ยินดีในความไม่ประมาท - พระเทพคุณาภรณ์
ธรรมะวันหยุด พระเทพคุณาภรณ์ (โสภณ โสภณจิตฺโต ป.ธ.9) เจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชรวรวิหาร www.watdevaraj.com
ความไม่ประมาท คือ ไม่อยู่ปราศจากสติ อำนวยสุขเป็นผล นักปราชญ์วิญญูชนสรรเสริญ
ความไม่ประมาทนั้น ควรบำเพ็ญให้เป็นไปในส่วนตนและคนอื่น เพื่อครอบงำกำจัดความประมาท พ้นจากความพลั้งพลาดเสียหาย ได้บรรลุความสุขและประโยชน์ตามมุ่งหมายในกิจการนั้นๆ
ความไม่ประมาท คือ มีสติ ระลึกรู้สึกตัวอยู่เสมอ เปรียบเหมือนคนเดินทาง เท้ากำลังเดิน แต่มัวนำถึงเรื่องอื่นๆ เช่น มองดูยอดไม้ หลังคาบ้าน เป็นต้น จึงเดินตกหลุมบ้าง พลัดตกสะพานบ้าง อย่างนี้เรียกว่าประมาทปราศจากสติ จึงได้รับผลร้ายคือพลั้งพลาด เกิดทุกข์ภัยแก่ตัว ถ้ากำลังเดิน มีสติคอยกำกับไว้ ไม่ส่งใจไปที่อื่น ก็ไม่ตกหลุม หรือพลัดตกสะพาน เช่นนี้เรียกว่า ไม่ประมาท จึงได้รับผลดี ไม่มีอันตราย
เมื่อยังไม่ได้อบรมสติ ความพลั้งพลาดจึงมีได้ หากอบรมดีแล้ว สติจะเกิดเร็วขึ้น และเมื่อถึงเวลาพลั้งพลาด สติจะช่วยได้ทันที เป็นสุขสบายดีเรียบร้อย
ด้วยเหตุนี้ จึงควรไม่ประมาท รู้จักระวังรักษาศีลของตนให้บริสุทธิ์ ไม่ทำโทษอย่างหยาบ ทางกาย ทางวาจา มีฆ่าสัตว์ และพูดปด เป็นต้น เป็นการเพิ่มพูนความดีให้มากยิ่งขึ้น
เมื่อทุกคนมีสติ ไม่มัวเมาแล้ว คอยเฝ้ารักษาจิตของตนให้ดี เพราะเป็นเหตุนำมาซึ่งความสุข ต้องตามพุทธภาษิตว่า "บัณฑิตควรรักษาจิตใจ เพราะจิตใจที่คุ้มครองแล้ว ย่อมนำมาซึ่งความสุข"
ดังนั้น ผู้รู้ควรรักษาจิตใจ ด้วยวิธีปราบจิต และวิธีปลอบจิต คือ ในเวลาที่จิตใจประสบสุขสำราญ รื่นเริง เพราะมีสิ่งที่พอใจเข้ามาชวนใจให้รักใคร่ ลุ่มหลง มัวเมา ไม่เอาเป็นธุระในการงานที่ควรทำ ต้องห้ามปราบปรามเอาไว้ให้อยู่ กดขี่ด้วยการปราบใจ
ถ้าในเวลาที่จิตใจหม่นหมองด้วยทุกข์โทมนัสขัดเคือง รันทด ระทม มีความไม่พอใจเข้ากระทบ จนเป็นเหตุให้เสื่อมเสียการงาน และไม่อาจหาญรื่นเริงในสัมมาปฏิบัติ ต้องระวังกำจัดด้วยการปลอบใจ ยกย่องประคองจิตใจให้ปราโมทย์ยินดี ให้เป็นประโยชน์ ให้อาจหาญในกิจการ
บัณฑิตรักษาจิตใจไว้ได้ด้วยวิธีดังกล่าวแล้ว จะอุดหนุนเพิ่มพูนให้มีอุตสาหะบากบั่นถอนตนขึ้นมาจากหล่มซึ่งถอนได้ยาก หล่มคืออุปสรรค โรคาพาธ ภัยพิบัติ อันตราย ทั้งภายในภายนอก ตลอดถึงความลังเลใจ ย่อท้อ อันเป็นศัตรูต่อความสำเร็จประโยชน์และความสุข
ผู้ปฏิบัติอาศัยความเพียรชอบแล้ว ควรพยายามถอนตนให้พ้นจากหล่มเช่นนั้น เต็มความสามารถด้วยปัญญาของตน ราวกับช้างตกหล่มแล้วถอนตนขึ้นจากหล่มด้วยตนเอง เพราะอาศัยงวง งา และ เท้าหน้า เท้าหลัง
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนพุทธบริษัทในเวลาเมื่อตกหล่ม คือ ที่ติดขัดแล้วให้เกิดวิริยะ กล้าหาญ จะได้เตือนจิตใจของตนว่า แม้แต่ช้างซึ่งเป็นชาติดิรัจฉาน อยู่ในวิสัยแห่งนายควาญช้าง สามารถแนะนำฝึกฝนให้เรียบร้อย ใช้สอยให้ประกอบกิจการ จนสมควรแก่ความเป็นราชพาหนะได้ เมื่อตกหล่มแล้วยังถอนตนขึ้นจากหล่มมิให้จมอยู่ จงยินดีในความไม่ประมาท จงคอยตามรักษาจิตใจของตน จงถอนตนขึ้นจากหล่ม
เหมือนช้างตกหล่มแล้วถอนตนขึ้นจากหล่ม ฉะนั้น
หน้า 23
ขอบคุณ ข่าวสดออนไลน์ กราบนมัสการขอบพระคุณ พระเทพคุณาภรณ์ สิริสวัสดิ์โสรวารค่ะ
Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2558 |
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2558 11:12:59 น. |
|
0 comments
|
Counter : 441 Pageviews. |
|
|