Group Blog
 
<<
กันยายน 2549
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
14 กันยายน 2549
 
All Blogs
 
อัจฉริยะบนทางสีขาว

มารู้จัก ดร. อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา กัน



หนังสือเล่มนี้ซื้อมาเพราะความศรัทธาครับ พอจะได้ยินชื่อของ ดร.อาจอง มาบ้าง เช่นในโฆษณา ก็พยายามติดตาม เมื่อหลายเดือนก่อน ที่บริษัทเชิญท่านมาบรรยาย ได้อัดเสียงไว้ และเอาแนวนั่งสมาธิของท่านมานั่งจนทุกวันนี้
หลังจากฟังท่านบรรยายจบ ไปซื้อเล่มนี้เลย ด้วยความที่อยากรู้จักท่าน อ่านสองวันจบ ได้ข้อคิดมากมาย ได้แก่
๑. เกิดเป็นมนุษย์เราต้องรู้จักตัวเอง ต้องหมั่นถามตัวเราว่า เราคือใคร, เราเกิดมาทำไม(เกิดมารับใช้ช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ) และ เราจะไปไหน
๒. เราต้องเก่งสองอย่าง คือ เก่งในหน้าที่การงาน และ เก่งสร้างความสงบสุขให้กับตนเอง โดยตัดตัวตนและความต้องการออก
๓. หากต้องการให้เกิดการเรียนรู้ ต้องทำใจให้สะอาด
๔. ก่อนจะทำหรือรับรู้อะไร ต้องถามตัวเองก่อนว่า ดีต่อตัวเราไหม และดีต่อผู้อื่นไหม หากดีดำเนินการต่อได้เลย

ท่านเปิดโรงเรียนสัตยาไส ที่ลพบุรี เป็นโรงเรียนประจำ โดยมีกิจกรรมในการสอนที่เน้นการสร้างคนดี มากกว่า คนเก่ง เพราะท่านคิดว่าคนดีสร้างยาก ส่วนคนเก่งสร้างง่าย

กิจกรรมหลักๆ ในโรงเรียน
๑. การสวดมนต์
๒. การนั่งสมาธิ
๓. การร้องเพลง
๔. การเล่านิทาน

ในโรงเรียนแบ่งบ้านเป็น ๕ หลังคละชั้นปี นึกถึง Harry Potter ขึ้นมาเลย บ้านต่างๆ มีดังนี้
ความสงบสุข บ้านสันติ
ความจริง บ้านสัตยา
ความประพฤติชอบ บ้านธรรมะ
ความไม่เบียดเบียนผู้อื่น บ้านอหิงสา
ความรักและความเมตตา บ้านเปรมา
ชื่อบ้านแต่ละหลังจะเป็นคุณลักษณะของคนที่เข้าใจแก่นแท้ของคุณค่าการเป็นมนุษย์

อีกคำที่ชอบคือ ปลายทางของการศึกษาคืออุปนิสัยที่ดีงาม

ที่สัตยาไสจะทานมังสวิรัติ ทำนาเอง

อยากรู้จักคนดี และแนวทางการทำดี หาเล่มนี้มาอ่านกันนะครับ
----------------------------------------------------------
ชื่อหนังสือ อัจฉริยะบนทางสีขาว ดร. อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา
โดย สานุพันธ์ ตันติศิริวัฒน์
สำนักพิมพ์ ฟรีมายด์
พิมพ์รวมเล่ม ครั้งแรก : กันยายน 2548, 216 หน้า
ราคา 195 บาท
ISBN 974-93482-8-1
มนุษย์จะเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์ที่สุดถ้าเรารู้จักตัวเอง การรู้จักตัวเองนั้นก็ต้องอาศัยการที่เราหันกลับมามองดูข้างในตัวเราเอง ไม่ใช่ไปศึกษาจากข้างนอกตัวเรา การฝึกสมาธิเป็นทางหนึ่งที่จะช่วยให้เราหันกลับมามองดูตัวเรา.... และเมื่อเรารู้จักตัวเองพอแล้ว เราก็จะรู้ว่าตัวเรานั้นมีความสามารถมากมาย ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ และที่สำคัญคือ เราจะรู้ว่าทุกคนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับเรา เราจะมีความรักและความเมตตาให้กับทุกคน ช่วยเหลือทุกคน ทำประโยชน์ให้กับส่วนรวม และในที่สุดความเสียสละก็จะเกิดขึ้น นี่คือการที่เราจะก้าวไปสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ เป็นคนที่ไม่เห็นแก่ตัว มีคุณธรรมสูงและในขณะเดียวกันเราก็สามารถประสบความสำเร็จในทางโลกได้อีกด้วย

