เราจะกู้แผ่นดินกันอย่างไร? (19) - พระพรหมคุณาภรณ์
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต ป.ธ.๙)
แม่ชีศันสนีย์ : เจ้าค่ะ หมายถึงว่า ให้มีธรรมะอยู่ในวิถีชีวิตที่เราดำเนินอยู่ใช่ไหมคะ
พระพรหมคุณาภรณ์ : เจริญพร กู้ธรรมะก็คือ เอาธรรมะมาใช้ เริ่มตั้งแต่สดับตรับฟังศึกษาให้เข้าใจ เอามาใส่ในหัวใจ และปฏิบัติตาม นี่เป็นความหมายทั่วไป
ทีนี้ความหมายขั้นที่สอง ก็รวมไปถึงเรื่องในสังคมวงกว้าง ที่คนมีความเข้าใจผิด หลงผิด ประพฤตินอกลู่นอกทางของพระพุทธศาสนาออกไปต่างๆ ก็มาชำระสะสางแก้ไขกันเสียที
ในระดับสังคมวงกว้างนี่ก็สำคัญ อย่างที่ย้ำไปเมื่อกี้ว่า เวลานี้คนไทยเราได้ปฏิบัติตามพระพุทธเจ้าหรือเปล่า เราปล่อยให้ลัทธิรอโชคช่วยมาครอบงำไหม เราปล่อยให้ลัทธิอ้อนวอนนอนคอยความช่วยเหลือ ลัทธิหวังผลดลบันดาล การติดยากล่อม สุรา ยาบ้า สิ่งเสพติด การพนัน อะไรเหล่านี้ ระบาดไปทั่วบ้านทั่วเมือง ตลอดจนใช้ธรรมะแม้แต่สมาธิในทางที่ผิด ความผิดเพี้ยนคลาดเคลื่อนอย่างนี้เกิดขึ้นในสังคมไทยหรือเปล่า ถ้ามันเป็นอย่างนั้น ก็แสดงว่าเราสูญเสียธรรมไปแล้ว จึงต้องกู้ขึ้นมา คือต้องมาทำความเข้าใจให้ถูกต้อง โดยนำหลักการที่แท้ของพระพุทธศาสนาขึ้นมาแสดง มาบอก มาแจ้งกัน และให้ประพฤติปฏิบัติให้ถูกต้องและให้จริงจัง ถ้าทำได้อย่างนี้ แน่นอนว่าจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่มีอยู่ วิกฤตเศรษฐกิจนั้นแก้ไม่ยากถ้าคุณภาพคนไทยดี
ขอให้มั่นใจเถิดว่า ถ้าคุณภาพคนไทยดี เราไม่กลัวเลยวิกฤตเศรษฐกิจอย่างนี้
แต่อย่างน้อย เราต้องใช้เป็น ให้วิกฤตนี้เป็นประโยชน์ ได้บอกแล้วว่า ที่พูดกันบ่อยว่า วิกฤตเป็นโอกาสนั้น โอกาสที่สำคัญคือ โอกาสในการพัฒนามนุษย์นี่แหละ โอกาสอื่นไม่สำคัญเท่าข้อนี้หรอก
เพราะฉะนั้น เวลาใครเขาช่วยเหลือเรา เช่น ประเทศอื่นให้เงินมา ให้กู้ให้ยืม เท่านั้นเท่านี้ เราต้องวางท่าทีให้ถูกต้อง ต้องวางท่าทีด้วยความไม่หลงระเริงมัวเมา อย่างน้อยต้องตั้งความรู้สึกไว้ว่า นี่จำใจนะ แล้วเตรียมใจว่าเราจะต้องแก้ไขปัญหาให้ได้ ไม่ใช่ไปหลงระเริงดีใจว่า เขาช่วยเราแล้ว เราได้เงินมาแล้ว โอ้โฮ เราสบายแล้ว ถ้าคิดอย่างนี้ก็เป็นจิตใจที่โน้มไปสู่ความประมาท ความกระตือรือร้นที่จะแก้ไขปัญหาและพัฒนาตนก็จะหายไป ถ้าอย่างนี้ จะฟื้นจิตใจคนไม่ขึ้น ฟื้นคุณภาพคนไม่ขึ้น และฟื้นเศรษฐกิจก็ไม่ขึ้นด้วย
