Group Blog
 
<<
กันยายน 2549
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
8 กันยายน 2549
 
All Blogs
 
แนะนำไว้ก่อน หนังสือ "ต้องเป็นที่หนึ่งให้ได้"

หนังสือเล่มแรกของคุณบัณฑิต "ต้องเป็นที่หนึ่งให้ได้"
(Conduct Your Dreams) เป็นข้อคิด 39 ข้อ สำหรับ
คนที่อยากสร้างฝันให้เป็นจริง อิงประสบการณ์การเรียนรู้
และการทำงานของคุณบัณฑิตในประเทศต่าง ๆ

ยังไม่ได้อ่านนะครับ แต่คิดว่าไม่พลาดแน่ ดูเจาะใจเมื่อคืนชอบเขามากเลย

เขามี Web ด้วยนะที่ //www.bunditmusic.com/



-----------------------------------------------------------
เรื่องราวของเขา เท่าที่หามาได้
คัดลอกจากหนังสือพิมพ์ "คม ชัด ลึก" ฉบับวันที่ 3 ต.ค. 47
คอลัมน์ "อาทิตย์" โดย ชุติมา สุวรรณเพิ่ม หน้า 5

"บัณฑิต อึ้งรังษี" วาทยากรไทยบนเวทีโลก

ความพยายามเอาชนะเพื่อจะทำให้ชื่อเสียงประเทศไทย
ไม่น่าจำกัดอยู่เพียงแค่วงการกีฬาเท่านั้น
เพราะเมื่อมองไปที่วงการดนตรีคลาสสิกก็พบว่า
ยังมีชายหนุ่มคนหนึ่งได้นำชื่อเสียงมาสู่บ้านเกิดเมืองนอน
ด้วยการทำในสิ่งที่ตนรักอย่างมุ่งมั่นอยู่ทุกวินาที
"ต้น" บัณฑิต อึ้งรังษี หนุ่มวัย 34 ปี
เขาคือวาทยากรผู้ที่มีชื่อเสียงระดับโลก
ซึ่งสื่อต่างประเทศอย่างหนังสือพิมพ์ เดอะ ลอส แอนเจลิส ไทม์
ได้ตีพิมพ์บทความกล่าวถึงเขาว่า

"เขาบัญชาการด้วยความสุขุมและมั่นใจ...
และแสดงออกอย่างหน้าตื่นตาตื่นใจบนโพเดียม...
การอ่านตัวโน้ตเป็นไปอย่างไม่รีบเร่งแต่ชัดเจน
แนวทางการแสดงเป็นไปโดยความแม่นยำ
และละเอียดทุกตัวโน้ตแม้กระทั่งพลังที่นุ่มนวลแผ่วเบา"

ด้านหนังสือพิมพ์ เดอะ ชาร์ลสตัน โพสต์ แอนด์ คูเรีย
กล่าวถึงวาทยากรชาวไทยคนนี้ว่า

"แสดงให้เห็นถึงสัมผัสที่นุ่มนวล...
เป็นผู้นำการแสดงที่ยอดเยี่ยม โครงสร้างของการขับเดลื่อนจังหวะ
การควบคุมพลังและความแม่นยำเป็นเลิศ..
นำการแสดงอย่างตื่นเต้นเร้าใจจนทำให้ผู้ชมแทบลืมหายใจ...
การอ่านโน้ตตั้งแต่ต้นจนจบเต็มไปด้วยสัมผัสอันเงียบสงบ
ที่สามารถรับรู้ได้ถึงรายละเอียดทั้งหมด"