บทสัมภาษณ์ในเสาร์สวัสดี //www.ee43.com/content/259 มีเรื่องน้ำท่วมโลกด้วย



Create Date : 14 กันยายน 2549
Last Update : 11 ตุลาคม 2552 5:05:24 น. 11 comments
Counter : 2668 Pageviews.

 
ขอบคุณค่ะ ดีจัง ต้องไปหามาอ่านค่ะ


โดย: ป่ามืด วันที่: 14 กันยายน 2549 เวลา:6:31:19 น.  

 
น่าสนใจจังค่ะ

เพิ่งรู้ว่าท่านสนใจด้านนี้ ปฏิบัติด้านนี้อยู่ด้วย

ขอบคุณที่มาเล่าสู่กันฟังนะคะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 14 กันยายน 2549 เวลา:9:09:18 น.  

 
ไม่น่าเชื่อว่าวิทยาศาสตร์ จะเข้ากับศาสนาค่ะ


โดย: กระปุกกลิ้ง วันที่: 14 กันยายน 2549 เวลา:14:33:52 น.  

 
คนระดับ ดร. หันเข้าวัดกันเยอะเลยครับ
ที่นึกออกแวบแรก คือ ดร.วรภัทร์ และ ดร.สนอง
ผมว่าค้นหาอะไรมากมาย สุดท้ายต้องมาค้นหาตัวเอง
เหินฟ้าไปดาวต่างๆ มากมาย สุดท้ายมาอ่านใจตัวเองให้ได้เจ๋งสุด
มีความสุขทุกคนครับ


โดย: คนขับช้า วันที่: 14 กันยายน 2549 เวลา:21:28:31 น.  

 
สี่วันก่อนมีนัดกับเพื่อนไปตกปลาทะเล (เช็คฝนแล้วลมแล้ว ว่าปลอดภัยชัวร์) ผมแบกเป้ คันเบ็ด เข้าไปบ้านเพื่อน ก่อนเวลานัด

ก็เลยแว๊บไปร้านหนังสือ.. เห็นหนังสือเล่มนี้อยู่บนชั้น หนังสือแนะนำ ด้วยครับ แต่มัวไปอ่านที่เขาพิมพ์บทวิจารณ์ ร่างพระร่วง กลางทะเลลึก เสียก็เลยไม่ได้เปิดดูเนื้อหาข้างในเท่าไร

ผมเพิ่งกลับถึงที่พักเกือบเที่ยงคืนของเมื่อคืนนี้ หลังจากนอนเมาคลื่นในเรือสามวัน .. แทนที่จะได้ตกปลา ผมต้องนอนฟังคนเรือเล่าให้ฟังถึงชีวิตในเรืออวนลาก (ไต๋วัยหนุ่ม) ฟังชีวิตอันเสียงภัยของคนเรือจับกุ้งแชบ๊วย ขึ้นมาบนบก คนขับแท๊กซี่ชาวอีสานยังร่วมแบ่งปันประสบการณ์การเป็นลูกเรืออวนลาก และการเมาเรือร่วม 10 วันของเขาให้ฟังอีก ออกตกปลาครั้งนี้เลยกลายเป็นการเก็บข้อมูลของผมไปเสีย เพราะนอนหัวโคลงบนเรือ .. ผมนับถือ ประชาคม ลุนาชัยที่เขาผ่านชีวิตที่สมบุกสมบันแบบนี้มาจริงๆ

