Group Blog
 
<<
กันยายน 2567
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
7 กันยายน 2567
 
All Blogs
 
์No. 1312 ใช้ชีวิตในป่าใหญ่

No.1312   ใช้ชีวิตอยู่ในป่าใหญ่....
 

 
สนง.กฏหมาย ๆ พาไปพักที่รีสอร์ทนครนายกกับ เพื่อน ๆ  ทนายความ/บัญชี/การเงิน
แผนกเวิร์คเพอมิทลูกค้าต่างประเทศ...เพื่อนคนเล่าเคยลงอยู่ในป่าไปบ่อย
 หลงอยู่ในป่ากว่า 3 ปีก็ฟัง ๆมาจดบันทึกไว้ในคอมฯ
 ในหมู่เพื่อนผมรู้ระแคะระคายว่าหมอนี่ ผิดหวังรักเลยลาออกจากทิ้งเดิมไปค้าขายพืชไร่แถว 
เชียงใหม่แทน...  ฟังที่รีสอร์ทแล้วฟังเพิ่มที่ สน.แถวสีลม... ยามกินข้าวกลางวัน
เป็นเรื่องเกี่ยวกับธรรมชาติในป่าภาคเหนือ น่ารื่นรมย์ น่ากลัวแล้วกลัวอะไร  นั่นซิ
เลยนำมาเรียบเรียงใหม่
 
 
เช้ามืดได้ยินเสียงไก่ป่า ดังมาแต่ไกล เสียงน้ำไหลในลำห้วยข้างล่างความเมื่อยขบปวดหลัง
จากการเกี่ยวข้าว บนไหล่ดอยมาแล้วสองวันเราสามคนจะเกี่ยวข้าวไร่บนไหล่ดอยฟากเดียว
กับกระท่อมค้างให้หมด.
เก็บผ้าห่มผ้าฝ้ายหนา พับเป็นสี่เหลี่ยมเล็ก วางไว้บนหมอน แล้วไปทำธุระส่วนตัว ใช้กิ่งไม้ข่อย
เล็กใต้ต้นสักใช้หินทุบพอแหลก แล้วใช้ถูกฟันไปมา จนปากฝาด อมน้ำล้างปากไปมาสองครั้ง
รู้สึกปากสอาด.

 
อากาศเย็น ใช้มือจุ่มน้ำลูบผมให้ผมลู่เข้าเป็นระเบียบ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ผมยาวประบ่าหนวดเครา
ขึ้นเต็มที่ ยังไม่มีโอกาศได้ตัด.
 มากินข้าวเช้ากัน
มีอะไรกินบ้าง พี่พะก่อ
มีเนื้อกวางรมควัน กับน้ำพริกชี้ฟ้า มากินแล้วเราจะไปเกี่ยวข้าวต่อ
ระยะหลังมานี้ พี่พะก่อพยายามพูดภาษาให้ผมเข้าใจง่ายขึ้น แต่สำเนียงยังแปร่ง ๆ
ส่วนน้องก่ำ. ยังพูดภาษา บ้านติ๊ก่อเหมือนเดิมเพราะพูดไม่เป็น
พี่พะก่อเล่าให้ฟังว่า พ่ออุ้ยส่งพี่พะก่อไปช่วยน้องของพ่อที่บ้านเวียงใต้ห่างจากที่นี่ 4 วัน
ใช้เดินเท้าพี่ไปช่วยอาว์ปลูกถั่วเหลือง ข้าวที่บ้านเวียงใต้เป็นพื้นที่ราบแอ่งดอย เขากินข้าวเจ้า
หรือข้าวสวยไม่ได้กินแบบคนพื้นเมืองอื่น.
การแต่งตัวของคนบ้านเวียงใต้ ชายนุ่งเตี่ยวสะดอ ยาวครึ่งน่องเสื้อใช้สวมทางหัวมีรอยผ่าตรง
คอ เป็นเสื้อแขนสั้น
หญิงนุ่งผ้าซิ่นยาวถึงตาตุ่ม เสื้อมีปก ผ่าตรงร่องอกยาวประมาณคืบไม่เหมือนบ้านที่เราอยู่
พี่พะก่ออยู่ได้ แปดปี โตเป็นหนุ่ม พ่ออุ้ยพากลับมาอยู่บ้าน ช่วยทำไร่ ปลูกข้าวจับปลา ปลูกข้าว
โพด และมาได้แม่ของก่ำเป็นเมีย อยู่จนได้ก่ำ
วันนั้นเราเกี่ยวข้าวจนหมด แล้วเดินข้ามลำห้วยไป มัดต้นข้าวที่เกี่ยวแล้วให้เป็นฟ่อนใช้เถาว์วัลย์
หนามแน้ มัด จนหมด.
อาทิตย์คล้อยต่ำลง ไหล่ดอย อากาศเย็นลงทุกขณะ หมอกเริ่มปกคลุมทั่วหุบเขา


