อาจารย์สอนกรรมฐานขั้นสูง--มีหลายขา

-----ต้องทำใจครับ--ทุกๆอย่างขึ้นกับเบื้องบนเป็นผู้กำกับ เราเหมือนนักแสดง ก็ทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้ ถ้าไม่สบายใจ ก็จุดธูปกลางแจ้ง 16ดอก บอกกับเบื้องบน ให้ท่าช่วย แล้วจึงปักธูป หรือจะไปจุดที่ทางศาลพระพรหมก็ได้

--ผมเองคิดว่า พระพรหมท่านอยู่ทุกที่ บางทีรถจะเสีย หรือไปหยุดหน้าศาลพอดี เป็นศาลหลายที่ ตามโรงเรียน บ้านคน เหมือนท่านทักเรานะแหละ--ก่อนนั้นผมก็ทุกข์มากเรื่องงาน เที่ยวพเนจรไปทั่ว

---องค์ใน องค์เทพ ท่านช่วยเราได้แน่ --ความอึดอัดใจมันก็บอกยาก ถ้าดูพื้นดวง ก็จะพบพวก ดาวเสาร์ -ดาวมฤตยูเล็งลัคนา ทำให้เกิดความเครียดมากๆ และกินเวลานาน กว่ามันจะไป

---อะไรๆ มันก็จะร้ายแรงในปี 2555 ถ้าน้ำทะเลสูงขึ้นมาอย่างน้อย 8 เมตร จะอยู่กันอย่างไรครับ เงินทั่วโลกหมดค่า จะทำยังไงกันครับ ผมเครืยดเรื่องนี้มากกว่า แฟนนิมิตเห็นมาก่อนนี้2 ปีแล้ว และนิมิตเธอไม่เคยพลาด

------ถ้าผ่านช่วงนี้ไปได้ คุณก็จะรู้ว่า เบื้องบน หรือพรหมลิขิต นั้นได้สอนชีวิตเราถูกต้องแล้ว ช่วงที่มีความสุข เราก็เหลิง แต่ถ้ามีความทุกข์ มีปัญหา เรากลับนิ่ง และสามารถแก้ปัญหาได้ นั่นคือเราแก้ทุกข์ได้ ถ้าเราไม่เห็นปัญหา คือทุกข์ เราก็ไม่รู้จะแก้ยังไง ถ้าเราเห็นมันก็พอแก้ได้ เช่นเดียวกับกิเลส ถ้ากิเลสละเอียดก็แก้ยาก ยังไงยังไง ชีวิตคุณผ่านมาถึงจุดนี้ได้ ก็นับว่า ดวงดีและเก่งมากๆ ที่เคยเห็น คนส่วนใหญ่จะตกงานตอนแก่ทั้งนั้น ต้องทำกิจการของตนเอง แม้กระนั้นก็สำเร็จยาก ผมเคยทำเครื่องเสียงส่งเมืองนอก ทำเอง ทุกวันนี้ก็มีฝรั่งเมล์มาหาตลอด

--- จริง0htพี่เบน มาอ่านกี่ทีก็สนุก

-ช่วงนี้จะตอบคำถามและเล่าธรรมมะไปด้วยครับ

--บางท่านว่าธรรมมะเหมือนยาขม บางท่านบอกหวาน ธรรมมะก็คือกฏธรรมชาติ ที่มีมาแต่ดั้งเดิม ตั้งแต่ยังไม่มีมนุษย์ก็มีอยู่อย่างนั้น อะไรขมอะไรหวานก็คือเราเข้าไปตัดสินกันเอง เหมือนที่ท่านปัญญาธโรบอกว่า ไปตีเด็กทำไม "ก็มันเป็นลูกผม" "แล้วเด็กมันบอกเหรอว่ามันเป็นลูกคุณ หรือคุณทึกทักเอาเอง" ร่างกายกว้างศอกยาววาหนาคืบ มีแค่เป็นที่กำเนิดสิ่งสกปรกต่างๆ อุดมไปด้วยรังของกิเลส ปรุงแต่ง โปะแป้ง น้ำหอม ชมกันเองว่างาม ผลัดกันเขียน- เวียนกันอ่าน -วานกันชม ปรุงแต่งอยู่นั่นแล้ว มนุษย์หนอมนุษย์

