รู้ดีรู้ชอบ - พระเทพคุณาภรณ์
ธรรมะวันหยุด พระเทพคุณาภรณ์ (โสภณ โสภณจิตฺโต ป.ธ.9) เจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชรวรวิหาร www.watdevaraj.com
ความรู้ดีรู้ชอบ เป็นคุณธรรมที่มนุษย์ต้องประกอบไว้ให้มีในทางโลกและทางธรรม
ความรู้ดีรู้ชอบ ในทางโลก เป็นปัจจัยสำคัญที่จะปฏิบัติกิจนั้นๆ ให้สำเร็จลงด้วยความสะดวกเรียบร้อย ได้ประโยชน์เต็มที่แก่ตนและคนอื่น ถ้าเรามีความเข้าใจไม่ถูกและไม่ดีย่อมทำให้การงานเสียประโยชน์ บางคราวกลับเป็นโทษแก่ตนและคนอื่นด้วย
ส่วนความรู้ดีรู้ชอบ ในทางธรรม ได้แก่ ความรู้จักอารมณ์ที่เกิดขึ้นและดับไปให้ถูกต้องตามความเป็นจริง เป็นความรู้เท่าทันชั้นละเอียด เช่น เวลาความโกรธ ความริษยาพยาบาท ความเศร้าโศกเสียใจ หรืออกุศลธรรมอย่างอื่นใดเกิดขึ้นในจิต ก็รู้จักและเข้าใจชัดแจ้งจนเป็นชั้นรู้ดีและรู้ชอบตรงกับความเป็นจริง
ความรู้ดีรู้ชอบนั้น อำนวยผลสำคัญคือความรู้จักปล่อยหรือรู้จักวางต่อไป ใจที่ข้องอยู่ในอกุศลทุจริตนั้นย่อมมีความร้อนรนกระวนกระวาย ดิ้นรนกระสับกระส่ายไปตามกำลังของมัน เช่น ความคิดริษยาพยาบาท และความเคียดแค้นเกิดขึ้น ย่อมทำให้ใจร้อน ทำให้ใจขุ่นหมอง ไม่ปลอดโปร่ง
ถ้าเราปลดความคิดเช่นนั้นออกเสียได้ ย่อมไม่มีอะไรมาข้องใจ และใจก็ไม่ติดอยู่ในความเศร้าหมองเช่นนั้น คงเหลือแต่ความผ่องใสเยือกเย็น เป็นใจบริสุทธิ์สะอาด เหมือนคนฉลาดเก็บดอกไม้ ย่อมเลือกเก็บดอกไม้ที่ดี มีสีสวยงามและมีกลิ่นหอม สมควรแก่การเรียงร้อย ไม่ยอมเก็บดอกไม้ช้ำและดอกไม้เน่า แม้จะพลั้งเผลอไปโดยไม่รู้เท่า คราวหลังก็เลือกเอาดอกไม้อันไม่เป็นประโยชน์ทิ้งเสียจนหมด
การที่ใจปลดเปลื้องความเศร้าหมองออกไปได้หมดเช่นนี้เรียกว่า วิมุตติ เป็นคุณธรรมสูงสุดในพระพุทธศาสนา ใจหลุดพ้นจากความเศร้าหมองได้นานเพียงใดย่อมได้รับความสบายใจมากเพียงนั้น การงานที่เผล็ดผลมาจากใจสะอาด จึงเป็นการงานที่ไม่มีโทษ ผู้ที่บำเพ็ญประโยชน์ให้แก่โลกและแก่ธรรมจำต้องอาศัยคุณสมบัติข้อนี้เป็นพื้นฐาน
ใจที่หลุดพ้นจากมลทินเพราะความรู้ดีรู้ชอบนั้น เผล็ดผลสำคัญให้แก่ใจ เป็นใจบริสุทธิ์สะอาด ปราศจากความกระวนกระวายกระสับกระส่าย เสวยแต่ความสบายสงบระงับ จึงนับว่าได้บรรลุสันติ คือความสงบจากกิเลส
ครั้นสันติ ความสงบแผ่เขตไปถึงกายและวาจาแล้ว ก็บันดาลให้กายวาจาทำและพูดในสิ่งที่สมควร คิดในสิ่งที่ล้วนเป็นประโยชน์สาธารณะ เป็นปัจจัยให้เกิดการงดเว้นสิ่งอันควรงดเว้น เช่น มีมรรยาทเรียบร้อย เว้นจากการประกอบกรรมอันให้ผลร้ายแก่ตนและผู้อื่น ใจก็ได้ความแช่มชื่นอยู่ไม่เสื่อมถอย เหมือนผ้าที่ปราศจากมลทินธุลีเพราะการซักฟอกขัดสีดีแล้ว ย่อมมีแต่ความผ่องแผ้วสะอาดนวลควรแก่การย้อมต่อไป
ผู้ได้บรรลุสันติเช่นนี้เรียกว่า คนสงบ คนเช่นนี้แม้ประสบเหตุอย่างไรย่อมไม่ตื่นเต้นหวั่นไหวจนเสียวิสัยแห่งสัตบุรุษ รู้จักระงับใจให้หยุดความตื่นเต้นเสียได้ เช่น ในเวลาที่โลกธรรมพัดมา ย่อมรู้เท่าทันว่า นั่นเป็นธรรมดาของโลก ไม่เศร้าโศกเสียใจเพราะลาภ ยศ สุข สรรเสริญเสื่อมสลาย ปฏิบัติกิจการด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มีจิตสงบไม่ฟุ้งซ่าน เรียกได้ว่า เป็นผู้ประกอบด้วยความรู้ดีรู้ชอบ ประพฤติปฏิบัติตามธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้แล้ว
หน้า 23
ขอบคุณ ข่าวสดออนไลน์ กราบนมัสการขอบพระคุณ พระเทพคุณาภรณ์
อาทิตยวารสิริสวัสดิ์ค่ะ
Create Date : 01 มีนาคม 2558 |
|
0 comments |
Last Update : 1 มีนาคม 2558 11:36:32 น. |
Counter : 450 Pageviews. |
|
|
|