ไปไหว้พระที่....อัมพวา

7 เมษายน 2554 เราเดินทางไปอัมพวาอีกครั้ง โดยครั้งนี้ไปไม่ตรงกับวันหยุด ซึ่งปกติจะมีตลาดน้ำที่คลองอัมพวา และร้านค้าต่างๆตลอดจนนักท่องเที่ยวที่คึกคัก.... แต่ครั้งนี้เราไปเพราะอยากจะไปเยี่ยมอัมพวาในบรรยากาสที่เป็นอัมพวาจริงๆและพาคุณยายไปไหว้พระที่นั่นด้วย
การเดินทางส่วนใหญ่ของเราในคราวนี้จะเป็นการเดินทางทางรถยนต์เป็นหลัก นอกจากในช่วงค่ำที่เราเช่าเรือออกไปชมหิ่งห้อย ส่วนการเดินทางด้วยทางเรือ เราได้รีวิวไว้เมื่อตอนมาครั้งก่อน.... (อ่านเรื่องฝนพรำที่อัมพวาทั้ง 4 ตอนได้จากบล๊อก)
เราไปถึงอัมพวาเมื่อเวลาประมาณ 17.30 น.แล้ว แต่แดดเดือนเมษายนยังคงร้อนได้ที่ ขนาดที่ว่าเหยียบหินอ่อนรอบๆโบสถ์ยังร้อนอยู่เลย....วัดช่องลม เป็นวัดแรกที่เราผ่านจะเข้าตัวเมืองอัมพวา วัดช่องลมนี้ได้ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2373 เรื่องราวของหลวงพ่อบ่ายเป็นอีกเรื่องที่ทำให้ผู้คนจะรู้จักวัดนี้มากขึ้น... เราถือโอกาสแวะเข้าไปไหว้พระและทำบุญในโบสถ์ และรูปปั้นหลวงปู่ทวดด้านนอกที่ดูเหมือนจะสร้างใหม่ พร้อมกับรับน้ำมนต์จากหลวงพ่อในโบสถ์ด้วย ก่อนที่เราจะเดินทางต่อไปที่วัดบางกุ้ง

หลวงปู่ทวด..ที่วัดช่องลม

โบสถ์วัดช่องลม

เข้าไปไหว้พระด้านในโบสถ์

บันไดพญานาคขึ้นไปไหว้หลวงปู่ทวด
ออกจากวัดช่องลม เราทำเวลาต่อขับไปชมวัดและไหว้พระที่วัดบางกุ้ง อ.บางคนที ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่มีประวัติมากมาย....
วัดบางกุ้ง
เป็นค่ายทหารเรือไทยที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ยกกองทัพเรือมาตั้งค่ายที่ค่ายบางกุ้ง เรียกว่า "ค่ายบางกุ้ง" โดยสร้างกำแพงล้อมวัดบางกุ้งให้อยู่กลางค่าย เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ และเป็นที่เคารพบูชาของทหาร
ภายหลังเสียกรุงครั้งที่ 2 ค่ายบางกุ้งก็ร้างไปจนกระทั่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสิน มหาราชทรงสถาปนากรุงธนบุรี เป็นราชธานีจึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้ชาวจีนจาก ระยอง ชลบุรี ราชบุรี และกาญจนบุรีรวบ รวมผู้คนมาตั้งกองทหารรักษาค่าย จึงมีชื่อเรียกอีกหนึ่งว่า "ค่ายจีนบางกุ้ง"
ในปี พ.ศ. 2311 พระเจ้ากรุงอังวะทรงยกทัพผ่านกาญจนบุรีมาล้อมค่ายจีนบางกุ้ง สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงโปรดเกล้าฯ ให้พระมหามนตรี (บุญมา) เป็นแม่ทัพยกไปช่วยเหลือทหารจีนขับไล่กองทัพ พม่าทำให้ข้าศึกแตกพ่าย หลังจากนั้นค่ายบางกุ้งแห่งนี้ก็ถูกปล่อยให้รกร้างเกือบ 200 ปี จนมาถึง พ.ศ.2510 กระทรวงศึกษาธิการ จึงได้ตั้งเป็นค่ายลูกเสือขึ้น (ปัจจุบันได้ยกเลิกไปแล้ว) และได้สร้างศาลพระเจ้าตากสิน ไว้เป็นอนุสรณ์

อนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ที่วัดบางกุ้ง

รูปปั้นทหารที่อยู่ข้างอนุสาวรีย์พระเจ้าตาก

โบสถ์ปกโพธิ์วัดบางกุ้งหลังเก่า ที่ถูกต้นโพธิ์ขึ้นคลุม
โบสถ์ปรกโพธิ์
เป็นอุโบสถหลังเดิมที่สร้างตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี จะถูกปกคลุมด้วยรากไม้ใหญ่ทั้งโพธิ ไทร ไกร และกร่างมองจากภายนอกคิดว่าเป็นกลุ่มต้นไม้ใหญ่ มากกว่ามีโบสถ์อยู่ข้างใน รากไม้เหล่านี้ช่วยให้โบสถ์คงรูป อยู่ได้ ทั้งยังให้้ความขรึมขลังอีกด้วย ภายในมีพระพุทธรูปประดิษฐาน ชาวบ้านเรียกว่า หลวงพ่อโบสถ์น้อย (หลวงพ่อนิลมณี) และเรียกโบสถ์ว่า โบสถ์ปรกพธิ์ และมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง สมัยปลายกรุศรีอยุธยาเป็นเรื่องราว เกี่ยวกับพุทธประวัติ

หลวงพ่อนิลมณี ด้านในโบสถ์

รูปปั้นนักมวยที่ประกอบด้วยท่ามวยต่างๆ
ออกจากวัดบางกุ้ง เราขับย้อนกลับไปที่ อ. อัมพวา เพื่อหาที่พัก และได้ที่รสสุคนธ์โฮมสเตย์ ติดคลองอัมพวา โดยจอดรถไว้ที่วัดอัมพวัน ใกล้ๆที่จอดรถชุมชนอัมพวา.... บ้านพักเป็น 2 ชั้น โดยชั้นบนได้ทำเป็นห้องพักสำหรับนักท่องเที่ยว มีห้องน้ำราม เราสามารถเดินออกไปริมคลองอัมพวาได้ ซึ่งสะดวกมาก ถึงห้องไม่กว้างนัก แต่ก็สะอาดสะอ้านดี
หลังจากเก็บของที่ห้องพักแล้ว ก็ชวนลูกชายสุดเลิฟออกไปเดินที่ริมคลองอัมพวา เพื่อเก็บภาพบรรยากาศยามพลบค่ำ (ในวันที่ไม่มีผู้คนพลุกพล่าน...ร้านรวงส่วนมากปิด) ก่อนที่จะชวนกันไปทานมื้อเย็นในตลาดฝั่งตรงข้าม หลังจากนั้นก็เช่าเรือออกไปชมหิ่งห้อย.... ถึงแม้ไม่ใช่ปลายฝนต้นหนาว แต่วันนี้หิ่งห้อย ก็ยังออกมาให้เราชมมากมาย ก่อนที่จะกลับเข้าที่พักเก็บแรงไว้เดินทางไปไหว้พระต่อในวันรุ่งขึ้น...

