หนังสือดีๆ "รวยได้ไม่ต้องโกง"

เห็นในรายการผู้หญิง ผู้หญิง วันนี้ เลยค้นหารายละเอียดตามด้านล่าง คงไม่พลาดครับเล่มนี้ ช่วงหลังชื่อ ดนัย จันทร์เจ้าฉาย เข้าตามากขึ้นเรื่อยๆ เลยครับ

ที่มา : คอลัมน์ จอดป้ายประชาชื่น โดย เศรษฐ์ สันติ มติชนรายวัน วันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2549 ปีที่ 29 ฉบับที่ 10399

ได้รับหนังสือชื่อ "Winners never cheat" จากคุณดนัย จันทร์เจ้าฉาย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สำนักพิมพ์ดีเอ็มจี

ความน่าสนใจ นอกจากชื่อในภาคภาษาไทยที่แปลอย่างตรงตัวว่า "รวยได้ไม่ต้องโกง" ซึ่งทันยุคทันสมัยในยามที่สังคมไทย โหยหาความซื่อสัตย์สุจริตจากผู้นำทางการเมือง ข้าราชการระดับสูง และพ่อค้านักธุรกิจแล้ว

ยังอยู่ที่ตัวผู้เขียนจอน เอ็ม. ฮันต์สแมน ประธานบริษัท ฮันต์แมน เคมิคอล คอร์ปอเรชั่น ยักษ์ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีมีรายได้ปีละ 12,000 ล้านดอลลาร์ และเป็นบุคคลร่ำรวยในระดับต้นๆ ของสหรัฐอเมริกา แต่คนอเมริกันส่วนใหญ่ ไม่ค่อยได้ยินชื่อ เพราะเขามีบุคลิกเงียบๆ ยึดมั่นเชื่อในความซื่อสัตย์ในการทำธุรกิจทั้งต่อเอกชนด้วยกันและต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ

หลายคน (ทั้งนักวิชาการ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เจ้าหน้าที่รัฐของไทย) เมื่อเอ่ยถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกโดยเฉพาะในวอล สตรีทแล้ว มักแสดงความชื่นชมว่า บริษัทเหล่านั้นมีธรรมาภิบาลในการทำธุรกิจ แต่สำหรับฮันต์สแมนแล้วเขาเห็นว่า

"มีหลากหลายอาชีพที่เราสามารถดูตัวอย่างค่านิยมที่ไม่ดีได้ แต่ไม่มีที่ไหนที่เห็นได้ชัดเจนมากกว่าไปกว่าที่วอล สตรีท ที่ซึ่งกฎที่ใช้ปกครองก็คือ ยิ่งหลอกคนอื่นได้มากแค่ไหน ก็ยิ่งหาเงินได้มากเท่านั้น ไม่มีใครยกเว้น...ผมใช้เวลาเกือบ 40 ปีเจรจาธุรกิจที่วอล สตรีทและได้เจอเจอะคนที่ซื่อสัตย์จริงๆ เพียงไม่กี่คนเท่านั้น คนที่เชื่อใจได้และมีเกียรติหาได้ยาก..."

ฮันต์สแมนยังปฏิเสธการจ่ายสินบนเพราะเขาเห็นว่า ทำให้ได้เปรียบชั่วประเดี๋ยว แต่ทำให้ต้นทุนสูง ขณะที่ธุรกิจมีราคาต่ำลง

ที่สำคัญทำให้คนคอร์รัปชั่นไม่กี่คนร่ำรวย

มีประสบการณ์หนึ่งที่น่าสนใจในประเทศไทย

ในทศวรรษ 1980 (ตั้งแต่ พ.ศ.2523-2533 เป็นช่วงของรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ และ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ-ผู้เขียน) บริษัท ฮันต์สแมน เคมิคอล เข้ามาเปิดโรงงานที่ประเทศไทย โดยมีมิตซูบิชิเป็นพันธมิตรในโครงการร่วมทุนชื่อเอชเอ็มที มีเม็ดเงินลงทุน 30 ล้านดอลลาร์ ตอนที่เอชเอ็มทีจะสร้างโรงงานแห่งที่สอง ทำให้ผมต้องติดต่อเจรจา กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของไทย

"เย็นวันนั้น ผมไปที่บ้านของรัฐมนตรีเพื่อทานอาหารค่ำ เขาได้โชว์รถคาดิลแลคใหม่จำนวน 19 คันที่จอดอยู่ในโรงรถ เขาเรียกพวกมันว่าเป็น "ของขวัญ" จากบริษัทต่างชาติ ผมอธิบายว่า บริษัทฮันต์สแมนไม่เคยทำอะไรแบบนี้ นี่เป็นความจริงที่เขายิ้มรับทราบ

"ไม่กี่เดือนต่อมา ผมได้รับโทรศัพท์จากผู้บริหารของมิตซูบิชิที่โตเกียวซึ่งรับผิดชอบธุรกิจในประเทศไทย เขาบอกว่า เอชเอ็มอีต้องจ่ายสินบนให้เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลหลายคนเป็นประจำทุกปีเพื่อจะทำธุรกิจและส่วนที่ต้องจ่ายในปีนั้นคือ 250,000 ดอลลาร์

"ผมบอกไปว่า เราไม่เคยคิดที่จ่ายแม้แต่ห้าเซนต์ต่อสิ่งที่ไม่มีอะไรมากไปกว่าการกรรโชกทรัพย์ เขาบอกผมว่า บริษัททุกๆ บริษัทของไทยจ่าย "ค่าธรรมเนียม" นี้เพื่อรับประกันว่าจะได้ช่องทางเข้าสู่เขตอุตสาหกรรม..."

ในที่สุดฮันต์สแมนปฏิเสธที่จะจ่ายสินบนในส่วนดังกล่าวและขายหุ้นให้แก่มิตซูบิชิ แต่กลับเป็นโชคดีสำหรับเขา เพราะในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 ธุรกิจนี้ก็ถึงกาลอวสาน

ฮันต์สแมนยังมีมุมมองต่ออาชีพทนายความซึ่งสะท้อนให้เห็นจริยธรรมของนักกฎหมายอเมริกัน

แม้อาจเทียบเคียงได้กับ "เนติบริกร" แต่ก็น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

 

Create Date : 08 กันยายน 2549		3 comments
Last Update : 8 กันยายน 2549 11:13:46 น.
Counter : 1860 Pageviews.
Share Tweet