เราจะกู้แผ่นดิน กันอย่างไร? (25) - พระพรหมคุณาภรณ์
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต ป.ธ.๙)
ระบอบโลกอย่างใหม่ที่เขาจัดสร้างขึ้นนั้น เขาว่าจะให้มีสันติสุขมากขึ้น แต่ก็ไม่ไปไหน ก็มีแต่ส่งเสริมและเต็มไปด้วยการแข่งขันทางเศรษฐกิจ (economic competition) ซึ่งโยงเอาการเป็นคู่แข่งทางการเมือง (political rivalry) ติดมาด้วย การแข่งแบบนี้ย่อมแฝงความเป็นปฏิปักษ์กันอยู่ในตัว แล้วโลกจะมีสันติสุขแท้ได้อย่างไร เราไม่มีความสามารถหรือคิดจะพัฒนาความสามารถที่จะมีส่วนร่วมสร้างระบอบโลกใหม่ที่ดีงามขึ้นบ้างหรือจะภูมิใจอยู่แค่ได้ขึ้นไปเต้นบนเวทีที่เขาสร้างและกำกับการแสดงเท่านั้นหรือ
ได้ยินคนไทยเรามักจะพูดว่า "รอให้เศรษฐกิจฟื้นตัว" ทำไมเราไม่พูดเน้นถึงการ "ทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัว" เหมือนกับว่า ลึกลงไปในใจเราเคยชินอยู่กับแนวคิดตามลัทธิคอยโชค หรือลัทธิรอผลดลบันดาล และการหวังความช่วยเหลือ ควรจะตื่นขึ้นมามองและมุ่งที่จะ "ทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัว" ด้วยเรี่ยวแรงความเพียรและสติปัญญาของเรา
วิกฤตคราวนี้ ที่ไทยเป็นหนี้ไอเอมเอฟ 17,000 ล้านดอลลาร์นั้น มากมายยิ่งนัก หลายคนท้อใจว่าคงจะไม่มีทางหลุดออกไปได้ ถ้าคิดตามอัตรา เมื่อ 1 ดอลลาร์มีค่า 42 บาท หนี้ก็เป็นเงินไทยเกินกว่า 7 แสนล้านบาท แต่ถ้าไม่มัวละห้อยละเหี่ยอยู่ มาสร้างเศรษฐกิจใหม่กันบนฐานที่แข็งแรง คือความสามารถในการผลิตและคิดสร้างสรรค์นั้น การที่จะฟื้นตัวขึ้นมาก็ไม่เหลือวิสัยแต่อย่างใด
เพียงเงินไทยแข็งขึ้นมาหน่อย ถ้าเป็น 30 บาทต่อดอลลาร์ หนี้ก็ลดหายไปทันทีถึง 2 แสนกว่าล้านบาท ถ้าเกิดเงินไทยแข็งขึ้นมากลายเป็น 1 บาท ต่อ 2 ดอลลาร์ หนี้ก็เหลือเพียง 8 พันห้าร้อยล้านบาท จริงอยู่เรื่องเศรษฐกิจซับซ้อนกว่าที่จะพูดง่ายๆ อย่างนี้ แต่ก็พูดไว้ให้เห็นตัวอย่างถึงความเป็นไปได้ ซึ่งอยู่ที่ความเข้มแข็งและมุ่งมั่นตั้งใจจริงอย่างมีปัญญา
อย่าลืมว่าเมืองไทยเราเป็นหนี้ต่างประเทศ ไม่ใช่เฉพาะหนี้ IMF คราวนี้เท่านั้น เราเป็นหนี้มาก่อนนี้นานแล้ว สะสมมาเรื่อยๆ และไม่ใช่เฉพาะรัฐบาลเป็นหนี้ เอกชนก็เป็นหนี้อย่างหนัก เวลานี้เมืองไทยเป็นหนี้ต่างประเทศรวมแล้วเกือบ 9 หมื่นล้านเหรียญอเมริกัน ถ้าคิดอัตราดอลลาร์ละ 36 บาท ก็ติดหนี้เป็นเงินไทยราว 3 ล้านล้านบาท ทั้งหมดนี้ถ้าเราเดินถูกทาง ตั้งตัวให้ดีก็ต้องแก้ได้
