Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2553
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
19 มิถุนายน 2553
 
All Blogs
 
ปอกกล้วยในมหาสมุทร

ถามตอบกับนิ้วกลม



ผู้เขียน : นิ้วกลม
สำนักพิมพ์ : a book
จำนวนหน้า : 352 หน้า 
ราคา : 170 บาท 
ระดับความชอบ : 8/10

ได้หนังสือเล่มนี้จาก คุณรัชชี่ ที่ใจดีให้ยืมหนังสือมาร่วมสิบเล่ม

เป็นหนังสือรวมคำถามและคำตอบในเวบของนิ้วกลม //www.roundfinger.com
มีทั้งเรื่องการเรียน ความรัก ฟังเพลง ดูหนัง มีเรื่อง Once สุดรักของเราด้วย นิ้วกลมพูดประเด็นเรื่องความไม่สมบูรณ์ของตัวละครและทุกอย่างในเรื่อง แม้แต่เครื่องดูดฝุ่น ผมว่าแม้แต่การถ่ายภาพก็ไม่สมบูรณ์ เข้ากันได้ดีจริงๆ แนะนำครับหนังเรื่องนี้

ผมรู้จักนิ้วกลมจากหนุ่มเมืองจันท์ครับ เขาเขียนแนะนำเล่ม โตเกียวไม่มีขา ไว้ตอนพี่เชิด (ทรงศรี) และเขียนคู่กับหนังเรื่อง The Polar Express ตอนดูหนังจบผมจดไว้ว่า   
"หนังเรื่องนี้เริ่มรู้รายละเอียดจากบทความของ หนุ่มเมืองจันท์ ที่เขียนถึง คุณเชิด ทรงศรี ผู้ล่วงลับ โดยยกคำจากหนังสือ โตเกียวไม่มีขา ของนักเขียนนิ้วกลม ที่ยกคำจากหนังเรื่องนี้มา ซึ่งเป็นคำพูดช่วงท้ายของพนักงานขับรถไฟ หน้าตาเป็น ทอม แฮงค์ เลย แต่หัวโล้นแฮะเรื่องนี้"

หลังจากอ่านและเขียนถึงเล่มโตเกียวไม่มีขา ได้ถามนิ้วกลมที่ Webboard ในหัวข้อว่า
"สถาปัตย์ฯ เขาสอนอะไร ทำไมคิดสร้างสรรค์"

ผมเชื่ออีกอย่างหนึ่ง หลังจากอ่านหนังสือเล่มนี้ ซึ่งเป็นความเชื่อของผมมาตลอดคือ สถาปัตยกรรม เป็นคณะที่ให้ความคิดสร้างสรรค์ ผลงานกี่คนแล้ว ที่เราสัมผัส มาจากคณะนี้ ผลงานเหล่านั้นน่าชื่นชม
พาลคิดเล่นๆ จะให้ลูกเรียนคณะนี้ให้รู้แล้วรู้รอด ก็ได้แต่แกะว่าเขาสอนอะไรกันนะที่นี่ (บางคนบอกว่า วาดรูป และ อัพเกรดวิธีคิดขึ้นทุกปี) กิจกรรมอะไรนะที่แถมความคิดสร้างสรรค์มาให้ด้วย (เท่าที่รู้มีละครเวที) ทำอย่างไรลูกเราจะคิดถึงชีวิตในเชิงลึก คงต้องเริ่มที่ตัวเราก่อน

บอกหน่อยสิ จะเอามาสอนลูก

Re: สถาปัตย์ฯ เขาสอนอะไร ทำไมคิดสร้างสรรค์
« ตอบเมื่อ: มกราคม 05, 2009, 03:40:05 PM »
ตอนแรกผมพิมพ์ตอบคำถามของคุณคนขับช้าไปตั้งยาว แล้วก็ลบทิ้ง
เพราะคิดว่ามันยาวเกินไป เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าสถาปัตย์ไม่ได้สอนให้ย่อความ
ซึ่งจริงๆ แล้ววิธีคิดแบบ Less is more. ก็เป็นวิธีคิดของสถาปนิกเหมือนกัน
(แม้ว่ามันจะปรากฏตัวขึ้นครั้งแรกในบทกวีของโรเบิร์ต บราวนิ่ง
แต่คนที่ทำให้ชาวบ้านมองเห็นภาพของประโยคแปลกๆ นี้ก็คือ
สถาปนิกที่ชื่อ มีส ฟาน เดอ โรห์) เอ๊ะ ผมรู้สึกว่ามันจะเริ่มยาวอีกแล้วล่ะสิครับ

