พุ่งตรงสู่จิต ทางลัดสู่ความหลุดพ้น(ทุกข์)-เซ็นสยาม-เอ็พพิโสด2

กระจกสอนธรรม
วันหนึ่ง ผมนั่งดูตัวเองอยู่หน้ากระจกที่บ้าน นึกถึงอาจารย์สอนธรรมะว่าตัวตนคนสัตว์มันไม่มี ความคิดมันก็ไม่มี ดูมาดูไป คิดไป เงาในกระจกมันก็เป็นของกูนี่หว่า อาจารย์บอกว่ามันไม่มี ไม่มียังไง ก็เห็นๆ อยู่นี่ ก็ตัวกูเงาอยู่แหงๆ เอ...หรือเราเข้าใจผิดไป เห็นผิดไป ไม่ได้...เอายังงี้ดีกว่า ว่าแล้วก็เอากระจกบานเล็กติดรถไปหาอาจารย์ เอาให้มันแน่ๆไปเลย เมื่อถึงบ้านอาจารย์
“อาจารย์ครับ นี่ๆ มันเป็นเงาของผมจริงๆ เห็นๆ อยู่นี่ จะไม่มีตัวผมยังไง”
ศิษย์ก็ยกกระจกส่องให้อาจารย์ดู อาจารย์ถือไม้เกาหลังอยู่พอดี ก็ด้วยไม้เกาหลังนั่นแหละ...เปรี้ยง! เพล้ง! แตกกระจายลงสู่พื้น เหลือแต่กรอบกระจกลูกศิษย์ตกใจ ไม่เห็นเงากูในกระจก ก็ร้องโวยวายเสียงหลง
“อาจารย์ผมหาย ตัวผมหาย เงาก็หาย หายไปแล้วจริงๆ”
โดดเข้ากอดอาจารย์ด้วยลืมตัว คนสอนไม่ได้ต้องกระจกสอน ไชโยแทบตาย
“กระจกสอนธรรมหาตัวกูไม่เจออย่างนี้นี่เอง”
ปล่อยสัตว์ที่ใจ
เย็นวันหนึ่ง เด็กในโรงงานทอกระสอบมาพบอาจารย์
“อาจารย์ขา ศิษย์อาจารย์ที่ทำงานด้วยกัน แนะนำให้มาพบอาจารย์”
“มีอะไรหรือหนู”
“หนูไปดูหมอ หมอดูทายว่าหนูมีเคราะห์มาก ต้องแก้เคราะห์เสีย ปล่อยสัตว์ นก ปลา ปลาไหล เต่า จึงจะช่วยได้”
“แล้วเธอทำตามไหม”
“ทำแล้วค่ะ”
“อ้าว ทำแล้วก็แล้วกันสิ”
“ไม่ใช่ ไม่ใช่เช่นนั้น ก็หนูยังทุกข์อยู่ ใจไม่สบายเลย”
“แล้วไง”
“ก็หนูจะให้อาจารย์ช่วยไงล่ะ อาจารย์จะช่วยยังไงล่ะ”
“คงช่วยไม่ได้หรอก”
“อาจารย์ไม่ช่วยแล้วใครจะช่วยได้ล่ะ”
“เออซินะ เอายังงี้ ลองไปทำดูเผื่อฟลุ๊ก ทำสัก ๓ วัน ก็พอ กลับไปแล้วทำเลย” ให้ท่องว่า “คนไม่มี สัตว์ไม่มี กูไม่มี” แค่นี้ก็พอ คนไม่มีดูลงไปที่กาย ที่ใจ สัตว์ไม่มี ก็ดูไปด้วย กูไม่มีก็หากูไปด้วย เวลานอนก็ท่องไปจนหลับไปเลย รู้สึกตื่นก็ท่องไปด้วยดูไป แล้วมาหาอาจารย์ใหม่ ถ้ายังทุกข์อยู่ ยังไม่ครบที่อาจารย์สั่ง ให้กลับมาหาอาจารย์”
ในที่สุด เด็กโรงงานก็กลับมาหาอาจารย์ กราบอาจารย์และว่า
“ทุกข์มันหายไปทั้งหมดโดยไม่ต้องทำอะไรมันเลย ปล่อยสัตว์ที่ใจของอาจารย์นี่แน่จริงๆ”

จิตกับวัตถุเป็นสิ่งเดียวกัน
มีแม่ลูกอ่อนเขาเอาเปลมาฝากไว้ที่บ้านอาจารย์ อาจารย์ก็เอามาสอนธรรมเสียเลย หาก้อนหินที่พอเหมาะอย่างดี แล้วเอามาใส่เปลไว้แทนเด็กอ่อน แกว่งเล่นอยู่ พอดีผู้ฟังธรรมทั้งหลายมาหาอาจารย์เห็นอาจารย์แกว่งเปลอยู่ก็พูดว่า
“วันนี้อาจารย์เลี้ยงเด็กด้วย อาจารย์...ลูกใคร ได้กี่เดือนแล้ว”
“จำไม่ได้ มันเกิดมานานแล้ว” อาจารย์ตอบ
“เลี้ยงยากไหม”
“เลี้ยงง่ายตายยาก ไม่อ้อนเลย ไม่ร้องอีกด้วย เธอลองเปิดดูซี”
เฮโลทั้งสี่คนเข้ามาล้อมดูกันใหญ่ พอเปิดผ้าออกก็ร้องออกมาว่า “ก้อนหิน” พร้อมกัน
“ถึงว่า เกิดมานานแล้วจำไม่ได้ เลี้ยงง่ายตายยากแถมไม่ร้องอีกต่างหาก อาจารย์ต้องสอนพวกเราแน่ๆ ลงมติกัน พวกผมขอทราบว่า อาจารย์ทำแบบนี้ทำไมครับ”
“จิตกับวัตถุมันเป็นอันเดียวกัน ธรรมะไม่พูด จิตก็ไม่พูด ก้อนหินมันก็ไม่พูด แล้วที่พูดอยู่นี้คืออะไร สิ่งที่ปรุงเป็นความคิด ถ้าพวกเธอหยุดปรุงแต่งในความคิดเสียเท่านั้น ปิดนรกทันที หมดตายเกิดตั้งแต่เดี๋ยวนี้เลยทีเดียว เป็นลูกพุทธะทันที”

