การแพทย์แบบรวมมิตรวิทยา 2(ทุกคน"ควรต้องอ่าน")

************
อาการของพี่ชายผม เริ่มจากเมื่อเดือนกว่า ๆ มาแล้ว เขานอนไม่หลับ คงเพราะเครียดกับงาน ตอนแรกๆ ก็กว่าจะหลับได้ก็ตีสองตีสาม ต่อมาน้ำหนักเริ่มลดลง ทานอาหารได้น้อย แต่ที่หนักกว่านั้นคือนอนไม่ได้เลย คือ อยู่ยันสว่างติดกันสองสามคืน แล้วมาหลับเพราะเพลียมาก แต่หลับได้สักพัก ตื่นมาแล้วก็นอนไม่ได้อีก ตอนนั้นมาให้หมอตรวจ ก็พบว่าตับเริ่มเสื่อม หมอก็ให้ยามา แล้วก็ให้ทานน้ำหวานเพื่อทดแทนพลังงาน ตรวจปัสสาวะ ก็พบว่ามีไข่ขาวปน หมอก็จึงให้โด๊ปไข่ขาวเพิ่มเพื่อรักษาระดับโปรตีน ก็ทำตามทุกอย่าง อาการยิ่งหนักลง คือ ขอบตาดำ แล้วเท้าโต ที่มาเข้าโรงพยาบาลนี่เพราะมีอาการคล้ายโรคหัวใจ คือ ความดันต่ำ หายใจไม่ออก มีไข้ขึ้นสูงด้วย ก็เลยมาแอ๊ดมิดเมื่อคืน”
“ผมก็ลองใช้ลูกดิ่งถาม เอารูปพี่ชายมาดิ่ง แล้วตั้งคำถามว่า ที่รักษาอยู่ปัจจุบันนี้ ถูกทางหรือไม่ ลูกดิ่งก็นิ่ง ถามใหม่ว่า ควรเปลี่ยนแนวทางการรักษาใช่หรือไม่ ลูกดิ่งก็หมุน ถามกี่ครั้งก็ให้คำตอบเหมือนกัน ผมตั้งคำถามแค่นี้นะ คือ ถามวิธีรักษาลึกไปกว่านี้เนี่ยคงไม่เป็น เพราะยังไม่ได้เรียน คือผมบอกได้เลยนะว่า ผมลังเล ตอนแรก ๆ ที่รู้ว่าพี่ชายผมอยู่ในมือหมอแล้ว ผมก็สบายใจ แต่ทำไมอาการทรุดลง ผมเริ่มคิดว่าเรามากันถูกทางหรือเปล่า แล้วพอมาถามลูกดิ่ง ก็ได้ผลแบบนี้ แต่ข้อมูลยังไม่ครบ คือ ไม่รักษาที่โรงพยาบาลน่ะ ก็ได้ แต่ถ้าเรายังไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไร จะรักษาด้วยวิธีไหน ? ไปรักษากับใคร ? พี่ชายผมไม่ได้ดื่มเหล้า ถ้าแค่เครียดแค่นี้ ทำให้เป็นถึงขนาดนี้มันก็เกินไป
“ตอนที่ผมอยู่ในห้องเรียน ผมรู้สึกว่าผมศรัทธาอาจารย์สุทธิวัสส์มาก ซึ่งปกติผมจะไม่สนใจเรื่องพวกนี้ แต่ท่านนี่ถือว่าเป็นสุดยอดของครูจริงๆ ตอนที่ผมเดินออกไปให้ท่านตรวจ ท่านเอาลูกดิ่งจ่อมืออึดใจเดียว ท่านบอกเลยว่า คุณฉี่บ่อย มาจากเบาหวาน ให้ทานอบเชย แล้วผมมีสะเก็ดเลือดที่สมองส่วนหลัง ทำให้แขนขาไม่มีแรง เรื่องขานี่ ผมไม่เคยบอกใครเลย ผมชาปลายขามาเป็นปีแล้ว เคยเอ็กซเรย์แต่ไม่เจออะไรผิดปกติ ท่านอาจารย์ตรวจได้แม่นมาก ๆ ”
************
สื่อสารกับเพนดูลัมไม่ได้
“แฟนนี่สื่อสารกับเพนดูลั่มไม่ได้ ก็ดูเค้าเศร้า ๆ ไป เป็นอย่างนี้มาหลายวันแล้ว เหมือนกับหมดความมั่นใจในตัวเอง พี่ก็ไม่รู้จะช่วยยังไง เค้าเคยมีลูกดิ่งเป็นเพื่อนมานานพอสมควร จู่ ๆ ก็ขาดการติดต่อไปแบบนี้ ก็คงเหมือนกับเสียเพื่อนไป”
