ช้อปปิ้งหนังสือลดราคา ตอนที่ 1
ที่เมกา บางนา จัดบูธหนังสือลดราคาเราก็เดินเข้าไปสำรวจดูสักหน่อย ดูไปดูมาก็ได้ติดมือมาเต็มไปหมด นี่ขนาดว่าเรายั้งใจไว้แล้วก็ไม่แคล้วได้มา 10 เล่ม แบกขึ้นรถเมล์ ต่อด้วยซิ่งวินกันสนุกไปเลย และอย่างที่เห็นว่าเราซื้อของคุณประภัสสร เสวิกุลมาเยอะมาก เพราะติดใจจากที่เคยอ่านเรื่องชี้ค กับมงกุฎดาริกามาก อ่านจนไม่เป็นอันทำอะไร ส่วนอีกเรื่องที่เราเฉยๆคือเวลาในขวดแก้ว (หนังสือเป็นหนังสือมือหนึ่งแต่สภาพมีหน้าเหลือง และไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ บางเล่มก็เหลืองทั้งเล่ม บางเล่มก็ทูโทน ทรีโทนไปบ้าง) เล่มแรก หิมาลายัน - ประภัสสร เสวิกุล "ไม่มีความมืดใดจะมืดมนเท่ากับความมืดบอดในจิตใจของมนุษย์" "ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเวลานี้ล้วนเหมือนเถาไม้เลื้อยที่พร้อมจะเกาะเกี่ยวกับอะไรก็ได้ที่ทำให้ตัวเองสามารถทอดยอดต่อไปได้สะดวก หาผู้ใดที่จะทระนงเหยียดลำต้นขึ้นเป็นไม้หลักก็ยาก ข้าจึงอยากขอร้องเจ้าอีกสักครั้งให้รับตำแหน่งนี้และยึดมั่นในความถูกต้องยุติธรรมเพื่อประโยชน์สุขของราษฎรทั้งปวง" บอกตามตรงว่าตอนแรกเราไม่ได้ต้องการอ่านเล่มนี้เพราะหลังปกออกแนวการเมืองซึ่งไม่ได้มีความสนใจอ่าน แต่หลังจากที่ได้เจอข้อมูลที่มีแต่คนบอกว่าสนุกก็เลยตัดสินใจไปซื้อมาเพิ่มรอบสอง ซึ่งก็ได้แต่นั่งกังวลอยู่ที่บ้านว่าจะมีคนซื้อตัดหน้าเราไปหรือยังมีเล่มเดียวด้วย เขาว่าสนุกก็อยากเอามาลองอ่านดูบ้าง
เล่มที่สอง เห่...ชะเลรุ้ง - ประภัสสร เสวิกุล พ่อนั่งอยู่อย่างนั้นจนใกล้รุ่งจึงหมอบลงหันหน้าไปทางทิศใต้ของกรุงพนมเปญแล้วก้มลงกราบแผ่นดินเกิด พ่อกอบขี้ดินขี้ทรายจากพื้นขึ้นทูนหัวไว้เหนือเกล้าแล้วโปรยลงบนหัวก่อนจะเงยหน้าที่นองน้ำตาขึ้นรับแสงอรุณของวันใหม่ เป็นนวนิยายในโครงการ "วรรณกรรมเพื่ออาเซียน" 1ใน 6 เรื่อง เล่มนี้เป็นเรื่องราวสะท้อนเหตุการณ์เมื่อเขมรแดงเข้ายึดกรุงพนมเปญทำให้ประชาชนต้องเดือนร้อนและทุกข์ยาก สาเหตุที่ทำให้เราอยากอ่านเพราะก่อนหน้านี้ได้ดูหนังเรื่อง The book thief กับแค่วาดฝันให้โลกสวย แล้วอินหนักมากก็เลยอยากอ่านหนังสือแนวนี้อีก เพราะมันทำให้เรารู้สึกว่าเรายิ่งอยากทำดีและเอื้อเฝื้อเผื่อแผ่กับทุกคนมากขึ้นโดยเฉพาะช่วงเวลาที่เรายังไม่ยากลำบากเหมือนช่วงสงคราม และทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่ควรฟุ่มเฟือยมากนัก เพราะแม้เราจะไม่มีสงครามจนแร้นแค้นขนาดนั้น แต่อีกจุดหนึ่งของโลกมีคนที่เขายังต้องลำบาก มันทำให้เราหันมาทำสวนครัวปลูกผัก ปลูกพริก พึ่งพาตัวเองบ้าง (ฟังดูเราแปลกแต่เราทำจริงๆนะ) *ใครมีหนังสือเรื่อง The book thief ติดต่อขายให้เราได้นะ อยากหามาอ่านมากเลย*