ผมสรุปสิ่งที่สถาปัตย์สอนสั้นๆ ได้สามอย่างครับ
(ซึ่งคิดว่าจริงๆ แล้วมีเป็นร้อยๆ เลยทีเดียว)

หนึ่ง: สอนให้ฝัน
ผมยังจำข้อสอบข้อหนึ่งสมัยที่ผมสอบเข้าคณะสถาปัตย์ได้
เขาให้เนื้อเพลง 'เรือนแพ' มา แล้วให้นักเรียนอ่านเนื้อเพลงทั้งหมด
แล้ว 'วาดภาพ' ในเพลงที่เห็น เป็นการทดสอบจินตนาการ
หลังจากสอบเข้าไปได้เรียนในคณะนี้เราก็ยังต้องใช้จินตนาการอยู่ตลอดเวลา
ทุกครั้งเราต้องเริ่มต้นจากกระดาษเปล่า จากความไม่มีอะไรเสมอ
แล้วทุกคนก็ต้องสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ขึ้นมาจากความว่างเปล่า
และสิ่งต่างๆ นั้นก็ต้องเป็น 'แบบ' ใหม่ที่ไม่ได้ลอกเลียนใครที่ไหนมา
ซึ่งแน่นอนว่าเราต้องจินตนาการถึงสิ่งนั้นก่อนที่จะลงมือเขียน (วาด) มันลงไป
ในความว่างเปล่า ทุกโครงการจึงเริ่มต้นด้วยความว่างเปล่า
และจบลงด้วยความฝันที่เป็นตัวเป็นตนบนหน้ากระดาษ
ความสำคัญของความฝันทั้งหลายก็คือ มันไม่มีคำตอบที่ถูกเตรียมไว้รอตรวจ
เราจึงฝันไปได้มากมาย และยังได้เห็นความฝันจากจินตนาการของเพื่อนของเราด้วย
โจทย์เดียวกันจึงมีผลลัพธ์ออกมาได้แตกต่างหลากหลายถึงสองร้อยแบบ
(เท่าจำนวนเพื่อนในชั้นปีเดียวกันสองร้อยคน) ไม่เพียงนักเรียนสถาปัตย์ที่สนุก
ผมว่าอาจารย์คณะนี้ก็น่าสนุกตอนตรวจแบบ เพราะคำตอบนั้นไม่เคยซ้ำกันเลย
'เรือนแพ' ที่ถูกฝันขึ้นจากเพลงเดียวกันจึงมี 'เรือนแพ' ในฝันนับพันๆ เรือน

สอง: สอนให้คิด
สถาปัตย์สอนให้ออกแบบ และหนึ่งมุมของการออกแบบคือการแก้ปัญหา
สถาปัตย์ไม่ได้สอนให้สื่ออารมณ์ข้างในของผู้ออกแบบออกมาเหมือนศิลปิน
ถ้ากำลังโกรธ เราคงไม่สามารถตวัดเส้นฉวัดเฉวียนรุนแรงให้เป็นรูปตึกได้
เพราะมันมีสิ่งที่ต้องคิดคำนึงถึงมากมายในการลากเส้นแต่ละเส้น
การออกแบบเป็นการคิดถึงผู้ใช้งานมากกว่าตัวเอง นักออกแบบที่ดีคือคนที่
สามารถผสมการใช้งานที่ดีเข้ากับสไตล์หรือลายเซ็นหรือความเป็นตัวเอง
หากทั้งสองสิ่งสมดุล ผลลัพธ์น่าจะเป็นอาคาร, ผลิตภัณฑ์ หรือผลงานที่ลงตัว

การสอนให้คิดนั้นเป็นการกระตุ้นให้คิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เสมอ
เพราะทุกวันย่อมมีปัญหาใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมาให้ออกแบบ
นักออกแบบที่ดีจึงเป็นนักสังเกตที่ดีด้วย ต้องสังเกตเพื่อที่จะมองหาข้อดีข้อเสีย
มาใช้ในการออกแบบของตัวเอง ซึ่งการสังเกตก็คือการมองผู้ใช้งาน
ลองดูว่าเขามีปัญหาอะไรไหม เขาสุขใจกับอะไรบ้าง