ทอมสูดหายใจช้า ๆ ยาว ๆ เธอล้วงกระเป๋ากางเกงด้านหลัง หยิบกระดาษสัญลักษณ์แพนดิต้าออกมา แล้วเดินเข้าไปหาแฟนนี่



สัญญลักษณ์แพนดิต้า (Pandita)---- (ค้นไม่เจอ เจอแต่คำว่า --บัณฑิต
Paṇḍita (Hindi: paṇḍit; Indonesian/Malay: pendeta; Javanese: pandito, pendito, pendeto; Tibetan: khepa; Wyl: mkhas pa) is a Sanskrit word meaning learned master. The word pundit is derived from pandit or pandita.)


“แฟนนี่ ตอนที่แฟนนี่ยังใช้เพนดูลั่มได้ แฟนนี่มั่นใจมั้ยว่าเราเก่งกว่าเด็กผู้หญิงธรรมดา ๆ คนอื่น ?”
เธอพยักหน้า “ค่ะ มั่นใจมาก”
“ความมั่นใจนั้น แฟนนี่ยังจำได้มั้ย ?”
“ค่ะ ยังจำได้”
“ดี งั้นแฟนนี่นั่งลง”
“นั่งตามสบายนะ เออ.. ขัดสมาธิอย่างนั้นก็ได้ แล้วสูดหายใจลึก ๆ นะ แล้วถือแผ่นกระดาษนี่ไว้ จับอย่างนี้นะ…ดี แล้วค่อย ๆ หลับตา”
“สวดนะโมตัสสะ สามจบ นะ” ทอมพูด พร้อมกับเปิดหนังสือธรรมะที่เธอหยิบติดมือมา เธอพลิกไปถึงหน้าที่ต้องการ
“แฟนนี่ พูดตามนี้ อิมาหัง ภะคะวา อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปะริจจะฉามิ ข้าพเจ้า ขอมอบกายถวายชีวิต แด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า”
“ข้าพเจ้า ขออาราธนาบารมี สมเด็จพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม และ พระอริยสงฆ์ ครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบ ๆ กันมา ขอได้โปรดยกจิตของข้าพเจ้าขึ้นสู่ภาวะพระกรรมฐานทั้งสี่สิบทัศ พระปิติทั้งห้า และ วิปัสสนาญานทั้งเก้า ขอได้โปรดยกจิตของข้าพเจ้าขึ้นสู่ภาวะแห่งเมฆจิต สามารถกำหนดจิต รู้ภาวะการณ์ต่าง ๆ ทั้งเหตุ และ ผล อดีต อนาคต และ ปัจจุบันได้ทุกขณะจิตที่ประสงค์จะรู้ เมื่อรู้แล้วขอให้เห็นภาพนั้นได้ชัดเจนแจ่มใส และ พยากรณ์ได้ตามความเป็นจริงทุกประการ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด”
“หายใจเข้าท้องป่อง ภาวนานะมะ หายใจออกท้องแฟ่บ ภาวนาพะธะ… ค่อย ๆ ช้า ๆ นะ คราวนี้ให้รวมความรู้สึกทั้งหมด ไปอยู่ที่การฟัง อากาศจะหนาว จะร้อน อย่าสนใจ จะได้กลิ่นอะไร อย่าสนใจ เสียงที่แฟนนี่จะได้ยิน จะมีแต่เสียงพี่ทอมเท่านั้น”
ด้วยเสียงพี่ทอมนี้ จะเป็นสื่อให้กับคนที่แฟนนี่นับถือเคารพบูชา แฟนนี่นึกถึงเสียงของใครที่แฟนนี่อยากได้ยิน ขอให้นึกทันที ภาพใดปรากฏในจิตเป็นภาพแรก ขอให้พูดออกมา”
ในความมืดสนิท สงบในสมาธิ จิตของเธอนึกถึงฤาษี
“ฤาษีค่ะ” เธอพูดออกมา
“ดีค่ะ ฤาษีท่านนี้ มีชื่อหรือไม่ ?”