 
เย็นนี้ผมแกงผักเสี้ยว ที่ก่ำไปเก็บมาตอนกลางวันใช้พริกแห้ง 4 เม็ดเกลือนิดปอก
หอมแดง 5  หัวใส่ครกไม้ ตำพอแหลก ตามด้วยถั่วเน่าแผ่นที่ค่อนข้างเหม็นปิ้งไฟอ่อนกลิ่น
กลับหอม ใส่ครกคลุกเคล้าด้วยกันจนนัว
ตั้งหม้อดินตั้งบนเตาให้ร้อน ตักน้ำพริกลงรวนให้หอม ควันฟุ้งแล้วเติมน้ำเปล่าพอขลุกขลิก
ฉีกเนื้อกวางเป็นเส้นยาว ๆเท่าก้อนเนื้อกวาง โปรยใส่ในหม้อ คนไปมาแล้วปิดฝาสักครู่

...

..
น้ำเริ่มเดือด เอายอดผักเสี้ยว(ชงโค) โปรยใส่ในหม้อ คนอีกนิดหยิบมะเขือส้ม(เทศ) ลูกเล็ก
แดงเปรี้ยวผ่าครึ่ง โยนใส่ในหม้อ 5 ลูกคนแกงด้วยป๊าก(กระจ่า) ปิดฝาเป็นอันเสร็จ
ก่ำ ช่วยยกข้าวเจ้าในหม้อดินที่หุงเผื่อตอนเช้าไปวางที่แคร่ไม้ไผ่หน้าบ้าน  ตักแกงผักเสี้ยว
รสหวานของผัก ความเค็มของถั่วเน่าแผ่นปิ้ง เนื้อกวางที่เหนียวนุ่มพอดีชิมแล้ววางไม่ลง

ข้าวหมดหม้อ น้ำแกงก็ไม่เหลือ
น้ำ...แก๋งผักลำแต้ ๆ (พี่พะก่อชมว่าผมทำแกงอร่อย)
แหมมีคนชม ก็ต้องยิ้ม.....
พี่น้ำ เยียะแกงลำแต้ ๆ ก่ำกินน้ำแกงจนหมด....ก่ำพูดชม
ผมมานึกได้ว่า ไม่เคยทำแกงด้วยตนเองเลย แต่มีชายคนหนึ่งบอกว่าถ้าจะให้มีน้ำหวานผักออก
 ให้ใส่ตอนน้ำเดือด และถ้าจะ
ให้เป็นสีเขียวตลอดวัน ให้ใส่มะนาวหรือของเปรี้ยวไปก่อนยกลงผักจะหวานไม่ขมพอเห็นพี่พะก่อ
แกงเลย แปลงวิธีการนิดหน่อย
บางครั้งการจำอะไรไม่ได้ดีเหมือนกัน ไม่รู้แม้แต่ชื่อ บ้านอยู่ไหนอาจจะรบกวนจิตใจนิดไม่ทุกข์
แสงตะเกียงน้ำมันหมูป่าให้แสงสว่างบนแคร่ไม้ไผ่ วับแวบรอบตัวมืด หมอกลอยเป้นแผ่น
 บนลำห้วยที่ส่งเสียงดังจุ๋งจิ๋ง
เป็นความสุขของเราทั้งสามคน......หาที่เปรียบไม่ได้จริง ๆ
หลังกินข้าวเช้านั่งพักบนแคร่ไม้หน้ากระท่อมหลังเล็ก แสงแดดสอดแสงผ่านแมกไม้บนดอย
 มัดฟ่อนข้าวเหลืองทองวางระเกะบนฟากดอย เม็ดน้ำค้างต้องแสงสีทองเป็นประกาย

