาตัวรอดจนได้แหละ
ระบายเรื่องงานไปแล้ว ..... บันทึกถึงเรื่องทั่วไปกันบ้าง
ปีนี้ เป็นปีที่ลงงานวิ่งอย่างสนุกสนาน ... ที่ตั้งใจไว้ว่าจะวิ่งเดือนละ 2 งาน กลายเป็น 36 งาน ... ทั้งระยะ fun run สนุกๆ ทั้งระยะ mini ที่คุ้นคยอยู่ตัว มาจนลองวิ่งระยะ half marathon ก็วิ่งจบมาแล้ว 4 งาน
เรามันประเภทชอบลุยหน้างาน .. จึงไม่ได้เตรียมตัวเองด้วยการซ้อมเลย ท้ายๆ ปีนี้ก็เลยรู้สึกว่า เจ็บบริเวณข้อพับขาทั้ง 2 ข้าง .. ปีหน้าจะต้องปรับปรุงตัวเอง ด้วยการจัดเวลาซ้อมวิ่ง ให้สม่ำเสมอขึ้น จะได้ไม่เจ็บ .... ยังคงคิดมุ่งไปสู้ระยะมาราธอนให้ได้ - - แค่ครั้งหนึ่ง ก็ยังดี
ปลายปี เป็นช่วงเวลาแห่งการสูญเสีย .. อย่างจริงจัง เริ่มจากเสียเงิน ตัดแว่นใหม่ 2 อันด้วยกัน ... เป็นแว่นโปรเกรสซีพ ปรับระยะตามสายตา ทั้งสั้นและยาว ใช้เลนส์บูลคัต ตัดแสงสีฟ้าด้วย ทำตอนช่วงร้านค้าทำโปร ...ก็ยังต้องจ่ายหลักหมื่น
รับของมาใช้งานต้นเดือนตุลาคม .... ต้นเดือนพฤศจิกายน เราก็ทำแว่นอันขวามือ หาย น่าจะไปถอดวางทิ้งไว้ในวัด ตอนที่ถ่ายรูปนั่นแหละ มาถึงได้ตอนออกจากวัดแล้ว และก็ไกลเกินกว่าจะย้อนกลับไปหา - - ตัดใจ - - ถือว่าทำบุญไป
พอมาเดือนธันวาคม แทนที่ได้ใช้เงินแบบสบาย ก็ปรากฎว่า ทำมือถือหล่นหาย เครื่องเพิ่งมีอายุงานแค่ปีกว่าๆ แม้เราจะบ่นว่าเครื่องร้อนเร็วก็เถอะ ...เราก็ยังอยากใช้ให้ครบ 2 ปีก่อนจะเปลี่ยน แต่มันคงรู้ตัว ก็เลยชิ่งหนีเราไปซะก่อน
เครื่อง 2 ซิม และใส่ซิมเบอร์ของบริษัทด้วย ..จึงจำเป็นต้องจัดการซื้อเครื่องใหม่ ขอซิมใหม่ ผ่านไปครึ่งวัน ได้รับการติดต่อจาก call center AIS เนื่องจากผู้ที่เก็บโทรศัพท์ได้ ... มีความประสงค์จะติดต่อเพื่อคืนเครื่อง
แว็บแรก คิดว่า เครื่องคงเหมือนเดิม อาจมีรอยขีดข่วนเพิ่ม แต่พอคุยกับคนเก็บได้ "ผมเจอบนถนน ...น่าจะโดนรถทับ กระจกแตกนะ" แอบคิดว่า ....สถาพแบบนี้ ไม่ต้องตามหาเจ้าของก็ได้ .... แต่เขาบอกว่า "ผมว่า ซิมกับเมมโมรี่ น่าจะใช้งานได้นะครับ ...ผมอยากคืน" เห็นแก่ความตั้งใจดีในการคืน.. เราจึงไปพบตามนัด กล่าวขอบคุณอย่างจริงใจ ...เพราะภาพในเมมโมรี่ ก็มีความสำคัญอยู่จริงๆ มอบผลไม้แทนคำขอบคุณ ... รับเครื่องคืนกลับมา
2 เรื่องร้าย ยังไม่หนำใจ ....ปรากฏว่าโน้ตบุ๊คที่เอามาใช้งาน เวลาเข้าประชุม เปิดเครื่องแล้วไม่ทำงาน ดับไปเฉยๆ ไอทีบริษัทบอกว่า ... power supply น่าจะเสีย ... ต้องเปลี่ยนใหม่ "ผมไม่ถนัดโน้ตบุ๊คครับพี่" จะหมดปีแล้ว .. ยังไม่ได้เอาเครื่องไปจัดการเลย ... ไม่รู้ต้องจ่ายอีกแค่ไหน
ทั้งหลายทั้งปวงที่จ่ายไปเนี่ย ....คือเงินที่เราตั้งใจว่าจะใช้ในทริปไต้หวันปีหน้า กลายเป็นว่า เราต้องงัดเงินเก็บออกมาจ่ายค่าตั๋วเครื่องและจ่ายค่าที่พักล่วงหน้า แล้วก็รอลุ้นว่า เงินโบนัส ... จากผลประกอบการปีนี้ จะมีส่วนแบ่งให้พนักงานรึป่าว แล้วจะได้กี่เดือน
เป็นความหวัง .... ข้ามปี พร้อมๆ กับเรื่องการปรับเงินเดือน อาจจะมีบ้าง แต่ไม่หวังสูง เพราะเราเห็นตัวเลขผลประกอบการอยู่บ้าง เงินออก มากกว่า เงินเข้า
แล้วจะให้เราอยู่กับนายที่บริหารเงินลดลงแบบนี้ไปได้นานแค่ไหนกัน
Create Date : 29 ธันวาคม 2560 |
Last Update : 29 ธันวาคม 2560 21:20:17 น. |
|
2 comments
|
Counter : 1098 Pageviews. |
 |
|