--ถ้าพรุ่งนี้ หรืออีก 404 วันข้างหน้า ไม่มีไฟฟ้า น้ำสะอาด จะอยู่กันอย่างไร ไม่มีเงิน ไม่มีบัตร ระบบการเงินทั่วโลกหมดค่า แล้วเราจะอยู่กันได้ไหม เราไม่ได้เตรียมพร้อมอะไร แม้ว่าปีนี้น้ำจะท่วมแบบสาหัส แต่ก็เป็นการซ้อมใหญ่ หรือการเตือน

---ถ้ามีการลงจอดของจานบินเพื่อช่วยมนุษย์ปี 2012 แถวๆ 25 ธค.ปีนี้ โอบาม่าจะต้องออกมาพุดเรื่องจานบินอย่างแน่นอน

--เรือของโนอาอาห์ ในไบเบิ้ล น่าจะเป็นยานอวกาศขนาดยักษ์ และเก็บดีเอ็นเอสิ่งมีชีวิตทั้งหมด--คำว่า น้ำท่วม ก็คือหนีจากรังสีที่ทำร้าย ทำลายสรรพชีวิต (อ้างถึงคำบอกเล่าจากชาว ราเอลเลี่ยน) มีการกล่าวถึงฑูตสวรรค์ที่ลงไปช่วยคนโดนเผาทั้งเป็น ใส่ชุดมีแสงแวววาว ก็คือชุดกันไฟนะเอง การรักษาโรค โดยให้ดูนกอินทรีทองเหลืองบนยอดเสา ตอนที่เขาดู ก็จะนำยามาฉีดให้ตอนเผลอ--ทุกอย่างที่เขาอธิบาย เป็นวิทยาศาสตร์ทั้งสิ้น ยังไงๆ เราก็ติดอยู่ในโลกแห่งวัตถุ โลกแห่งความทุกข์ และกำแพงไร้สภาพที่เราสร้างขึ้นมาเอง

----ถ้าเป็นเรื่องธรรมมะ ก็จะมีพลังเทพที่เป็นทางฤาษี แล้วมีพระกณะ เทพที่เก่งทางวิทยาศาสตร์ ผมจริงๆเขียนไม่เก่งและก้ไม่ค่อยออกนะครับ

----ท่านที่รักครับ บ้านนี้มีหมาสองตัว ตัวหนึ่งแก่แล้ว ตัวดำ ชื่อไอ้หมี ตอนนี้พัฒนาแล้ว จะนอนบนบ้าน เจ้าของต้องคอยดูแลเรื่องของเสียของมัน ตะกี้ไปทำมา --เซ็งๆ เสกเปลี่ยนให้เป็นดาราสาวเกาหลีๆ ---จะไม่ว่าอะไรเล้ย

--อีกตัวก็นังขนุน นิสัยเลว เอาแต่ใจ ชอบเห่าด่า ชวนเล่น แต่มันมีพลังต่อสู้ดี และคอยทดสอบอารมณ์ผม เรียกได้ว่า เป็นอาจารย์สอนกรรมฐานขั้นสูง

----อาจารย์สอนกรรมฐานขั้นสูง--ใช่ครับ การยึดถือว่า นั่นเขา นี่เรา อันนี้ตัวกู ของๆกูมันก็ผิดหลักศาสนาเรื่องอนัตตาแล้วเต็มๆ จริงๆแล้วเราต้องเคารพมันในฐานะสิ่งมีชีวิตอย่างหนึ่ง และมันชอบยั่วให้เราโกรธ นั่นก็เหมือนมาร คอยทดสอบการปฎิบัติจิต เรื่องความโกรธ ตัดไม่ได้สักที กว่าจะรู้ตัว กิเลสขี่คอไปล้ว ตีมันไปหลายตุ้บ เรื่องนี้เทพโกรธมาก ตอนเช้าก็โดนด่าไปหนึ่งรอบ

