I AM SOMEONE
<<
มิถุนายน 2565
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
8 มิถุนายน 2565

เธอทำให้ฉันเห็นวันพรุ่งนี้ ตอนที่ 28

สายๆ ของวัน หลังจากระมิงค์ออกไปส่งของให้ลูกค้า เธอกลับมาเล่าให้แม่ฟังเรื่องที่ไปงานเลี้ยงรุ่นเมื่อคืนนี้

“โลกคงกลมจริงๆ นะแม่ถ้าบังเอิญน้องพรแฟนภัทรเป็นคนเดียวกับเมียคนแรกของคุณเจน ถ้าเขาได้มาเห็นน้องพรตอนนี้เขาคงเสียดายมากๆ แหละ หนูยังว่าภัทรมันโชคดีที่เลือกผู้หญิงคนนี้เป็นเมียเลย”
“เส้นทางชีวิตคนเราไม่ได้ถูกกำหนดด้วยตัวเองเสมอไป วันที่เจอกันก็ว่าพรหมลิขิต แต่พอพลัดพรากจากกันก็ไม่รู้ใครลิขิตอีก”
“ปรัชญาแต่วันเลยนะแม่” ระมิงค์แซว
แม่พูดต่อโดยไม่สนใจคำพูดของลูกสาว “ชีวิตคู่จริงๆ มันไม่ได้อยู่ที่หน้าตา ฐานะ ความรู้ หน้าที่การงานเท่านั้นนะ แต่มันอยู่ที่จิตใจและการกระทำของคนสองคนนั่นแหละจะมั่นคงสม่ำเสมอมากน้อยแค่ไหน บางคู่ที่เรามองว่าเพอร์เฟ็กต์ทั้งสองคน แต่ไปไม่รอดก็เยอะแยะ แต่ทำไมบางคู่ไม่มีอะไรที่จะให้คนอื่นอิจฉาได้เลยดันอยู่กันยันตาย”
“นั่นสินะ”
“เจนกับน้องพรเขารักกันมากตอนอยู่เมืองนอกจนถึงขั้นแต่งงานเพราะอยากอยู่ด้วยกัน แต่มันยังไม่มากพอ ไม่อดทนที่จะฟันฝ่าอุปสรรคความรักไปได้ ก็ต้องจบ”
“แม่ไม่มองว่าเพราะรักมากจึงยอมถอยออกมาเพื่อให้คนรักเจอสิ่งที่ดีกว่าเหรอ”
“แม่ไม่รู้ว่าใครรักมากกว่ากัน แต่ถ้าทั้งคู่รักกันมากพอ วันหนึ่งก็ต้องกลับมาอยู่ด้วยกันจนได้”
ระมิงค์ถอนหายใจยาว เหมือนคิดอะไรในใจ

“ตอนพ่อกับแม่ยังไม่แต่งงานยังไม่มีลูกก็รักกันมาก มากจนคิดว่าชาตินี้คงรักใครไม่ได้อีกแล้วเพราะเราทุ่มเทหัวใจให้คนนี้คนเดียวไปหมดแล้ว เชื่อในความรักที่พ่อมีให้แม่ พ่อว่าไงก็ว่าตาม จนอุ้มท้อง ทิ้งตายายไปสร้างครอบครัวของตัวเอง ตอนนั้นก็คิดว่าเป็นรักแท้ คิดว่าเราได้ฝากชีวิตทั้งชีวิตไว้กับเขาแล้ว วาดฝันว่าจะต้องมีครอบครัวอบอุ่น ต้องรักเดียวใจเดียว เพราะเราก็มั่นใจว่าเราเป็นสาวกรุงเทพ ความสวยประมาณหนึ่งล่ะ แต่ที่ไหนได้ แพ้สาวเหนืออยู่วันยันค่ำ พ่อรักแม่ไม่เท่าแม่รักพ่อ ถ้าเรารักใครมากกว่า คนๆ นั้นจะตัวใหญ่กว่าเราทันทีแล้วเราก็จะเป็นฝ่ายยอม สำหรับแม่คือยอมถอยไม่ใช่ยอมเป็นเมียหลวง ยังดีที่แม่ได้ลูกมา แม่ก็เลยหอบลูกกลับมาให้ตายายช่วยเลี้ยง เพราะพ่อแกพึ่งพาอะไรไม่ได้แล้ว”
“นั่น เข้าเรื่องจนได้” ระมิงค์รีบดักคอ