ที่วัดอัมพวัน

ยามเย็นที่คลองอัมพวา 1

ยามเย็นที่คลองอัมพวา 2

ราตรีที่ตัวเมืองอัมพวา

เสื้อยืด...ของฝากจากอัมพวา

ขนม...ของฝากอีกอย่างจากอัมพวา

ป้ายร้านขายของที่ระลึก

รุ่งอรุณที่คลองอัมพวา 1
อัมพวาเช้าวันศุกร์ ยังคงเงียบเหงาเหมือนหลายวันที่ผ่านมา เพราะที่นี่จะคึกคักมากในวัหยุดสุดสัปดาห์....แต่ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าที่นี่ก็จะมีตลาดน้ำ คือเริ่มประมาณ 10.00 น. เช้าวันศุกร์ และคลองอัมพวาคงคึกคัก จอแจ ไปจนดึกวันอาทิตย์โน่นเลย
แสงแดดสีทองส่องผ่านหลังคาตึกไม้เก่าๆริมคลอง ที่สร้างคู่ขนานกันไปทั้งสองด้าน ดูสวยงามยิ่งนัก... พระสงฆ์ออกบิณฑบาตร ทั้งการเดินเท้า และพายเรือไปตามคลอง ซึ่งเป็นกิจวัตรของท่านที่สืบต่อกันมา เรามองซ้าย-ขวา ก็ไม่เห็นมีใครตามเราออกมา หรือว่าหลายๆคนกำลังเดินทางมาที่นี่ก้ไม่รู้...
เช้านี้เราเก็บของออกจากบ้านพักเตรียมการเดินทางไปไหว้พระต่อ ซึ่งเราอยากจะพาคุณยายไปอีก 2 วัดในเช้านี้คือ "วัดจุฬามณี" และ "วัดภุมรินทร์กุฎีทอง"..... ร่ำลาเจ้าของโฮมสเตย์รสสุคนธ์ด้วยกการทิ้งท้ายว่า เราคงมีโอกาสได้มาพักที่นี่อีกในไม่ช้า...

รุ่งอรุณที่คลองอัมพวา 2

ยามเช้าที่คลองอัมพวา

ป้ายนี้..ใครผ่านมาก็ถ่าย

สะพานไม้ข้ามคลอง

บนสะพานไม้

ยามเช้าที่ปากคลองอัมพวา...ที่เงียบสงบ
วัดจุฬามณี
ตั้งอยู่บนทางหลวงหมายเลข 325 (สมุทรสงคราม-บางแพ) กิโลเมตร 3435 ตำบลบางช้าง เป็นวัดโบราณริมฝั่งคลองอัมพวาต่อเนื่องกับคลองผีหลอก วัดนี้สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายรัชกาลสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง สันนิษฐานว่า ท้าวแก้วผลึก (น้อย) นายตลาดบางช้าง ต้นวงศ์ราชินิกุลบางช้างเป็นผู้สร้างขึ้น บริเวณหลังวัดเดิมเป็นนิวาสสถานของคุณนาค (สมเด็จพระอมรินทรามาตย์พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 1) และคุณบุญรอด (สมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 2)
ภายในวิหารทรงไทย ที่ประดิษฐาน "หลวงพ่อเนื่อง" อดีตเจ้าอาวาส ซึ่งได้มรณะภาพไปแล้ว แต่ร่างกายไม่เน่าเปื่อย....ภายในจะสวยงาม วิจิตรบรรจงมาก

หลวงพ่อเนื่องวัดจุฬามณี

กราบสังขารหลวงพ่อเนื่องบนศาลา

วิหารจตุรมุข..วัดจุฬามณี
วัดภุมรินทร์กุฎีทอง
ตั้งอยู่ริมแม่น้ำแม่กลอง ตรงปากคลองประชาชื่นฝั่งตะวันตก ตำบลสวนหลวง สิ่งที่น่าสนใจภายในวัดมีมากมาย ได้แก่ กุฎีทอง ทำด้วยไม้สัก ประวัติเล่าว่า เศรษฐีบิดาของคุณนาค (สมเด็จพระอมรินทรามาตย์พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 1) ให้สมภารวัดบางลี่ตรวจดูดวงชะตาคุณนาค สมภารทำนายว่าจะได้เป็นพระราชินี เศรษฐีบิดาคุณนาคจึงให้คำมั่นว่า ถ้าเป็นจริงจะสร้างกุฎีทองถวายให้วัด วัดบางลี่จึงได้ชื่อว่า วัดบางลี่กุฎีทอง ต่อมาวัดบางลี่ถูกน้ำเซาะที่ดินพังลง จึงรื้อกุฎีทองมาสร้างไว้ที่วัดภุมรินทร์ วัดนี้จึงได้ชื่อว่าวัดภุมรินทร์กุฎีทอง นอกจากนี้ ยังมี พิพิธภัณฑ์วัดภุมรินทร์และอุทยานการศึกษา เป็นสถานที่เก็บรวบรวมโบราณวัตถุล้ำค่าสมควรแก่การศึกษาและอนุรักษ์ ไว้ เช่น พระพุทธรูป หนังสือไทย โถลายคราม และเครื่องทองเหลือง พระพุทธรูปเก่าแก่อายุกว่า 300 ปี เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปิดทอง ปางมารวิชัยชื่อ พระพุทธรัตนมงคลหรือหลวงพ่อโต และ พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยประดิษฐาน

วัดภุมรินทร์กุฎีทอง
บริเวณใกล้วัดมีจุดลงเรือของศูนย์ท่องเที่ยวทางน้ำ จ.สมุทรสงคราม สามารถติดต่อล่องเรือตามโปรแกรมต่าง ๆ ได้แก่ ล่องเรือตามรอยเสด็จประพาสต้นรัชกาลที่ 5 ล่องเรือเที่ยวตลาดน้ำ ให้อาหารลิง ชมฟาร์มหอยแครง หรือพักโฮมสเตย์ ติดต่อ ประธาน อบต.สวนหลวง โทร. 0 3475 1023

กุฎีทอง

ท่าเทียบเรือวัดภุมรินทร์ฯ มองเห็นเมืองอัมพวาอยู่ไกลๆ

คลองหน้าวัด และสะพานไม้ข้ามคลองเดิม

รอยพระบาทอายุกว่า 200 ปี

สะพานไม้หน้าวัดภุมรินทร์ฯ
สายๆของวันที่ 8 เมษายน 2554 หลังจากเราได้ไหว้พระทำบุญที่วัดภุมรินทร์ฯแล้ว เราก็ขับออกจากอัมพวาในขณะที่รถกำลังแล่นไป...ความคิดหลายอย่างได้พาเราย้อนกลับไปในอดีต รำลึกถึงความเป็นมาของที่นี่ ที่ครั้งหนึ่งเคยเรียกว่า"บางช้าง" คิดถึงเรื่องราววีรกรรมของผู้คนตลอดจนความมั่งคั่งของเมืองเล็กๆแห่งนี้ ที่มีตำนานเขียนเอาไว้มากมาย....
อัมพวาและแม่กลองยามนี้คึกคักไปด้วยอุตสาหกรรมสมัยใหม่เกิดขึ้นอย่างมากมาย การเข้าถึงและไปมาหาสู่เมืองนี้ ไม่ต้องใช้เรือเหมือนในอดีต..ทั้งรถยนต์ รถไฟ ก็สามารถเข้าถึงเมืองนี้ได้อย่างสะดวก.... แม่กลอง และอัมพวาเดี๋ยวนี้เหมือนเป็นเนื้อเมืองเดียวกัน จังหวัดเล็กๆริมทะเลอ่าวไทยแห่งนี้มีอะไรหลายๆอย่างให้เราได้มาเที่ยวชม วันใดที่คุณๆเหงาๆคิดถึงวันวาน อัมพวาแห่งนี้จะทำให้ท่านหวลระลึกถึงสิ่งเหล่านั้นได้อย่างรวดเร็ว จากบรรยากาศ สภาพแวดล้อม ตลอดจนชีวิตประจำวันของผู้คนที่นี่....
รถเราเลี้วยออกจากเมืองแม่กลองเข้าถนนพระรามที่ 2 มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ เพลง "ลาสาวแม่กลอง" จากซีดีที่ร้องในเวอร์ชั่นใหม่ ได้กระชากใจเราให้หวลคิดถึงเมืองสงบๆและเป็นมิตรแห่งนี้ และหวังว่าเราคงจะได้มาเยี่ยมเธออีกในเร็ววัน.

