I AM SOMEONE
<<
มกราคม 2565
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
9 มกราคม 2565

เธอทำให้ฉันเห็นวันพรุ่งนี้ ตอนที่ 1




“คุณเสียใจเรื่องอะไรหรือครับ”

คำถามสั้นๆ จากปากชายหนุ่มรุ่นน้องบาดลึกไปถึงหัวใจที่บอบบางและยังคงอ่อนแอมากว่าสี่ปีของระมิงค์ แม้เธอจะพยายามกลั้นความรู้สึกแต่สีหน้าและแววตาที่รวดร้าวของการสูญเสียยังคงหลงเหลือบนดวงหน้าที่ชวนพิศอยู่ อาจแลดูหม่นไปบ้าง แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามันก็ทำให้หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่อดเหลียวมองความงามแบบธรรมชาติของเธอไม่ได้ รวมทั้งเจนด้วย

ระมิงค์ปล่อยให้ตัวเองในวัย 35 จมอยู่กับความเศร้า และสูญเสียมานาน หลังจากลาออกตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมแถบชานเมืองมาทำงานอิสระ เพราะรู้ตัวดีว่าตัวเองไม่เหมือนเดิม และไม่พร้อมที่จะกลับไปทำงานประจำ เธอไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างคนทั่วไปได้ สองสามปีก่อนไม่แม้แต่ออกไปกินข้าวนอกบ้าน ไปไหนมาไหนคนเดียว หรือเปิดรับใครเข้ามาอยู่ในโลกของเธออีกแล้ว บางวันขลุกตัวอยู่ในห้อง นอนหายใจทิ้งอย่างที่ใครๆ เรียกว่า นอนโง่ๆ อยู่บนเตียง

เธอจมอยู่ในทะเลแห่งความทุกข์จนกลายเป็นโรคซึมเศร้า ลืมตาขึ้นมาแต่ละวันสิ่งแรกที่คิดคือ อยากตาย และสิ่งสุดท้ายที่ทำก่อนนอนคือ ร้องไห้ จากการสูญเสียชายผู้เป็นที่รักและหวังจะมีอนาคตร่วมกันแบบไม่ทันตั้งตัว

หลังจากได้ยินคำถามนั้น ระมิงค์ไม่ได้สบตาคู่สนทนาที่นั่งข้างกันแต่อย่างใด เธอเบี่ยงหน้าไปทางอื่น สายตาทอดออกไปเหมือนเบื้องหน้าเป็นอากาศธาตุทั้งที่รอบๆ ก็มีคนไข้ พยาบาล เจ้าหน้าที่ อยู่หน้าห้องตรวจ

ภาพเก่าๆ ย้อนกลับไปเมื่อห้าปีก่อนในวันที่ระมิงค์กับคนรักรุ่นราวคราวเดียวกันมองเป้าหมายชีวิตตรงกันแล้ว ระมิงค์และเขาจึงตัดสินใจเลือกบ้านเดี่ยวชานเมืองหลังไม่เล็กไม่ใหญ่ไว้เป็นเรือนหอและตั้งใจจะสร้างครอบครัวด้วยกัน

ใครจะคิดว่าทุกอย่างจะพังครืนในคืนนั้น!
“แต่ก่อนชีวิตพี่มันโอเคกว่านี้มาก” เธอตอบหนุ่มรุ่นน้องที่ตั้งคำถาม
“ยังไงครับ เล่าให้ฟังได้มั้ย” เขาพลั้งปากถามไป ทั้งที่ไม่ควรถามในเรื่องส่วนตัวในการสนทนากับคนที่เพิ่งจะคุยกันไม่นาน แต่ด้วยความที่เขาสนใจอยากรู้เรื่องของเธอมากเหลือเกินจึงอดไม่ได้