เธอฟังเรื่องราวของพ่อกับแม่บ่อยตั้งแต่เด็กจนโต จากที่เคยน้อยใจพ่อจนทุกวันนี้กลายเป็นเรื่องชาชินไปเสียแล้ว แต่แม่ก็ยังสามารถเล่าซ้ำได้มิรู้เบื่อ

ภาพเหตุการณ์เกือบสี่สิบปีผุดขึ้นมาในหัวของผู้เป็นแม่อีกครั้ง วันที่ชายคนรักคือพ่อของระมิงค์ ถามแม่ว่า “พร้อมที่จะไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมั้ย” ก่อนที่พิธีแต่งงานเล็กๆ ถูกจัดขึ้นอย่างเร่งรีบ ไม่มีสินสอดทองหมั้นใดๆ เพราะแม่ท้องก่อนแต่งไปแล้ว แม้ตากับยายจะผิดหวังกับลูกสาวคนเดียวแต่ก็ไม่สามารถทัดทานหรือแก้ไขอะไรได้ พ่อได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้ย้ายด่วนไปอยู่เชียงใหม่ แม่จึงเก็บเสื้อผ้าตามไปอย่างไม่ลังเลด้วยความรักที่เปี่ยมล้น เพราะคิดว่าเขาจะดูแลรับผิดชอบเธอและลูกไปชั่วชีวิต

ระหว่างที่ตั้งท้องระมิงค์อยู่ พ่อทำหน้าที่สามีที่ดีมากจนแม่รู้สึกว่าเธอช่างโชคดีเหลือเกิน กระทั่งคลอดระมิงค์ พ่อให้แม่เป็นแม่บ้านอยู่บ้านเลี้ยงลูกต่อไป จนลูกสาวถึงวัยอนุบาล ค่าใช้จ่ายในบ้านเพิ่มขึ้น แม่จึงไปสมัครสอบเป็นครูเพื่อแบ่งเบาภาระพ่อ

ตอนนั้นแม่เริ่มระแคะระคายมาบ้างว่าพ่อมีผู้หญิงคนอื่นมาข้องเกี่ยว แรกๆ แม่ใจเย็นทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ไม่อยากสนใจคำพูดของเพื่อนบ้านสร้างข่าวลือใส่ร้ายสามี แม่เมื่อข่าวลือหนาหูมากขึ้น และระมิงค์ก็เริ่มถูกเพื่อนๆ ที่โรงเรียนล้อว่าพ่อมีเมียน้อยบ้าง มีแม่สองคนบ้าง เด็กน้อยไม่เข้าใจจึงกลับมาถามแม่ด้วยความไร้เดียงสา แม่เสียใจมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น ในที่สุดผู้เป็นพ่อก็ยอมรับความจริง แถมยังมีลูกกับผู้หญิงอื่นอีกด้วย คำสารภาพของพ่อไม่ได้ทำให้สถานการณ์ครอบครัวดีขึ้น เพราะพ่อไม่ได้เลือกแม่กับระมิงค์ แต่กลับเลือกที่จะอยู่ตรงกลางของปัญหา