-----เพราะจริงๆแล้ว เราผิดที่ถือตัวเองว่าเป็นสัตว์ชั้นสูง มองมันเป็นสัตว์ชั้นต่ำ จึงได้แสดงอากหาร ใช้เท้าถีบ เตะบ้าง แต่ก้ไม่ทำแรงหรือทำจริง แม้จะตี ก็ตีไม่ถูกหรอก มันเป็นแชมป์เรื่องการหลบหลีก จริงๆแล้ว หมาตัวนี้เป็นตัวเมีย แต่ท่าทางคล้ายๆหมาตัวผู้ เพราะซนมาก
และเทพก็เอาวิญญาณมาฝากไว้อีก คือเป็นเป็นวิญญาณของงูตัวนึง เป็นตัวผู้ ชื่อไอ้ทอง แรกๆมามันชอบพุ่งมาจากด้านหลัง แล้วขวางเราทางด้านหน้า เหมือนงูไม่มีผิด บางทีก็ยืดตัวสูงๆแบบคนยืน อันนี้ก็เหมือนงู
นิสัยยียวนกวนบาทา เข้าที่ไหนพังที่นั่น คือนิสัยไอ้ทอง เทวดายังไม่กล้าทำอะไร แต่พอดีมันเลื้อยไปทางฝั่งยักษ์มาร ก็เลยโดนฆ่าตาย (ตอนนี้ยักษ์ตัวนั้นก็โดนฆ่าไปเรียบร้อย ) พอดีกับเราได้นังขนุนมา เทพจึงขอเอาวิญญาณมาฝากไว้พักนึงก่อน

----มีชาติหนึ่งที่พระพุทธองค์ท่านบำเพ็ญมารมี เป็นยาจกปอนๆ นั่งในป่าช้า เด็กๆก็เอาไม้ไล่ขว้างท่านก็วางเฉย ต้องทำใจให้ได้อย่างนั้น

----อะไรคือความทุกข์ คือความอึดอัด คับแค้น ไม่สบายใจ ต้องทนกับสิ่งที่ไม่อยากจะทน--ความทุกแสนทุกข์นั้นจะทำให้เราทนทาน จะมีมาอีกก็ทนได้ เพราะเคยชิน และทุกข์มีคุณประโยชน์เหลือจะพรรณนา เพราะเราต้องวิ่งหาวิธีที่จะดับทุกข์พ้นทุกข์ ได้นิพพานก็ดี เพราะนิพพานคือความเย็น แต่เอาน่ะ แค่เฉพาะหน้าก็ดีแล้ว

---ผมเห็นนักธุรกิจคนนึง นั่งรำพึงว่า เป็นหนี้มาก ทุกข์เหลือเกิน และสรุปเองว่า ไม่เอาใจใส่ ปล่อยวางก็จะไม่ทุกข์--จริงๆแล้ว ก็ไม่ถูก เพราะเป็นหนี้ ก็ต้องใช้ ความรับผิดชอบลึกๆ ก็ทำให้ทุกข์ ความเมินเฉยในหนี้ --แต่ลึกๆ ก็ทุกข์ เขาแก้โดยการไปกินเหล้า เที่ยว ให้ลืมทุกข์ แต่ก็เป็นแค่ชั่วคราว (ผมก็พลอยได้อาศัยไปกินกะเค้าด้วย) ทั้งใจส่วนตื้น ใจส่วนลึก โดนหมดเลย