หญิงสาวถอนหายใจเบาๆ จนชายหนุ่มรุ่นน้องรู้สึกผิด แต่เธอก็ยินดีตอบโดยไม่ปิดบัง “พี่เคยมีแฟนที่ดีมาก มีความรักที่คิดว่าเพอร์เฟ็กต์แล้ว มีหน้าที่การงานที่ดี ชีวิตสบายๆ ไม่ต้องดิ้นรนหรือกังวลอะไร แต่พอพังครืนลงมากะทันหัน ทำให้พี่ต้องหลุดออกจากคอมฟอร์ทโซนโดยไม่ทันตั้งตัว”

เจนอนุมานว่าเธอคงอกหัก และพิษรักทำร้ายเธอ ระมิงค์เล่าต่ออย่างเปิดเผย “จากที่เคยใช้ชีวิตสบายๆ ในทุกๆ วัน ตื่นเช้าไปทำงาน เจอคนรักทำงานที่เดียวกันซึ่งเขาเป็นทั้งแฟนและเจ้านาย ตอนเย็นกลับบ้าน ทานข้าวกับแม่ วันหยุดก็ไปเที่ยว ใครจะรู้ว่าจะมีวันนี้ วันที่ต้องมานั่งคุยกับจิตแพทย์ทุกๆ สองอาทิตย์”

“ผมขอโทษครับที่ถามทั้งที่รู้ว่าไม่ควรถาม” เขาขอโทษหลังจากที่เธอตอบเรียบร้อยแล้ว
“ไม่เป็นไรนี่ เมื่อก่อนพี่เคยคิดว่าความทุกข์หรือเรื่องแย่ๆ ในชีวิตไม่ควรเปิดเผยไป ไม่ควรมีใครรู้ว่าเราเป็นโรคซึมเศร้า เพราะเป็นเรื่องน่าอาย แต่ทุกวันนี้หลังจากคุยกับหมอ พี่ก็รู้ว่าถ้าเราไม่บอกใคร เขาก็จะคิดว่าเราเรียกร้องความสนใจมากกว่า น้อยคนนักที่จะรู้ว่าเราเป็นโรคซึมเศร้า และน้อยคนที่จะเข้าใจเรา” หญิงสาวพูดจบแล้วยิ้มเศร้าๆ ให้เขา

เจนอยากจะซักต่อเสียเหลือเกิน เพราะคำตอบนั้นเหมือนยังคาใจ ได้แต่อึดอัดอยู่ลำพัง

“คุณล่ะคะป่วยเป็นอะไร” ระมิงค์ถามกลับบ้าง
“อ๋อ เป็นโรคนอนไม่หลับครับ แต่เพิ่งรู้ตัวไม่นาน ทีแรกคิดว่าตัวเองบ้าพลังบ้างาน เป็นพวกไฮเปอร์ทำงานจนไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยแล้วไม่ยอมพักผ่อน แต่นานวันเข้ารู้สึกว่าทำไมเราไม่ง่วง ทำไมเราไม่นอน ถึงเวลานอนไม่นอน แล้วพอได้นอนก็นอนแป๊บเดียวลุกมาทำงานอีกแล้ว อยู่เฉยๆ มันฟุ้งซ่านต้องหาอะไรทำตลอด เคยหยุดนิ่งๆ เงียบๆ คนเดียวแล้ว โคตรเบื่อและเหงาเลยครับยิ่งเครียดยิ่งนอนไม่หลับเข้าไปใหญ่ จนตัดสินใจมาหาหมอดีกว่า” เจนสาธยายถึงอาการตัวเอง
“เหงา?...วัยอย่างคุณไม่น่าจะรีบเหงานะคะ ยังสนุกได้อีกเยอะเลย” เธอกะด้วยสายตาคร่าวๆ ว่าเขาไม่น่าจะถึง 30
“ผมสับสนในชีวิตน่ะครับ ไม่รู้จะพูดกับใครได้ เลยคิดวนไปเวียนมาจึงต้องทำงานหนักให้ลืมเรื่องแย่ๆ ชีวิตผมมันไม่ลงตัวมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะครับ”
“ฮึ? คุณก็มีเรื่องแย่ด้วยหรือคะ” เธอแปลกใจ
“มีสิฮะ เยอะด้วย” ท่าทางเขาอยากเล่าต่อ แต่เบรกตัวเองเอาไว้เพราะไม่แน่ใจว่าคู่สนทนาอยากฟังหรือไม่
“งั้นเรารักษาไปพร้อมกันเลยนะ” หญิงสาวพยายามยิ้มกว้างให้กำลังใจเขา