นักล่าพระอรหันต์
ในวันหนึ่ง อาจารย์ได้ไปนั่งรอญาติที่สถานีรถไฟได้มีชายสูงวัยเข้ามาหา ยกมือไหว้
“สวัสดีครับท่านนักพรต”
อาจารย์รับไหว้
“ผมขอสนทนาธรรมสักหน่อยจะได้ไหม”
“ได้ซิ เชิญนั่ง”
“ผมไปทั่วเมืองไทยมาแล้วไม่ว่าสำนักไหน ต้องการพบพระอรหันต์สักครั้ง ตายก็ไม่เสียทีที่เกิดมาได้บูชาพระผู้บริสุทธิ์”
“แล้วพบบ้างไหมล่ะ” อาจารย์ถาม
“ยังครับ”
“เธอตั้งพระอรหันต์ของเธอไว้แบบไหนล่ะ”
“พระอรหันต์มีแบบด้วยหรือท่านนักพรต”
“ไม่หรอก ถามดูเฉยๆ น่า ฉันคิดว่าเธอจะพอใจแบบไหนเท่านั้น”
“แล้วท่านนักพรตว่าพระอรหันต์ของท่านเป็นอย่างไรล่ะ”
“เอ...ฉันก็ไม่เคยเป็นเสียด้วยจึงบอกไม่ได้ไง”
“แล้วนักพรตปฏิบัติอย่างไรบ้าง”
“เปล่าเลย ธรรมะไม่ต้องปฏิบัติอะไรทั้งนั้น”
“แล้วนักพรตแต่งชุดขาวทำไม”
“ก็ทำตามสมมติโลก รักษาศีลตามพ่อพระพุทธองค์เท่านั้น”
“ถ้าเช่นนั้นท่านช่วยชี้แนะให้ผมออกจากทะเลวนของทุกข์ด้วยเถิด มันพาวนจนจะหมดอายุขัยอยู่แล้ว ยังออกจากวังวนไม่ได้เลย”
“เธอจงฟังดีๆนะ หยุดล่าพระอรหันต์เสีย จงเป็นกะลามะพร้าวไหลตามน้ำของวังวนนั้นโดยไม่ออกแรงอะไรเลย เมื่อใดน้ำหยุดวน กะลามะพร้าวก็จะออกมาเองจากวังวนนั้น เข้าใจไหม”
“โอ้โฮ ใช่แล้ว ใช่แน่ๆ ไม่ผิดเลยสักนิดเดียว ผมขอกราบท่านและจะถือว่าได้พบธรรมตัวจริงจากลูกพุทธะผู้ปฏิบัติชอบ”

ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ทำอย่างไร
อาจารย์กลับจากอยุธยาไปเยี่ยมลูกศิษย์มา เกิดฝนตกต้องตากฝนกว่าจะถึงศาลาที่พักผู้โดยสารรถ เปียกไปหมดทั้งตัว มีหญิงสาวผู้หนึ่งยื่นผ้าเช็ดหน้าผืนใหญ่ให้และพูดว่า
“ผู้ทรงศีล หนูขอมอบให้เลยเจ้าค่ะ”
อาจารย์รับมาแล้วก็เช็ดตัวที่เปียก หญิงสาวถามว่า
“ท่านจะไปไหนค่ะ”
“ไปสระบุรีจ้า”
ฝนซาลงแล้ว แต่ยังไม่มีใครมาในศาลา
“หนูขอถามปัญหาสักหน่อยจะได้ไหมค่ะ”
“เชิญตามสบาย ถามมาเลย”
“คำว่าปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบนั้น ทำอย่างไรค่ะ”
“หนูสนใจในธรรมก็ดีแล้ว ไม่ต้องทำอะไรทั้งหมด หนูจงเป็นแต่ผู้ดูก็พอแล้ว อย่าเป็นผู้นึกคิดเสียเอง แล้วดอกบัวจะบานกลางกองไฟ”
หญิงสาวทวนคำของอาจารย์
“ท่านอย่าเป็นผู้นึกคิดเสียเอง เป็นแต่เพียงผู้ดูก็พอ แล้วดอกบัวจะบานกลางกองไฟ”
พอดีรถมาจอด อาจารย์ก็จากไป หญิงสาวยกมือไหว้สาธุ มองจนรถลับตา
จะเลิกเหล้าได้ไง
ในซอยบ้านอาจารย์ เป็นซอยตัน รถต้องมากลับทุกๆ คัน สุดซอยจะมีกระท่อมบัวตองอยู่หลังหนึ่ง เจ้าของชื่อบัวตอง สามีเป็นขี้เหล้า วันนี้กำลังเมาได้ที่ ก็ออกมายืนดักรอพบอาจารย์ในตอนใกล้ค่ำ อาจารย์ออกเดินเล่นพอดี ขี้เหล้าทักทายอาจารย์ว่า
“อาจารย์ ช่วยผมด้วย ช่วยผมที”
“จะให้ช่วยอะไรหรือ”
“ผมอยากจะเลิกเหล้าครับ เหล้ามันไม่ยอมหนีจากผมไปเลย พยายามอยู่หลายหนแล้ว เป็นสิบๆ ปีมานี่ แย่เลยครับ”
“ได้ๆ ได้เลย อาจารย์จะช่วยเธอให้เลิกเหล้าเสียที”
“แล้วอาจารย์จะช่วยตอนไหนครับ”
“ก็ตอนที่เธอไม่มีลมหายใจแล้วนะซิ”
“โอ้โฮ อาจารย์นี่เก่งชะมัดเลย ให้ตายซี ตอนหมดลมแล้ว”

อุดรอยรั่ว
ย่างเข้าเดือน ๖ ฝนก็ตกตามเกณฑ์ของธรรมชาติ และตกมา ๒-๓ วันแล้ว วันไหนฝนตกก็ต้องช่วยกันอุดรูรั่วของตับแฝก เพราะมุงด้วยแฝก ต้องช่วยกันเป็นโกลาหลทีเดียว เหนื่อยทุกครั้ง วันนี้ก็เหมือนวันก่อนเพราะฝนตกหนักมาก ศิษย์ทั้งสองก็บ่นว่า
“ก็อยากรื้อเสียเลยให้มันสะใจ จะได้ไม่ต้องมาคอยอุดรอยรั่วเช็ดน้ำให้มันเหนื่อยอีกต่อไปถ้าเป็นไปได้ เอามันพรุ่งนี้เลยดีไหม”
อาจารย์ได้ยินก็ว่า
“อย่าเลย วันนี้ก็เหนื่อย อุดปะรูรั่วกันพอแล้วยังจะมาเหนื่อยรื้อทั้งๆ ที่ยังไม่ได้รื้อกันอีก”

ของจริงมันนิ่งเงียบ
“กริ๊งๆๆๆ...ฮัลโหล”
“สวัสดีครับอาจารย์”
“เออสวัสดี”
“ผมพรชัยครับอาจารย์”
“มีอะไรหรือ เอาว่าไป”
“ผมเพิ่งเข้าใจที่อาจารย์สอนผมเมื่อวานนี้ ที่ว่าไม่ต้องทำอะไรเลยในการปฏิบัติธรรม เพราะมันว่างของมันอยู่แล้ว ต่อไปผมจะทำอย่างไรอีกล่ะอาจารย์”
“อ้าว ก็เข้าใจแล้ว แล้วจะต้องทำอะไรอีกล่ะ ที่เธอรายงานมานั้น มันไม่ใช่ตัวจริงนี่นา”
“แล้วตัวจริงของอาจารย์มันว่าอย่างไรล่ะ”
“มันจะว่าอะไรได้ มันก็นิ่งเงียบจนไม่มีแม้แต่เสียงออกมาเลยน่ะซิ”
คุณพรชัย: “โอ้โฮ อาจารย์...”
ชอบเรียนลัด
ผมได้ทราบข่าวมาหลายปีแล้วว่าอาจารย์สอนธรรมะแบบเซ็น จึงตรงมาขอพบอาจารย์
“ผมชื่อสมภพครับ และจะขอฟังธรรมจากอาจารย์ชนิดที่ลัดสั้นที่สุดครับ”
“เธอฟังนะ ธรรมะไม่มียาว ไม่มีสั้น ไม่มีรูปแบบใดๆทั้งสิ้น แม้ตัวธรรมยังไม่มีอีกด้วย”
“อ้าวอาจารย์ แล้วศิษย์จะเรียนกันอย่างไรเล่าครับ”
“ไม่ต้องเรียนอะไรเลยจริงๆ”
“แล้วผมจะรู้อย่างไรล่ะอาจารย์ อาจารย์บอกไม่มีรู้ เอ...ผมมาผิดที่หรือเปล่านี่”
“ไม่ผิด และก็ไม่ถูกด้วย”
“อย่างนั้นก็ไม่ต้องทำอะไรเลยหรือ”
“ใช่”
“ขอฟังสั้นที่สุด”
“ทุกวิ่งมันว่างอยู่แล้ว ตั้งแต่เช้าจรดเย็น พอลืมตาความว่างมันก็ทิ่มตาเธออยู่แล้ว”