ลมพัดมาเบา ๆ หมอกเป็นแผ่นบางลอยเอื่อย ๆ ยามถูกโขดหินข้างลำห้วย แผ่นหมอกแตก
เป็น สองทาง ผสมไอน้ำจากลำห้วยลอยขึ้นมารวมเป็นหมอกเข้าด้วยกันอีก

 เสียงน้ำในลำห้วยดังคลิก ๆ ยามไหลถูกกิ่งไม้หักทอดขวางลำห้วย
พี่พะก่อ หมอกจะลอยแบบนี้ อีกกี่เดือนครับ
 งามเหรอ
ครับ สวยจริง ๆ
ถ้าเป็นหน้าเกี่ยวข้าว บนดินมีความร้อนอยู่บ้าง ผสมความชึ้นในต้นไม้กับห้วยจะเกิดหมอก
 ลอยตรงแอ่งดอยอีกประมาณสองเดือน
ไป... เราไปแบกฟ่อนข้าวบนดอย ลงมาไว้ที่ลาน... พี่พะก่อชวน
เอ้อ ก่ำ.. ยังไม่ต้องตามไป. เก็บจานชามของกินบนแคร่ไปเก็บให้เสร็จแล้วค่อยตามไปนะ
เราเอาไม้คานทำด้วยไม้ไผ่ซาง หนาตรงกลาง ปลายสองข้างบาง
ลง มีปลายแหลมสองข้าง พาดบ่าไปคนละอัน
ไต่ตะลิ่งหน้าตูบ ลงลำห้วย ไอน้ำลอยเรี่ย ๆ ปลาตัวเล็ก ว่ายวิ่งไปมาคงจะกลัวยักษ์สองตนมาจับ
เท้าเหยียบลงน้ำ ความอุ่นของน้ำทำให้สบายเท้า ไม่เย็นเหมือนนั่งกินข้าวเช้า เท้าสัมผัสกรวดกลม
สีขาว ดำที่อยู่ใต้แผ่นน้ำ ดังเอี๊ยดอ๊าด น้ำลึกแค่เข่า จึงต้องดึงขากางเกงสะดอขึ้นมานิดไม่ให้เปียก
 
ชายตลิ่งเป็นดินละเอียดปนทราบ นุ่มเท้ามีหญ้าขึ้นแซมบ้าง เราสองคนเดินขึ้นดอยชันต้องโน้ม
ไปข้างหน้าให้รู้สึกว่าเสมอกับพื้นดอย..ผ่านก้อนหิน ตอไม้เก่า ไม่นานก็ถึงจุดวางฟ่อนข้าว
 
 



Create Date : 07 กันยายน 2567
Last Update : 7 กันยายน 2567 15:19:57 น. 11 comments
Counter : 733 Pageviews.
(โหวต blog นี้) 

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณ**mp5**, คุณtoor36, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณหอมกร, คุณทนายอ้วน, คุณสองแผ่นดิน, คุณSweet_pills, คุณmultiple, คุณtuk-tuk@korat, คุณกะว่าก๋า, คุณkae+aoe, คุณnewyorknurse


 
เคยได้ยินเรื่องใช้กิ่งข่อยสีฟันแทนแปรงสีฟันได้ แต่โดยส่วนตัวไม่เคยลองครับ

ถ้าหมดแบบน้ำแกงไม่เหลือแสดงว่าอร่อยจริงเลยล่ะครับ^^

เดี๋ยวนี้ก็ยังมีหมอก แต่ช่วงหลังกลายเป็นควันฝุ่นเสียมากกว่า น่าห่วงจริงๆ



โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 7 กันยายน 2567 เวลา:18:12:49 น.  