กลับมาถึง เปิดหน้าเว็บไซต์ อ่านประโยค "ถ้า...ไม่เป็นนายกฯ ดีกว่า...ผมก็อาจจะไปทำงานมูลนิธิ" ผมแค่นหัวเราะในลำคอ

น่าเสียดาย เมื่อครั้งเลือก สว. ดร. อาจอง ก็ลงสมัคร ดูเหมือนได้คะแนนไม่เท่าไร ทั้งๆที่ ในด้านวิชาการและด้านการเป็นพหูสูตร นับท่านได้เลย

เอ๊ะ พี่คนขับช้าครับ ผมว่าสังคมไทยมันจะเป็นอย่างนี้นะ คือ คนที่เก่งจริง เชี่ยวชาญจริง แต่โฆษณาตัวเองไม่เก่ง ก็หาคนรู้จักยากนะ .. แถมยังได้รับการยอมรับช้าเสียเหลือเกิน ยิ่งเก่งมาก บางทีต้องตายไปตั้ง 4-50 ปี ถึงจะมีคนบอกว่า นั่นแหละเพชร..

คิดแบบนี้แล้วคนดีก็ท้อแท้นะ..... นี่ผมกำลังวางแผนปล้นเรือยอร์ชของนักการเมืองนะ .. เพียงแต่ว่าตอนนี้ แค่ลงเรือผมก็เมาแล้วล่ะ :-)


โดย: นอนเปล (ชายลังเล ) วันที่: 15 กันยายน 2549 เวลา:12:39:43 น.  

 
ยังไม่อยากจบ!

วิทยาศาสตร์กับศาสนาเป็นเรื่องเดียวกันครับ ดูเหมือนจะวันเกิดของผมที่ผ่านมา เพื่อนให้หนังสือเล่มหนึ่ง เป็นสรรนิพนธ์ของ ท่านพุทธทาส ว่าด้วย ศาสนา ดนตรี กวี ศิลปะ" ด้วยว่า เพื่อนผมเห็นว่าผมนี่อ่านพุทธทาส แต่ดันฟังคลาสสิก และบางคราวก็แต่งกลอน บางคราวก็อ่านนิยาย เพื่อนเลยซื้อมาฝาก ถูกใจครับ ท่านพุทธทาสบอกว่า ศาสนา ดนตรี กวี ศิลปะ และกระทั่งวิทยาศาสตร์ เป็นเรื่องเดียวกัน เพราะสูงสุดของความจริงก็อาจจะไปถึงหลักเดียวกันได้

ผมอ่านแล้วให้รู้สึกว่า เพียงแต่ว่าเรายกเอาศาสนาไว้เป็นเรื่องที่สูงสุด เลิศเลอ ทำให้ไม่สามารถประยุกต์อย่างอื่นเข้าได้เลย

ท่านพุทธทาสยกตัวอย่างเพลงไทยเดิม ท่านบอกว่า เขาสร้างทำนองมาไพเราะ ให้เราฟังแล้วเคลิบเคล้ม ลืม ตัวกู ของกู ลืม อัตตา ไปเลย

หรืออักษรศาสตร์ กวี ก็ตาม ในที่สุดมันก็ไม่พ้นสาระแห่งศาสนา ถ้าเราไปตามทางของมัน (ผมอ่านงานของเนาวรัตน์เยอะครับ ผมว่างานของเนาวรัตน์เป็นตัวอย่างได้)