-----ผมเองไม่เห็นจะทุกข์เลย กับเรื่องของคุณๆ เพราะทุกข์มันอยู่ที่คุณ(ยึดถือ)ไง เอางี้ เขียนใบโอน โอนความทุกข์มาที่ผมนี่

----บางคนคิดว่า ไปบุญสะเดาะเคราะห์แล้วจะดี เรากำลังผลัดหนี้ หรือโยนหนี้กันแน่

--พี่สาวเล่าว่า ไปหบพระเกจิรูปหนึ่ง ท่านแก่แล้ว พอดีมีคนมาสะเดาะเคราะห์ ท่านก็ให้คนไปบอกว่า ไม่รับ ให้ไปทำที่อื่น แล้วท่านบ่นว่า อาตมารับไม่ไหวแล้ว เพราะแก่แล้ว

--พี่สาวมานึกๆ อ๋อ นี่ท่านต้องไปรับกรรมแทนทุกๆคนที่มาแน่นอนเลย เหมือนเราไปบอกเจ้าหนี้ของคนนั้นว่า ผมขอรับรองเอง เซ็นค้ำประกันให้ เจ้าหนี้ก็มาทวงกรรมเอากับเรา อย่างนี้ชัดไหมครับ---ท่านไส บาบา แม้มีบารมีมาก ท่านก็รับกรรม -รับเคราะห์แทนลูกศิษย์ บางครั้ง ถึงกับปากเบี้ยว ขาพิการไปแถบหนึ่ง แต่ก็พยายามเดิน จนคนรอบข้างต้องร้องไห้
---ทุกข์ แปลว่า ทนไม่ได้ เหลือทน--ทุกขัง อย่าไปขังไว้ครับ เดี๋ยวจะเน่า
--สมุทัย--ตรวจค้นดูสาเหตุแห่งทุกข์
--นิโรธ--ภาวะพิ้นทุกข์
---มรรค แนวทางที่จะต้องทำเพื่อการพ้นทุกข์

---ทีนี้มาดูสาเหตุ (ไม่ใช่พระเทศน์นะเนี่ย) ทุกข์ เกิดจากการมีร่างกาย สังขารทุกข์ เพราะเรามาเกิดไง ไม่มีร่างกายก็ไม่ทุกข์ แต่ทำไงได้ มันคือการสืบต่อของการเวียนว่ายตายเกิด เรียกได้ว่า เราคนเดียวก็กระดูกกองเป็นภูเขาเลากา น้ำตาแห่งความทุกข์ยังมากกว่ามหาสมุทรทั้งหมด

--"ถามฟ้า ฟ้าไร้คำ" เพราะในธรรมชาติไม่มีอะไรให้คำตอบเราได้ มนุษย์ต้องอยู่กับความหวาดกลัวจากภัยธรรมชาติ ผีสางเทวดา สัตว์ร้าย จึงได้เกิดเป็นศาสนาขึ้นมา

---พุทธศาสนาได้ให้แนวทาง รูปแบบวิธีที่เราจะหาคำตอบแห่งการพ้นทุกข์ แต่เราจะต้องเก่ง ต้องโดดลงมาทำเอง อภิมหาสงครามแห่งชีวิตนี้
ข้าศึกยกมาเป็นแสน พร้อมอาวุธร้ายแรง แต่เราต้องเป็น วัน แมน อาร์มี่ คือเป็นกองทัพที่มีคนเดียวเท่านั้น และไม่มีอาวุธเลย คือให้ใช้ใจเป็นอาวุธ แต่ถ้าเตรียมตังวพร้อม ฝึกมาดี ก็จะทรงประสิทธิภาพ

---จะว่าไป ก็ใช้ใจเรา สู้กับตัวเรานะแหละ แต่อีกฝ่ายมันคือกิเลส เปรียบเทียบดั่งพระพุทธองคืผจญกับพญามาร ก็น่าจะเป็นกองทัพกิเลส มีสิ่งเย้ายวนต่างๆนานา สาวงามทั้งสาม คือนาง ราคะ โทษะ โมหะ ก็เป็นพฤติกรรมของจิตทั้งสิ้น

