เมืองไทย แดนพลังจิตมหัศจรรย์

เรื่องลี้ลับ ไร้คำอธิบาย -บางท่านอาจจะอ่านแล้วจาก คู้สร้าง-คู่สมครับ
วัดตูม อยุธยา เป็นวัดโบราณ สร้างขึ้นมาก่อนอยุธยาเป็นราชธานีเสียอีก
--เคยเป็นวัดร้างเมื่อคราวเสียกรุงปี 2310 ต่อมาได้รับการบุรณะเมื่อสมัยรัชกาลที่1 ในสมัย ร.2 ก็มีการบูรณะเช่นกัน เดิมพระท่านใช้ทำพิธีนั่งปรก ในการลงของเครื่องอาวุธในพิธีพิชัยสงคราม ซึ่ง สมัย กรุงเทพเป็นราชธานี ก็มาทำพิธีนี้ที่นี่ด้วย มีธงพระกระบี่ธุช คือธงรวมของธงไชยเฉลิมพล ซึ่งจะมียันต์พิเศษสีขาวเย็บซ่อนไว้ สำหรับจอมทัพย์ มีการสร้างพระกระบี่ครุฑพ่าห์น้อยขึ้นด้วย
---ต่อมาในสมัยรัชกาลที่4 และ5 ได้เป็นพระอารามหลวง
--ในอุโบสถ มีพระพุทธรูปคือ หลวงพ่อทองสุขสัมฤทธิ์ ซึ่งรอดพ้นการถูกทำลายสมัยเสียกรุงครั้งที่สองมาอย่างอัศจรรย์
--เป็นพระที่แปลกประหลาดมหัศจรรย์ของไทย และคงมีองค์เดียวในโลก ที่ตรงเหนือพระนลาฎนั้นถอดได้ และถ้าปิดไว้ตามเดิมก็จะไม่เห็นรอยต่อ


--ภายในพระเศียรจะเป็นบ่อกว้างลึกลงไปเกือบถึงพระศอ จะมีน้ำซึมออกมาเหมือนหยาดเหงื่อ และเป้นอย่างนี้มาเป็นร้อยปีแล้ว ไม่เคยมีวันแห้ง แม้จะใช้สำลีเช็ดออกให้แห้ง ก็จะมีซึมออกมาเหมือนเดิม เป็นน้ำใสบริสุทธิ์ ไม่เป็นพิษภัยต่อร่างกาย

--การค้นพบนี้เกิดในสมัย พระอธิการชุ่ม เป็นเจ้าอาวาส ดโยมีนสยคง ชาวอำเภอบางบาล ซึ่งเป็นคนวิกลจริต ผ้าผ่อนไม่นุ่ง ได้พเนจรมาถึงวัดนี้ และอาศัยอยู่มานาน วันหนึ่งนายคงได้โอกาสปลอดคน ได้เข้าไปในอุโบสถ แล้วขึ้นนั่งคร่อมบนบ่าพระพุทธรูปองค์นี้ แล้วเอามือจับยอดพระเศียรโยกไปมาจนยอดพระเศียรหลุดออกมา เห็นภายในพระเศียรเต็มไปด้วยน้ำบริสุทธิ์น่ากิน นายคงจึงเอามือวักน้ำขึ้นมาดื่มกิน

----ผลจากการดื่มน้ำนี้ ทำให้นายคงหายวิกลจริตในทันที

--มองเห็นสภาพตัวเองรู้สึกทุเรศมาก จึงไปขอผ้าจากพระในวัดมานุ่ง พร้อมเล่าเรื่องให้ท่านฟัง

--ความทราบถึงเจ้าอาวาส ซึ่งท่านรู้เรื่องทางบ้านนายคงดีอยู่แล้ว จึงเรียกตัวมาถาม นายคงก็ตอบถูกทุกอย่าง จึงแน่ใจว่านายคงหายจากวิกลจริตอย่างแน่นอน

-แม้ว่าจะไม่มีสื่อต่างๆ แต่ข่าวนี้ก็แพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว และยังมีเหตุการณ์อัศจรรย์ต่างๆ ที่ชาวบ้านได้รับรู้และนำมาเล่ากันมากมายเหลือที่จะจดจำได้

 


Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | สมาชิก RBR ดูหนังเด็ด ง่ายๆ ก่อนใคร Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
Jet
Guest

61. "RE: ไกลบ้าน-อลังการไทยออร์เคสตร้า--Thailand Philhaemonic Orchestra - 100 years Kai-Ban Followed King Rama V"
In response to message #60

03-Aug-12, 03:41 AM (SE Asia Standard Time)
-ประหลาดดีใช่ไหมครับ ทีนี้เรามาวิเคราะห์ตามหลักวิทยาศาสตร์ สาขาควอนตั้มฟิสิกส์ เอ่อ...คงไม่ต้องขนาดนั้นหรอกครับ เอาแค่วิทย์พื้นฐานกับหลักแห่งตรรกะ หรือลอจิค ตามหลักเหตุและผล