“ชื่อท่านปู่ชีวกค่ะ”
“ดี ดี เห็นหน้าของท่านมั้ย ?”
“ไม่ชัดค่ะ”
“ลองดูใหม่อีกที เห็นหน้าท่านมั้ย ?”
“ค่ะ เห็น ท่านยิ้มให้”
“ดีค่ะ ขอให้ท่านลูบหัวแฟนนี่”
“ค่ะ ท่าน ท่าน…” น้ำตาเริ่มไหลออกมาจากลูกตาของเธอ
“มีอะไรเกิดขึ้นเหรอคะ ? แฟนนี่” ทอมถามเบา ๆ
“ท่านปู่… ลูบหัวแฟนนี่” เธอเริ่มสะอึก น้ำตาเริ่มไหลลงมาเป็นหยด
“เอาล่ะ แฟนนี่ถามท่านว่า แฟนนี่ยังสามารถใช้ลูกดิ่งได้มั้ย ?”
“ได้ค่ะ… ท่านปู่บอกว่า แฟนนี่จะเป็นนักเพนดูลั่มที่เก่งที่สุด” เธอพูดกึ่งร้องไห้ เสียงสะอึกติด ๆ ขัด ๆ
“ดีมาก ถามท่านปู่ว่า แฟนนี่จะช่วยคุณลุงได้มั้ย ?”
เธอพยักหน้า
“งั้นลาท่านปู่ซะ นึกถึงภาพตัวเองกราบที่เท้าท่านนะ ตอนนี้แฟนนี่เริ่มกลับมาอยู่กับพี่ทอมนะ เรายังอยู่ที่โรงพยาบาล จำได้มั้ย พี่ทอมจะนับหนึ่งถึงสิบ ถ้าถึงสิบแล้ว แฟนนี่ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นนะ”
สาวน้อยลืมตาขึ้น พร้อมกับเสียงนับสิบของทอม เธอยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตา
“ยังไม่ต้องเล่าอะไรตอนนี้นะ” ทอมลุกขึ้นยืน แล้วหยิบถุงลูกดิ่งในกระเป๋ากางเกงออกมา
“ความมั่นใจเต็มร้อยแล้วใช่มั้ย ?” เธอมองหน้าแฟนนี่
แฟนนี่พยักหน้า “เกินร้อยด้วย”
ทอมยื่นลูกดิ่งให้ “ใช้ลูกดิ่งนี่ ลองดู”
แฟนนี่ยื่นแผ่นเรียกพลังแพนดิต้ากลับคืนให้ทอม
เธอใช้มือขวาจับลูกดิ่ง มือซ้ายประคอง แล้วเริ่มดิ่ง
ไม่กี่วินาที ลูกดิ่งเริ่มตอบสนอง เธอกระตุกลูกดิ่งเพื่อเปลี่ยนคำถามเป็นระยะ ๆ
ภายในไม่กี่วินาทีนั้น เธอถามลูกดิ่งไปแล้วมากกว่าสิบคำถาม ลูกดิ่งให้คำตอบที่รวดเร็วเหมือนที่เธอเคยทำได้มาก่อน
“แฟนนี่ใช้ลูกดิ่งได้แล้วค่ะ”
ชาตรีพยักหน้า ยกข้อมือขึ้นมองนาฬิกา รุ้งรีบโทรศัพท์หาพี่สะใภ้
นาฬิกาในห้องคนไข้ บอกเวลาหกโมงตรง
แฟนนี่เลือกที่จะนั่งที่เก้าอี้ห้องรับแขก ซึ่งมองผ่านจากมุมนี้เข้าไป จะเห็นหน้าคุณลุงที่นอนอยู่บนเตียงพอดี
“แฟนนี่มองไปที่คุณลุงนะ แล้วใช้มือดิ่งลอย ไม่ต้องดิ่งบนฝ่ามือเรา คำถามแรก ถามว่าคุณลุงมีเจ้ากรรมนายเวรใช่หรือไม่ ?”