เพราะฉะนั้น ท่าทีของจิตใจโดยรวมต่อสถานการณ์นี้ ต่อวิกฤต หรือสภาพทั้งหมดนี้ ต้องวางให้ถูกต้อง ตั้งหลักว่าให้วิกฤตนี้เป็นเวลาของการสร้างคน สร้างความเข้มแข็ง พัฒนาตัว พัฒนาเด็กและเยาวชนรุ่นใหม่ ให้เป็นคนที่เข้มแข็ง อย่างที่ว่า มีทุกข์ไม่พรั่น เจอภัยไม่หวั่น แล้วก็มีความเพียรสร้างสรรค์ เริ่มด้วยเป็นนักผลิต ไม่จมอยู่กับความเป็นนักเสพ นักบริโภค
สังคมไทยในช่วงเวลาที่ผ่านมา มีปัจจัย 2 อย่างนี้เป็นตัวทำลายล้างที่ยิ่งใหญ่ คือ
1.ความใฝ่เสพบริโภค ที่ทำให้เกิดความฟุ้งเฟ้อ สำรวย อ่อนแอและประมาท ค่านิยมบริโภคนี้ เมืองไทยยังหนักมาก ต้องแก้ให้ได้
2.ลัทธิรอผลดลบันดาล ซึ่งก็ทำให้อ่อนแอ และประมาทเช่นเดียวกัน เวลานี้ระบาดไปทั่วแล้ว
สองอย่างนี้ถ้าแก้ได้ เมืองไทยเดินหน้าไปแน่ๆ ย้ำอีกทีหนึ่งว่า
1.ค่านิยมเสพบริโภค หรือ ความใฝ่เสพบริโภค จะต้องแก้ให้ได้ อย่างน้อยให้มีความเป็นนักผลิตมาเข้าดุลกัน ถ้าเป็นนักเรียนก็ต้องฝึกหัดพัฒนาความใฝ่ศึกษาและใฝ่สร้างสรรค์ ต้องทำให้ได้ มิฉะนั้นจะเป็นนักเรียนนักศึกษาแต่เพียงชื่อ หรือโดยรูปแบบ หาสาระไม่ได้ ต้องแก้ปัญหาค่านิยมเสพบริโภคให้ได้ แล้วเอาเวลา แรงงาน และความคิดนั้นมาใช้ในการศึกษาและสร้างสรรค์ โดยมีความใฝ่ศึกษา ใฝ่สร้างสรรค์ ใฝ่รู้-สู้สิ่งยาก
2.ไม่ยอมสยบแก่ลัทธิอ้อนวอนนอนคอยโชค หรือลัทธิรอผลดลบันดาล ต้องเข้มแข็ง มุ่งที่จะทำการให้สำเร็จผลด้วยเรี่ยวแรงความพากเพียรของตน ข้อนี้เป็นหลักพระพุทธศาสนาเชิงปฏิบัติที่ท่านย้ำด้วยตัวอย่างมากมาย เริ่มตั้งแต่การบำเพ็ญบารมีของพระพุทธเจ้า ทำไมเราไม่เอามาใช้
หน้า 27
ขอบคุณ ข่าวสดออนไลน์ กราบนมัสการขอบพระคุณ พระพรหมคุณาภรณ์
สวัสดิ์สิริชีววารค่ะ
Create Date : 18 ธันวาคม 2557 |
Last Update : 18 ธันวาคม 2557 10:30:00 น. |
|
0 comments
|
Counter : 393 Pageviews. |
|
|