Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2552
 
6 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 
เหตุผลของผู้ชายในการเลือกคู่ครอง (สาวๆ ควรรู้)

ความรัก

เคยสงสัยไหมว่า ทำไมคนเราถึงอยากมีคู่กันนักนะ?

การมีคู่จะว่าไปก็มีข้อดีหลายอย่าง เช่น มีไว้เป็นเพื่อนคุยแก้เหงา,
มีไว้คอยกระเซ้าเย้าแหย่, มีไว้กะหนุงกะหนิง,
มีไว้ทะเลาะกัน, มีไว้ปลอบใจกัน, มีไว้คอยหึงกัน ซึ่งแล้วแต่ใครจะโป๊ะเชะเจอคนที่ "ใช่"
เพื่อเอาไว้รักและอยู่ด้วยกันไปจนกว่าความตาย จะมาพรากจากกันนั่นแหละ

แต่สำหรับบางคนที่อาจเลือกใครมาครองคู่ด้วยแล้ว "ไม่เวิร์ก"
เพราะดันรักแรงเกลียดแรงเลยชอบลงไม้ลงมือ หรือบางทีก็ลงด้วยฝ่าเท้ายังมี
ประเด็นนี้ คงขึ้นอยู่กับโชควาสนา และความสามารถในการมองคนที่จะมาเป็นแฟนให้ออกให้จงได้มากกว่ามั้ง
ว่าเขาคู่ควรชวนมาร่วมใช้ชีวิตด้วยกันหรือไม่

พูดถึงเรื่องนี้แล้วเมอร์ลินก็สงสัยอีก ประมาณ ว่า เป็นเด็กไฮเปอร์ก็งี้แหละ จึงอยากรู้ต่อไปว่า
แล้ว เวลาผู้ชายจะเลือกแต่งงานกับใครสักคน (ไม่นับการเลือกอยู่ด้วยกันแบบวิวาห์เหาะ เพราะมันง่ายกว่าเยอะ)
เขาใช้อะไรเป็นเกณฑ์ตัดสินใจสละโสดทิ้งไปน้า?
เอ๊า...ไม่สังเกตรึว่า ทำไม ผู้หญิงบางคนถึงได้มีชายหนุ่มเสนอตัวเข้ามาขอแต่งงานด้วยมากมาย
ในขณะที่สาวอีกตรึม กลับต้องนั่งรอแล้วรออีก กว่าจะมีใครสักคนมาสนใจ
ทำไม ผู้ชายจึงแต่งงานกับผู้หญิงบางคน และปฏิเสธอีกคน (Why Men Marry SomeWomen and Not Others)
บวกผลสำรวจทางเว็บไซต์ของนิตยสารชั้นนำ ทำให้ทราบว่า มีปัจจัยอะไรกันแน่ที่มัดใจผู้ชายได้อยู่หมัด
และผู้หญิงแบบไหนที่กระชากหัวใจฝ่ายตรงข้ามได้อย่างแท้จริง

แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้น มาเรียนรู้ถึง ความพร้อมของผู้ชาย ก่อนดีกว่า เช่น

โดยเฉลี่ยแล้ว ผู้ชายจำนวนมากที่จบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย จะไม่คิดเรื่องชีวิตคู่จนกว่าอายุ 26 ปี
และจะจริงจังเรื่องการแต่งงาน เมื่ออายุ 28-33 ปี แต่อาจผ่านการใช้ชีวิตกับผู้หญิงกี่คนก็ไม่รู้ล่ะมาก่อน
แบบอยู่กันเฉยๆ ด้วยความสมัครใจของทั้งสองฝ่ายอย่างไรก็ได้นะ

ส่วนผู้ชายที่จบการศึกษาสูงๆ เช่น พวกหมอ ทนาย จะตัดสินใจลงเอยกับสาวเมื่ออายุประมาณ 30-36 ปี
ไม่รู้ว่า "ช่างเลือก หรือไม่มีเวลาจะเลือก" เพราะทำงานหนักก็ไม่รู้สิ

หนุ่มที่มีประสบการณ์เรื่องพ่อแม่หย่าร้าง มักหวาดกลัวการแต่งงาน

โดยมากผู้ชายมักเลือกสาวที่มีพื้นฐานคล้ายๆกัน เช่น ศาสนา ความเห็นทางการเมือง ความเชื่อ และ
ฐานะทางสังคม ฯลฯ เป็นคู่รัก แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องเหมือนกันไปซะหมดถึงจะเลือกเป็นแฟนนะ
ฝ่ายที่เลือกเพราะแตกต่างกันก็มีเยอะ นี่ก็พูดปลอบใจไว้ก่อน

ผู้ชายที่มีเพื่อน หรือพี่น้องที่แต่งงานแล้ว
โอกาสที่เขาจะเลือกใช้ชีวิตคู่ก็มีมากขึ้นด้วย งั้นจงเล็งกลุ่มนี้ไว้ได้เลย


ดังนั้น สิ่งที่ฝ่ายหญิงสามารถ เรียกความสนใจจากเขาได้ ก็คือ

ผู้หญิงที่เดทกับหนุ่มในครั้งที่สองและสามเล่าว่า การเดทครั้งแรก
พวกเธอจะไม่พะวงกับการสร้างความประทับใจกับคู่เดท มากไปกว่าการทำให้มันเป็นช่วงเวลาที่ดีๆ
และแน่นอน พวกเธอจะไม่มีเซ็กซ์กับเขาตั้งแต่แรก เรียกว่าไม่ใจง่ายพลีกายให้ทันทีนั่นแหละ