เล่มที่สาม ลานมยุเรศ - ประภัสสร เสวิกุล "เรารู้แค่สิ่งที่เรารู้ และเห็นในบางสิ่งที่เราเห็น แต่ยังมีสิ่งต่างๆอีกมากมายที่เราไม่รู้และไม่เห็น ทั้งๆที่มันมีอยู่จริง" ชั่วชีวิตหนึ่งของคนเรา เหมือนกับเราเดินทางตามหาอะไรบางสิ่งบางอย่าง และสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดจนเรายินยอมสละทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่เพื่อแลกกับมัน เรารู้ว่าเราจะมีความสุขและอิ่มเอมใจที่ได้ครอบครองมันหรือได้มันกลับมา และเราจะถนอมรักมันไว้กับเราตราบวินาทีสุดท้ายของชีวิต เล่มนี้ได้มาเพราะว่าคนขายประจำบูธนานมีเห็นเราหยิบหนังสือของนักเขียนคนนี้มาดู เขาก็ช่างสังเกตุแล้วหยิบเล่มอื่นๆของคุณประภัสสรมาวางให้เราดูอย่างเงียบๆ ไม่ได้คะยั้นคะยอขาย เรารู้สึกประทับใจมาก ซึ้งน้ำใจก็เลยเหมามา 6 เรื่องจากที่ตั้งใจจะซื้อเพิ่มแค่เรื่องหิมาลายันเล่มเดียว แต่พอได้อ่านหน้าปกกับหลังปกแล้วก็คิดว่าเล่มนี้น่าสนใจมากทีเดียว โชคดีที่หยิบมาด้วย
เล่มที่สี่ อำนาจ - ประภัสสร เสวิกุล อย่ามอบอำนาจให้คนชั่ว เมื่ออยู่ในวัยหนุ่ม ผมเคยมุ่งมาดปราถนาอย่างเหลือเกินที่จะเห็นสิ่งที่ดีงามเกิดขึ้นบนแผ่นดินนี้ ผมหมายมั่นที่จะเป็นผู้ชูคบเพลิงแห่งความหวังและศรัทธาให้กับทุกคน กระเป๋าทุกใบของผม เต็มไปด้วยความฝันอันบรรเจิด แต่ครั้นพอถึงวันนี้ เมื่อผมล้วงมือลงไปในนั้นก็พบแต่ความว่างเปล่าและรูที่ขาดพรุน จนไม่กล้าพอที่จะยื่นมือเข้าไปในใบที่ยังเหลืออยู่ ตอนแรกที่ไปซื้อไม่ได้สนใจอยากได้เลย แต่พอตอนไปซื้อรอบที่สองก็เหมางานเขียนของเขาเกือบจะหมดแผงแล้วก็เอาไปด้วยเลยดีกว่า อ่านเจอในพันทิปว่าเรื่องนี้มีคนว่าสนุกอยู่หลายคนด้วย จัดมาซะเลย
เล่มที่ห้า พระจันทร์ทะเลทราย - ประภัสสร เสวิกุล ขึ้นชื่อว่าชีวิต ย่อมไม่มีสิ่งใดเป็นเรื่องง่าย...แต่ชีวิตก็คงจะจืดชืดไร้รสชาติ ถ้าไม่ผ่านพบความลำบากหรือยุ่งยากบ้างเลย "ความอ่อนแอหรือเข้มแข็ง มิได้วัดกันที่ความกลัวหรือความกล้าอย่างบ้าบิ่น แต่อยู่ที่กำลังใจในยามผจญกับเรื่องราวอันเลวร้าย การเตรียมตัวให้พรักพร้อม และการต่อสู้อย่างมีสติปัญญาต่างหาก" หนังสือเล่มนี้หน้าปกและเรื่องราวหลังปกทำให้รู้สึกเหมือนเรื่องชี้ค ที่เราเคยได้อ่านแล้วประทับใจมาก หน้าปกออกแนวทะเลทรายเหมือนกันอีก และสาเหตุที่เราชอบอ่านงานของคุณประภัสสรเพราะว่าเขาเขียนได้หลายแนวเข้าทะเลทรายได้ ขึ้นหิมาลัยได้ ไม่ซ้ำฉาก แล้วเรื่องราวหรือข้อคิดที่อยู่ในหนังสือมันเปรียบเปรยได้เห็นภาพชัด ละมุนละไมแต่กระแทกใจจนเราจดจำได้ไม่ลืม เป็นข้อความอันนุ่มนวลที่จะจำไว้ไม่ลืม
Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2562 |
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2562 10:29:53 น. |
|
0 comments
|
Counter : 705 Pageviews. |
|
|