จะปลดทุกข์ได้อย่างไร
ในวันหนึ่ง มีคุณครูจากนครนายก ขับรถมาหาอาจารย์ และได้บอกอาจารย์ว่า
“ลูกศิษย์ของอาจารย์แนะนำให้มาพบ อาจารย์จะแก้ปัญหาทุกข์ของดิฉันได้ จึงมาพบอาจารย์ค่ะ”
“เออ...เธอมีปัญหาอย่างไร”
ครูก็ร่ายยาว
“หนี้สินมากเลี้ยงหลานทั้งๆ ที่ตัวเองยังสาวอยู่ ต้องรับภาระมาก ออกจากราชการ แล้วเงินบำนาญก็ไม่พอ โอ๊ย จิปาถะ ทุกข์มากๆ เครียดจนสุดจะทนแล้ว ดิฉันจะทำอย่างไรค่ะอาจารย์”
อาจารย์ว่า
“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ปล่อยให้มันถึงที่สุดของมันเองอย่างนั้นแหละ แล้วมันจะหายของมันเอง”
“มันจะเป็นไปได้หรืออาจารย์”
“เออ...แล้วเธอคอยดู”
จากนั้นครูก็ลากลับ ทำตามผู้รู้บอก จนอาจารย์ลืมไปแล้ว อยู่ๆ ก็มีแม่ชีโผล่มาพบอาจารย์ และกล่าวขอบคุณอาจารย์ว่า
“ท่านอาจารย์พูดไม่ผิดสักนิดเดียว พอทุกข์มันถึงที่สุดแล้วมันจะหยุดของมันเอง ดิฉันหมดทุกข์แล้ว เขายึดไปทั้งหมด ไม่เหลืออะไรเลยสักนิดเดียว แล้วทุกข์มันก็หายไปด้วยอาจารย์”
“ถ้าแม่ชีทิ้งกายใจของแม่ชี และทิ้งผู้อื่นที่มีอยู่บนโลกด้วย จะเป็นพุทธะทันที”
ความคิดทำให้เกิดตาย
ในเย็นวันหนึ่งอาจารย์ได้ไปนั่งตากลมอยู่หน้าบ้านโดยมีทั้งหมาและแมวกำลังล้อมหน้าล้อมหลังอาจารย์วิ่งเล่นกันหยอกล้อกันอย่างสนุก ศิษย์ผู้ใกล้ชิดอาจารย์ก็นั่งอยู่ด้วย เอ่ยขึ้นว่า
“อาจารย์ขา ดูแมวและหมามันเล่นกันอย่างมีความสุข มันคงไม่มีทุกข์นะอาจารย์”
อาจารย์ก็ถามว่า
“เธอรู้ภาษาหมาด้วยหรือ”
“เปล่าค่ะอาจารย์ คิดเอาเองว่าคงไม่ทุกข์น่า”
“ถ้าเช่นนั้นเธอก็ต้องไปเกิดเป็นหมาเป็นแมว น่ะซิ”
“เช่นนั้นเลยหรืออาจารย์ แค่คิดก็ไปเกิดแล้วถ้าหยุดคิดได้ล่ะ”
“ก็เป็นพระน่ะซี”
“โอ้ เจ้าความคิด ทำให้เกิดตายได้”

อยากเรียนเซ็น
วันนี้อาจารย์กำลังนั่งสบายอารมณ์อยู่บนเก้าอี้โยกตัวโปรด พอดีมีรถมาจอดหน้าบ้าน และชายผู้หนึ่งก็เข้ามา
“ผมอยากมาสนทนาธรรมะกับอาจารย์ขอรับ”
“ได้ซิ” อาจารย์ตอบ “เชิญนั่งก่อน”
“ธรรมะรูปแบบมันยาวไป ผมอยากเรียนเซ็นมันสั้นดี อาจารย์ช่วยชี้แนะผมหน่อยซิครับ”
อาจารย์รับปากแล้วบอก
“เธอรอฉันประเดี๋ยวก่อนนะ”
“ได้ครับ”
อาจารย์ก็ลุกเดินออกไปข้างนอก แล้วหยิบเอาก้อนหินมาหนึ่งก้อน แล้วส่งให้ชายที่มาหา และสั่งว่า
“เอ้า เอาไปไว้ทีบ้าน จงรดน้ำทั้งเช้าและเย็นนะ ถ้ามันงอกขึ้นมาเมื่อไหร่ เธอก็มาบอกอาจารย์นะ”
“ครับ” ผู้มาพบอาจารย์รับก้อนหินอย่างงงๆ แล้วลากลับ และทำตามคำสั่งของอาจารย์ทุกๆ วัน แล้วคอยเฝ้าดูตามสั่ง หลายวันต่อมาหินก็ไม่งอก เป็นเดือนก็ไม่งอก ขัดใจเอาก้อนหินใส่รถมาหาอาจารย์ แล้วรายงานอาจารย์
“มันไม่งอกหรอกอาจารย์ หินมันจะงอกได้อย่างไรเล่า”
อาจารย์ถามว่า “หินไม่งอกแล้วอะไรมันงอกล่ะ”
ชายผู้มาหานั่งนิ่งเงียบอยู่นาน อาจารย์ก็พูดซ้ำๆ อยู่
“หินไม่งอกแล้วอะไรมันงอก”
มันโพล่งออกมา โอ้โฮ แจ่มแจ้งจากใจจริงๆ ชายผู้นั้นหุบปากเงียบสนิทและเข้ามากราบอาจารย์จนน้ำตาซึมออกมา และลาอาจารย์กลับ เอาก้อนหินไปเป็นอาจารย์ตัวจริงของตัวเอง ขับรถกลับด้วยความสดชื่นอย่างไม่เคยได้รับมาก่อนในชีวิต พอออกรถได้ก็ฮัมเพลง
“ใครจะไปรู้ล่ะ ใครจะไปรู้ล่ะ...คนไม่มีใจ