--หัวใจพุทธศาสนา คือ หลักแห่ง ปฏิจจสมุปบาท
บทความข้างต้นก็ชัดเจน แต่ยังไมถูกใจข้าพเจ้านัก

--คนเรา-- ตัวเราคือผลของจิต-ความคิดเมื่อเสี้ยววินาทีก่อน

--เนื่องจากในโลกของจิตวิญญาณ ไม่มีแรงเสียดทาน ดังนั้น จิตจะหมุน จะเกิดดับได้ตลอด โดยไม่มีทางที่จะหยุดได้ นอกจากสติที่ไวกว่า จะจับการทำงานของจิตได้ จิตจะช้าลงๆจนสงบเย็น จนมองเห็น"ใบหน้าของเราก่อนที่จะเกิดมา"

----ไม่อยากจะบอกว่า การกินน้ำชา จะทำให้ร่างกายทำงานช้าลง เคลื่นไหวช้า มีสติทุกขณะ ประเพณีการชงชา จะทำให้มีสติพอที่จะเห็นการทำงานของจิตได้ชัดเจน
--ในการฝึกการต่อสู้ เราจะฝึกมากๆ จนเป็นพลังของข้อมูล-ดาต้าเบส พอถูกโจมตี เราก็โต้ตอบโดยอัตโนมัต ถ้าสติเร็วพอ มันยังสามรถเห็นพฤติกรรมของจิต ในตอนที่ทำงานได้ด้วย
--นั้นคือเราสามารถบรรลุธรรมได้บนสังเวียนการต่อสู้ หรือตอนที่ยูโก๋วาดต้นไผ่ เขาไม่คิดอะไรนอกจากต้นไผ่ จนเหมือนว่าเขาเป็นต้นไผ่เสียเอง จึงวาดออกมาได้งดงามยิ่ง

--- สิ่งเหล่านี้เอามาประยุกต์ใช้ได้ เช่นการแสดงละคร บ่อยครั้งที่ดาราจะ"อิน"ไปกับบท จนต้องไปร้องไห้ที่บ้านต่อ-
-ดังนั้นทุกสิ่งก็คือการปฏิบัติธรรม ขับรถ นั่งเรือ กินเหล้า (เอ๊ยไม่ใช่แล้ว นี่มีอบายมุข) นักธุรกิจว่า กินเหล้าแบบมีสติไม่เป็นไร ไม่กินจะดีกว่าไหม ขวดตั้งหลายร้อย

--ในเมื่อใจเป็นใหญ่ กินน้ำชา --กินโค้ก ก็เหมือนกินเหล้า ความเมาอยู่ที่จิต (เมาชีวิต หลงชีวิต)"สุรามังสะผ่านท้อง พุทธะอยู่ที่ใจ"

--อยากจะกระซิบดังๆว่า มีหลายๆสิ่งมากเลยที่เราคิดว่าเป็นประเพณี แต่คนโบราณท่านแฝงธรรมมะ แฝงนิพพาน แฝงอนัตตามาให้แล้ว แต่เราไม่รู้ ไม่เข้าใจกันเอง

--โชคดีครับที่เกิดเป็นคน โชคดีที่ได้พบพุทธศาสนา โชคดี ที่ได้ศึกษาพระธรรมกรรมฐาน เพื่อการหลุดพ้น เหมือนเด็กสอบเข้าป.1ได้ ยังไงๆ ครูต้องเข็นให้จบ ---ได้นิพพานจนได้ -----คนโง่ ก็จบไวหน่อย เพราะไม่คิดอะไร คนฉลาด-ขี้สงสัยนะจบช้า เพราะคิดหาเหตุผลอยู่

