Blog No. 1276 ค้างในป่าแม่วินตอน 9 |
 |
ไง นพ นอนในป่าแล้วไม่มีถุงนอน |
ไหวพี่ไวน์ ผมว่าอากาศเย็นดีกว่าร้อน เมื่อคืนกลัวเย็นเลยใส่ถุงเท้าได้ผ้าขาวม้าครูฉัตรห่มสบายวันหลังจากระวัง |
กับอ้ายเป็งสบาย 555 ไม่เสียวปลายเท้าเมื่อคืนในตูบ |
กล้วอะไรเหรอนพ |
ครูคิดดู เรานอนในป่าปลายเท้าโผล่ เกิดหมี เสือค่อยย่องมาดึงอะไรจะเกิดขึ้นแถมตูบสูงขยับตัวทีก็โยกเยก 555 |
คุณนพ ไม่ต้องกลัวหรอก อ้ายเป็งอยู่ในป่านี่มา 3 ปีไม่เคยเจอเสียมีแต่ไก่ป่า ฟาน หมูป่าพอมีบ้านคงถูกจับกินเกือบหมด |
อ้ายเป็ง เขาว่าหน้าแล้ง ไม้ไผ่ถูกลมพัด มันสีกันแล้วเกิดไฟได้เปล่า |
ยังไม่เคยเจอครับคุณโต เป็นไปได้ยาก จะมีพวกเดินป่าจุดไฟ จะเดินทางต่อก็ไม่ดับไฟในกองให้หมดขี้เถ้าปิดไว้ |
เจอลมพัดขี้เถ้าก็เริ่มลุก ทีนี้มันก็ลามลุกนะคุณโต |
แล้วพวกชาวไร่ จุดไฟเผาป่าจะขยายพื้นที่ปลูกพืชก็มีไม่ใช่เหรอ |
ยังมีบ้าง แต่น้อยลงทางการออกตรวจบ่อยมั้ง อีกอย่างผมเดาเอานะ บนดอยใม่มีถนนนายทุนเลยไม่จ้างคนเผาป่าเอาที่ |
ว่าแต่คำเป็ง ปลูกพริก แบกปุ๋ยขึ้นมาไง ลูกหนึ่งหนักนา |
อ๋อ ตอนมาอยู่ใหม่ไม่ต้องใส่ปุ๋ย ดินดีนะครับครู พออยู่นานเข้าผมเดินไปข้างบนไปทาง อ.แม่แจ่ม เจอถ่ำมีค้างคาวเลยปีนไป |
เอาขี้ค้างคาวมา มันเค็มมากใส่นิดเดียวพริกก็งามอีกอย่างขี้มันเบาสะดวกหน่อย |
แล้วมีเยอะหรือเปล่า |
|
555 ไม่เยอะ ถ้าผมใช้คนเดียวคงหลายปี แต่ดูแล้วมีคนอื่นเขาไปขนด้วยคือมีขี้ใต้เก่าให้เห็นด้วย |
เรานั่งคุยกันมืด ๆ ยามอรุณจะรุ่ง ไม่นานแสงอาทิตย์ค่อย ๆ ส่องเงามืดของแอ่งดอยจางหายต้นไม้ใหญ่ปรากฏเขียวสดใส |
เสียงน้ำในลำห้วยยังคง ส่งเสียงดังเป็นระยะไม่ขาดสาย |
|
ครู...ผมว่าพวกเรา ทำอาหาร กินกัน แล้วค่อยออกเดินทางจะได้มีแรง ตอนบ่ายค่อยหยูดพัก คงเดินเท้าลงไม่เกิน 6 ชม |
ได้เลย คำเป็ง จะให้พวกผมแบกพริกแห้งไปส่งด้วยก็ได้นะ |
|
555 ไม่ต้องหรอกครู วันนี้เดินตัวเปล่ากันดีกว่าเดี๋ยวจะไปหาผักมาทำกับข้าว ผมแช่ข้าวเหนียวไว้ คุณนพช่วยนึ่งให้ผมหน่อยนะ |
ผมไปด้วย คำเป็ง มีผักหวานเปล่า |
มีแต่อยู่ไกล เดินไปอีกดอย เราเก็บผักที่ ปลูกไว้ดีกว่า อร่อยนะคุณไวน์ |
ผักพวกนี้ คนที่มาทำไร่ทิ้งไว้คงนำมาปลูกไว้ ผมเอาต้นผักเซียงดา ต้นหอมผักชีใบยาวกับกิ่งผักหละ(ชะอม) มาชำเมื่อ 2 ปีก่อน |