วินาทีที่รุ่งพูดจบ ลูกดิ่งในมือของแฟนนี่ทำงานทันที
“ใช่ค่ะ”
“อุทิศบุญของแฟนนี่ให้ได้หรือไม่ ?”
“ไม่ได้ ไม่พอค่ะ”
“อุทิศบุญของพี่รุ่ง กับพี่ทอม คุณพ่อ คุณแม่รวมกันได้หรือไม ? ่”
“ได้ค่ะ”
รุ่งเริ่มกล่าวบทอุทิศส่วนกุศลให้คนที่เหลือพูดตาม
พอจบแล้ว เริ่มถามต่อ
“มีเจ้ากรรมนายเวรอีกหรือไม่ ?”
“ไม่มีค่ะ”
“บุญของคนไข้มีพอจะรักษาหายหรือไม่ ?”
“พอค่ะ”
“มีพยาธิ หรือไม่ ?”
“ไม่มีค่ะ”
“มีเชื้อไวรัสหรือไม่ ?”
“ไม่มีค่ะ”
“เม็ดเลือดแดงต่ำกว่าห้าลิตรใช่หรือไม่ ?”
“ใช่ค่ะ ?”
“ถามไปเรื่อย ๆ ว่าเหลือกี่ลิตร ?”
เพียงห้าวินาที เธอจบคำถามไปอีกสามคำถาม
“เหลือสามลิตรค่ะ”
รุ่งพึมพำกับทอม “ไม่น่าจะใช่พยาธิจริง ๆ”
เขาพยามจะตัดคำถามที่ไม่จำเป็น เลือกแต่เฉพาะคำถามที่ใกล้เคียงอาการนี้มากที่สุด
“ตับทำงานกี่เปอร์เซนต์ ? เริ่มต้นที่เจ็ดสิบลงมา”
“ห้าสิบเปอร์เซนต์ค่ะ”
“ถามย้ำอีกครั้งว่า ไม่มีไวรัสที่ตับใช่หรือไม่”
“ไม่มีค่ะ”
“เกิดจากแอลกอฮอลล์ใช่หรือไม่ ? ”
“ไม่ใช่ค่ะ”
รุ่งจดทุกอย่างใส่กระดาษไว้หมด แล้วค่อย ๆ ตัดสาเหตุที่ไกลอาการออกไป
“ต่อมา ถุงน้ำดีนะ ถามว่าถุงน้ำดีข้นใช่หรือไม่ ? ”
“ใช่ค่ะ”
“ถามเปอร์เซ็นต์ ไล่ทีละสิบนะ เริ่มตั้งแต่สิบ”
“เจ็ดสิบค่ะ”
รุ่งพยักหน้าพึมพำ “ระบบดูดซึมเสีย แต่ไม่มีพยาธิ”
“มีไขมันในลำไส้ ใช่หรือไม่ ? ”
“ใช่ค่ะ”
“ไขมันในลำไส้มากขนาดไหน ? ให้กำหนดถามว่า เล็กน้อย ปานกลาง หรือ มาก”
“เล็กน้อยค่ะ”
รุ่งจด ทอมอ่านไปด้วย แล้วทั้งคู่หันมามองหน้ากัน
“รุ่ง ไขมันในลำไส้น้อย แต่ระบบดูดซึมเสีย ไม่มีพยาธิ ก็เหลือเรื่องเดียวแล้ว”
“แฟนนี่ ถามว่า มีเชื้อราใช่หรือไม่”
“ใช่ค่ะ”
“ถามซ้ำนะแฟนนี่ ให้ถามว่า ไม่มีเชื้อราใช่หรือไม ? ่”
“ไม่ใช่ค่ะ”
“ถามอีกครั้ง มีเชื้อราใช่หรือไม่ ? ”
“ใช่ค่ะ”
“เอาล่ะ เชื้อราเป็นเหตุที่ทำให้ตับผิดปกติใช่หรือไม ? ่”
“ใช่ค่ะ”
“เป็นเหตุที่ทำให้ถุงน้ำดีผิดปกติใช่หรือไม่”