แม่ตัดสินใจขอหย่าทันทีโดยไม่ปล่อยให้ยืดเยื้อ รีบเขียนจดหมายขอโทษตากับยายที่ไม่เชื่อฟังแต่แรก และขออนุญาตกลับมาอยู่กรุงเทพฯ พร้อมระมิงค์ โดยทำเรื่องขอย้ายมาสอนที่โรงเรียนแถบปริมณฑล เพราะในกรุงเทพฯ ไม่มีตำแหน่งว่าง ตากับยายเห็นใจลูกสาวเมื่อต้องกลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ทำงานคนเดียวและเป็นหัวหน้าครอบครัวเอง แม่กับระมิงค์เป็นลูกเป็นหลานแท้ๆ จะปฏิเสธลงได้อย่างไร

เมื่อได้หลานสาวมาเลี้ยงขณะที่ผู้เป็นแม่ต้องเดินทางไปทำงานไกลบ้านในแต่ละวัน ตากับยายจึงรักและเอ็นดูเด็กหญิงมากเป็นพิเศษ แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้มีมรดกมากมายมอบให้ มีเพียงบ้านหลังที่อยู่ในปัจจุบันทิ้งไว้ให้แม่กับระมิงค์อยู่ด้วยกันต่อไป

หลังจากนั้นพ่อก็หายไปจากวงจรชีวิตของสองแม่ลูก เหมือนคนไม่รู้จักกัน แม้กระทั่งตอนที่ระมิงค์กำลังจะแต่งงานกับรชต เธอถามแม่ว่า ควรจะเชิญพ่อมาร่วมงานด้วยหรือเปล่า ทั้งที่ไม่เคยพูดจากันอีกเลยนับแต่จากมา แม่ว่าให้ระมิงค์ตัดสินใจเอง แม่กับพ่อไม่เหลือความสัมพันธ์กันแล้ว แต่เธอกับพ่อยังมีสายสัมพันธ์ของพ่อลูกกันอยู่ ระมิงค์จึงส่งการ์ดแต่งงานไปให้พ่อทางไปรษณีย์โดยไม่มีคำร้องขอใดๆ ทำนองว่าจะมาก็ยินดี ไม่มาก็ไม่เป็นไร เพียงบอกให้รับรู้ตามมารยาทเท่านั้น จนวิวาห์ล่มไปแล้ว พ่อก็ยังเงียบไม่เคยติดต่อกลับมา ไม่ถามไถ่ ไม่รับรู้ความเป็นไปในชีวิตของลูกสาวคนนี้ไม่ว่าช่องทางใดๆ

แต่การเป็นเด็กกำพร้าพ่อก็ไม่ได้สร้างความเจ็บปวด ขาดความอบอุ่น หรือเป็นปัญหาใดๆ ให้ระมิงค์ แม่และตายายเลี้ยงดูให้ความสุขกับเธอเต็มที่เท่าที่ครอบครัวเล็กๆ จะให้ได้ จนวันที่ตายายจากไป เหลือเพียงสองแม่ลูกใช้ชีวิตกันแบบพอมีพอกินเรื่อยมา ระมิงค์จึงสนิทกับแม่มาก เพราะเป็นทั้งแม่ทั้งพี่ทั้งเพื่อนของเธอ จึงไม่น่าแปลกใจที่เมื่อแม่แก่ตัวลงทุกวันก็ย่อมคาดหวังว่าลูกสาวจะมีใครสักคนหยิบยื่นความรักความเข้าใจให้อย่างจริงใจ และพร้อมดูแลกันไปจนแก่เฒ่า แม้ตัวผู้เป็นแม่เองจะไม่เคยพบรักแท้มาก่อนก็ตาม

หญิงสาวเห็นแม่นั่งนิ่งไปครู่ใหญ่ เธอค่อยๆ เขยิบไปซบไหล่และโอบหลวมๆ เป็นพฤติกรรมที่ทั้งคู่ใช้สื่อสารกันเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องการกำลังใจ เธอรู้ว่าแม่ตกอยู่ในภวังค์ของความกังวลใจ ไม่มีร่องรอยแห่งความเศร้าให้เห็นอีกแล้ว เพียงแต่รู้สึกเป็นห่วงตัวเธอนี่แหละว่าจะเลือกใช้ชีวิตที่เหลืออย่างไรดี