ลิ้นจี่ที่ถนนพระราม 2

ลาอัมพวาด้วยภาพถนนผ่านสวน ไปวัดบางกุ้ง ภาพนี้ครับ
อ่านเรื่องราวของอัมพวาเรื่อง "ฝนพรำที่อัมพวา" ทั้ง 4 ตอนได้จากบล๊อก (คลิ๊กที่นี่ )
_____________END____________
|
|
Create Date : 30 พฤษภาคม 2554 |
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2561 14:31:41 น. |
|
33 comments
|
Counter : 19761 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: เจ้าช่อมาลี (PP_Skywalker ) วันที่: 30 พฤษภาคม 2554 เวลา:5:34:11 น. |
|
|
|
โดย: panwat วันที่: 30 พฤษภาคม 2554 เวลา:7:20:26 น. |
|
|
|
โดย: kwan_3023 วันที่: 30 พฤษภาคม 2554 เวลา:7:28:47 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 30 พฤษภาคม 2554 เวลา:8:49:53 น. |
|
|
|
โดย: ASDK_MK วันที่: 30 พฤษภาคม 2554 เวลา:11:01:02 น. |
|
|
|
โดย: kittiya IP: 76.114.46.252 วันที่: 30 พฤษภาคม 2554 เวลา:11:25:17 น. |
|
|
|
โดย: NET-MANIA วันที่: 30 พฤษภาคม 2554 เวลา:12:45:11 น. |
|
|
|
โดย: mamamodern วันที่: 30 พฤษภาคม 2554 เวลา:18:17:47 น. |
|
|
|
โดย: Nongpurch วันที่: 30 พฤษภาคม 2554 เวลา:19:33:35 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 31 พฤษภาคม 2554 เวลา:6:55:17 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 31 พฤษภาคม 2554 เวลา:9:49:45 น. |
|
|
|
โดย: chenyuye วันที่: 1 มิถุนายน 2554 เวลา:14:52:19 น. |
|
|
|
โดย: travelplace (loveyoupantip ) วันที่: 1 มิถุนายน 2554 เวลา:17:50:15 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 2 มิถุนายน 2554 เวลา:6:42:20 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 3 มิถุนายน 2554 เวลา:7:30:50 น. |
|
|
|
โดย: มิลเม วันที่: 3 มิถุนายน 2554 เวลา:11:31:25 น. |
|
|
|
โดย: register (nrokas_1 ) วันที่: 25 กันยายน 2554 เวลา:14:09:40 น. |
|
|
|
โดย: เบญ IP: 1.10.199.186 วันที่: 28 มีนาคม 2558 เวลา:9:23:01 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [?]

|
...... ชอบเดินทาง ชอบท่องเที่ยว และชอบถ่ายภาพ แม้ฝีมือจะไม่ให้ แต่ใจก็รัก เพราะได้ทำแล้วมีความสุข แถมยังมี bloggang ได้ให้โอกาสนำสิ่งเหล่านั้นมาแสดงด้วย ยิ่งทำให้หัวใจพองโต .......
อยากจะบอกว่า
@ ดีใจที่ได้แบ่งปันความสุขเล็กๆน้อยๆ กับเพื่อนๆในบล็อกแก๊ง ตลอดจนคุณๆที่ผ่านเข้ามาอ่าน.... แม้ภาพถ่ายจะไม่สวยนัก แต่กว่าจะได้มาก็แสนยากลำบาก จึงขอสงวนสิทธิไว้เป็นการส่วนตัว
@ ภาพทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบล๊อก ถ้ามีความประสงค์จะใช้ภาพเพื่อการใด กรุณาติดต่อเจ้าของบล็อกด้วย เพราะจะได้พิจารณาเป็นเรื่องๆไปครับ.
@ ขอบคุณเพื่อนๆสมาชิกที่คอยให้กำลังใจกันเสมอมา และขอบคุณทุกท่านที่ผ่านเข้ามาอ่าน หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าท่านคงแวะเข้ามาอีก...
ด้วยจริงใจ นาย wicsir.
|
|
|
|
|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
| |
|
|
กำลังวางแผนจะไปอัมพวาพอดี เข้ามาดูสถานที่ไปพลางๆคะ