. . . หุ้นไทยภาคเช้าดิ่งลงกว่า 20 จุด . . .
หุ้นไทยภาคเช้าดิ่งลงกว่า 20 จุด ต่างชาติสบจังหวะโกยกำไรกลับบ้าน-อุดวิกฤตตลาดสินเชื่อ โดย ผู้จัดการออนไลน์ 19 มิถุนายน 2551 12:12 น.
ดัชนีตลาดหุ้นไทยภาคเช้า ร่วงแรงต่อเนื่องกว่า 20 จุด ต่างชาติผวาวิกฤติแหนมเนืองลาม แห่ถอนเงินออกจากตลาดหุ้นเอเชีย โกยกำไรกลับบ้านไปอุดวิกฤตสินเชื่อภายในประเทศตนเอง ส่วนปัจจัยในประเทศ อาจกระทบระยะสั้น เพราะเกรงรัฐบาลใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมตามระบอบประชาธิปไตย โบรกเกอร์คาดหลุดแนวรับ 750 จุด พร้อมแนะถือเงินสด บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วันนี้(19 มิ.ย.) ดัชนีเปิดตลาดภาคเช้าร่วงลงต่อเนื่องทันทีกว่า 10 จุด คาดต่างชาติยังคงเทขายต่อเนื่อง ซึ่งดัชนีดาวโจนส์ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ ปรับลงกว่า 130 จุด เนื่องจากตัวเลขการขาดทุนของสถาบันการเงินขนาดใหญ่ ซึ่งสะท้อนภาวะตลาดสินเชื่อรายย่อย และความเชื่อมั่นการบริโภคที่ยังไม่ดีขึ้น ขณะที่ตลาดเอเชียเริ่มมีความเสี่ยงมากขึ้น โดยเฉพาะเวียดนามที่มีตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งสูงกว่า 25% จนทำให้ธนาคารกลางเวียดนาม ต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยแรงถึง 2% ส่วนปัจจัยการเมืองในประเทศ คาดว่าจะกระทบในระยะสั้น เพราะนักลงทุนต่างชาติมีความเข้าใจต่อการชุมนุมในระบอบประชาธิปไตย แต่สิ่งที่เขากังวล คือ ความบ้าอำนาจของภาครัฐ ซึ่งส่อให้เห็นความพยายามจะใช้ความรุนแรงโดยตลอด หากมีโอกาสเอื้อให้กระทำ รัฐบาลส่วนใหญ่ของทุกประเทศ ต่างต้องการให้มีแต่ภาพที่ออกมาดี และปกปิดข้อมูลการทุจริต เพื่อรักษาฐานความมั่นคงในอำนาจของตนเอง แต่การใช้อำนาจ และความรุนแรง คงต้องพิจารณาพฤติกรรมเฉพาะราย เป็นแต่ละกรณีกันไป ตอนนี้ ดัชนีหุ้นไทยคงต้องพยายามที่จะยืนให้ได้ที่ระดับ 750 จุด โดยดัชนีที่ปรับลดลงวันนี้ เชื่อว่ามีโอกาสที่เห็นการปรับลงหลุด 750 จุด เพราะตามเทคนิคจุดที่สำคัญอยู่ที่ 760 จุด และตอนนี้ก็หลุดและไหลมาเรื่อยๆ ซึ่งวานนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิประมาณ 700 ล้านบาท ทั้งนี้ การขายติดต่อกันมาอย่างต่อเนื่องหลายวันทำการ อาจจะกดดันต่อการขายตัดขาดทุนออกมาในหุ้นจากนักลงทุนรายย่อย เนื่องจากถ้าพิจารณาจากระดับดัชนีที่ 800 จุด นักลงทุนจำเป็นที่จะต้องเทขายออกมา เพื่อตัดขาดทุนก็เป็นได้ ซึ่งจะส่งผลต่อบรรยากาศการโดยรวมของดัชนีเช่นกัน สำหรับกลยุทธ์การลงทุน แนะนำให้ถือเงินสดให้มากที่สุด โดยเมื่อเวลา 10.41 น. ดัชนีอยู่ที่ระดับ 750.94 จุด ลดลง 14.80 จุด หรือลดลง 1.9% มูลค่าการซื้อขาย 6.3 พันล้านบาท พร้อมให้แนวรับให้ไว้ที่ 740 จุด ส่วนแนวต้าน 762-765 จุด ดัชนีปิดตลาดภาคเช้า 12.33 น. ที่ระดับ 745.35 จุด ลดลง 20.39 จุด มูลค่าการซื้อขาย 9,400 ล้านบาท ...