เจนมองหน้าระมิงค์ที่มีรอยยิ้มหม่นๆ นั่นทำให้เขาอยากจะเอื้อมไปจับมือของเธอเพื่อปลอบประโลมเหลือเกิน แต่เขาเองอาการก็หนักไม่ต่างจากเธอสักเท่าไรนัก นี่เป็นครั้งที่สองของการพบกันของเขาและเธอ

เขารู้ว่าเธอน่าจะอายุมากกว่า เพราะดูจากบุคลิกที่เป็นผู้ใหญ่ การแต่งกายที่เรียบร้อยกว่าสาวรุ่น แม้ผิวพรรณจะมีริ้วรอยเล็กๆ ปรากฏตอนยิ้มอยู่บ้าง แต่ก็ไม่อาจกลบความงามของใบหน้าที่ไม่ได้ฉาบทาด้วยสีสันของเครื่องสำอางแต่อย่างใด
“เอ่อ โทษนะครับ คุณชื่อไรครับ ผมเจน” เขารีบถามและแนะนำตัวเองก่อน
“ระมิงค์ค่ะ เรียกพี่มิ้งก็ได้”
“เรียกคุณมิ้งดีกว่า” แล้วเสียงพยาบาลก็เรียกชื่อเขาเข้าห้องตรวจ
 


Create Date : 09 มกราคม 2565
Last Update : 11 มกราคม 2565 10:40:24 น. 3 comments
Counter : 709 Pageviews.  

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณเริงฤดีนะ, คุณmultiple


 
ฝากนิยายเรื่องใหม่ในสไตล์ของ Alex on the rock ไว้ให้ติดตามกันด้วยนะคะ นานๆ เขียนที ชอบก็กด like กด share หรือ comment เป็นกำลังใจได้นะคะ


โดย: Alex on the rock วันที่: 9 มกราคม 2565 เวลา:12:13:46 น.  

 
อ่านจบแล้วจ้า จำได้ว่า มีช่วงนึง คนเป็นโรคซึมเศร้ากันมาก
ช่วงนั้น เตาถ่านกับ เทปกาว ขายดีมากๆเลยเชียว555

ตั้งแต่อยู่บ้านเพราะโควิดมา2ปีนี่ อ.เต๊ะ บางทีเริ่มพูดคนเดียว พูดกับหมากับแมวบ้าง555

อ.เต๊ะ ก็ยังไม่รู้ตัวเองเป็นหรือเปล่า แต่ส่วนใหญ่ไม่เคยคิดฆ่าตัวตาย
แค่มีดบาด ยังจะเป็นลม กลัวความสูง กลัวน้ำกลัวที่แคบอีกตะหาก555

ไว้เขียนอีก แล้วจะมาอ่านใหม่นะครับ



โดย: multiple วันที่: 9 มกราคม 2565 เวลา:19:29:55 น.  

 
ขอบคุณค่ะ


โดย: Alex on the rock วันที่: 9 มกราคม 2565 เวลา:20:13:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Alex on the rock
Location :
มหาสารคาม Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 42 คน [?]




Blog นี้เป็นพื้นที่ส่วนตัว เป็นความเห็นส่วนตัว ผู้อ่านอาจจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับข้อเขียนใน Blog กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วยความสุภาพและเคารพสิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญของเจ้าของ Blog ด้วย หากผู้อ่านที่แสดงความคิดเห็นไม่อาจจะปฏิบัติตามนี้ได้ เจ้าของ Blog สามารถลบความคิดเห็นของท่านโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบ
[Add Alex on the rock's blog to your web]