ปกติบัณฑิตมีโอกาศกลับเมืองไทยเพียงปีละครั้ง
เพราะงานของเขาอยู่ที่นิวยอร์กและในยุโรป ต้องรอช่วงซัมเมอร์
จึงจะได้กลับมาเยี่ยมบ้านกันสักที
แต่ปีนี้นับว่าเป็นปีที่พิเศษสุดๆ เพราะเขาได้กลับมาเมืองไทยถึงสองครั้งสองครา
โดยครั้งแรกเดือน ส.ค. บัณฑิตได้รับเชิญจากรัฐบาลไทย
ให้มาเป็นผู้อำนวยเพลงในคอนเสิร์ตการกุศลเทิดพระเกียรติ
เนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ
และในเดือน ต.ค.เข้าได้กลับบ้านอีกเป็นครั้งที่สอง
โดยในค่ำคืนวันที่ 3 ต.ค. นี้ บัณฑิตจะเป็นผู้อำนวยเพลงในคอนเสิร์ต
"เดอะ พาวเวอร์ ออฟ คลาสสิก"
โดยบรรเลงร่วมกับวงดนตรีระดับโลกจากประเทศอิตาลี
ซึ่งเป็นคอนเสิร์ตเทิดพระเกียรติอีกครั้งหนึ่ง
ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย

"อาชีพผมต้องบินไปมาระหว่างอเมริกากับยุโรป
แต่โดยส่วนใหญ่ผมจะอยู่อเมริกาเพราะต้องทำงานให้กับวงนิวยอร์กฟิลฮาร์โมนิค
ออเคสตร้า ซึ่งผมมีสัญญากับวงโดยจะได้รับเชิญไปเล่นปีละ 4-5 ครั้ง
จะต้องเดินทางอย่างต่ำ สามเดือนสี่ทวีป...เกือบทั่วโลกแล้วครับ
แต่ปีนี้ก็ขอยึดเอาเมืองไทยเป็นหลัก"

วาทยากรผู้มีชื่อเสียงเริ่มต้นบทสนทนาด้วยรอยยิ้ม


บัณฑิต อึ้งรังษี คือคนไทยเพียงคนเดียว
ที่ได้รับเลือกเข้าเป็นวาทยากรร่วมในวงออเคสตร้าระดับโลก
"นิวยอร์ก ฟิลฮาร์โมนิค ออเคสตร้า" (New York Philharmonic Ocrestra)
โดยเขาจะได้ไปร่วมแสดงทั้งในประเทศอิตาลี เกาหลี และในกรุงเทพฯ
สำหรับการแสดงในปี 2545-2547 จากการที่เขาได้รับการเสนอชื่อ
ให้รับรางวัลเกียรตยศและเป็นผู้ชนะร่วมกับวาทยากรสาวจากจีน
"ในการแข่งขันวาทยากรระดับโลก
(Maazel-vilar International Conducter's Compettition)
ซึ่งจัดขึ้นที่คาร์เนกีฮอลล์(Carnegie Hall) ในนครนิวยอร์ก
การแข่งขัน The Maazel-Vilar
นี้ถือเป็น โอลิมปิกของวงการดนตรี เลยทีเดียว
รางวัลดังที่รู้จักในฐานะวาทยากรหนุ่มระดับแนวหน้าของโลก


บัณฑิตเป็นชาวอำเภอหาดใหญ่
แววความสามารถทางดนตรีเริ่มฉายตอนอายุ 13 ปี จากการเรียนกีตาร์คลาสสิก
แล้วโลกของบัณฑิตก็ได้เปลี่ยนแปลงไป
เมื่อเขาชมการแสดงคอนเสิร์ตของวง New York Philharmonic Ocrestra
ซึ่งมาเปิดการแสดงที่กรุงเทพฯเมื่อสิบสามปีที่แล้ว
ตั้งแต่นั้นมาเขาก็มีความใฝ่ฝันอยากเป็น "วาทยากรที่มีชื่อเสียงของโลก"ให้ได้