แต่ทั้งศิลปะ ดนตรี และกวี ก็มีสองด้าน ด้านที่รับใช้ปีศาจก็มีเช่นกัน

ส่วนวิทยาศาสตร์ทำไมถึงไปบรรจบกับศาสนาได้ จริงๆแล้ววิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะด้านฟิสิกส์จะบอกว่า อะไรที่มีตัวตนและพิสูจน์ได้ คงแท้แน่นอน นั่นคือ วิทยาศาสตร์ ยุคหนึ่งคนเราคลั่งไคล้วิทยาศาสตร์มาก... แต่ครั้นถึงยุค Post Modern ผ่านพ้นความเชื่อถือในวิทยาศาสตร์แล้ว คนเราเริ่มหันมาถามว่า ไอ้นักวิทยาศาสตร์นี่มันเชื่อได้ขนาดไหน?? หลุย ปลาสเตอร์ค้นพบพวกจุลินทรีย์และวิธีการพาสเจอร์ไรเซชั่น สาเหตุของโรคปอดบวม ถูกคลี่คลาย โรคร้ายถูกแก้ไข แต่ต่อมา คนเราก็เป็น Syndrome X อันเป็นโรคจากระบบ เมตาบอลิซึมของอินซูลิน ขนาดร่างกายเราที่นักวิทยาศาสตร์วิจัยกันถ้วนทุกอย่าง / หนังเรื่อง Gattaga เป็นตัวอย่างที่ดีทีเดียว เขาคัดเลือกคนในระดับการตัดแต่ง DNA ได้ แต่สุดท้าย คนเราก็สงสัยในวิทยาศาสตร์

เมื่อวันที่ เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดวงเป็นเสมือนประโยครวมยอดสรุปใจความของโลก มาถึง คนเราก็เริ่มตระหนักว่าวิทยาศาสตร์ไม่ได้เป็นคำตอบเลย เป็นแค่การค้นหา ค้นหา และค้นหา และก็สร้างผลิตภัณฑ์ขึ้นเรื่อยๆ .. แต่ศาสนาต่างหากคือคำตอบ..

เอ้อ ผมยังอ่านหนังสือ จุดเปลี่ยนศตวรรษ ได้แค่เล่ม 1 (แต่งโดย ฟริตจ๊อบ คาปร้า - หนังสือบางเล่มเขียน ขับประ) นี่กำลังจะอ่าน เต๋าแห่งฟิสิกส์ ของนักฟิสิกส์ระดับโลกที่กลายเป็นสนใจพุทธศาสนาครับ แต่อ่านไปได้ช้าๆเท่านั้นเอง เพราะนิยายมันน่าสนใจกว่า ... เพราะอ่านของ ฟริตจ๊อบ พอไปถึงเรื่องพวก ควอนตัม อะไรพวกนั้น เราก็เริ่มงงๆ เพราะความรู้ก็คืนครูหมดแล้ว..

อ่านหนังสือปรัชญาไปๆมาๆ ผมกลับเห็นว่า คนที่จะเข้าใจศาสนาได้ดี แล้วก็อธิบายมันออกมาได้ดี กลับเป็นนักวิทยาศาสตร์ครับ (ไม่ใช่ว่า พระท่านอธิบายไม่ดีนะ มีหลายท่านอธิบายเยี่ยม - แต่ท่านเหล่านั้น พูดถึงชาดก หรือข้อสาธกมากไป มันพ้นสมัยไปแล้ว) สี่เดือนก่อนผมนั่งอ่านเกี่ยวกับ อริยสัจ 4 , ปฏิจจสมุปปบาท ซึ่งสรุปโดยนายแพทย์ท่านหนึ่ง --- ถ้าไม่ติดว่าเป็นหนังสือในห้องคนป่วยในโรงพยายาม ผมคงหยิบใส่กระเป๋ากลับบ้านแล้ว -- (พูดเล่นน่าพี่ ไม่เคยทำหรอก) เขียนได้ดีเหลือเกินครับ เขาสรุปมาแบบ อ่านแล้วget เลย


โดย: นอนเปล (ชายลังเล ) วันที่: 15 กันยายน 2549 เวลา:13:03:16 น.  