เงินเอเชียอ่อนรับวิตกสินเชื่อระลอกใหม่/บาทร่วงหนักสุด 13:10 น. เนชั่นทันข่าว
สกุลเงินเอเชียส่วนใหญ่ทรงตัวหรืออ่อนค่าลงในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนซื้อขายอย่าง ระมัดระวังหลังมีความวิตกมากขึ้นต่อเศรษฐกิจโลก แม้ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญก็ตาม
ดอลลาร์ร่วงลงเมื่อเทียบกับเยนและยูโรจากความไม่แน่ใจว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างมากหรือไม่ เมื่อพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอ อันเป็นผลส่วนหนึ่งจากข้อมูลในสัปดาห์นี้ที่บ่งชี้ว่าตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 17 ปีในเดือนพ.ค.
ความวิตกต่อเศรษฐกิจโลกยังเพิ่มมากขึ้นจากรายงานเกี่ยวกับภาคธนาคารจากโกลด์แมน แซคส์ แอนด์ โคเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา และข้อมูลของรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ที่ ระบุถึงช่วงเวลา "เดือนส.ค.-ต.ค.ที่อาจจะอันตรายอย่างมาก" สำหรับตลาดหุ้นและสินเชื่อ
ความวิตกดังกล่าวทำให้รูเปียห์เคลื่อนไหวในช่วงแคบๆ โดยอ่อนค่าลงเล็กน้อยมาที่ 9,295 ต่อดอลลาร์ ต่ำกว่าระดับปิดวานนี้เล็กน้อย
"ยังค่อนข้างเงียบ เพราะธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) ต้องการความผันผวนต่ำ แต่พวกเขาไม่ต้องการให้รูเปียห์แข็งค่าขึ้นหรืออ่อนค่าลงในทันที แต่ให้ค่อยเป็นค่อยไปมากกว่า ซึ่งก็ถือว่าประสบความสำเร็จพอสมควร" เทรดเดอร์ในจาการ์ตากล่าว
เทรดเดอร์คาดว่า เจ้าหน้าที่เข้าแทรกแซงเพื่อซื้อดอลลาร์ที่ระดับ 9,288- 9,290 ต่อดอลลาร์ในวันนี้เพื่อลดความผันผวนของค่าเงิน โดย BI ได้ขายดอลลาร์ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อพยุงค่าเงินรูเปียห์
ดอลลาร์ไต้หวันและเปโซร่วงลง 0.2 % ขณะที่หุ้นไต้หวันและฟิลิปปินส์อ่อนตัวลงหลังจากดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลงมาปิดที่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน ซึ่งทำให้เกิดความวิตกว่าความต้องการสินค้าส่งออกจะลดลง
ริงกิตร่วงลงเกือบ 0.2 % ที่ 3.2615 ต่อดอลลาร์ หลังจากพรรคร่วมรัฐบาลของมาเลเซียเปิดเผยว่าจะจัดการประชุมฉุกเฉินในเวลา 13.30 น.ตามเวลาไทยวันนี้ หลังจากพรรคขนาดเล็กพรรคหนึ่งระบุวานนี้ว่า จะจัดการลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี
"เรายังเชื่อว่าริงกิตมีมูลค่าต่ำเกินไป แต่ความเสี่ยงจากการเมืองภายในประเทศอาจจะกระทบต่อการแข็งค่าในระยะใกล้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากกองทุนต่างชาติยังคงอยู่นอกตลาด" นักวิเคราะห์จากยูบีเอสกล่าว
เงินบาทร่วงหนักสุดในภูมิภาค โดยรูดลง 0.5 % ที่ 33.41 เทียบดอลลาร์หลัง นางอัจนา ไวความดี รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยืนยันที่จะไม่ใช้สกุลเงินเป็นเครื่องมือในการรับมือเงินเฟ้อ แต่การปรับตัวลงดังกล่าวได้ถูกสกัดไว้ด้วยการคาดการณ์ที่เกี่ยวกับการเข้าแทรกแซงเพื่อขายดอลลาร์
ดอลลาร์/บาทยังคงแข็งค่า อันเนื่องมาจากการปรับตัวที่สดใส" เทรดเดอร์รายหนึ่งกล่าว โดยคาดว่า ธปท.จะสกัดดอลลาร์ และนั่นจะยังคงทำให้บาทปรับตัวในช่วงแคบ
นางอัจนาได้กล่าวเมื่อวานนี้ว่า ธปท.จะไม่ใช้เงินบาทในการรับมือกับเงินเฟ้อแต่จะเข้าดำเนินการเมื่อเงินบาทมีการปรับตัวมากเกินไป