---จริงๆแล้ว ระบบของจิตใจ ต้องโปรแกรม(สั่งงาน)ด้วยรูปภาพ ไม่ใช่ถ้อยคำ หรือเหตุผล

--ไม่หนี ไม่อยู่ ไม่สู้ ไม่ถอย ไม่หนีทุกข์ ไม่ยอมอยู่ร่วมกับความทุกข์ ไม่สู้กับความทุกข์
(ใช้การปล่อยวางแทน) ไม่ถอย คือไม่ถอยให้กับกิเลสชั่วร้ายที่จะพาเราไปในทางที่ไม่ดี

---โอกาสการเกิดของมนุษย์เท่ากับเต่าตาบอดกับแอกวัว-- มาเจอกันในมหาสมุทร

-------ปฏิจสมุปบาท /ปะติดจะสะหฺมุบบาด/ (สันสกฤต:ปรตีตยสมุตปาทะ) เป็นหลักธรรมข้อหนึ่งในพุทธศาสนา อธิบายถึง การเกิดขึ้นพร้อมแห่งธรรมทั้งหลายเพราะอาศัยกัน, การที่สิ่งทั้งหลายอาศัยกัน จึงเกิดมีขึ้น

การที่ทุกข์เกิดขึ้นเพราะอาศัยปัจจัยต่อเนื่องกันมา มีองค์หรือหัวข้อ 12 ดังนี้ คือ อวิชชา สังขาร วิญญาณ นามรูป สฬายตนะ ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปทาน ภพ ชาติ ชรามรณะ

เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย สังขารจึงมี
เพราะสังขารเป็นปัจจัย วิญญาณจึงมี
เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย นามรูปจึงมี
เพราะนามรูปเป็นปัจจัย สฬายตนะจึงมี
เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย ผัสสะจึงมี
เพราะผัสสะเป็นปัจจัย เวทนาจึงมี
เพราะเวทนาเป็นปัจจัย ตัณหาจึงมี
เพราะตัณหาเป็นปัจจัย อุปทานจึงมี
เพราะอุปทานเป็นปัจจัย ภพจึงมี
เพราะภพเป็นปัจจัย ชาติจึงมี
เพราะชาติเป็นปัจจัย ชรามรณะจึงมี
ความโศก ความคร่ำครวญ ทุกข์ โทมนัส และความคับแค้นใจ ก็มีพร้อม
ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งปวงนี้ จึงมี

---อธิบายได้ว่า เป็นกลไกการทำงานของจิต ในทุกๆขณะ มีการหมุนเวียน จนได้ไปเกิดอีกครั้ง เรียกว่า กงล้อจิต(ธรรมจักร)ทำงานไปตลอดเวลา และมีผลตอนที่เราตาย ใกล้ตายจิตคิดอย่างไร เห็นภาพอะไรก็จะไปเกิดเป็นสิ่งนั้น เรียกว่าสร้างภพ สร้างฉาก สร้างภาพของเราเอง

--ท่านพุทธทาสก็พูดถูกที่ว่าให้มองเห็นกลไกของจิตตัวนี้ (ทำงานตลอด ดับได้ก่อน ไม่ต้องรอตอนใกล้ตาย)ให้ขัดเจน พอรู้ทัน ก็ให้ดับการสร้างภพ สร้างขาติ การเกิด เสียด้วยปัญญา เรียกว่า ตายก่อนตาย

---อวิชชา ก็เหมือนคำว่า อวิทยา คือความโง่--ไร้ความรู้-- ความไม่รู้ในกฏธรรมชาติ --ไม่รู้หลักธรรมมะ เรียกว่าเป็นความมืดบอด อย่างชาวตะวันตก คิดสร้าง รถ เรือ เครื่องบิน---- แต่ยังไม่รู้จักการเวียนตาย-เวียนเกิด ก็นับว่า โง่เง่าแบบอวิชชาทั้งสิ้น