แถมการถูกบังคับให้คิดแทบทุกวันนั้นก็ยังทำให้นักเรียนสถาปัตย์
สนใจความคิดของคนอื่น ต้องไปตามหาความคิดคนอื่นมาอ่าน
เพื่อนำมาบันดาลใจตัวเองในการสร้างงานออกแบบ เพราะก่อนที่จะคิด
เราก็ต้องมี 'แนวความคิด' หรือ Concept ก่อน 
ก่อนที่จะสร้างแนวความคิดของตัวเองได้ เราก็ต้องศึกษาแนวความคิดหลายๆ แบบ
ซึ่งจะว่าไปแล้ว แนวความคิดที่ใช้ในการออกแบบนั้นก็ไม่ต่างจากปรัชญา
หรือแนวความคิดต่างๆ ในสังคมซึ่งเกิดขึ้นในสภาพแวดล้อมและช่วงเวลานั้นๆ
ซึ่งความคิดคนเราก็เปลี่ยนไปตามยุคสมัย เมื่อได้รับแนวความคิดที่หลากหลาย
ก็ยิ่งทำให้คิดได้กว้างและสนุกขึ้น

สาม: สอนให้ทำ
สถาปัตย์บังคับให้ลงมือทำ เมื่อฝันเสร็จ เมื่อคิดแล้ว หากไม่ลงมือทำก็ไม่รู้ผลลัพธ์
ไม่มีอะไรจับต้องได้ นักเรียนสถาปัตย์จึงต้องลงมือเขียนแบบ ประกอบโมเดล
หรือสร้างตัวงานขึ้นในคอมพิวเตอร์เพื่อให้เห็นภาพว่าหน้าตาจริงๆ เมื่อใช้งานจริงๆ
จะเป็นอย่างไร มีปัญหาตรงส่วนไหนที่ต้องแก้ไขอีกหรือเปล่า ซึ่งขั้นตอนนี้นั้น
ไม่ใช่การลงมือทำเพียงครั้งเดียว การเขียนแบบต้องมีการแก้ไขแบบ ปรับปรุง พัฒนา
จนกว่าแบบจะมีช่วงโหว่น้อยที่สุด ขั้นตอนตรงนี้ยังฝึกให้เป็นคนรับฟังความคิดเห็น
ของคนอื่น เป็นคนรอบคอบ ละเอียดอ่อน และอาจจะคิดเยอะ คิดเล็กคิดน้อย (ฮ่าฮ่า)
แถมยังทำให้กลายร่างเป็นคนที่มีความอดทน สามารถแก้ไขแบบเดิมๆ ได้หลายเดือน

สุดท้าย ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ดีหรือไม่ก็ตาม แต่อย่างน้อยเรามั่นใจได้ว่า
สิ่งที่เราเคยฝันเอาไว้มันจะกลายเป็นความจริง และด้วยความที่ต้องตระหนักถึงข้อนี้
ทำให้ทุกขั้นตอนในการออกแบบ เราจะต้องตั้งใจให้ดีที่สุด เพราะเราไม่ได้กำลังฝัน
ไม่ได้กำลังสร้างสรรค์บางอย่างขึ้นในหัว ลอยๆ ล่องหนอยู่ในอากาศ แต่สุดท้ายแล้ว
ตึกหลังนี้จะมีคนเข้าไปใช้ บ้านหลังนี้จะมีคนเข้าไปอยู่ เก้าอี้ตัวนี้จะมีคนมานั่ง
โปสเตอร์แผ่นนี้จะถูกนำไปติดไว้ที่ข้างกำแพงในเมือง เราจึงต้องตั้งใจทำฝันให้สวย
เพื่อที่จะได้สร้างโลกแห่งความจริงที่สวยงามขึ้นมา

สถาปัตย์ไม่ได้สอนให้ออกแบบโลก แต่สอนให้ออกแบบสิ่งต่างๆ ที่ประกอบกันขึ้นมา
เป็นสังคม เป็นโลกที่เราอาศัยอยู่ ถ้าแต่ละหน่วยย่อยๆ ที่เราออกแบบสวยงาม
และใช้การได้ดี โลกใบนี้ก็น่าจะสวยงามและมีความสุขมากขึ้น

หากให้ตอบสั้นๆ แบบ Less is more. อาจจะพอตอบได้ว่า
"สถาปัตย์สอนให้ฝันถึงโลกใบนั้น แล้วลงมือสร้างมันให้เป็นจริงครับ" 

อยากอ่านคำตอบแนวนี้ เอาเล่มนี้มาอ่านเสียนะ

แนวเดียวกับคอลัมน์คุยกับประภาส 
ว่าแต่พี่จิกจะกลับมาเขียนอีกไหมนะ คิดถึงครับ



Create Date : 19 มิถุนายน 2553
Last Update : 6 ธันวาคม 2553 21:17:39 น. 8 comments
Counter : 2907 Pageviews.

