Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2552
 
1 มิถุนายน 2552
 
All Blogs
 

อำนาจแห่งความโสด



ถ้าระหว่างอิสรภาพที่แลกมาด้วยความโดดเดี่ยวและเหี่ยวแห้ง กับชัยชนะที่แลกมาด้วยน้ำตา
เทียบได้กับ คนโสด และคนมีคู่ (ที่ไม่ค่อยเป็นสุข ฉันขอเลือกเอาอย่างแรกที่มีชีวิตสนุกสลับกับหดหู่
สงบสลับกับฟุ้งซ่านด้วยความอยากเป็นพักๆ) แต่เต็มไปด้วยอิสระในการใช้ชีวิต อิสรภาพที่อยู่ในมือ
เหมือนเราเอามือหมุนและหยุดโลกได้ทีเดียว มีความสุขอยู่กับทุกอย่างที่หามาได้
ใช้จ่ายอย่างไม่ต้องขอความเห็นชอบจากใคร อยากได้อะไรก็ใช้เงินที่หามาได้นั่นแหละ ซื้อเอา

ใครจะคิดว่าฉันพยายามหาคำตอบให้กับปมด้อยของตัวเองก็ช่างเถอะ แล้วใครบางคนก็อาจจะคิดว่า
มันจะสุขจริงเหรอ ? ในเมื่อสิ่งที่ครอบครองอยู่ มันไม่มีชีวิต เป็นแค่สิ่งของ
ให้ความรัก และความอบอุ่นไม่ได้แบบคน คำตอบก็คือ ฉันเป็นคนจำพวกมีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองหามาได้
โดยไม่ต้องแก่งแย่ง ตะเกียกตะกาย ไขว่คว้า ฉันรักในทุกสิ่งที่ฉันครอบครองมันได้ โดยที่มันไม่มีวันเปลี่ยนใจ
ไม่ว่าฉันจะเป็นยังไง จนกว่าฉันจะเบื่อ หรือ สิ่งนั้นจะเสีย ก็แค่เอาไปซ่อม พังก็หาซื้อเอาใหม่
หาใหม่ไม่ได้เพราะหมดรุ่น เลิกผลิต ก็...ไม่เอาก็ได้! ฉันไม่ได้ปล่อยให้วัตถุมันมาครอบงำ
หรือทดแทนความรักที่ฉันมองหา ฉันแค่หาทางออกธรรมดาๆ ให้กับตัวเอง
ก็เมื่อชีวิตมันมีหนทางอีกมากมายให้เลือกที่จะเป็นหรือทำ โดยไม่ต้องร้องขอความรัก ความสงสารจากใคร

อีกสิ่งที่ฉันไม่เคยร้องขอจากใครคือ "การยอมรับและนับถือตัวเอง" เพราะไม่มีใครให้ฉันได้ นอกจากตัวฉันเอง

เคยคิดว่า ความรักจะช่วยก่อ การยอมรับนับถือระหว่างกันให้เกิดขึ้นและกลายเป็นการยอมรับนับถือในตัวเอง
และเมื่อความรักนั้นมันล้มเหลว มันก็ได้บั่นทอนทุกอย่างในตัวที่เคยคิดว่ามีให้หมดไป
ฉันคิดผิดมาตลอด เพราะฉันเอาทุกอย่างที่มีและเป็นอยู่ในตัวไปอิงความรักและแปรเปลี่ยนตามมัน
ถ้าเรารู้จักตัวเองดี ยอมรับ เข้าใจ ให้อภัยในความผิดพลาดของตัวเองที่เกิดขึ้นจากกำเนิดหรือการกระทำก็ตาม
เมื่อความรักหมดไป การยอมรับและนับถือตัวเองยังคงอยู่
และจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเราผ่านเหตุการณ์ร้ายๆ นั้นไปได้

ฉันยอมรับว่า ฉันเป็นคนไม่เอาไหนในการปรับตัวให้เข้ากับใคร
หรือเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้เป็นที่ถูกใจของใครสักคนโดยมีเหตุผลเดียวกันว่า "ก็ฉันรักเขา"
ที่ทำไม่ได้ก็เพราะฉันไม่อยากให้ การนับถือตัวเองของฉันมันถูกทอนค่าลงไป เพียงเพราะทำตามเสียงของหัวใจ
ฉันเป็นนักร้องที่พอฟังเสียงร้องของตัวเองได้ด้วยความเคยชิน แต่ฟังเสียงหัวใจของตัวเองไม่ได้
หัวใจร้องทีไรมันร้องเพี้ยนและคร่อมจังหวะทุกที พลอยทำให้ชีวิตตะกุกตะกัก เกือบจะหาทางลงไม่ได้อยู่หลายที
อยู่ดีๆ ก็จบไปเฉยๆ ก็เลยเลิกฟัง ถ้าสวยแบบมีค่า แล้วค่อยมาฟังเสียงหัวใจของตัวเองในเมื่อยอมรับแล้วว่า
หัวใจเป็นอวัยวะที่มีเอาไว้สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงทั่วร่างกายได้อย่างเดียว ไม่ได้มีเอาไว้ฝากให้ใครช่วยดูแล