"วงดนตรีวงนี้มีชื่อเสียงก้องโลกแล้ว
มีวาทยากรฝีมือฉกาจระดับ 1 ใน 3 ของโลก
ชาวอินเดียชื่อ สุบิน เมห์ธา ทำหน้าที่อำนวยเพลง
สิ่งที่ได้ฟังได้เห็นก็เหมือนมาจุดประกายความฝันของเราได้ทันที
ผมอยากทำชื่อเสียงให้กับประเทศชาติแบบชาวอินเดียคนนั้นบ้าง
ความฝันนี้น่าจะเป็นไปได้
เพราะอินเดียก็ไม่ต่างจากเราทางด้านพื้นฐานเพลงคลาสสิกซึ่งก็ไม่ดีนัก
แล้วสุบินก็เกิดเติบโตมาในประเทศอินเดีย
ไม่ใช่คนที่ไปเรียนไปโตในเมืองนอก
การที่เขาก้าวขึ้นมาในระดับนี้ได้จึงเป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก
แล้วผมก็ตั้งเป้าหมายไว้ด้วยว่า ถ้าจะเป็นวาทยากร
จะไม่ทำอาชีพนี้แค่อำนวยเพลงได้
แต่ผมจะก้าวขึ้นสู่อันดับหนึ่งให้ได้"

คำกล่าวมุ่งมั่นของคนพูดทำเอาคนฟังอึ้งเลยทีเดียว

ความฝันของบัณฑิตจึงเริ่มจากจุดนี้ ตอนนั้นเขาอายุ 18 ปี
ศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ปี 2
ซึ่งแน่นอนว่าครอบครัวของเขา
ซึ่งประกอบอาชีพนักธุรกิจจะต้องทัดทานอย่างแน่นอน
กับอาชีพคอนดักเตอร์หรือวาทยากร ซึ่งคนไทยไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย

"ผมจึงต้องโน้มน้าวคุณพ่อคุณแม่ด้วยวิธีสารพัดเพื่อให้ท่ายยอม
โดยการขอไปเรียนต่อที่ประเทศออสเตรเลีย
เมื่อที่บ้านมีธุรกิจส่วนตัวเราจึงเลือกเรียนสาขาบริหารธุรกิจ
ส่วนอีกด้านก็คือ สาขาดนตรี"


บัณฑิตบอกว่าเป็นหนึ่งช่วงชีวิตที่เหนื่อยและหนักหน่วงมากๆ
จากชีวิตที่เป็นคนสบายๆ ไม่ค่อยจะมีระเบียบแบบแผนอะไรมากมายนัก
ต้องเปลี่ยนตัวเองให้มีระเบียบวินัยสูง
จัดตารางชีวิตของตัวเองให้ได้
แล้วจิตใจยังต้องขวนขวายอย่างสูงด้วย
คาถาที่ใช้ได้เสมอ เขาบอกว่า ก็คือ
"ต้องทำงานให้มากกว่าคนอื่น"
แล้วความมุ่งมั่นของเขาก็ได้พิสูจน์
ด้วยการคว้าปริญญาตรีมาได้พร้อมกันทั้ง 2 ใบ
จากมหาวิทยาลัยวอลลองกอง (Wollongong) ประเทศออสเตรเลีย
จากนั้นได้ไปศึกษาต่อระดับปริญญาโทสาขาวาทยากร
จากมหาวิทยาลัยแห่งมิชิแกน สหรัฐอเมริกา

จากนั้นการตระเวณเก็บสะสมรางวัลจึงเริ่มต้นขึ้น
ในเดือน ก.ย. 2542 บัณฑิตชนะการแข่งขัน"วาทยากรรุ่นเยาว์ระดับนานาชาติ"
ซึ่งจัดประจำทุกปี ณ กรุงลิสบอน ประเทศโปรตุเกส
ต่อมาในปี 2545 เขาได้อันดับสี่จากผู้เข้าแข่งขัน 37 คน
จาก 20 ประเทศ ในการแข่งขัน
The Hungarian TV-Radio International Conducter Competition
ณ กรุงบูดาเปสต์ และชัยชนะจากการแข่งขัน Maazel-vilar เมื่อปีที่ผ่านมา
เป็นการยืนยันได้ว่า เขาคือวาทยากรหนุ่มที่ฝีมือยอดเยี่ยมระดับในโลกดังกล่าว