---ถ้าผมไปหาช่างหล่อพระ สั่งทำพระพุทธรูป ที่เศียรถอดได้ และต้องมีน้ำเกิดขึ้นได้ แบบนี้ แน่นอนว่า ช่างก็คงทำไม่ได้


---ดังนั้นเป็นเรื่องของความปาฏิหารย์ หลังจากการหล่อแล้ว ก็... แล้วใครจะไปรู้ว่า นานไปจะมีน้ำมนต์เกิดขึ้น จนต้องทำเป็นบ่อน้อยๆเอาไว้

---สรุปว่า ผู้สร้าง รู้ก่อนสร้างว่า จะเกิดมีน้ำขึ้นมาในองค์พระ จึงสร้างมาแบบนั้น

----ขอพูดชัดๆเลย ขอบอกว่า ผู้สร้างท่านต้องการแสดง พลัง ความรู้ ศาสตร์และศิลป์ทุกอย่างที่ได้นำมารวมกันเป็นพระองค์นี้ ถ้าเป็นเทคโนโลยี่ทางจิต หรือพลังลี้ลับ ขอบบอกว่า มนุษย์ปัจจุบัน ยังตามท่านนี้ไม่เห็นฝุ่น หรือเป็นเทวดาดลใจ เข้าฝันให้สร้าง และน้ำมนต์ที่เกิดขึ้น ก็ด้วยพลังของเทวดา และผู้สร้างอาจเป็นพระสงฆ์ก็ได้

---สร้างด้วยความคิด ต้องเป็นความคิดของคนๆเดียว และคนนี้ต้องมีพลังจิต และวิชชาที่ทำอย่างนี้ได้ คือตั้งปรารถนาแล้วจะเป็นไปอย่างนั้น แบบเดียวกับท่านพระร่วง

--และคนๆนี้มีอำนาจ มีทรัพย์ดั่งกษัตริย์ สั่งระดมทีมงาน ให้ลงมือก่อสร้างในทันที (ไม่ทราบว่า เป็นพระปูนหรือทองเหลือง) และอง์พระได้ถูกสร้างขึ้นอย่างสวยงาม สมัยนั้นอาจเป็นยุคสุโขทัย เพราะตรงนี้คือเมืองๆหนึ่งในยุคโบราณ

--ดูจากการสร้างน่าจะเป็นพระปูน องค์พระสามารถดูดความชื้นและกลั่นตัวเป็นน้ำขึ้นได้ อะไรแบบนั้น นี่คือการคาดการณ์ทางวิทยาศาสตร์

---ท่านครับ เราใช้ปูนขาว และปูนซีเมนต์ก่อสร้างบ้านกันมาเยอะแยะ มีที่ไหนบ้างสามรถดูดน้ำจากอากาศมาเป็นลิตรๆได้บ้างไหม มีเทคนิคการก่อสร้างยังไงถึงรู้ว่าจะได้น้ำออกมา

--เห็นมีแต่แก้วน้ำที่ใส่น้ำแข็งเท่านั้นที่มีไอน้ำมาเกาะมากจนกลายเป็นหยดน้ำ สรุปแล้ว เรื่องนี้วิทยาศาสตร์ไม่มีคำตอบ สรุปได้เลย(ผมก็เรียนจบมาทางวิทย์)

--ทางด้านไสยศาสตร์ จิตศาสตร์ เป็นเรื่องพลังจิตอันน่าอัศจรรย์
--ถ้่าคนเรากินน้ำหนึ่งแก้วแล้วหายบ้าได้ นายคงก็หายไปตั้งนานแล้ว --นี่ก็มหัศจรรย์

--แล้วใครกันที่ดลใจให้นายคงเข้าไปถอดเศียรโมฬีพระพุทธรูปท่านออก ก็เทวดาสิครับ ถามได้

--สรุปแล้วนักวิทยาศาสตร์ ไม่ควรมาให้เหตุผลใดๆในเรื่องนี้ เพราะจะหน้าแตก วิ่งกลับบ้านไม่ทันครับ


--เมืองไทยมหัศจรรย์ครับ ขอบอกในนาทีนี้ว่า ผมดีใจที่เกิดมาเป็นคนไทย และได้รับทราบเรื่องเหล่านี้ ท่านผู้อ่านรู้สึกยังไงบ้าง ดีใจเหมือนผมไหมครับ


--- " ทุกครั้งที่ไม่สบายใจ ขอให้พร่ำบ่นแต่ คำว่า พุทธัง สรณัง คัจฉามิ" เป็นเสียงที่คุณศรีเพ็ญ ได้ยินมาจากในสมาธิ น่าจะเป็นเสียงเทพเทวดาท่านบอกมา


--ดินแดนไทยเป็นแผ่นดินทองของพระพุทธศาสนา และจะมีเมืองไทยตลอดไป ยืนหยัดอยู่คู่กับโลกนี้ครับ