การปฏิบัติเป็นแค่อุบาย
วันนี้มีสามเณรมาจากอีสานรายงานตัวว่า
“เณรเป็นผู้ที่แม่ด่าว่าไม่ใช่คน ใช้แต่เงินไปเที่ยวกับเพื่อน จึงหนีแม่ไปบวชเณรอยู่กับอาที่อีสานและปฏิบัติธรรมสายพุทโธ ให้ใจอยู่กับพุทโธเสมอ ถูกผิดประการใด อาจารย์ช่วยชี้แนะให้ด้วย”
“ไม่มีถูกไม่มีผิดเป็นแค่อุบายเท่านั้นแล้วปัญญาก็จะเกิดเอง”
“แล้วของอาจารย์ปฏิบัติอย่างไร”
“เปล่าเลยเณร อาจารย์เพียงแต่บอกให้ใช้เห็น เห็นสิ่งทุกสิ่งที่ประกอบขึ้นเป็นสิ่งเดียวกัน ถึงจะเห็นเต็มโลกก็ยังเป็นหนึ่งเดียวกันโดยไม่แยกจากกันได้เลย”
“เมื่อเห็นเช่นนี้ จะต้องทำอะไรอีก”
อาจารย์ว่า “เปล่าเลย เพราะตัวของเณรก็เป็นสิ่งหนึ่งอยู่แล้ว จะต้องทำอะไร มันว่างอยู่ก่อนแล้ว จริงๆ แล้วชีวิตประจำวันทุกขณะ เป็นสมมติบัญญัติเท่านั้น เป็นของปลอม ของจริงไม่เป็นอะไรๆ ด้วย”
“ถ้าเช่นนั้นก็อยู่เฉยๆ ใช่ไหม”
“ไม่ใช่”
“แล้วอย่างไร”
“มันไม่บอก...เฉยก็ไม่ใช่ วิ่งก็ไม่ใช่ วุ่นก็ไม่ใช่...มันไม่บอก ไม่มีภาษาที่จะรับรู้ได้เลย แค่จิตหนึ่งเท่านั้น จะรู้เอง ไม่เป็นอะไรให้ใครทั้งนั้น ลูกพุทธะจะรู้เองมันว่างมาแต่เดิม”

ไม่อยากเกิดอีก
นักศึกษาใหม่มาพบอาจารย์ แล้วรายงานการปฏิบัติว่า
“ผมกำลังดูรูปกับนามอยู่ประจำ ไม่มีเกิดไม่มีตาย มีแต่รูปกับนามเท่านั้น หนาวหรือร้อนก็รูปนามมันเป็นเองไม่มีเราหนาวร้อนด้วยจริงๆ แล้วผมจะต้องทำอย่างไรต่อไปครับอาจารย์”
อาจารย์ก็ว่า “เธอนึกเอาคิดเอาทั้งหมดนั่นแหละ ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น เพราะมันไม่มีอยู่จริง ของไม่มีเธอจะไปทำอะไรกับของไม่มีกันเล่า ธาตุทั้งหกรวมเป็นรูปนามมันก็เป็นของไม่มี จึงไม่ต้องทำอะไรเลยจริงๆ เพราะเธอไม่ประสีประสากับมันเท่านั้น จึงหลงเกิดตายอยู่ทุกขณะจิต ไปเห็นจิตมี เลยเกิดจิตปรุง ก็ปรุงเกิดตายไหลไป ถ้าหยุดปรุงหยุดคิด ก็ปิดการตายเกิดได้แล้วจะต้องทำอะไรกับความว่างเล่า”

อาจารย์ไม่กลัวเอดส์
ในครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เวลาใกล้ค่ำ ได้มีชายผู้หนึ่งรูปร่างหน้าตาเหมือนผี ผอมซีดเหมือนกระดูกเดินได้ ในมือถือนมกระป๋องเล็กสองโหล มากราบอาจารย์แล้วส่งนมให้อาจารย์
“ผมมาจากวัดป่าหนองป่าพงครับ ผมชอบปฏิบัติธรรมและเรียนธรรมครับ”
“ก็ดีซิ” อาจารย์ว่า และรับนมที่ชายส่งให้
“ได้ทราบว่าอาจารย์สอนธรรมะแบบเซ็นเลยขอทราบว่าอาจารย์สอนอย่างไรครับ”
“เซ็นไม่ได้สอน เพราะเซ็นสอนไม่ได้”
“อ้าว แล้วใครสอนล่ะถ้าอาจารย์ไม่สอน”
“มันก็ไม่บอกเสียด้วย” อาจารย์ตอบ
“ถ้าเช่นนั้นผมก็จะฟังมัน” ชายผู้ที่มาเสริม
“ธรรมะไม่มี อะไรๆ ก็ไม่มี”
“แล้วอะไรมีล่ะครับ”
“ที่ว่ามี-ไม่มีก็ไม่มีด้วย มันมีโดยไม่ต้องมีความมี”
ชายผู้มาด้วยตามไม่ไหวก็หักเหเรื่องเสีย
“อาจารย์ ผมเป็นเอดส์น่ะ อาจารย์ไม่กลัวหรือ”
อาจารย์ตอบ
“ฉันไม่กลัวเอดส์ เพราะเอดส์มันอยู่ที่เธอ”
“ไม่แน่มันอาจจะติดถึงอาจารย์ก็ได้นะ”
“มันแน่เสียยิ่งกว่าแน่อีกเธอ เพราะฉันเป็นนักฆ่า ฆ่าทั้งคนและเอดส์ ถ้ากายใจเธอยังไม่เกิด เอดส์จะเกิดได้ไหม”
“ไม่ได้อาจารย์”
“นี่แหละ ฉันฆ่ามันแล้ว แล้วกำลังฆ่าเธออีก”
“โอ้โฮ อาจารย์...”

ไม่ใช่ทั้งจีนและญี่ปุ่น
ในวันหนึ่ง ลูกศิษย์แวะเวียนมาเยี่ยมและสนทนาธรรมกับอาจารย์ ลูกศิษย์เอ่ยขึ้นมาว่า
“นี่มันเมืองไทยนะอาจารย์ ไม่ใช่จีนและญี่ปุ่น”
“ทำไมล่ะ”
“ก็อาจารย์สอนธรรมะแบบเซ็น ใครเขาจะรู้เรื่อง”
“เออ...อาจารย์ก็ไม่ได้สอนให้รู้เรื่องนี่นา”
“อ้าว แล้วผลมันจะเกิดได้หรือ”
“อาจารย์ก็ไม่ได้เอาผลอะไรๆ นี่นา”
“แล้วมันจะไม่เสียเวลาหรือ”
“อาจารย์ก็ไม่มีเวลานี่นา”
“โอ่ พูดไปพูดมาเป็นญวนไปแล้ว”
“เป็นญวนแต่ชาติก่อนมาแล้ว”
“โอ้โฮ ไล่อาจารย์ไม่จน”
“อ้าว ก็อาจารย์รวยมากจนใครๆ สู้ไม่ได้ เลยไม่ต้องแบกอะไรเลยไงล่ะ”
“ตอบดีๆ สิอาจารย์”
“เอาน่า ก็ไม่เห็นมันเสียหายตรงไหน ใครเขารู้ก็รู้ ใครไม่รู้ก็เอาไว้ก่อน ต่อไปพออาจารย์ตาย เรื่องเซ็นก็จะดังขึ้นมาเอง”
“ไหนอาจารย์ลองสอนเซ็นให้ผมสักบทหนึ่งสิ”
“เธอจงหุบปากให้สนิทเงียบ โดยไม่คิดปรุงอะไรๆออกมาเลย แล้วเธอจะรู้จักเซ็น”
ลูกศิษย์ร้องอือในลำคอ แล้วกราบอาจารย์ ลากลับโดยไม่พูดอะไรออกมาจริงๆ เลย