“ใช่ค่ะ”
“แฟนนี่ ถามไตซ้าย ไตขวาน่ะ ถามแค่ว่าปกติหรือไม่ แต่ไม่ต้องถามเป็นเปอร์เซนต์”
เธอรัวคำถาม ลูกดิ่งใช้เวลาตอบไม่ถึงสองวินาทีต่อคำถาม
“ทั้งไตซ้าย และ ไตขวา ผิดปกติค่ะ”
“ขาบวมต้นเหตุมาจากไตใช่หรือไม่ ? ”
“ใช่ค่ะ”
“เชื้อราเป็นต้นเหตุของไตผิดปกติใช่หรือไม ? ่”
“ใช่ค่ะ”
รุ่งเริ่มใจชื้นขึ้น เขามั่นใจว่าเขามาถูกทางแล้ว
“การทานน้ำหวาน เหมาะสมหรือไม่ ? ”
“ไม่เหมาะสมค่ะ”
“การทานไข่ขาว เหมาะสมหรือไม่ ? ”
“ไม่เหมาะสมค่ะ”
“รักษาด้วยอาหารที่มีเพคตินสูงใช่หรือไม่ ? ”
“อะไรนะคะ เพคตินหรือคะ ? ” แฟนนี่ไม่รู้จักคำนี้
“ใช่ เพคตินนะ แฟนนี่ อ้อ..เปลี่ยนใหม่ ถามว่ารักษาด้วยอาหารที่มีเมือกสูงใช่หรือไม่ ? ”
“ใช่คะ”
รุ่งพอใจกับผลการตรวจ เขามั่นใจแล้วว่าต้นเหตุหลักคือเชื้อรา
“เชื้อรานี่อันตรายมากค่ะ เป็นอัลฟ่าทอกซินที่ติดเข้าไปกับอาหารพวกผลไม้สุกงอม หรือพวกแป้งขนมปัง และ ผลิตภัณฑ์จากถั่ว เวลาเข้าร่างกายแล้ว จะแพร่พันธ์เป็นสปอร์ เกาะไปทั่วร่างกาย ทำให้ร่างกายรับสารอาหารอะไรไม่ได้เลย เมื่อไปเกาะแพร่พันธ์ที่อวัยวะไหน อวัยวะนั้นก็ใช้งานไม่ได้ เพราะขาดสารอาหาร ถ้าเข้าปอด และ หัวใจ ก็มีโอกาสเสียชีวิตได้ เชื้อราเจริญพันธุ์ได้ดีถ้ามีของหวาน กับ โปรตีน ถ้ายังทานของหวานกับโปรตีน เชื้อราจะแพร่พันธุ์ได้เร็วขึ้น”
“ตายเลย ก็หมอแนะนำให้ทานแต่น้ำหวาน กับ ไข่ขาว ยิ่งทำให้เชื้อราขยายพันธุ์เร็วขึ้นสิ”
“แต่แค่รู้วิธีรักษา ก็ไม่น่าห่วงแล้ว คือ ทานพวกผักที่มีเมือกเยอะ ๆ เช่น กระเจี๊ยบเขียว ผักบุ้ง ผักปรัง แล้วก็น้ำใบย่านางคั้นก็ช่วยได้ ถ้าอยากได้เร็วก็ใช้สมุนไพรสกัดอัลฟ่าเป็นแคปซูล ไม่ต้องห่วงแล้วนะคะ ถ้ารู้ต้นเหตุ รักษาหายได้แน่ ๆ ทอมว่ายังดีกว่ามีไวรัสในไขกระดูกนะ”
“แฟนนี่ ดิ่งถามให้หน่อยนะ”
“ค่ะ”
“คุณลุงสมควรย้ายไปโรงพยาบาลรามาใช่หรือไม่ ? ”
“ใช่ค่ะ”
“หมอที่ชื่อสุรเดช เป็นหมอที่จะรักษาคุณลุงได้ใช่หรือไม่ ? ”