แม่ลูบแขนลูกสาวเบาๆ ก่อนจะพูดขึ้น “อย่าหาว่าแม่ขุดเรื่องเก่าๆ มาพูดซ้ำเลย สิ่งที่แม่พูดวันนี้ มันไม่ได้ทำให้แม่เศร้าหรือแปลว่าแม่จมอยู่กับอดีต แต่แม่พูดเพื่อให้เป็นบทเรียนของผู้หญิง แม่รู้ว่าแกกังวลหลายอย่าง เรื่องแฟนเก่าของเจนก็ไม่ต้องเอามาคิดให้ปวดหัว ต่างคนต่างมีชีวิตใหม่แล้ว ผู้หญิงคนนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจนรู้จักกับแก อดีตมันแก้ไขไม่ได้แล้ว มองวันนี้กับวันพรุ่งนี้ดีกว่า”
“ค่ะ หนูรู้ว่าแม่ห่วงหนูตลอดแหละ หนูเลยไม่โตสักที ให้แม่สอนได้เรื่อยๆ ยันสามสิบกว่าแล้ว”
“แกเจอคนมากมายมีประสบการณ์มากกว่าแม่เสียอีก แต่แม่ก็ไม่อยากให้แกสูญเสียโอกาสในชีวิต อะไรที่เป็นความสุขก็อย่าทำลายมันด้วยมือของตัวเองเลย ความสุขมักอยู่กับเราไม่นานหรอก ในชีวิตนี้มีเรื่องอื่นๆ ที่เราต้องรับมืออีกเยอะ แม่เองก็ไม่เคยคิดว่าชีวิตคู่ผิดพลาดใหญ่หลวงจนให้อภัยตัวเองไม่ได้ ผิดก็จำไว้แล้วก็เริ่มต้นใหม่เท่านั้นเอง อย่างน้อยแม่ก็ได้ลูกมา ได้กลับมาดูแลตายาย กลับมาตายที่บ้านของเรา แม่ว่าถ้ายังมีลมหายใจก็อย่าปฏิเสธสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขเลย สมมติว่าวันหนึ่งเราจะต้องเสียใจอีกครั้งไม่ว่าเพราะอะไรก็ตาม เราก็ไม่เสียดายที่ได้ทำไป ถึงวันนั้นแม่เชื่อว่าแกคงจะมีสติและยอมรับความเจ็บปวดนั้นได้แล้วล่ะ”
“สาธุ แม่พระมาโปรดเลยนะเนี่ย” ระมิงค์พนมมือไหว้ท่วมหัวจนแม่ของเธอตีเบาๆ ด้วยความหมั่นไส้ลูกสาว



Create Date : 08 มิถุนายน 2565
Last Update : 8 มิถุนายน 2565 10:04:14 น. 2 comments
Counter : 444 Pageviews.  

 
สุขสันต์วันครบรอบวันเกิดครับ


โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 14 มิถุนายน 2565 เวลา:21:58:55 น.  

 
ขอบคุณค่ะ


โดย: Alex on the rock วันที่: 16 มิถุนายน 2565 เวลา:15:07:23 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Alex on the rock
Location :
มหาสารคาม Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 42 คน [?]




Blog นี้เป็นพื้นที่ส่วนตัว เป็นความเห็นส่วนตัว ผู้อ่านอาจจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับข้อเขียนใน Blog กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วยความสุภาพและเคารพสิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญของเจ้าของ Blog ด้วย หากผู้อ่านที่แสดงความคิดเห็นไม่อาจจะปฏิบัติตามนี้ได้ เจ้าของ Blog สามารถลบความคิดเห็นของท่านโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบ
[Add Alex on the rock's blog to your web]