ให้ทุกข์ไปเที่ยวเสีย
กริ๊งๆๆ “ฮัลโหล อาจารย์กตฺธุโร ใช่ไหมคะ หนูน้องสาวโกยี...คุณสาธิตเชียงรายค่ะ”
“ว่าไง”
“เขาแนะนำหนูให้มาปรึกษาอาจารย์ค่ะ”
“อะไรหรือ”
“แฟนหนูเครียดจัด ต้องทานยาประสาทเป็นประจำ หาจิตแพทย์ก็ไม่หายขาด พลอยมาถึงหนูด้วย เครียดตามแฟนอีก ตอนนี้หนูควรทำอย่างไรก่อนที่จะพาเขามาหาอาจารย์คะ”
“เอาอย่างนี้นะ ฟังดีๆ เมื่อเธอทุกข์ เธอเครียด จงปล่อยทุกข์ ให้ทุกข์มันไปเที่ยวตามทุ่งนาป่าเขาทะเลเสียบ้าง แล้วทิ้งมันไว้ที่ทุ่งนาป่าเขาทะเลนั่นแหละ อย่าพามันกลับมาอีกเลย เหมือนแบกกระสอบข้าวสารไว้ทั้งลูก ควักมันออกทีละเม็ดสองเม็ดหรือเป็นกำมือ ก็ยังหนักอยู่ไม่ทันใจ ต้องยกกระสอบทิ้งไปเลย มันเบาไม่ต้องแบกอะไรทั้งนั้น”
“คะ เข้าใจแล้วคะ เพราะใจไปแบก ทิ้งที่ใจ ใจจึงเบา”

เพิ่งเห็นว่าไม่ต้องทำอะไร
บังอรเป็นแม่ครัวประจำอาจารย์ เรียนธรรมปฏิบัติธรรมมาหลายปี ฟังแล้วฟังอีก ไม่มีนั่น นี่ โน่น สารพัดที่อาจารย์พร่ำสอน วันหนึ่ง บังอรเข้ามาพูดกับอาจารย์
“อาจารย์คะ หนูเพิ่งจะเห็นจริงๆ วันนี้เอง คำว่าเรียนธรรมะ ไม่ต้องทำอะไรเลย ไม่ต้องทำจริงๆ หลงทำหลงปฏิบัติเอาเป็นเอาตายมาสิบปีเห็นจะได้ มันจบแค่ไม่ต้องทำอะไรเลย ใครยังจะเอา ยังจะทำก็ไม่ได้อะไรจริงๆ พอแบมือปล่อยทั้งสองข้างเท่านั้น เหมือนคนกำลังจะตาย งานก็จบ ธรรมแห่งพุทธะก็เกิดแจ้งจ้าขึ้น อะไรก็ไม่มีเหลือเป็นเชื้อแห่งชีวิตให้เห็นอีกเลย”
เลิกเหล้าง่ายนิดเดียว
ค่ำลงหน่อย อาจารย์ก็ออกไปเดินเล่นตามเคยทุกวันจนสุดซอยซึ่งเป็นซอยตันและพบขี้เมาตามเคย ซึ่งคอยอยู่ก่อนแล้ว
“ตาๆ หยุดก่อน”
“มีอะไรหรือ”
“ผมอยากทราบ”
“เอ้า ว่าไป”
“กรรมดีกรรมชั่วมันเป็นอย่างไร”
“ดีๆ ชั่วๆ พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนเลย”
“แล้วท่านสอนอย่างไรครับตา”
อาจารย์ตอบว่า
“ผู้ใดทำเหตุเช่นนี้ ต้องรับกรรมอย่างนี้”
“แล้วอย่างผมนี่ เขาเรียกกรรมอะไร”
“เมาตลอดวัน งานการเสียหาย คนไม่คบ แรงหมด ตับแข็ง แล้วตายตามกรรมของตัวที่ทำไว้”
“ถ้าผมเลิกได้ล่ะตา”
“ก็ดีสิ มีหน้ามีตา ผู้คนหันมาคบอีก งานการได้ผล เงินทองของใช้ไม่ขาด กรรมนี้ดีมาก”
“ผมจะเลิกได้ไหมตา”
“ได้สิ”
“มันยากนะตา”
“ไม่ยากหรอก เธอหยุด...ไม่ซื้อเหล้ามากิน มันก็เลิกได้แล้ว”
ถ้าโลกเป็นสีดำ
ค่ำลงประมาณหนึ่งทุ่ม ลูกศิษย์อาจารย์ไปงานศพวัดถนนเหล็ก พอกลับมาก็รายงานว่า
“คนเขานิยมแต่งตัวชุดสีดำกันทั้งนั้นเลย ถ้าโลกนี้มีแต่สีดำทั้งหมด อะไรๆ ก็ดำทั้งนั้น อาจารย์ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นหรือ”
“ก็เกิดสีดำน่าสิ”
“เพราะอะไร”
“เพราะเธอคิดให้มันเกิด มันจึงเกิดขึ้นไงล่ะ”
“อ้าว ถ้าหนูไม่คิดเลยมันจะเกิดอะไรคะ”
“มันก็เกิดไม่คิดไงล่ะ”
“ถ้าหุบปากเงียบไม่นึกไม่คิดไม่ปรุงอะไรๆ เลยล่ะ” “ก็เงียบไปด้วยน่ะสิ เรียกว่าเขียนเป็นลบเป็น มันเลยว่างไงล่ะ พุทธะก็เกิดขึ้นโดยไม่ต้องทำอะไรๆ ให้มันเหนื่อยน่ะซี”

อย่างไหนไม่ธรรมดา
วันนี้มาแปลกใครๆ เขามารถ แต่ท่านผู้นี้เดินมา กดกริ่งหน้าบ้าน เด็กๆ ก็ไปเปิดให้ ถือกระเป๋าเจมส์บอนด์ทีเดียว พอทักทายกันก็รายงานตัวว่า
“ผมเป็นหมอดู ชอบดูดวงคนทั่วๆ ไป ได้เงินบ้างไม่ได้บ้างก็ไม่เป็นไร เพราะชอบหาความรู้ใส่ตัว ทราบว่า อาจารย์สอนธรรมะ ผมก็ชอบ จึงขอดูดวงให้โดยไม่คิดเงินและขอฟังธรรมด้วยครับ”
“ได้สิ ตกลง” อาจารย์ตอบ
พอได้วันเดือนปีแล้วก็รอฟัง หมอนั่งบวกลบคูณหารอยู่นาน เงยหน้าขึ้นดูอาจารย์
“อาจารย์ครับ ดวงอาจารย์นี้แปลกจังเลย ทายไม่ออกครับ มันไม่บอกเลย สงสัยจริงๆ อาจารย์ช่วยดูให้ผมบ้างสิ”
อาจารย์ก็เอาไม้เกาหลังประจำตัว แล้ววนๆ อยู่สองสามรอบ แล้วหยุด พูดขึ้นว่า
“เอ...อาจารย์ก็ทายไม่ออกเหมือนกัน มันไม่บอก”
“อ้าว แล้วอย่างนี้จะว่าอะไรครับ”
“ธรรมดา”
“แล้วอย่างนักการเมืองซักฟอกรัฐบาลล่ะ”
“ก็ธรรมดา”
“ฆ่ากันตายทางภาคใต้ล่ะ”
“ธรรมดา”
“สงครามต่างประเทศล่ะ”
“ธรรมดา”
“ชักสงสัยอาจารย์เสียแล้ว อะไรก็ธรรมดาทั้งนั้น ไอ้ไม่ธรรมดามีบ้างไหม”
“มี” อาจารย์ตอบ
“อย่างไหนล่ะ ที่ไม่ธรรมดา”
“ใครผู้นั้นนั่งหันหน้าเข้าข้างฝา หุบปากเงียบ ไม่มีเสียงเลยเหมือนท่อนไม้และก้อนหินเป็นเวลา ๙ ปี นั่นแหละ ไม่ธรรมดาล่ะ”
รถติดจะทำอย่างไร
วันนี้ยังไม่มีใครมาหาอาจารย์ ผู้ใกล้ชิดอาจารย์ก็ถามว่า
“หนูฟังรายการวิทยุ เขาถามปัญหาให้พระตอบทางวิทยุว่า รถติดจะทำอย่างไร”
พระท่านตอบว่า
“รถติดก็ทำใจสิโยม”
“ถ้าเขาถามอาจารย์ อาจารย์จะตอบอย่างไรคะ”
“ตอบว่ารถติดก็แกะสิ” อาจารย์ตอบ
“ไม่ใช่ คนละเรื่องกันแล้ว”
“อ้าว ก็พระท่านตอบนั้นก็คนละเรื่องเหมือนกันนี่”
“รถติดให้ทำใจ ทำใจทำไม เอาจริงๆ อาจารย์จะตอบว่าอย่างไร”
“รถติดไม่ต้องทำอะไรมันเลย อยู่เฉยๆก็เท่านี้”
“ถ้ารถไม่ติดล่ะอาจารย์”
“ก็ไปน่ะสิ ไม่ต้องทำใจ”
“มันคนละเรื่องกันแล้ว”
“ก็ใจมันไม่มี คนก็ไม่มี จะต้องไปทำมันทำไม ที่มีๆ อยู่นี่มันขันธ์ทั้งห้า เกิดจากธาตุ ๖ เท่านั้น แล้วถ้าไม่ประชุมกันขึ้น มันก็ไม่มีอยู่แล้ว ของไม่มีอยู่จริงจะต้องไปทำอะไรกับของไม่มีอีกล่ะ เข้าใจไหม”
“อือ...” อยู่ในลำคอ