ขอให้ถึง นิพพานนะปัจจะโย โหตุ ทุกท่านครับ ธรรมมะสวัสดีครับ

 
เพลงรุ่นเก๋าของเดอะวินเนอร์ ฉันจะไม่เต้นรำอีกแล้ว
//www.upload-thai.com/download.php?id=9eaaa13a26c53427179310661108804b
---------------------------------------------------
--อยู่ๆ พี่สาวผมก็เข้าคอร์สวิปัสสนา7 วันของคุณแม่สิริ เสื้อผ้า อาหาร มีคนจัดการให้เพราะได้บุญด้วย ต่อมา พี่สาวยังไปที่วัดปากน้ำอีก ก็ถูกอัธยาสัยกับแม่ชี เธอจึงถามว่า "แม่ชีจ๊ะ รู้มั้ยว่านรกสวรรค์มีจริงไหม จะพิสูจน์ได้อย่างไร แม่ชีว่า "มาอีกคนละ พวกชอบพิสูจน์นรกสวรรค์ มาซิจ๊ะ มานั่งวิปัสสนาสัก 15 วัน" พี่สาวรู้สึกสัมผัสวิญญาณของหลวงพ่อสด ก็ตัดสินใจทำมาสมาธิแบบเพ่งดวงแก้วอีก

--มีความเปลี่ยนแปลงอย่างมากในตัวเธอ ตั้งแต่ครั้งแรก พี่สาว-เธอจะเยือกเย็นมาก ค่อยๆพูด เปลี่ยนไปเป็นคนละคน เหมือนเธอถือแก้วน้ำคือจิต ระวังไม่ให้กระฉอกอย่างนั้น ยิ่งนานวัน เธอก็ศึกษาพุทธศาสนาอย่างเอาเป็นเอาตาย
--จนไปศึกษาที่สำนัก อจ.แนบ --ยุบหนอพองหนอ จบที่จิคว่างของท่านกตธุโร ที่เป็นฆราวาส ว่างอนัตตา สูญญตา ดับไม่มีเหลือ ในใจไร้จิต ใต้จิตไร้ใจ

--อยู่ๆ เธอก็พูดออกมาว่า "การศึกษา คือการเรียนรู้---- เราก็รู้และนำมาใช้ในสิ่งที่ถูกสอน" "แต่ยังมีสิ่งที่เหนือกว่านั้นอีก ก็คือทำสมาธิ นั่งสมาธิแล้วเกิดความรู้ขึ้นมาเองในจิต เป็นความรู้ที่แปลกใหม่ โดยไม่จำเป็นต้องมีใครมาสอน" สิ่งนี้ผมก็รู้ แต่ไม่เคยวิเคราะห์ออกมา นี่เหนือกว่าคำว่าการศึกษาเสียอีก และเป็นการปฏิวัติการศึกษาเรียนรู้ของโลกเลยทีเดียว คุณของพุทธศาสนาต่อชาวโลกนั้นยากที่จะประเมินคุณค่าใดๆได้

---เธอยังมีประโยคเด็ดๆอีก "รู้ไหมว่า ถ้าใช้จิตคิด เร็วกว่าใช้สมองคิดอย่างมาก และถูกต้องแม่นยำกว่าอีก " เฮ้ย..นี่ พี่สาวเราหรือเปล่าหว่า ดูเธอกลายเป็นเจ้าแห่งทฤษฎีพลิกโลกไปซะแล้ว สิ่งนี้ผมก็รู้ก่อนเธอมาหลายปี แต่ไม่ได้วิเคราะห์ออกมา เป็นเพียงแต่ความรู้สึกอยู่ในใจ อ๋อเราใช้จิต ใช้ใจคิดนี่เอง เป็นพลังจิต สัญชาติญาณ มันจึงไวน่ะเอง ใช้สติ ต่อมาก็เกิดปัญญา (ปัญญาในพุทธศาสนา ต่างจากปัญญาในการแก้สมการหรือทำโครงงานวิทยาศาสตร์ เขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์นะครับ)

--สรุปว่าเธอไม่ได้คิดอะไรใหม่ เป็นเพียงแต่ทำตามพระพุทธองค์ที่ทรงสอน และพบว่า เป็นอัญญมณีที่มีค่า เป็นรแก้วสารพัดนึกที่ใช้ได้ดังใจประสงค์

---เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้

 



Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP



Create Date : 21 ธันวาคม 2555
Last Update : 21 ธันวาคม 2555 17:45:44 น. 2 comments
Counter : 3650 Pageviews.

 
ผมมาถูกทางแล้ว หายสงสัยซะที


โดย: สัน IP: 171.98.146.67 วันที่: 22 มีนาคม 2556 เวลา:5:47:19 น.  

 
บิยดียิ่งครับ


โดย: jesdath วันที่: 22 สิงหาคม 2556 เวลา:2:00:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jesdath
Location :
เชียงราย Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 35 คน [?]




Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2555
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
21 ธันวาคม 2555
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add jesdath's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.