“ใช่ค่ะ”
หกโมงครึ่ง แฟนนี่ไม่ได้รับโทรศัพท์ของใครอีกเลย
เธอตัดสินใจเดินออกมาจากห้องคนไข้ เห็นคุณพ่อกำลังคุยอยู่กับคุณป้า
เธอมีความปิติเต็มหัวใจ ความมั่นใจทั้งหมดกลับคืนมา มากยิ่งไปกว่านั้น หากคุณลุงของเธอหายป่วย นั่นก็ได้ชื่อว่า เธอเป็นคนช่วยชีวิตคุณลุงไว้
เพนดูลั่มกลับมาหาเธอแล้ว กลับมาด้วยพลังที่มากขึ้นด้วย เธอรู้สึกได้
**********
ทำไมอารมณ์หงุดหงิดง่าย
อาการของเธอ เป็นอาการถุงน้ำดีข้น มันทำให้อารมณ์หงุดหงิด ฉุนเฉียว แล้วก็มีอาการอื่น ๆ อีกเยอะ แต่เธออาจจะไม่ได้สังเกต ให้กินน้ำสมุนไพร สำหรับล้างน้ำมันพืชในลำไส้ ”
“เรากินอาหารที่ใช้น้ำมันพืชมาตลอดชีวิต น้ำมันพืชมันก็ไปเคลือบอยู่ในลำไส้ น้ำก็ล้างไม่ออก เพราะน้ำกะน้ำมันมันเข้ากันไม่ได้ คือ น้ำมันเนี่ยมันจะไม่ละลายในน้ำปกติ แต่ต้องมีกรดไปชะมันออก เวลาที่เรากินอาหารที่มีน้ำมันพืช ถึงจะดื่มน้ำตามลงไปมากเท่าไหร่ น้ำมันก็ยังเกาะติดกับลำไส้ยังงั้น เกาะไปเป็นสิบปี เท่ากับอายุเราน่ะแหละ…”
“…พอมันเกาะเคลือบอยู่อย่างนั้น เวลาเรากินอาหาร กินน้ำเข้าไป มันไม่ได้เข้าไปถึงตัวเลย เพราะระบบดูดซึมภายในของเรา ถูกน้ำมันพืชเคลือบอยู่หมด ร่างกายก็ไม่ได้รับสารอาหาร ไม่ได้รับน้ำที่กินเข้าไป เพราะมันไม่ได้ซึมไปใช้ ไตก็ต้องพาน้ำไปทิ้ง คือ ฉี่ คนสมัยนี้ก็เลยฉี่บ่อย เป็นโรคไต…”
“อือ ใช่ นี่ก็หนึ่งของอาการ ที่ชั้นเป็นอยู่”

“…พอมันเคลือบ น้ำเข้าไม่ได้ ถุงน้ำดีซึ่งต้องการน้ำไปผลิตน้ำดี มันก็ข้น เส้นเลือดที่วิ่งจากถุงน้ำดีนี้ มันวิ่งไปหลายจุดของร่างกาย จุดใหญ่ ๆ คือ มันวิ่งขึ้นสมองส่วนหน้า เมื่อถุงน้ำดีมีปัญหา เลือดที่วิ่งขึ้นสมองส่วนหน้าก็น้อย สมองเธอก็จะได้รับออกซิเจนน้อยลง เพราะออกซิเจนมันวิ่งไปกับเลือด เมื่อออกซิเจนน้อย ก็มีอาการผิดปกติของจิต อาการฉุนเฉียว ความอดทนต่ำ วีนแตกง่าย ๆ เนี่ย มาจากสมองได้รับออกซิเจนไม่พอ...”