บัวพุทธะเริ่มบาน
วันนี้แขกใกล้ๆ มาหาอาจารย์
“ฉันอยู่โรงงานทอกระสอบติดบ้านอาจารย์นี่เองค่ะ เคยลักฟังธรรมของลูกศิษย์อาจารย์อยู่บ่อยๆ เมื่อเขาสนทนาธรรมกัน แต่ฟังไม่รู้เรื่อง ฉันคงจะโง่มากเพราะไม่ได้เรียนหนังสือ เขียนได้แต่ชื่อตัวเดียวเท่านั้น อาจารย์ว่างั้นไหม”
“มันก็ไม่แน่นะเธอ” อาจารย์หัวเราะหึๆ อยู่ในลำคอ “แต่ว่าเธอโชคดีมากทีเดียวที่ไม่รู้อะไร”
“ถ้าไม่ต้องมีความรู้อย่างผู้ที่รู้มากๆ ฉันจะฟังธรรมของอาจารย์รู้เรื่องบ้างไหมนี่”
“รู้สิ หิวกิน ง่วงนอน ร้อนอาบน้ำ หนาวเอาผ้าห่ม ปวดฉี่ ฉี่ ปวดอึ อึ ฟังรู้ไหม”
“ฟังรู้ค่ะ”
“เท่านี้ก็พอแล้ว ผู้ที่รู้มากเป็นถึงบัณฑิตยังต้องทิ้งความรู้ทั้งหมดจึงมาฟังธรรมอาจารย์ได้”
“แล้วฉันไม่รู้อะไรเลย จะต้องทิ้งอะไรอีกล่ะอาจารย์”
“เธอก็จะต้องทิ้งเหมือนกัน”
“ทิ้งอะไรล่ะอาจารย์”
“ทิ้งความไม่รู้เสียให้หมดน่ะสิ”
“เออ...แปลกแต่จริง ไม่รู้ก็ทิ้งความไม่รู้ ผู้รู้ก็จะต้องทิ้งความรู้”
ของที่ระลึก
วันหนึ่งสองผัวเมียขับรถมาจากต่างจังหวัด เพราะได้ข่าวว่าอาจารย์ที่นี่สอนธรรมแบบเซ็น อยากมาฟังและเรียนดูบ้าง ทั้งคู่ชอบปฏิบัติธรรมอยู่แล้ว พอมาถึงก็กราบอาจารย์ ขณะนั้นอาจารย์กำลังพับนกกระดาษให้เด็กๆ เล่นอยู่ ผู้ผัวเอ่ยขึ้นก่อนว่า
“ผมอยากได้นกไว้เป็นที่ระลึกสักตัวหนึ่ง อาจารย์ช่วยพับให้สักตัวสิครับ”
“ได้สิ” อาจารย์รับปาก “ต้องรอหน่อยนะ”
“ครับ ไม่เป็นไร”
อาจารย์ก็พาเด็กๆ ออกไปและเก็บเอาก้อนหินมาหนึ่งก้อน คลำๆ อยู่ประเดี๋ยวหนึ่งก็ส่งให้ผู้ผัว พร้อมกับบอกว่า
“เอ้า นี่นกของเธอ”
ผู้ผัวก็รับก้อนหินด้วยอาการงงๆ และก็ถามอาจารย์ว่า
“นี่หรือ นกของอาจารย์”
“ใช่ ที่ระลึกไงเล่า”
ชายผู้ผัวงงมาก นึกในใจ ก็ก้อนหินเห็นๆ ไหนอาจารย์บอกว่านก ชายผู้นั้นนั่งคิดอยู่นาน ในที่สุดทนไม่ได้จึงพูดออกมาว่า
“เมื่อกี้นี้อาจารย์ใช้กระดาษพับเป็นนกให้เด็กๆ ไปมันเป็นนกกระดาษนี่นา แล้วตอนนี้อาจารย์เก็บก้อนหินให้แท้ๆ มันจะเป็นนกได้อย่างไร”
“ทีเธอเห็นกระดาษเป็นนกได้ อาจารย์จะเห็นก้อนหินเป็นนกไม่ได้เชียวหรือ”
ผู้เป็นเมียฟังอยู่นาน อยู่ๆ ก็โพล่งขึ้นมาว่า
“ใช่แล้วอาจารย์ ใช่ทั้งหมดเลย แค่สมมติเท่านั้น ถ้าไม่สมมติขึ้น มันไม่มีอะไรเลยจริงๆ”
ผัวโพล่งขึ้น! “เป็นก้อนหินเสียก็จบ” เลยขอก้อนหินอาจารย์ไปเป็นที่ระลึก

นิพพานไม่มี
“ฮัลโหล อาจารย์ใช่ไหม”
“ใช่ มีอะไรหรือ”
“มีปัญหาจะถามอาจารย์ครับ”
“ถามได้เลย”
“ในตัวผมนี้มีนิพพานไหมครับ”
“ไม่มี” อาจารย์ตอบ
“อ้าว ไม่มีแล้วเรียนเพื่ออะไรกันเล่า”
“ก็เรียนเพื่อนิพพานน่ะสิ”
“ก็ไหนว่านิพพานในตัวคนไม่มี แล้วมันอยู่ที่ไหนล่ะอาจารย์”
“เธอฟังดีๆนะ หาก็ไม่พบ มีก็ไม่มี ที่มันไม่มีๆ นั้นแหละคือนิพพานล่ะ”
“อ๋อ เข้าใจแล้วอาจารย์”
“เข้าใจแล้วก็ไม่พอ ทิ้งความเข้าใจเสียด้วย ทิ้งรู้อีกด้วย ตัวมีตัวหมดก็ทิ้งมันไปด้วย มีแต่ว่างโดยไม่ต้องไปทำให้มันว่างนะ นิพพานมีโดยไม่ต้องมีนิพพานเลย นิพพานไม่มีคืออย่างนี้”