"ในยุโรปมึเวทีการแข่งขันวาทยากรที่ไหน
เวทีนั้นจะต้องมีชื่อผม แน่นอนครับว่าเราเป็นคนไทยเพียงคนเดียว
แต่ผมรู้ว่าตัวเองต้องทำได้ เชื่อมั่นว่าต้องได้รางวัล
การเล่นดนตรีเป็นอาชีพที่เครียดมากนะ เพราะจะต้องซ้อมทุกวัน
แล้ววาทยากรต้องนำนักดนตรีเป็นร้อยคน
พอเริ่มซ้อมเราก็จะได้ยินเสียงนาฬิกาเริ่มเดินดังติ๊กๆๆ แล้ว
เพราะนักดนตรีอาชีพแต่ละคนค่าตัวจะสูงมาก(บอกพร้อมเสียงหัวเราะ)
คนเป็นวาทยากรจึงมีหลายเรื่องให้คิด นอกจากจะต้องควบคุมวงแล้ว
ต้องจัดเวลาให้เป็น เมื่ออยู่หน้าเวทีจึงต้องใช้ทั้งพลังและสมาธิสูงมาก"

บัณฑิตบอกเล่า


ทางด้านอาชีพวาทยากร เขาได้ร่วมเป็นวาทยากรร่วมกับ
Charleston Symphony Ocrestra ในเดือน ก.ย. 2543
ตำแหน่งก่อนหน้านี้ได้แก่ วาทยากรร่วมกับ Utah Symphony
ตำแหน่งผู้อำนวยเพลงการเพลงและวาทยากรของ
Young Musician Foundation (YMF) Ocretraในนครลอสแองเจลิส
วาทยากรฝึกหัดที่ The Oregon Symphony
ภายใต้การควบคุมวงของ James DePriest
และวาทยากรผู้ช่วยที่ Santa Rosa Symphony
บัณฑิตถือว่าเป็นแรงบันดาลใจคือกลุ่มบรรดาครูผู้ฝึกสอน
ซึ่งได้แก่ศิลปินในระดับโลก เช่น Jorma Paluna และ Maestro Lorin Maazel
และเขาได้รับปริญญาโทสาขาวิชาวาทยากรจาก University of Michigan
ภายใต้การฝึกสอนของ Gustav Meier และ Kenneth Kiesler

ในส่วนของศิลปินระดับโลกที่บัณฑิตเคยร่วมงาน อาทิ
The LaBeque Sister, Paula Robinson, Christopher Parkening, Bernstein
รวมถึงเป็นหนึ่งในสมาชิกของ Los Angeles Philharmonic Ocretra

ประสบการณ์มาพร้อมกับรายได้ที่งดงาม บัณฑิตพูดถึงเรื่องนี้ให้ฟังว่า
สำหรับวาทยากรไทยรุ่นต่อไปที่อยากจะก้าวขึ้น สู่ระดับโลก เขาก็ขอฝากไว้ว่า

ถ้าใครคิดจะก้าวมาถึงจุดนี้ได้

ข้อแรก จะต้องมีพื้นฐานเป็นนักดนตรีที่ดี
มีพรสวรรค์เล่นดนตรีเก่ง แล้วจะต้องมี "หู"ที่ดี "มีรสนิยม" ที่ดี
จึงต้องผ่านประสบการณ์การฟังมามากพอสมควร
จนสามารถแยกแยะได้ว่า เพลงที่ฟังมีความไพเราะหรือไม่

ข้อสอง ศิลปะในการใช้ไม้นำคนเกือบร้อยคนนั้น
ลึกซึ้งมาก วาทยากรจึงจะต้องมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงทำให้คนเชื่อถือได้
เพียงถ้าวาทยากรไม่มีความเชื่อมั่นครั้งเดียว
เมื่อขึ้นไปยืนหน้าเวทีก็จะสูญเสียอำนาจการควบคุมวงไปเลย!!

การก้าวสู่อันดับโลกไม่ใช่เรื่องง่ายนัก
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไปสำหรับคนไทยตัวเล็กๆ ดั่งเช่น บัณฑิต อึ้งรังษี



Create Date : 08 กันยายน 2549
Last Update : 8 กันยายน 2549 12:11:06 น. 5 comments
Counter : 1629 Pageviews.