ฉันเลยต้องใช้สมองอย่างมากมายเกินชาวบ้านในการคิด คิดทำมาหากิน
และคิดให้หนักเวลาเพศชายเดินผ่านหน้าว่า "หมดสิทธิ" ต้องอยู่เป็นโสด
แล้วพอได้ฟังใครต่อใครที่ชอบออกความเห็นกับชีวิตของคนที่เป็นโสดว่า
น่าสงสารต้องเดียวดาย ต้องทนเหงา ต้องเศร้าใจ ทำยังกะไอ้คนมีคู่มันสุขตลอดเวลา
ถ้ามันเรียกว่า "ชีวิต" ได้อ่ะนะ ชีวิตมันก็มีทั้งสุขและทุกข์ปนกันทั้งนั้นแหละ
มีอะไรมารับประกันว่าโสด แล้วมันทุกข์ มีคู่แล้วมันสนุก เอ๊ย! สุข

ฉันพูดได้หน้าตาเฉย เพราะผ่านชีวิตคู่ ทั้งสุขและทุกข์มาแล้ว คน 2 คนอยู่กันให้ได้นาน
นอกจากรักแล้วต้องผูกพันเข้าใจ ให้อภัย ฉันสอบตกแค่ข้อเดียว "ไม่มีความอดทน" ก็เลยเป็นคนโสด
ของทุกอย่างมันมี 2 ด้าน ขึ้นอยู่กับว่าเราจะมองด้านไหน รู้มั้ยว่าเป็นโสด แสนสบาย
(เพื่อนแก่แต่ยังโสดหลายคน คนค้อนหลายวงตรงบรรทัดนี้ เพราะพวกมันอยากมีผอ-สระ-อัว)
จะไปไหนมาไหนก็ไม่ต้องขออนุญาตใคร ฉันเห็นเพื่อนบางคนจะไปไหนมาไหนต้องโทรรายงาน
ระบุตำแหน่งที่แน่ชัด การกระทำ สถานการณ์ และผู้ร่วมเหตุการณ์ ยังกะเคยทำอยู่ จส.100
ที่สำคัญต้องกลับบ้านตามเวลาที่แจ้งไว้ ถึงไม่มีใครตาม ก็ต้องสำนึกในสถานภาพที่เป็นผัวเมียก็แล้วแต่
ยังไงก็ยังรู้สึกว่ามีคนรออยู่ที่บ้าน มันช่างต่างกันกับความรักที่พ่อแม่มีให้ จะกลับหรือไม่กลับ
โทรบอกแค่ว่า ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องรอ แค่นั้นก็จบ

เพราะความที่เป็นเจ้าข้าวเจ้าของ คำว่า "เป็นของกันและกัน" ฟังดูอบอุ่น น่าอิจฉาในตอนแรก
แต่พอนานเข้ากลับกลายเป็น "เจ้าข้าวเจ้าของ" ได้ไงไม่รู้ รู้แต่ว่าฉันเกลียดวลีนี้
มันทำให้รู้สึกเหมือนมีพันธนาการ เหมือนถูกครอบงำ จำกัดขอบเขต
อิสรภาพหมดไปกับการเอาหัวใจไปแชร์กับใครสักคน 1+1 = 1 รวมเป็นหนึ่งเดียวตลอดไป
ความคิดอะไรที่ส่วนตัวก็แทบจะหมดไป "โลกส่วนตัว"

คงอยู่แค่ในฝัน ตื่นขึ้นมาก็มีกันและกัน เอางั้นก็ตามใจ
คนหลายๆ คนชอบคิดที่จะพึ่งพาความรู้สึกคนอื่น เพื่อให้ตัวเองรู้สึกมีค่า
คนโสดแบบฉันกลับคิดว่า...ทุกชีวิตที่เกิดมามันมีค่าอยู่ในตัวมันเองอยู่แล้ว
สำคัญที่ว่า เราจะรู้คุณค่าของมัน แล้วใช้มันเป็นรึเปล่า?
ถ้าต้องอยู่ในสภาพที่พึ่งพาความรู้สึกของใครไม่ได้ ฉันก็ยังรู้สึกว่า "ตัวเองยังมีค่าอยู่เสมอ"

เพราะหนึ่งในอำนาจแห่งความโสด คือ อำนาจแห่งการพึ่งพาตัวเอง

ข้อมูลจาก คมชัดลึก




 

Create Date : 01 มิถุนายน 2552
2 comments
Last Update : 1 มิถุนายน 2552 11:13:54 น.
Counter : 930 Pageviews.

 

อะไรที่เราทำแล้วมีความสุขก็ทำน่ะค่ะ สู้ๆๆๆค่ะ

 

โดย: น้องข้าวเหนียวกะพี่หมูปิ้ง (MooBamBam ) 1 มิถุนายน 2552 16:22:13 น.  

 

"คนหลายๆ คนชอบคิดที่จะพึ่งพาความรู้สึกคนอื่น เพื่อให้ตัวเองรู้สึกมีค่า "

อ่านแล้วชอบประโยคนี้ ก็ขนาดคนอื่นที่ว่ายังทำให้ตัวเองมีความสุขไม่ได้ตลอดเลยแล้วจะพึ่งพาให้เค้าเห็นคุณค่าไปทำไม

 

โดย: mednoon IP: 125.25.137.43 4 มิถุนายน 2552 13:05:04 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.