ฉลาด...ได้อีก!
ลองทำตามกันดูนะ

ผู้เขียน : ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ สำนักพิมพ์ : DMG จำนวนหน้า : 170 หน้า ราคา : 195 บาท ระดับตวามชอบ : 9/10
เล่มนี้ซื้อในงานสัปดาห์หนังสือ มีลายเซ็นต์ของอาจารย์ด้วย
อาจารย์เริ่มบทแรกด้วย ฉลาดได้อีก ถ้ารู้จักปัญญา 3 ฐาน คือ ฐานกาย ฐานใจ ฐานคิด
ฐานที่ต้องฝึกและใช้มากที่สุดคือ ฐานกาย ดังนั้นทุกสำนักจึงเริ่มด้วยฐานนี้ ไม่ว่าจะเป็นการดูลมหายใจ เคลื่อนไหวร่างกาย หรือเดินจงกรม เรื่องสำคัญของการฝึกฐานนี้คือ ต้องรู้ให้ได้ว่าตอนกายเราปกติเป็นอย่างไร หายใจประมาณไหน กล้ามเนื้ออยู่อย่างไร เพราะเมื่อเราเกิดการเปลี่ยนแปลงเมื่อเกิดการกระทบจากอายาตนะทั้งหก จะได้สังเกตกายที่เปลี่ยนแปลงได้ทัน เช่น การหายใจเปลี่ยนแปลงไหม กล้ามเนื้อส่วนไหนเปลี่ยนแปลงไปจากปกติบ้าง หากเรารู้ได้ แสดงว่าเราไม่ปกติ ดังนั้นอย่าคิดต่อ ให้กลับมาที่ฐานกาย มาตามรู้ตามดูถึงการเปลี่ยนแปลงทางกาย ตามไปเรื่อยๆ จนอาการทางกายกลับสู่ปกติ หายใจปกติ กล้ามเนื้อไม่เกร็ง ไม่กัดฟันหรือกำมือ เมื่อร่างกายปกติค่อยกลับมาดำเนินการเรื่องต่างๆ ต่อ
ดังนั้นอย่าขี้เกียจในการฝึกฐานกาย ทำซ้ำๆ ทำบ่อยๆ จนรู้ทันกาย หลวงปู่หลวงพ่อท่านฝึกฐานกายเยอะมาก เดินจงกรมจนทางเดินราบเรียบ นั่งสมาธิกันแบบถวายชีวิต เพื่อทำให้กายเป็นที่อยู่ของสติให้ได้ กายนี่แหละครับง่ายที่สุดแล้วในบรรดาสติปัฏฐานสี่ ส่วนเวทนา จิต ธรรม ค่อยว่ากัน
กิจกรรมที่ควรทำจึงควรเน้นการรับรู้ของร่างกาย เช่น ว่ายน้ำ ที่ต้องควบคุมลมหายใจทำให้ไม่คิดเรื่องอื่น, วาดรูป, เล่นดนตรี, รำไทย, เต้นบัลเล่ย์, โยคะ เป็นต้น กิจกรรมทางกายนี้ฝึกเด็ก 0-7 ปีครับ อาจารย์บอกว่าให้สังเกตที่ฟันแท้ซี่แรกขึ้น จะสอดคล้องกับศาสตร์การเลี้ยงลูกที่ให้เขาหมั่นหยิบจับของต่างๆ ไปหมด อย่าไปห้าม แต่หน้าที่ของพ่อแม่คือเอาของที่เป็นอันตรายไปให้พ้นมือเด็ก ที่เหลือเพื่อการเรียนรู้ และฝึกฐานกาย พ่อแม่ต้องเจียดเวลาให้ลูกๆ วัยนี้ได้ฝึกฐานกายนะครับ สำคัญมากจริงๆ
อีกกิจกรรมที่ขงจื๊อแนะนำคือยิงธนู เพราะต้องใช้สมาธิสูง และจะได้เห็นความคิดจร เช่น ต้องโดนเป้า เป็นต้น ยิงธนูแล้วยิงกิเลสไปด้วย
มีประเด็นหยุดคิด ที่อาจารย์ให้ลองหยุดคิดดูบ้าง แล้วจะรู้ว่าฉลาด...ได้อีก คิดถึงหนังเรื่อง The last samurai ฉากที่พระเอกฟันดาบสู้กับเขา สู้แทบตาย แพ้ตลอด เพราะคิดมาก มาชนะเมื่อหยุดคิดนี่แหละ