 
^
^
ถูกต้องที่สุด ไอน์สไตน์ หรือใครจำไม่ได้ที่เคยกล่าวเอาไว้แต่เราจับใจความได้ว่า

ศาสนาแห่งวิทยาศาสตร์ก็คือศาสนาพุทธนั่นเอง

หลักธรรมคำสอนก็เป็นไปในแนวทางทางวิทยาศาสตร์ ก็อย่างเช่น อริยสัจ 4 พูดถึงการดับทุกข์โดยเราต้องดับที่เหตุ สอนให้หาเหตุว่าทำไมถึงทุกข์ และเราจะดับทุกข์ได้อย่างไร เป็นเหตุเป็นผลกัน

ซึ่งมีอาจารย์ท่านหนึ่งเคยบอกเราว่า เด็กที่เก่งคำนวณหรือด้านวิทยาศาสตร์ จะแน่ใจว่าเค้าเก่งจริงๆก็ต่อเมื่อเด็กคนนั้นสนใจศาสนาและมีการถกปัญหาธรรมะกับผู้อื่น


โดย: vnv IP: 221.128.74.90 วันที่: 11 ตุลาคม 2550 เวลา:8:26:53 น.  

 
ตอนลูกจะเข้า ป.๑ ไปสมัครไว้ที่โรงเรียนด้วย ชอบที่โรงเรียนสัตยาไสมากครับ
ยิ่งถ้าได้ฟัง ดร.อาจอง พูด จะชอบมาก
แต่ไม่ได้เข้าเรียนหรอกครับ เพราะพาภรรยาไปตอนหน้าน้ำ น้ำเป็นทะเลเลย เลยไม่ผ่านสภาครอบครัวครับ
ก็เลยเรียนใกล้แม่ไว้ก่อน ก็ได้แต่จะเอาแนวทางการเรียนที่นี่ไปใช้ครับ
คนดี สร้างยากกว่า คนเก่ง แน่นอนครับ


โดย: คนขับช้า วันที่: 12 ธันวาคม 2550 เวลา:17:45:58 น.  

 
ใช้คอมไม่เก่ง ใช้แบบงงๆ เพราะไม่เคยไปเรียน ไปอบรมที่ไหน อาศัยอ่านเอา ลองผิดลองถูก เบื่อๆขึ้นมาก็ถามครูรุ่นลูก เด็กๆรุ่นใหม่น่ารัก ช่วยสอน เขาคงภมูใจและภูมิใจที่ได้สอนคนสูงอายุ เราเองก็รู้สึกดี เพราะเห็นว่าคอมๆเป็นเครื่องมือให้เราได้พบคนดี พบปราชญ์หลายๆคน ทำให้รู้สึกอยากทำสิ่งดีๆ ทุกลมหายใจที่นึกได้ จะโลภหรือเปล่า ที่มีความคิดอย่างนี้ ก็ดีกว่าจิตว่างหรือไม่ ขออนุโมทนากับท่านๆที่มีจิตเป็นกุศล โลกจะคลายความร้อนได้นอกจากเราหันมาร่วมแรงใจกันปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตนเอง ไม่ต้องสอนใครหรอก สอนตนเอง และลูกหลานของตนเองและปฏิบัติจริงๆ ทำในสิ่งที่ตนเองทำได้แล้วค่อยสอน
มนุษย์นะ ไม่ใช่อื่น ทุกวันนี้เห็นคุณค่าและศรัทธาในความสามารถของท่านดร.องอาจ ก็อยากจะบอกท่านว่าขอบคุณที่การประพฤติปฏิบัติของท่านเป็นต้นแบบให้ปฏิบัติตามแม้เมื่อประเมินผลออกมาแล้วยังไม่รู้ว่าเมื่อไรจะทำได้ดีอย่างท่าน แต่ก็ปรับเปลี่ยนตัวเองในทางที่ดีขึ้นนะ เอาท่านเป็นตัวอย่างในเวลาที่สอนลูกๆ กได้ผล เพราะหลายหลายวิธีการหลายหลายแนวคิดของท่าน ช่วยให้ก็แนวคิดที่นำมาปรับใช้ในงานการสอน เราต่างมุ่งหน้าไปสู่ที่ๆเรามา และเราไป ระหว่างทางไม่อยากให้ผ่านไปเปล่าประโยชน์ในโลกใบนี้ ทุกวินาที่ ทุกการกระทำจึงพยายามให้มีสติ และทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ไม่นิยมการลากผู้อื่นมาทำกิจกรรมที่รบกวนผู้อื่น ไม่นิยมการแอบอ้างการกระทำของตนเองว่าทำเพื่อสังคม เพื่อ.....ถ้าทำดี คนดีจะเห็นเอง และไหลมารวมเป็นพลัง โดยมิต้องร้องขอ ไม่ต้องหาเหตุผลใดๆมาอ้างอิง ที่สังคมวุ่นวายทุกวันนี้ เพราะอยากมี อยากได้ อยากสารพัดที่จะอยาก ขาดหิริ โอตัปปะ ลองต่างคนต่างมีสติ มีศีลมีคุณธรรม มีหิริ โอตัปปะ สังคมทุกวันนี้จะเป็นอย่างที่เห็นหรือไม่ อย่าเอาแต่พูด ลงมือทำและปฏิบัติก่อนด้วยตัวเอง โดยkrutoi ครูเส้นชอล์ก