โน้น นั่นไงต้นผักเซียงดา คุณไวน์กินเป็นเปล่า |
|
เป็นซิคำเป็ง ผมคนเจียงใหม่นี่นา 555 มันขม |
ใช่ ขมผมเลยเอาพันธ์ข้างล่างปลูกบนดอย ขมน้อยกว่าพันธ์ป่างั้นเก็บผักเซียงดาไปแกงใส่เนื้อย่างก็ได้ |
เอ ผมว่า แกงใส่ปลาย่างดีกว่า พอดีครูฉัตรเอาติดตัวมาด้วย |
ดีเหมือนกัน งั้นเรา ย่างอุ่นเนื้อย่างห่อไปกิน กลางวันก็ได้ |
|
ที่ครัวของอ้ายคำเป็ง ก็ในตูบที่เป็นดินอัดแน่นเรียบ ครูฉัตรเอาพริกแห้ง 5 เม็ดแช่น้ำพอนิ่มใส่ครกพร้อมหอมกระเทียมเกลือ |
ตำไม่นานก็แหลก |
ใส่ถั่วเน่าแผ่นปิ้งหรือ ใส่กะปิดี |
กะปิหมด ผมไม่ค่อยเอามา ผมปิ้งถั่วเน่าแผ่นใส่ดีกว่า |
ถั่วเน่าแผ่นอ้ายเป็ง ปิ้งเหลืองหอม กรอบใส่ในครก 2 แผ่นถูกครูฉัตรโขลกไม่กี่ทีส่งกลิ่นหอมฟุ้ง |
อ้ายเป็ง ตั้งหม้อมิเนียม เทน้ำใส่หนึ่งกระบวย ไม่นานน้ำเริ่มเดือดตักน้ำพริกใส่ตักน้ำเดือดใส่ครกคนไปมายกเทใส่หม้อแกง |
แล้วปิดฝา เสียงน้ำเดือดขลุก ๆ ไอร้อนลอดออกมา พร้อมกลิ่นหอมของน้ำพริก |
อ้ายเป็งเปิดฝา ใช้มือบิ หัก ปลาเนื้ออ่อนที่ครูฉัตรปิ้งไฟจนกรอบ 2 ตัวใช้ทัพพีคนเนื้อปลาเหลืองน่ากินหอม... |
ครูฉัตร ช้อนยอดผำเซียงดาที่เด็ดแช่น้ำทิ้งไฟ ใส่ในหม้อ เอามือรูดผักหละ(ชะอม) โปรยลงไปผมเห็นแล้ว เสียว |
|
ก็ยอดชะอมมันไม่อ่อนเท่าใด มีหนามโผล่ แต่มือครูฉัตรไม่ยักเป็นไร |
อ้ายเป็ง ใช้มีดปาดมะเขือส้ม(มะเขือเทศลูกเล็ก) ลูกกลมสีแดงออกส้มใส่ไปอีก 7 ลูกคนไปมาปิดฝาหม้อ |
ไม่ถึง 5 นาทีเสียงหม้อแกงเดือดคลั่ก ๆ ไอ กับกลิ่นลอยออกมาใช้ทัพพคนแล้วชิม ยกขวดน้ำปลากดคอกระฉอกไปหลายฉึก 555 |
ผมเลยตักน้ำแกงขึ้นชิม โห น้ำมีรสเผ็ดนิด หอมถั่วเน่าปิ้งหอมรสหวานจากปลาเนื้ออ่อนที่บิหักใส่จนต้องยกนิ้วให้อ้ายเป็ง |
นพ ยกหม้อแกงไป วางบนแคร่ไม้ไผ่ หน้าบ้าน โตเทข้าวเหนียว |
ที่นึ่งร้อน ๆ ใส่กาละมัง จัดแบ่งใส่จานแต่ละคน |
แกงป่า ใส่พริกแห้งนี่เผ็ดกว่าพริกสดอีก
แถมใส่ปลาเนื้ออ่อนหอมฟุ้ง แต่โดนชะอมกับถั่วเน่า
กลบกลิ่นหมด แหงๆ ซดร้อนๆกินกับข้าวเหนียวนี่
นึกถึงพวก นักวิ่งมาราธอน พกข้าวเหนียวไปกินระหว่างทาง พอจะหมดแรง ปั้นข้าวเหนียวเข้าปาก วิ่งต่อได้อีกหลายโลนะครับ 555
รถโฟล์ค สายพันธ ฮิตเลอร์ คันในรูปยังอยู่ดีมั้ยครับนี่
หรือปลูกสาระแหน่ไปแล้วครับคุณพี่ 555