หนังที่อาจารย์ยกตัวอย่างในเล่มคือ The matrix สมิธคือกิเลสครับ กระสุนที่ยิงคือความคิดจร หากเรารู้เท่าทันจะเป็นนีโอ ที่หลบกระสุนความคิดได้หมด ใครดูเอามันลองดูแบบเชิงพุทธอีกทีนะครับ อีกเรื่องคือ Avatar อาจารย์จะชี้ประโยค I see you ที่คุ้นๆ เพิ่งนึกได้ว่าลึกซึ้งครับ คำนี้
สุนทรียสนทนา เป็นอุปกรณ์ที่จะใช้กับลูกในช่วงอายุ 14-20 อาจารย์บอกว่าช่วงนี้จะพัฒนาฐานคิด กิจกรรมแนะนำ เช่น ไปดูหนังดีๆ ด้วยกันกับลูก แล้วมาคุยกันว่าชอบตรงไหนบ้าง ฉากไหน เป็นต้น แล้วจะทำตามครับอาจารย์
ช่วง 7-14 ปี มีคำเดียวที่ต้องทำ คือ ฟัง อีกอย่างที่ต้องทำเสริมคือ ทำให้ดู อยากให้ลูกเป็นอย่างไรให้ทำอย่างนั้น อยากให้ลูกพูดเพราะ เราก็ต้องพูดเพราะๆ อาจจะฝืน แต่ต้องพยายามโดยเฉพาะต่อหน้าลูก มีประสบการณ์ของตัวเอง ครั้งหนึ่งเมื่อญาติชวนดื่มเบียร์ในร้านอาหาร ลูกๆ เห็น ถามกันใหญ่ พ่อทานด้วยเหรอ หลายครั้ง จนรู้สึกผิดเลย ตั้งใจว่าจะไม่ดื่มให้ลูกเห็นอีกแล้ว หากจะดื่มก็ไปดื่มที่อื่น สงกรานต์ปีนี้ก็พาลูกๆ วัยนี้ไปตระเวณสาดน้ำท้ายรถกระบะ น้ำเต็มถัง ลูกๆ หลานๆ สี่คน เข้าเมืองเจอน้ำเย็นของคนอื่น โดนประแป้ง แสบตา พี่อะตอมวัยหกขวบร้องไห้จ้า เลยได้โอกาสสอนว่ามันอันตราย ส่วนพี่แอมป์วัยเก้าขวบ โดนยิงด้วยปืนแรงดันสูงถากตาด้านขวา เลยสอนให้ระวัง โดยเฉพาะดวงตา ต้องป้องกันให้ดี สนุกและได้สอนลูกด้วยสำหรับสงกรานต์ปีนี้ ดีกว่าสอนด้วยปากเปล่าหรือเอาแต่ห้ามครับ
มีอีกหลายข้อที่จะทำให้ฉลาดได้อีก ถ้า...ห้อยแขวนคำพิพากษา, ฟังให้จบ ไม่ใช่สักแต่ว่าได้ยิน, มีครูบาอาจารย์, ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ, เคารพความแตกต่างของความคิดของผู้อื่น, รู้จักวางยุทธศาสตร์ชีวิต, ทำกายให้ผ่อนคลาย ทำจิตใจให้ผ่องใส
ศักยภาพของเรายังมีอีกมาก เพียงเชื่อ และหยุดคิดเสียบ้าง ก็จะฉลาดได้อีก
ถ้าฉลาดถึงที่สุด คือไม่มีตัวกู ของกู จิตว่าง ก็นิพพาน เลิกเกิดใหม่นั่นเอง นี่แหละฉลาดสุดๆ
ผมชอบคำว่า "เล็งไปที่ดวงจันทร์ หากพลาด เราก็ยังตกอยู่ในหมู่ดาว" ตั้งเป้านิพพานครับชาตินี้ หากไม่ถึงก็น่าจะพอมีเสบียงไว้เลี้ยงตัว
ขอให้ความฉลาดจงมีแก่ท่าน
มีความสุขทุกคนครับ
Create Date : 21 เมษายน 2553 |
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2554 4:17:56 น. |
|
3 comments
|
Counter : 2838 Pageviews. |
 |
|
|
ขอบคุณที่บอกต่อ
ต้องหามาอ่านให้ได้
เสียดายงานสัปดาห์หนังสือไม่ได้ไป
กัว พี่ๆค่ะ เค้าม๊อบกันอยู่