 
เพื่อนพ้องในวงการฟังเพลงคลาสสิกของผมก็พูดถึงหนังสือเล่มนี้กันอย่างหนาหูครับ

คุณบัณฑิต อึ้งรังษีเป็นคนหนุ่มที่ประสบความสำเร็จในด้านการเป็นวาทยากรคนหนึ่ง และพูดได้ว่าเป็นหนึ่งในคนไทยที่สามารถนำวงดนตรีระดับโลกในการบรรเลงเพลงคลาสสิกได้ด้วยความสามารถทีเดียว ปัจจุบันคิดว่าเดินทางอยู่ระหว่างไทยและต่างประเทศ ปีนี้เขามีรายการอำนวยเพลงในไทยอยู่สัก 1-2 รายการ (วงจากอิตาลี)

ผมยังไม่มีโอกาสได้อ่านเหมือนกันครับ หนังสือของเขา แต่คิดว่าคงสักวัน -- คอหนังสืออย่างเราๆ เดินเข้าร้านหนังสือกันบ่อยๆ ผมเองก็ไปทั้งร้านหนังสือ ทั้งห้องสมุด


โดย: ชายลังเล วันที่: 8 กันยายน 2549 เวลา:11:43:26 น.  

 
เมื่อคืนผมดูรายการเจาะใจ มีเรื่องที่ประทับใจในตัวเขาหลายเรื่อง เช่น
1. ตอนสอบปริญญาโท สอบ 300 คน เอา 2 คน
2. ภรรยาเขาเจ๋งมาก เขียนใบสมัครเพื่อเข้าแข่งให้สามี เพราะตอนนั้นคุณบัณฑิตเขาท้อเนื่องจากเรื่องการเมือง ไม่ยอมรับวาทยากรจากประเทศไทย แต่รายการที่เขาชนะ ไม่มีเรื่องการเมือง ภรรยาเลยเขียนใบสมัครให้เลย เซ็นชื่ออย่างเดียว
3. ความมุ่งมั่นและความขยันเขาสูงมาก ช่วงปริญญาตรี ทำงานหนัก เป็นช่วงเวลายาวนาน จนสำเร็จ
4. เขาเป็นคนหาดใหญ่ เหมือนผม (ผมจะดีใจเสมอที่มีคนบ้านเดียวกันเก่งๆ)
น่าจะเป็น Role Model ที่ดีครับ


โดย: คนขับช้า วันที่: 8 กันยายน 2549 เวลา:12:07:21 น.  

 
หน้าตาในหน้าปกหนังสือนี่ คุณบัณฑิต เอาจริงเอาจังมากๆ ไม่แน่ใจว่ากำลัง อำนวยเพลงอะไรอยู่ :-)

ตัวจริงเขาน่ารักดีครับ สุภาพ เนี๊ยบ (พูดได้ว่าค่อนข้าง ผมเคยเห็นเขาในงานแสดงดนตรีคลาสสิกเล็กๆ) ท่าทางออกเหมือนคุณ วินทร์ .. คือ การแสดงตัวตนที่สาธารณะ จะสุภาพ เรียบๆ ประสาคนเก่งจริงกระมัง

อืมม ปกติ ผมไม่พูดเรื่องเครียดๆนะ :-) แต่เอาซะหน่อย คือ สมัยแรกที่คุณบัณฑิตได้รับรางวัลระดับโลกเนี่ย ว่ากันว่าก่อนหน้านี้เขาเคยสมัครเข้า BSO วงดนตรีคลาสสิกของไทย แต่ไม่ได้รับความสนใจ แล้ววันหนึ่ง พอเขาเป็นระดับโลก ก็มีคนมาพูดกันว่า น่าเสียดายแทนวง BSO :-( ได้ยินเขาคุยกันหลังไมค์นะน่ะ ว่าผู้หลักผู้ใหญ่ไทย โดยมากโปรคนฝรั่งกัน อย่างวาทยากร เราต้อง import มาเท่านั้น ยิ่งได้เยอรมัน หรือฮังกาเรี่ยนยิ่งถือว่า นี่แหละ ของแท้