ข้อสำคัญ ต้องไม่เป็นเพียงนักเสพนักบริโภค แต่ต้องเป็นนักผลิต นักสร้างสรรค์ ต้องเป็นคนที่หวังผลจากการกระทำ ไม่ใช่หวังผลจากการดลบันดาล
การขอและรอผลดลบันดาลนั้นง่ายดี และสบายด้วย เพราะไม่ต้องทำอะไร เพียงแต่รอ นั่งนอนกริ่มๆ กระหยิ่มใจ คอยชื่นชมอำนาจความยิ่งใหญ่ของท่านที่จะมาทำให้ แต่นี่คือลัทธิกล่อมใจ และก็คือความประมาท ที่จะทำให้อ่อนแอลงเฉพาะหน้า และพาสู่หายนะระยะยาว
ถ้ามัวแต่เป็นนักขอผลดลบันดาลกันอยู่ ต่อไปชีวิตจะเป็นอย่างไร ก็แล้วแต่ท่านจะบันดาลให้ สังคมของตนจะเป็นอย่างไร ก็แล้วแต่ใครที่มีอำนาจยิ่งใหญ่จะมาดลบันดาล ที่เจอวิกฤตเศรษฐกิจก็เพราะฝรั่งดลบันดาล แล้วก็รอต่อไปว่าฝรั่งคงจะมาช่วยดลบันดาลให้สังคมของเราพ้นวิกฤต นี่แหละคือชะตากรรมของนักขอและนักรอผลดลบันดาล
ควรจะพัฒนาตัวขึ้นมาให้มีความสามารถที่จะดลบันดาลกับเขาบ้าง อย่างน้อยก็ให้สามารถมีส่วนร่วมกำหนดอนาคตของโลก ไม่ใช่มัวแต่รอให้เขากำหนดให้
ต้องเข้มแข็ง มีความเพียรที่จะสร้างผลสำเร็จขึ้นด้วยเรี่ยวแรงการกระทำความสามารถและสติปัญญาของตน อย่าเป็นนักหวังลาภลอย หรือรวยทางลัด อย่างที่ฝรั่งเอาไปเขียนใส่สารานุกรม เป็นหนังสือบ้าง เป็น CD-ROM บ้าง เผยแพร่เหมือนประจานเมืองไทยไปทั่วโลก
ตัวอย่างเช่น Encarta Encyclopedia 1998 และ 1999 ที่บรรยายสภาพเมืองไทย (Thailand) ว่า "ผู้ชายชาวต่างประเทศมาเพื่อดูหญิงงามของประเทศไทย และหาความสุขจากอุตสาหกรรมกามารมณ์ ที่รุ่งเรืองเฟื่องฟู"
อีกตอนหนึ่งว่า "เวลานี้ (ในเมืองไทย) ทุกคนรีบไปๆ ใจก็นึกถึงแต่เงินๆ ... โสเภณี ยาเสพติด การทำลายป่า มลภาวะ การอยู่กันแออัดยัดเยียด ปัญหาทุกอย่างทั้งหมดนี้สืบสาวหาเหตุแล้วก็มาจากความอยากรวยลัดรวยเร็ว (quick baht) อย่างเดียวแท้ๆ"
ผลเกิดจากเหตุ เหตุปัจจัยก่อให้เกิดผล ขณะนี้ไทยเราก็ประสบผลแล้วคือวิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นผลร้าย แต่เหตุปัจจัยของมันคืออะไร คิดที่จะค้นหาและแก้ไขกันให้จริงจังหรือยัง
หน้า 27
ขอบคุณ ข่าวสดออนไลน์ กราบนมัสการขอบพระคุณ พระพรหมคุณาภรณ์
สิริสวัสดิ์ศุกรวารค่ะ
Create Date : 26 ธันวาคม 2557 |
Last Update : 26 ธันวาคม 2557 9:56:36 น. |
|
0 comments
|
Counter : 395 Pageviews. |
|
|