----วันนี้ผู้เขียนดีใจมากครับ ที่ได้เขียนเรื่องหัวใจของพระพุทธศาสนา ตีความกันให้ดี และหมั่นนำมาตรึกตรอง โดยใช้หลักอนัตตา -ความไม่มีตัวตน เป็นพื้นฐาน *ท่านผู้อ่านก็อาจจะบรรลุธรรมได้ไม่ยากจริงๆ * ต้องยกความดีนี้ให้กับทุกท่านที่มาขอธรรมมะ และทุกท่านที่มีทุกข์มากมายให้ช่วยแก้ (อนัตตาสิครับท่าน ฟาดทีเดียวกิเลสแตกกระจาย หนีหายไปไม่เหลียวหลังกลับ)

---ในฐานะเป็นเพียงบุคคล คือคนๆหนึ่ง ---พระพุทธองค์ท่าน ต้องนับว่าท่านมีสติปัญญาเลิศล้ำเหนือกว่าคนธรรมดา ที่สามารถนำกฏธรรมชาติ ความลี้ลับเป็นหมื่นๆแสนๆ ล้านๆปีของการเวียนว่ายตายเกิด--กฏแห่งสากลจักรวาล มาให้เราได้ศึกษากัน เป็นจำนวนถึงแปดหมื่นสี่พันเรื่อง ซึ่งสามารถต้นคว้าต่อไปอีกโดยไม่สิ้นสุด
(หลุดพ้น สู่นิพพานภายในห้านาที--ทำได้โดยพิจารณาข้อความข้างต้น)

-----จริงๆแล้วการเข้านิพพานสำหรับท่านที่ได้บรรลุแล้ว อาศัยพลังบารมีของจิต และ-หรือพลังของจิตตอนเปลี่ยนภพ
ท่านให้เข้าญาณทั้งสี่ โดยลำดับ(ช่วงนี้ตายไปจะเป็นรูปพรหม พรหมที่มีรูป) แล้วเจริญญาณที่เป็นอรูปญาณ ย้อนไปย้อนกลับ
(ช่วงนี้ถ้าตาย จะเป็นรูปพรหม ไม่มีรูปร่าง ลักษณะเป็นดวงแสง หรือแสงทองที่กว้างไกลทั่วขอบฟ้า (เห็นมาแล้วน่ะ เป็นแสงสีเงินวิ่งปล๊าบไปสุดสายตา)) พอได้ที่ที่จิตจะดับ ก็ให้เจริญญาณตรงรอยต่อระหว่าง รูปญาณ กับอรูปญาณ จิตท่านก็จะไปนิพพานได้
(อันนี้เป็นรายละเอียดทางเทคนิค) อย่างคุณแม่บุญเรือน ท่านเจริญญาณสี่อยู่ตลอดเวลา และพักจิตไว้ตรงนี้น ก็เกิดปาฏิหารย์ อย่างลมพายุได้

-----อย่างแม่ยายผม หมอจับกดหัวลงถ่ายเอ็กซ์เรย์ เลยถ่ายไม่ติดภาพ จะฉีดยากก็แทงเข็มไม่เข้า เข็มงอหมด เรียกว่าเป็นพลังเทพที่ตกค้างอยู่

วังวนแห่งการเกิดดับของจิต ที่เรามักแทนด้วยธรรมจักร-
---อย่างก่อนเราจะตาย(สิ้นใจ) ถ้าเราชอบนางแบบสาวสวย อาจได้เกิดเป็นสาวงาม หรือว่าเป็นกระเทยก้ได้ หรืออยากเกิดเป็นสุนัข ก็ได้เป็นสมใจ(คุณได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้) เพราะจิตก่อนตายจะมีพลังมาก จะรวมตัวกันเพื่อเปลี่ยนภพเปลี่ยนมิติ

