บุคคลผู้มืดมา มืดไป - พระเทพคุณาภรณ์
ธรรมะวันหยุด พระเทพคุณาภรณ์ (โสภณ โสภณจิตฺโต ป.ธ.9) เจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชรวรวิหาร www.watdevaraj.com
บุคคลที่เกิดมาในโลกนี้ มีความเป็นอยู่ที่ไม่เสมอเหมือนกัน อันเนื่องมาจากผลของกรรม คือ การกระทำทั้งบุญกุศล คือ คุณงามความดี ทั้งบาปอกุศล คือ ความชั่ว ที่ได้ทำไว้ในอดีต และกำลังทำอยู่ในปัจจุบันส่งผลทำให้มีฐานะยากดี มีจน การประกอบอาชีพการงาน และความเป็นอยู่ที่แตกต่างกัน
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสแยกบุคคลที่มีความเป็นอยู่แตกต่างกันเช่นนี้ไว้ในตมสูตร จตุกกนิบาต อังคุตตรนิกาย 4 ประเภท คือ 1.บุคคลผู้มืดมา มืดไป 2.บุคคลผู้มืดมา สว่างไป 3.บุคคลผู้สว่างมา มืดไป 4.บุคคลผู้สว่างมา สว่างไป
ประเภทที่ 1 บุคคลผู้มืดมา มืดไป หมายถึง บุคคลผู้เกิดในตระกูลต่ำ คือ เป็นตระกูลที่จนยาก ปราศจากทรัพย์สมบัติเงินทอง เป็นผู้ขาดแคลนด้วยสิ่งของทุกอย่าง มีความเป็นอยู่ที่ฝืดเคืองขัดสน จะจับจ่ายใช้สอยต้องลำบาก เป็นเพราะในอดีตชาติที่ผ่านมา ไม่ได้ประกอบในทางแห่งกุศลกรรม คุณงามความดี อันเป็นทางที่จะนำให้ไปเกิดในภูมิภพที่ดี คือเป็นมนุษย์ หรือประกอบกุศลผลบุญความดีมาเหมือนกัน แต่ทำน้อย ผลบุญนั้นจึงส่งให้มาเกิดเป็นมนุษย์ได้ แต่กลับหมดอำนาจลง ส่งผลให้เป็นคนขัดสนจนยาก ต้องลำบากทำงานเลี้ยงชีวิต
บุคคลผู้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ขัดสนจนยากดังว่ามานี้แล้ว ไม่ขยันทำงาน ไม่หมั่นประกอบบุญกุศลคุณงามความดี กลับประพฤติทุจริต คือ ทำกรรมชั่ว อันจะเป็นทางนำไปสู่ความเสื่อม ความทุกข์
ทำความชั่วทางกาย เช่น ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ลักขโมยทรัพย์สินของผู้อื่น ประพฤติผิดในกาม
ทำความชั่วทางวาจา เช่น พูดโกหกโป้ปดมดเท็จ พูดส่อเสียดให้ผู้อื่นเจ็บช้ำน้ำใจ พูดจาหยาบคาย พูดคำพูดเพ้อเจ้อ ไม่มีประโยชน์ หาสาระไม่ได้
และทำความชั่วทางใจ เช่น มีความโลภอยากได้ของผู้อื่น คิดพยาบาทเบียดเบียนผู้อื่น มีความเห็นผิดไปจากทำนองคลองธรรม คือ เห็นว่าทำดีแล้วไม่ได้ดี ทำบุญแล้วไม่ส่งผล เป็นต้น
บุคคลผู้ประพฤติเช่นที่กล่าวมานี้ เมื่อตายแล้วย่อมเข้าถึงอบายภูมิ 4 อันได้แก่ นรก เปรต อสุรกาย และสัตว์เดรัจฉาน
จะได้ยกเรื่องของบุคคลผู้ที่มืดมา และกลับมืดไป เป็นอุทาหรณ์ มีโจรอยู่คนหนึ่ง มักจะประกอบกรรมชั่ว คือลักขโมยทรัพย์สินผู้อื่น ตัดช่องย่องเบาในเวลากลางคืออยู่เป็นประจำ วันหนึ่งเมื่อเสร็จกิจของตนแล้ว จึงได้นอนพักที่ศาลาใกล้ประตูเมือง ท่านสุมังคลเศรษฐีผู้ไปเฝ้าพระพุทธเจ้าทุกวันเห็นเข้าจึงกล่าวว่า เจ้าคนนี้ คงจักเป็นคนเที่ยวเตร่ในตอนกลางคืน จึงมานอนอยู่ที่นี้
ฝ่ายโจรได้ยินเข้าจึงมองดูเห็นเศรษฐีแล้วผูกอาฆาตพยาบาทอยู่ในใจ วันหลังเมื่อได้โอกาสจึงเผานาของสุมังคลเศรษฐี 7 ครั้ง ตัดเท้าโคในคอก 7 ครั้ง เผาเรือน 7 ครั้ง และครั้งสุดท้าย ได้เผาพระคันธกุฏิที่เศรษฐีสร้างถวายพระพุทธเจ้า การกระทำดังกล่าวมาไม่ได้ทำให้เศรษฐีโกรธตอบเลย ทำให้โจรเดือดร้อนใจ จึงคิดที่จะฆ่าเศรษฐีให้ได้ แต่ไม่ได้โอกาส โจรนั้นเมื่อตายไป ไปเกิดในอเวจีมหานรก เสวยกรรมชั่วของตนเป็นเวลายาวนาน และได้มาเกิดเป็นเปรตถูกไฟไหม้อยู่มาจนกระทั่งบัดนี้
ดังนั้น บุคคลผู้ที่เกิดในตระกูลที่ต่ำ ซ้ำประพฤติทุจริตเป็นอาจิณ จึงส่งผลให้ได้รับทุกข์โทษ เปรียบได้กับบุคคลผู้ออกจากที่มืด ไปสู่ที่มืด
หน้า 23
ขอบคุณ ข่าวสดออนไลน์ กราบนมัสการขอบพระคุณ พระเทพคุณาภรณ์
สิริสวัสดิ์โสรวารค่ะ
Create Date : 31 มกราคม 2558 |
Last Update : 31 มกราคม 2558 11:44:48 น. |
|
0 comments
|
Counter : 587 Pageviews. |
|
|