เอ้อ ที่จริง คนไทยเจ๋งๆก็มี แต่เราก็ทำเป็นมองข้ามกันไปซะงั้นแหละ จนกระทั่งวันหนึ่ง พอคนเก่งเหล่านั้นมีที่ทาง มีจุดยืนของตัวเอง เราจะดึงมาแสดงก็สายเกินไปซะแล้ว

เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นทุกยุคทุกสมัยนะผมว่า.. กี่คนต่อกี่คนแล้วก็ไม่รู้ ที่เกิดในเมืองไทยแท้ๆ สุดท้ายคนที่เห็นคุณค่ากลับเป็นคนตะวันตก :-)

แต่ตอนหลังนี่ดีขึ้นนะครับ อย่าง อ. ดนู ฮันตระกูล หรือ อ.สุกรี เจริญสุข แล้วก็ใครอีกหลายๆคน เริ่มได้รับการยอมรับมากขึ้น มีงานออกสู่สาธารณะมากขึ้น ... คนเหล่านี้ล่ะครับ ที่ผมว่าเขาพยายามจะสร้างสรรค์ศิลปะให้เขาสู่คนไทย แม้ว่าจะต้องฟันฝ่าอะไรต่อมิอะไรมากมาย

อีกคนก็ สมเถาว์ สุจริตกุล ครับ เป็นทั้งวาทยากร และนักประพันธ์เพลงคลาสสิก งานของเขา อย่าง มหาชนกซิมโฟนีนั้นได้รับการยอมรับว่ายอดเยี่ยม (ผมยังหูไม่ถึง ฮาๆ)


โดย: นอนเปล (ชายลังเล ) วันที่: 8 กันยายน 2549 เวลา:17:20:57 น.  

 
อ่านแล้วค่ะ เขาเขียนอ่านเข้าใจง่าย เขียนจากประสบการณ์จริง อ่านแล้วไฟในตัวลุกพรึ่บพรั่บเลยค่ะ!

ชอบคุณบัณฑิตเหมือนกันค่ะ รายการเจาะใจก็ได้ดู ทึ่งมากเลยค่ะ

สนพ. ยังจัดงานเปิดตัวหนังสือ พบกับ "บัณฑิต อึ้งรังษี"
ณ Lifestyle Gallery ชั้น 2
สยามพารากอน
วันอังคารที่ 19 กันยายน 2549
เวลา 13.00 - 15.00 น. (เราว่าจะไปด้วยล่ะ ^^)

ปล. จริงเปล่าคะ เรื่อง BSO =_= ฟังแล้วรู้สึกหดหู่ไงไม่รู้ค่ะ


โดย: ล ม ห า ย ใ จ ...อุ่ น อุ่ น วันที่: 16 กันยายน 2549 เวลา:13:02:00 น.  

 
สุโค่ยจริงๆ


โดย: Superguiman วันที่: 19 กรกฎาคม 2553 เวลา:10:47:32 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

คนขับช้า
Location :
สระบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




ย้ายมาเป็นคนสระบุรี ตั้งแต่ ๑ มกราคม ๒๕๖๖

เคยมาเป็นคนนครศรีธรรมราช ตั้งแต่ ๑ เมษายน ๒๕๕๘

เคยมาเป็นคนสระบุรี ตั้งแต่ ๑ มกราคม ๒๕๕๗

เคยเป็นคนกรุงเทพฯ ตั้งแต่ ๑ เมษายน ๒๕๕๒

ย้ายที่ทำงานในจังหวัดสระบุรี ตั้งแต่ ๑ มีนาคม ๒๕๔๖
เคยเป็นคนสระบุรี ตั้งแต่ ๑ มิถุนายน ๒๕๔๕

เคยเป็นคนนครศรีธรรมราช ตั้งแต่ ๑ สิงหาคม ๒๕๓๙

เคยเป็นคนระยอง ตั้งแต่ ๒๕๓๗
Friends' blogs
[Add คนขับช้า's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.