ตกเบ็ดโดยไม่มีเบ็ด
อาจารย์ไปตกเบ็ดอยู่สามวัน มีพระธุดงค์หนุ่มองค์หนึ่งมาคอยยืนดูประจำทุกวัน วันนี้อดรนทนไม่ไหวตรงเข้ามาถามว่า
“ท่านผู้เฒ่าทำอะไร”
“ตกปลา”
“เห็นมาตกอยู่สามวันแล้ว ปลากินเบ็ดบ้างไหม”
“สองวันยังไม่กิน แต่วันนี้กำลังจะกินและติดเบ็ดเสียด้วย”
พระหนุ่มว่า
“มีแต่คันเบ็ด สายเบ็ดก็ไม่มี เหยื่อก็ไม่มีตัวเบ็ดก็ไม่มี แล้วปลาหน้าไหนจะติดเบ็ดผู้เฒ่าล่ะ”
ผู้เฒ่าตอบว่า
“ปลาตัวที่หิวเหยื่อนั่นแหละจะติดเบ็ดของฉันล่ะ”
พระหนุ่มได้ฟังคำนี้เข้า ตะลึงอยู่นิดหนึ่ง แล้วเกิดโพล่งจากใจขึ้นทันที ตรงเข้ากอดผู้เฒ่า แล้วจับคันเบ็ดโยนทิ้งไป เรียกผู้เฒ่าว่าอาจารย์ ประคองอาจารย์ไปที่พักและขอฝากตัวเป็นศิษย์ทันที
ทุกข์เพราะปัญญา
วันนี้ศิษย์พาเพื่อนมาจากกรุงเทพ มาขอพบอาจารย์ ปฏิสันถารกันแล้วก็แนะนำว่า
“เพื่อนผมคนนี้ชอบหาความรู้ใส่ตัวมากๆ เพิ่งเป็นบัณฑิตมาจากอเมริกา อยากฟังธรรมของอาจารย์บ้าง”
เพื่อนก็เอ่ยขึ้นว่า
“ผมต้องสร้างปัญญาไว้มากๆ ครับอาจารย์ ธรรมะของอาจารย์มันง่ายหรือยากครับ”
“ไม่เชิงง่ายและก็ไม่ยาก เพียงแต่เธอเก็บปัญญาไว้ให้สนิทเท่านั้น ไม่ต้องเรียนอะไรจริงๆ เธอก็จะเป็นพุทธะทันที”

ผู้ถืออาชีพบริสุทธิ์
ผู้เก็บขยะขาย พอมีเวลาว่างก็มาพบอาจารย์และกล่าวว่า
“ใครๆ ก็รังเกียจไม่อยากมอง แต่ผมว่ามันเป็นอาชีพบริสุทธิ์นะอาจารย์”
อาจารย์เอ่ยขึ้นว่า
“ใครหนอมันช่างพูดเรื่องบริสุทธิ์ไม่บริสุทธิ์ให้เธอฟังจนเธอหลงว่ามันเป็นเรื่องจริง แล้วเธอก็ติดมาเอามาฝากอาจารย์จนได้ ยามใดเธอเพิกถอนความบริสุทธิ์ไม่บริสุทธิ์ได้ เธอจะเป็นพระทีเดียว โดยไม่มีใครไปตั้งให้เป็นเสียด้วย”
“โอ้ ผมเพิ่งเข้าใจ สมมติของคนนี่เองถ้าหมดสมมติก็จบ”
เซ็นผ่าเซ็น
พอมาถึงวัดหลวงพ่อฝั้น อาจาโร ก็ค่ำพอดี เข้าไปกราบหลวงพ่อฝั้น แล้วขอฟังธรรมะกับหลวงพ่อทันที หลวงพ่อเห็นคณะเรา ท่านก็ทราบแล้วว่าเป็นนักปฏิบัติธรรม ท่านยกมือให้ดูระหว่างหลอดไฟและถามว่า
“เห็นไหม”
“เห็นขอรับ”
“เห็นอะไร”
“เห็นเงาครับ”
“พวกเธออย่าไล่ตามเงานะ”
เท่านี้จริงๆ แล้วท่านบอกว่า
“กลับกันได้แล้ว”
งงเป็นไก่ตาแตกกันเลย
“อาจารย์ครับ ผมเก็บปัญหานี้มาเป็นเวลานานมาก ตีไม่แตก อาจารย์ชี้ตรงๆ ลงไปเลย ช่วยทีเถอะครับ”
อาจารย์ว่า
“หลวงพ่อท่านสอนแบบเซ็นไม่ต้องพูดมากไงเล่า”
“อาจารย์ช่วยผ่าเซ็นทีสิ”
“พวกเธออย่าไล่ตามเงากันนะ เงาคือเพียง สิ่งๆ หนึ่ง จับไม่ได้ มองไม่เห็น เป็นของว่างอยู่ ตัวเธอก็เป็นของว่างอยู่ เอาว่างไปจับว่างจะได้อะไรกันเล่า ก็ได้ว่างๆ เพราะตัวตนคนสัตว์ไม่มี เป็นของว่างทั้งนั้นไงเล่า”
“โอ้โฮ อาจารย์ เซ็นผ่าเซ็น แล้วยังผ่าพวกผมอีก เงาก็ว่าง คนก็ว่าง ไม่เหลืออะไรๆ เลย เหลือแต่ว่างอย่างเดียวไงล่ะ กราบอาจารย์ครับ”