สำหรับสาวที่ถูกขอเดทเป็นครั้งที่สองและสาม
มักจะปล่อยให้ผู้ชายวางแผนในเดทแรก (วางแผนจะไปเจอที่ไหน ไม่ใช่วางแผนไปทำเรื่องบัดสี)
แต่หากมีเรื่องไม่เห็นด้วย เธอจะบอกเขาอย่างตรงไปตรงมา
ไม่มัวกระมิดกระเมี้ยนให้เสียเวลา และปิดโอกาสที่จะได้เจอคนที่เธออาจถูกใจได้อีกในอนาคตหรอกท่าน

หากคู่เดทไม่เหมือนกันเลยสักอย่าง นอกเหนือจากแรงดึงดูดทางสรีระแล้ว เช่น
ผู้ชายที่จ้องจีบแต่ผู้หญิงสวยๆ หุ่นดีๆ แล้วก็คิดแต่ว่าทำไงถึงจะหิ้วเธอขึ้นเตียงได้
แบบนี้ ความสัมพันธ์มักไม่ยืดยาว


เอาล่ะ ทีนี้เชื่อว่าคงได้คำตอบกันแล้วนะว่า เมื่อถึงคราวต้อง "มีคู่" ไม่ว่าชายหรือหญิง
พวกเขาตัดสินใจจากพื้นฐานคร่าวๆอะไรบ้าง นี่เป็นเพียงปัจจัยกว้างๆ ซึ่งรู้ไว้ก็ไม่เสียหลายจริงมะ

ฉะนั้น ถ้าใครมีคู่แล้วก็ขอแสดงความยินดีด้วย แต่ถ้ายังไม่มีก็ไม่ต้องเสียใจ
เพราะ "การมีแฟน" กับ "เป็นโสด" ก็มีความสุขไปคนละแบบ
ของอย่างนี้เป็นความพอใจส่วนตัวและสิทธิส่วนบุคคล อย่าซีเรียส
ถ้าเห็นเพื่อนมีแฟนแล้วต้องมีตาม หรือเห็นใครเป็นโสดแล้วคล่องตัวดีจึงโสดตาม
จะบ้าเรอะ กรุณามีความเป็นตัวของตัวเองหน่อยแล้วจะดีเองน้อง

ทีนี้ ถ้าคุณไม่ใช่สาวโสด เพราะมีแฟนแล้ว
แต่คุณก็ยังสามารถรักษาความเชื่อมั่น และใช้ชีวิตแบบคนโสดได้นี่นา
เพราะการมีคู่ไม่ได้หมายความว่า ตลอดเวลา 24 ชั่วโมงต่อวัน ทั้งคู่ต้องตัวติดกันจริงมะ
อีกอย่างนะ ขืนคุณอยากมีเวลากะเขาทั้งวันทั้งคืนก็เถอะ แต่เชื่อสิ อีกฝ่ายเขาก็ไม่เล่นด้วยหรอก
เออ...ถ้าแรกรักแล้วรู้สึกว่าอยากอยู่ด้วยกันก็ว่าไปอย่าง
แต่เอาเข้าจริง ต่อให้ทำงานที่เดียวกัน ไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายนึงละว้าที่แว้บนึงต้องเคยนึกอยากอยู่ห่างกันบ้าง

เพราะฉะนั้น ถึงมีคู่แล้วก็แบ่งเวลามาสนุกกับความโสดได้ ด้วยการ...

1. ปาร์ตี้กับเพื่อนสาว
อย่าทำตัวอดอยากปากแห้งกับการดวลดื่มและเต้นระบำกับกลุ่มเพื่อนๆ
เพราะการได้ไปเที่ยวตามประสาสาวๆ นั้นถือเป็นกำไรชีวิตที่ไม่ควรพลาดเชียวนะ

2. รับประทานสิ่งที่ชอบ
แทนที่จะต้องลดหุ่นให้ดูดีในสายตาของแฟน สุดที่เลิฟ เพราะกลัวเขาจะชะม้ายชายตาไปมองสาวอื่น
คุณน่าจะมี "เวลานอก" ที่จะรับประทานสิ่งที่คุณชอบได้มั่ง ไม่ว่าสิ่งนั้นจะทำให้คุณมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นหรือไม่ก็ตาม
รักแฟนน่ะดี แต่ก็ควรตามใจปากของตัวไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

3. แต่งตัวเซ็กซี่บ้างก็ได้
ไม่ใช่เพราะมีแฟนแล้วคุณจึงปิดตัวเอง ด้วยการ ถ้าแฟนไม่อนุญาตให้แต่งเนื้อแต่งตัวเซ็กซี่เวลาไปไหนมาไหน
ด้วยกันคุณก็ไม่ทำ หรือเพราะเห็นว่าตัวเองมีแฟนแล้วจึงไม่จำเป็นต้องแต่งตัวให้สวยปิ๊งก็แล้วแต่
ทว่าถามจริงๆเหอะ ทำไมต้องทิ้งความเซ็กซี่ซาบซ่าในการแต่งตัวด้วยชุดเกาะอก
หรือใส่ยีนเอวต่ำกะสวมเสื้อเอวลอย ในฐานะเป็นสาวเปรี้ยวแถวหน้าของกลุ่มเพื่อนๆของคุณทิ้งไปซะล่ะ
รู้ไหมว่า ผู้หญิงที่ดูแลตัวเองให้เช้งกะเด๊ะอยู่เสมอ มักเป็นที่ต้องการของแฟนมากกว่าสาวที่ปล่อยตัวเป็นไหนๆ.

ที่มา ไทยรัฐ


Create Date : 06 กรกฎาคม 2552
Last Update : 6 กรกฎาคม 2552 11:36:47 น. 0 comments
Counter : 814 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.