โดย: krutoi IP: 125.26.69.12 วันที่: 5 มิถุนายน 2551 เวลา:9:22:25 น.  

 
^
^
คุณครูเส้นชอล์ก ครับ
ตอนนี้ที่ทำคือหมั่นตักบาตร จะพกถุงผ้า ขันไปใส่ข้าวตักบาตร และปิ่นโตไปส่ข้าวมาทาน ทั้งหมดเพื่อลดโลกร้อน
วันก่อนลูกถามว่าพ่อตักบาตรทุกวันเลยเหรอ เพราะเมื่อตักบาตรจะโทร.ไปให้เขาอนุโมทนาบุญกันครับ ทำดีเริ่มที่ตัวเราครับ


โดย: คนขับช้า IP: 202.149.24.129 วันที่: 6 สิงหาคม 2551 เวลา:10:19:27 น.  

 
อ่านแล้วค่ะ หนังสือเล่มนี้ ดีมากๆ

อ่านแล้วให้แง่คิดดีๆมากมาย

อ่านแล้วถ่านำไปปฏิบัติจะดีอย่างยิ่ง เช่น นั่งสมาธิ ช่วยให้จิตสงบ


โดย: สยามเมืองยิ้ม IP: 203.185.152.181 วันที่: 5 มีนาคม 2552 เวลา:13:22:28 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คนขับช้า
Location :
นครศรีธรรมราช Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




ย้ายมาเป็นคนสระบุรี ตั้งแต่ ๑ มกราคม ๒๕๖๖

เคยมาเป็นคนนครศรีธรรมราช ตั้งแต่ ๑ เมษายน ๒๕๕๘

เคยมาเป็นคนสระบุรี ตั้งแต่ ๑ มกราคม ๒๕๕๗

เคยเป็นคนกรุงเทพฯ ตั้งแต่ ๑ เมษายน ๒๕๕๒

ย้ายที่ทำงานในจังหวัดสระบุรี ตั้งแต่ ๑ มีนาคม ๒๕๔๖
เคยเป็นคนสระบุรี ตั้งแต่ ๑ มิถุนายน ๒๕๔๕

เคยเป็นคนนครศรีธรรมราช ตั้งแต่ ๑ สิงหาคม ๒๕๓๙

เคยเป็นคนระยอง ตั้งแต่ ๒๕๓๗
Friends' blogs
[Add คนขับช้า's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.