---จริงๆแล้ว ก็ไม่มีอะไรผ่านสู่ความเป็นอะไร ทุกสิ่งว่างเปล่าอยู่เป็นนิจ แต่เราใช้ข้อความให้เห็นภาพ เพื่อสื่อถึงอะไรอย่างหนึ่ง บางคนก็อาจจะมองทะลุไปถึงสัจจธรรมได้เลย โอ ถ้าได้อย่างนั้นจะดีมาก--- ลูกศิษย์จะต้องเก่งกว่าอาจารย์

---คนชอบพูด -ชอบเขียนแบบข้าพเจ้านี้ เรียกว่า"ใบลานเปล่า" คือไม่รู่เท่าไหร่หรอ แบบว่า "ปี๊ปเปล่า" ก็จะเสียงดังหน่อย มีน้ำเต็มก็ไม่มีเสียงแล้ว
ขอเสียงหน่อย เจอธรรมมะที ครอก...ฟี้ เป็นแถวเลย

----ทุกอย่างเป็นผลมาจากกรรมครับ ทำไมบางคนชอบปลูกต้นไม้ บางคนชอบทำนา บางคนชอบซ่อมเครื่องยนต์---ทำไมต้องรับทุกข์

--ความทุกข์ที่มันมีมาก เพราะเราคิดว่าเราทุกข์ แ่ม้พวกรวยๆ เขาก็ทุกข์มากๆ มีพันล้านก็ฆ่าตัวตาย ก็มี

----แล้วใครเล่าที่ไม่มีทุกข์ (ความไม่มีทุกข์--เรียกว่าจิตเฉยๆ ไม่ใช่สุข) ในทางโลกไม่มีหรอกครับความสุข มีแต่ทุกข์ที่เบาบางหน่อยๆ ประเภทจิบเบียร์เย็นๆนั่งดูทีวีจากดาวเทียม เขาเรียกว่า ความสะดวกสบาย ก็แค่นั้นเอง

--คนเราหากเกลียดแล้วต้องอยู่ด้วยกัน ก็คิดว่าชดใช้กรรมที่ชาติก่อนเคยเฆี่ยนตีทรมานเขาน่ะครับ ความอึดอัดนี้มันอยู่ในดวงดาว ในลัคนาเราด้วยครับ

---มีคนเข้ามาถามเรื่องทุกข์ เรื่องธรรมมะแบบนี้หลายคน จะรวบรวมตอบทีเดียวในกระทู้นะครับ




Create Date : 12 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2554 21:33:05 น. 4 comments
Counter : 1728 Pageviews.

 
ชอบค่ะ เขียนให้อ่านอีกนะคะ


โดย: notenook IP: 113.53.203.198 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2554 เวลา:10:20:23 น.  

 
อนุโมทนาสาธุครับ


โดย: shadee829 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2554 เวลา:11:20:50 น.  

 
ยินดีครับที่มีผู้มาให้กำลังใจ --ขออำนาจคุณพระ แก้วสามประการนั้น ได้อวยชัยให้พวกท่านอย่าได้มีทุกข์เลย ขอให้ได้ค้นพบซึ่งภาวะนิพพาน


โดย: jesdath วันที่: 18 พฤศจิกายน 2554 เวลา:21:16:44 น.  

 
กลุ่มเพื่อน 5.63 โรงเรียนอุตรดิตถ์ ขอแสดงมุทิตาจิตถวายพระครูถาวรธรรมโกวิท (ถวิล) ธ. วัดพระแท่นศิลาอาสน์ จ.อุตรดิตถ์ เนื่องในโอกาสที่พระเดชพระคุณท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นที่ พระวินัยสาทร สย. ในวันเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 7 รอบพระชนมพรรษา วันที่ 5 ธันวาคม 2554


โดย: กลุ่มเพื่อน 5.63 อ.ต. IP: 210.246.186.4 วันที่: 12 ธันวาคม 2554 เวลา:23:19:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jesdath
Location :
เชียงราย Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 35 คน [?]




Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
12 พฤศจิกายน 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add jesdath's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.