อย่างนี้ก็มี
มีพระธุดงค์สองรูป จากภาคอีสานทั้งคู่แต่ต่างจังหวัดกัน ลงมาภาคกลางเป็นเดือนแล้ว วันนี้มาพบกันที่ศาลากลางทุ่ง ใกล้ค่ำพอดี ต้องพักค้างคืนที่ศาลาพักคนเดินทาง กระทำกิจส่วนตัวกันแล้วสนทนากันถึงที่มาที่ไป องค์มาก่อนก็เอ่ยขึ้นว่า
“ท่านกับผมก็เป็นผู้ปฏิบัติ ควรสนทนาธรรมกันจะดีไหม”
“ดีสิครับ” องค์ที่สองตอบ
องค์แรกว่า
“ผมทั้งเรียนและปฏิบัติมามาก คงไม่ไปเกิดใหม่อีกแล้วล่ะครับ”
“โอ สาธุ”
“และระยะนี้ผมก็ตรวจดูจิตดูใจอยู่เป็นประจำ กิเลสมันทำอะไรผมไม่ได้เลยครับ”
“สาธุ”
“อีกไม่ช้า ผมคงไม่ต้องทำการปฏิบัติธรรมอีกเป็นแน่เลย เพราะกิเลสมันคงหมดจากใจผมเป็นแน่”
“ครับผม ขออนุโมทนาสาธุให้ครับ”
“ผมอยากทราบของท่านบ้าง”
“ผมไม่ได้เรียนไม่ได้ปฏิบัติอะไรเลยจนนิดเดียว ผมสาบาน”
“อ้าว อย่างนั้นไม่เสียเวลาเปล่าหรอกหรือ”
“ผมไม่มีเวลาที่จะเสียเลยครับ”
“แล้วท่านทำใจอย่างไร”
“ผมไม่มีใจครับ”
“แล้วอยู่อย่างไง”
“เปล่า ผมไม่ได้อยู่”
“โอ้ ยังงั้นหยุดสนทนากันได้แล้ว”
“ดีครับ”
พระองค์หลังลงกลดแล้วนั่งทั้งคืน องค์แรกคอยนอนดูหลับๆ ตื่นๆ รุ่งเช้า องค์หลังเก็บกลดแล้วเดินหายไปเลย องค์แรกตามไม่ทันเสียแล้ว
ตอไม้ผุรดน้ำไม่งอก
แม่ของศิษย์อาจารย์ป่วย อายุ ๗๕ ปีแล้ว ศิษย์ถามอาจารย์ว่า
“แม่หนูจะมีหวังหายไหมอาจารย์”
อาจารย์ก็ตอบว่า
“ตอไม้ที่ผุแล้ว รดน้ำเท่าไรมันก็ไม่งอกได้หรอกอย่าไปหวังเช่นนั้นเลย”
ศิษย์ว่าต่อ
“อะไรที่มันจะมีความคงคงทนถาวร กล้าเผชิญกับกฎอนิจจังได้มีบ้างไหมอาจารย์”
“มีสิ”
“อะไรหรือ”
“ก็ความว่างไงล่ะ”
“มีอย่างเดียวหรือ”
“นิพพานก็ว่างนั่นเอง จึงมีอย่างเดียวจริงๆ หนึ่งเดียว เข้านิพพานก็ว่าง ข้างในเป็นก้อนดินก้อนหิน ข้างนอกก็ว่าง ทิ้งทั้งหมดก็ว่าง”
“หนูจะถึงว่างได้ไหมอาจารย์”
“ได้ เพราะเธอก็ว่างอยู่แล้วโดยไม่ต้องทำอะไรเลย”

ธรรมมะนอกรูปแบบ
มีพระองค์หนึ่งอยู่นครราชสีมา ไปเยี่ยมญาติที่ปราจีนบุรี ขากลับมาพบอาจารย์ก็ค่ำพอดีค้างคืน สนทนาธรรมกับอาจารย์
“พระนิพพานมีลักษณะอย่างไร”
“ถ้าพูดภาษาคนก็ว่าเย็น-สว่าง สงบสุขมากๆ ภาษาธรรมตอบไม่ได้ ต้องรู้เองเห็นเอง แจ้งแทงตลอดจากญาณปัญญา” อาจารย์ตอบ
“มีอะไรเทียบเคียงบ้างไหม”
“มี เหมือนนายช่างตีเหล็กเอาเหล็กใส่เตาหลอมจนเหล็กเกิดความร้อนจนละลายเป็นน้ำ ลูกไฟแดงฉานอยู่ในเตาเบ้าหลอม และตรงกลางเบ้าหลอมนั้นแหละจะเย็นเฉียบจนความร้อนทำอะไรไม่ได้เลย นั่นคือนิพพานไงเล่า”
“อือ...” ครางในลำคอ “ไม่ง่ายเลยหนอแล้วอาจารย์ปฏิบัติอย่างไรจึงถึงความเย็นความว่างได้”
“เปล่าเลย ไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้น ธรรมชาติเขาว่างอยู่แล้ว”
“ว่างอะไร โยมอาจารย์”
“เพราะมีสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงมี เพราะมีความว่างขึ้นก่อนจึงเกิดสิ่งทุกสิ่งเต็มโลก และสิ่งทุกสิ่งนั่นแหละว่าง”
“ไม่มีสัตว์ ไม่มีคนอยู่หรือ”
“เปล่าเลยว่างหนึ่งเดียวเท่านั้น แล้วจึงประกอบกันเต็มโลกไงเล่า”
“แล้วจะทำอย่างไรให้รูปนามนี้ว่างอย่างอาจารย์ได้เล่า”
“ไม่ต้องทำอะไร เพราะมันว่างอยู่แล้ว ของไม่มีจะทำอะไรกับของว่างๆ ขับหนีตีไล่ความว่าง มันก็ว่างอยู่อย่างนั้นนั่นแหละ จับไม่ได้มองไม่เห็น จึงไม่ต้องทำอะไรเลยจริงๆ”

อยากหายตัวได้
ศิษย์อาจารย์สายแก่งคอยพาเพื่อนมาด้วย รายงานว่า
“เพื่อนผมเป็นนักธุรกิจสมัย IMF เจ๊งไปหมดแล้วเพิ่งฟื้นตัว กำลังเห็นโลกนี้ยุ่งมากๆ ไม่อยากอยู่กับโลกเสียแล้ว อยากจะหายทุกข์ทั้งกายและใจ หรือทำอย่างไรก็ได้ให้ตัวเพื่อนผมนี้หายไปจากโลกเสียเลย ท่านอาจารย์ช่วยเขาทีสิ”
อาจารย์ก็ถามเพื่อนของศิษย์ว่า
“เธอมีความประสงค์เช่นนั้นหรือ”
“จริงครับอาจารย์” เขารับปาก
อาจารย์ก็ว่า
“ไม่ยากเลย เธอจงขับเครื่องบิน แล้วบินตรงไปสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า ไปที่นั่น แล้วเธอจะรู้เองนะ คงไม่ได้กลับมารายงานอาจารย์เป็นแน่เลย”
“อือ...”

ชนะโดยไม่แพ้
วันนี้ก็เหมือนๆ กับทุกวัน มีผู้มาพบอาจารย์ แสดงตัวว่า
“ผมเป็นนักมวย และอยากชกชนะโดยไม่แพ้ใครๆ เลย ไปเชียงรายมา ลูกศิษย์อาจารย์เขาแนะนำมาว่าต้องมาหาอาจารย์ อาจารย์เคยเป็นนักมวยเก่ารุ่นสมพงศ์ เวชสิทธิ์ สมาน ดิลกวิลาศ ไม่เคยแพ้ ผมจะขอถ่ายทอดวิชามวยจากอาจารย์ครับ”
อาจารย์ว่า
“เคยชกลมบ้างไหม”
“เคยครับ”
“เธอต้องดูว่าลมมันเจ็บไหม”
“ไม่เจ็บครับ”
“ลมมันเหนื่อยไหม”
“ไม่ครับ”
“เธอจงเป็นลม หรือเป็นความว่างเสียเอง แล้วเธอจะไม่แพ้ใครเลยจริงๆ”
“โอ้ อาจารย์ วิชานี้สุดประเสริฐเลยครับเป็นลมเป็นว่างเสียเอง ชนะทั้งหมดกิเลสหาย”

--------------------------------เกิน 45,000 ตัวอักษร จะโพสไม่ได้ครับ------
ผู้จะนำไปเผยแพร่ หรือตีพิมพ์ ขอให้เมล์บอก หรือหลังไมค์----------------
--เพื่อจะได้บอกท่านเจ้าของบทความ เพื่อจะได้อนุโมทนาบุญกันครับ------
--โปรดรักษามารยาท--จงมีความเคารพในข้อมูลตัวอักษรด้วย-------chandayot@yahoo.com--


Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2554
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2554 16:22:32 น. 0 comments
Counter : 1592 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jesdath
Location :
เชียงราย Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 35 คน [?]




Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728 
 
5 กุมภาพันธ์ 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add jesdath's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.