 
ป่าไม่ใช่ที่อยู่ของคนจ้าพี่ไวน์



โดย: หอมกร วันที่: 7 กันยายน 2567 เวลา:19:07:36 น.  

 
เห็นแกงถ้วยในรูปแล้วกลืนน้ำลายเลยคราบ


โดย: ทนายอ้วน วันที่: 7 กันยายน 2567 เวลา:20:09:00 น.  

 
ทำไร่ทำสวนดีอย่างนะครับ ได้อยู่ใกล้ธรรมชาติอากาศบริสุทธิ์ หายใจคล่อง

ยามหิวทำอาหารกินเอง เครื่องปรุงก็หาเก็บผักหญ้าเอาแถวนั้น แต่ทีเด็ด ที่พาอร่อย ก็ต้องเนื้อกวาง กับ ถั่วเน่านี่แหละนะครับ แกงร้อนๆ ปรุงแซ่บๆ ข้าวหมดหม้อแน่นอนเชียวนะครับ555

วิถีชาวบ้านกินอยู่ง่ายๆ ได้ออกกำลังกายทำงาน
ช่วงนั้น สุขภาพ น่าจะแข็งแรงดี ฟิตปั๋งเลยนะครับคุณพี่555



โดย: multiple วันที่: 8 กันยายน 2567 เวลา:5:04:45 น.  

 
ใค่กิ๋นแก๋งผักเสี้ยวเจ้า


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 8 กันยายน 2567 เวลา:15:14:00 น.  

 
แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจครับ


โดย: **mp5** วันที่: 8 กันยายน 2567 เวลา:17:41:52 น.  

 
กิ่งไม้ข่อยใช้แปรงฟันได้ดีจริงๆครับ
ผมยังทันเห็นครับ

แกงเมืองนี่กินตอนหนาวๆอร่อยหมดชามแน่นอนครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 9 กันยายน 2567 เวลา:14:13:18 น.  

 
รู้ทุกอย่าง
เป็นทุกข์ทุกสิ่ง
ผมเชื่ออย่างนั้นเลยครับพี่

รู้น้อย ทุกข์น้อยครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 10 กันยายน 2567 เวลา:9:52:46 น.  

 
เด็กยุคนี้น่าจะไม่ทันกิ่งข่อยแล้วมั้ง

อาหารป่าบางทีก็ต้องระวังเหมือนกันนะ แต่พวกเนื้อถ้าสุกเสียอย่างก็ปลอดภัยระดัยหนึ่งแล้ว


โดย: โลกคู่ขนาน (สมาชิกหมายเลข 7115969 ) วันที่: 10 กันยายน 2567 เวลา:22:04:22 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับพี่ไวน์



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 11 กันยายน 2567 เวลา:4:58:51 น.  

 
❤ ประโยชน์บางประการของศาสนาอิสลาม 💙

💙 ประตูสู่สรวงสวรรค์ชั่วนิจนิรันดร

❤ การช่วยให้พ้นจากขุมนรก

💙 ความเกษมสำราญและความสันติภายในอย่างแท้จริง

❤ การให้อภัยต่อบาปที่ผ่านมาทั้งปวง

💙 สิทธิมนุษยชนและความยุติธรรมในศาสนาอิสลาม

❤ านภาพของสตรีในศาสนาอิสลามเป็นอย่างไร?

💙 ครอบครัวในศาสนาอิสลาม

❤ ชาวมุสลิมปฏิบัติต่อผู้สูงอายุอย่างไร?

💙 ชาวมุสลิมมีความเชื่อเกี่ยวกับพระเยซูอย่างไร?


https://justpaste.it/b790p


โดย: ศาสนาอิสลาม IP: 176.16.165.99 วันที่: 13 กันยายน 2567 เวลา:7:35:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

BlogGang Popular Award#20


 
ไวน์กับสายน้ำ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 94 คน [?]





เขียนการเดินทาง
ด้านธรรมชาติ
จักรยานเสือภูเขา



หลังไมค์ครับ
Friends' blogs
[Add ไวน์กับสายน้ำ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.