“…วิธีแก้ คือ ต้องไปล้างน้ำมันพืชออกจากลำไส้ พอล้ำไส้สะอาด น้ำที่กินเข้าไป ก็ซึมเข้าตัว ไปเจือจางถุงน้ำดี เลือดก็เดินปกติ แค่นี้ก็จบ สมุนไพรที่ไปล้างถุงน้ำดีได้มีหลายตัว แต่ที่กินง่ายที่สุดคือ ชามะละกอ หรือใช้ของแพง เป็นสมุนไพรผง เทใส่น้ำแล้วชงกิน แต่วัตถุประสงค์เดียวกัน คือ เข้าไปล้างน้ำมันในลำไส้”
“อาการอื่น ๆ ที่เป็นนะ ลองสังเกตดูว่าเป็นหรือเปล่า ? คือ ร้อนใน อุณหภูมิในตัวสูงขึ้น นอนไม่หลับ แพ้อากาศ ฉี่บ่อย…”
“แต่นอนไม่หลับนี่ ของเธอมีเรื่องขาดเอสโตรเจนด้วย”
“ขาดแล้วก็มีมีผลต่อเรื่องอารมณ์เหมือนกัน เอสโตรเจนช่วยให้ใจเย็น อดทนสูง แล้วก็ทำอะไรที่ช้า ๆ ค่อย ๆ ทำได้ ไม่รำคาญ แล้วก็นอนหลับสบาย”
“ลองสังเกตตัวเองว่า เป็นงี้ป่าวนะ? คือ ขาดเอสโตรเจนน่ะ มันจะนอนหลับไม่สนิท แล้วก็ตัดสินใจเร็ว รอไม่ได้ รอแล้วหงุดหงิด แล้วไม่ค่อยร้องไห้ แต่ไม่ใช่อดทนสูงนะ คือ มันร้องไม่ออก แต่มันออกมาเป็นอารมณ์ฉุนเฉียวเลย แต่ถ้ามีเอสโตรเจนเพียงพอ มันจะอดทนได้สูง เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็มองผ่านได้ มีอารมณ์เคลิ้มได้ง่าย ๆ อ่อนไหว แต่ไม่อ่อนแอ ดูหนังซึ้งยังเงี้ย ร้องไห้ออกมาได้ เพราะซาบซึ้ง ร้องแล้วก็รู้สึกดี”
“ร้องไห้น่ะ ไม่ได้หมายความว่าอ่อนแอทุกครั้งนะ บางครั้งมันคือปีติที่คนมีเอสโตรเจนสูงเขาระบายปีติออกมาทางน้ำตา แต่ถ้าขาดเอสโตรเจน มันไม่ร้องหรอก มันจะฉะท่าเดียว”
“ขาดเอสโตรเจนต้องทำยังไง ?”
“ของเธอ ต้องเพิ่มด้วยการมองโลกในมุมมองที่ต่างออกไป”
“ยังไงอะ ไม่ใช่ต้องกินอะไรเพื่อเพิ่มฮอร์โมนเหรอ ?”
“เรื่องกินน่ะ ก็กินน้ำมะพร้าวอ่อนบ่อย ๆ มีเงินก็ไปซื้อมุกสกัด แต่ของเธอที่หนักคือเรื่องทัศนคติในการมองโลกของเธอ
“…. เธอจัดการกับเรื่องถุงน้ำดีข้นก่อน นั่นมีผลมากที่สุดตอนนี้ เรื่องเอสโตรเจนเดี๋ยวชั้นส่งบทความให้อ่านแล้วกันนะ”
***********
สำหรับคนทำงานกลางคืน
เครียดนะครับ ต้องเล่นดนตรีเพื่อได้เงิน อะไรก็ตามที่ต้องทำตามกำหนดเวลา ทำทุกวัน มันคงไม่สนุกหรอก ตื่นนอนตอนบ่าย แล้วทำงานตอนเย็น ๆ ค่ำ ๆ ยังงี้จะไปมีสังคมอะไรได้ ก็นอกจากคบกับพวกคนกลางคืนด้วยกัน”
คนพวกนี้น่ะ แก่แล้วตับทรุดทุกคน เพราะนอนไม่เป็นเวลา แล้วก็กินเหล้า”
“รุ่งรู้จักเรื่องเมลาโทนินมั้ย ?”