 
เป็นหนังสือที่ให้กำลังใจดีนะครับ ชอบอ่านหนังสือยู่แร้ว
ของคุณนะครับที่เข้ามาเยี่ยมชม แวะวมานั่งอ่านหนังสือ จิบกาแฟได้ครับ


โดย: Coffee By Heart (taokaeyai10 ) วันที่: 20 มิถุนายน 2553 เวลา:17:31:35 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับพี่

ผมก็จบสถาปัตย์ครับ
ก็เห็นด้วยกับทั้งสามคำตอบครับ
แต่เพิ่มเติมว่า
สถาปัตย์สอนให้เราคิดแบบ "สนุกสนาน" ครับ

ทำอะไรก็ตาม ถ้ามีความสนุก
มันมักจะสุขใจครับ

ปล. อยากอ่านหนังสือเล่มใหม่ของพี่ประภาสเช่นกันครับ
แต่คิดว่าถ้ามีก็น่าจะเป็นรวมเล่มจากงานเขียนใน a day มากกว่าครับ









โดย: กะว่าก๋า วันที่: 21 มิถุนายน 2553 เวลา:6:58:35 น.  

 
เวลาอ่านหนังสือของ "นิ้วกลม" และ"ประภาส" มักจะได้ไอเดียอะไรดี ๆ เสมอเลยค่ะ

ว่าแล้วก็อยากอ่านหนังสือของ"ประภาส"เล่มใหม่เหมือนกัน


โดย: รัชชี่ (รัชชี่ ) วันที่: 21 มิถุนายน 2553 เวลา:18:51:40 น.  

 

น้องเอยอายุเท่าไหร่แล้วคะ

ตาริว 1 ขวบกับ 2 เดือน

กำลังซนน้อยๆ

ประมาณว่าแม่ต้องไล่กวดไล่จับเลยล่ะค่ะ


โดย: sunny-low วันที่: 22 มิถุนายน 2553 เวลา:13:49:17 น.  

 
เป็นหนังสือที่ได้รับการกล่าวขวัญมากที่สุดเล่มหนึ่งเชียวแหล่ะค่ะ


โดย: ดา ดา วันที่: 23 มิถุนายน 2553 เวลา:10:53:03 น.  

 
น้องเอย น่ารักน่ากอดจัง

ดูเป็นเด็กน้อยอารมณ์ดี๊...ดี นะคะ



โดย: sunny-low วันที่: 23 มิถุนายน 2553 เวลา:12:34:39 น.  

 
Hi5 Comments,Codes,Graphics,Glitters,images,Scraps,Comentarios,Fondos
แวะมาทักทายยามบ่ายแก่ๆค่ะ


โดย: เกศสุริยง วันที่: 23 มิถุนายน 2553 เวลา:15:28:00 น.  

 
ดีคร่า ทักทายนะค่ะ


โดย: www.24hotcasino.com IP: 180.183.245.140 วันที่: 24 ธันวาคม 2553 เวลา:13:50:04 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คนขับช้า
Location :
สระบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




ย้ายมาเป็นคนสระบุรี ตั้งแต่ ๑ มกราคม ๒๕๖๖

เคยมาเป็นคนนครศรีธรรมราช ตั้งแต่ ๑ เมษายน ๒๕๕๘

เคยมาเป็นคนสระบุรี ตั้งแต่ ๑ มกราคม ๒๕๕๗

เคยเป็นคนกรุงเทพฯ ตั้งแต่ ๑ เมษายน ๒๕๕๒

ย้ายที่ทำงานในจังหวัดสระบุรี ตั้งแต่ ๑ มีนาคม ๒๕๔๖
เคยเป็นคนสระบุรี ตั้งแต่ ๑ มิถุนายน ๒๕๔๕

เคยเป็นคนนครศรีธรรมราช ตั้งแต่ ๑ สิงหาคม ๒๕๓๙

เคยเป็นคนระยอง ตั้งแต่ ๒๕๓๗
Friends' blogs
[Add คนขับช้า's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.