“เมลาโทนินเป็นสารที่สมองส่วนไฮโปธาลามัสสั่งให้หลั่ง มันใช้ควบคุมเรื่องการนอนหลับของคน แล้วก็มีผลต่อฮอร์โมนตัวอื่น ๆ แล้วก็มีผลต่อเรื่องการสร้างเซล ที่เค้าเรียกว่าเซลรีโปรดั๊กชั่น”
“ไอ้สารนี้เนี่ย มันจะหลั่งเวลาที่คนเราอยู่ในความมืด ความสงบ พอหลั่งแล้ว จะทำให้สบายนอนหลับได้ แล้วกระบวนการสร้างเซลต่าง ๆ ในร่างกาย ก็ทำงานสมบูรณ์ แต่เดี๋ยวนี้เนี่ย ความมืดมันไม่ค่อยมีแล้ว เพราะคนนอนดึก มีทีวีดู มีอินเตอร์เน็ตเล่น กว่าจะปิดไฟนอนก็เที่ยงคืน เมลาโทนินก็ไม่หลั่งเหมือนปกติ มันทำให้แก่เร็ว จะสังเกตว่า เด็กผู้หญิงสมัยนี้โตเร็ว อายุไม่เท่าไหร่มีหน้าอก แล้วก็มีความรู้สึกทางเพศตั้งแต่อายุน้อย ๆ ซึ่งมันผิดธรรมชาติ แล้วเดี๋ยวก็จะแก่เร็ว เพราะมันมีสิ่งยั่วยุทำให้เรานอนดึก”


Create Date : 19 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2554 0:20:12 น. 4 comments
Counter : 2993 Pageviews.

 
--ได้มีการจัดงานสัมมนาเรื่อง "โรคเวรกรรม" ที่ ม.เชียงใหม่ ดยมีผู้ประสบจริง คืออดีตพยาบาล ท่านเป็นเนื้องอกในสมอง มีผู้มีญาณให้เธอไปขอขมา 3 คนที่เธอสั่งให้ทรมาณโดยดารบีบขมับ การนี้ใช้เวลาถึงสามปี พอขมาคนสุดท้าย เธอก็หายปสฃวดหัวทันที เช็คดูเนื้องอก ก็ได้ยุบตัวจนไร้อันตราย
--สรุปแล้วงานนี้ หมอทั้งหลายไม่ออกมาเถียงสักคน ยอมรับกันทั้งหมดหอประชุม และยอมรับว่า โรค-- ที่มีสาเหตุมาจากกรรมเก่า ก็มีแล้ว--มีจริงในวงการแพทย์ ซึ่งมีมานานแล้ว แต่เนื่องจากวงการนี้ไม่ยอมรับเรื่องอดีตชาติ จึงไม่ได้มีการบันทึกไว้


โดย: jesdath วันที่: 19 พฤศจิกายน 2554 เวลา:0:15:07 น.  

 
โทษทีครับตัวหนังสือขอวงโอเปร่า เล็กกว่ามดอีก จึงมีพิทพ์ผิดตรงคำว่า ปวดหัว นะครับ


โดย: jesdath วันที่: 19 พฤศจิกายน 2554 เวลา:0:16:29 น.  

 
แวะมาเยี่ยมในวันหยุด...สวัสดีครับ


โดย: **mp5** วันที่: 19 พฤศจิกายน 2554 เวลา:14:38:56 น.  

 
ยินดีครับที่มาเยี่ยมในวันที่เงียบเหงาหัวใจ
สวัสดีครับ
เจ๊ย์(ภาษาอินเดีย)--ชัยยะ--คนอยู่มีชัย คนไปมีโชค---


โดย: jesdath วันที่: 20 พฤศจิกายน 2554 เวลา:14:22:54 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jesdath
Location :
เชียงราย Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 35 คน [?]




Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
19 พฤศจิกายน 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add jesdath's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.