... Bancassurance : โอกาสที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจประกันชีวิตในการเข้าถึงฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย 19/06/2008
ธุรกิจประกันชีวิตในปี 2551 แม้จะมีปัจจัยบวกจากการมาตรการภาษีของรัฐบาลที่ให้นำเบี้ยประกันชีวิตมาหักค่าลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เพิ่มขึ้นจากไม่เกิน 50,000 บาทต่อปี เป็นไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี ประกอบกับราคาสินค้าเกษตรปรับตัวสูงขึ้นมาก ซึ่งส่งผลบางส่วนไปยังระดับรายได้ของคนในภาคเกษตรให้เพิ่มขึ้น อันเป็นการสร้างโอกาสในการขยายธุรกิจ ทั้งจากการเสนอขายเบี้ยประกันใหม่ให้กับผู้ถือกรมธรรม์รายเดิมเพื่อประโยชน์ทางภาษี และจากการขยายฐานลูกค้าไปยังระดับฐานรากมากขึ้น
แต่เนื่องจากในปีนี้ ปัญหาค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตามราคาน้ำมัน ไม่สอดคล้องกับระดับการเพิ่มของรายได้ จึงส่งผลต่อความสามารถในการออมของคนให้ลดลง รวมกับทิศทางดอกเบี้ยที่เปลี่ยนเป็นขาขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงกลางปี เป็นปัจจัยลบที่อาจส่งผลกระทบต่อการขยายธุรกิจใหม่ในช่วงครึ่งหลัง
ด้วยเหตุนี้ แม้ข้อมูลเบื้องต้นจากสมาคมประกันชีวิตไทย จะรายงานการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับตรงในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ว่ามีอัตราเพิ่มสูงถึง 14% คิดเป็นเบี้ยประกันภัยรวมกว่า 51 พันล้านบาทก็ตาม แต่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าผลจากปัจจัยลบดังกล่าว น่าจะส่งผลให้การเติบโตของเบี้ยประกันในช่วงไตรมาส 2-3 เพิ่มขึ้นในอัตราชะลอลง ก่อนที่จะกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้งในไตรมาสสุดท้าย ซึ่งเป็นช่วงฤดูการขายของธุรกิจนี้ ทำให้ตัวเลขการเติบโตทั้งปีนี้น่าจะอยู่ในช่วงประมาณ 6-10% เพิ่มขึ้นในอัตราชะลอลงเมื่อเทียบกับปี 2550 ที่ขยายตัวประมาณ 16.8% คิดเป็นเบี้ยประกันภัยรวมประมาณ 217,000-224,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม อัตราเพิ่มของเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงในปี 2551 ที่มาจากช่องทางการขายผ่านธนาคาร (Bancassurance) น่าจะยังคงเป็นตัวนำในการเติบโตของธุรกิจประกันชีวิตต่อไป โดยคาดว่าจะมีอัตราเติบโต 20-25% คิดเป็นเบี้ยประกันภัยรับตรงรวมประมาณ 37,000-39,000 ล้านบาท ซึ่งแม้จะเติบโตในอัตราชะลอลงเมื่อเทียบกับปี 2550 ที่ขยายตัวถึง 60%
แต่การที่ Bancassurance ยังขยายตัวมากกว่าธุรกิจประกันชีวิตในภาพรวมที่คาดว่าจะโตประมาณ 6-10% ในปีนี้ ทำให้สัดส่วนธุรกิจที่มาจาก Bancassurance น่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นประมาณ 17-18% จากระดับประมาณ 15% ในปี 2550 ขณะที่ช่องทางการขายผ่านตัวแทน มีแนวโน้มที่อาจมีส่วนแบ่งตลาดที่ทยอยปรับตัวลดลง นอกจากนี้ ในระยะยาวศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า Bancassurance ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับฐานลูกค้าเงินฝากออมทรัพย์ในระบบธนาคารพาณิชย์ที่มีอยู่ไม่น้อยกว่า 60 ล้านบัญชี (ขณะที่จำนวนกรมธรรม์ที่มีผลบังคับทั้งสิ้นมีประมาณ 11 ล้านกรมธรรม์) โดยหากธนาคารพาณิชย์ทุกรายร่วมมือกับบริษัทประกันชีวิตในการรุกขยายธุรกิจอย่างจริงจัง ด้วยการออกแบบประกันที่มีความหลากหลาย ตอบสนองความต้องการลูกค้าอย่างเจาะจงมากขึ้น นอกจากเน้นการออมทรัพย์ที่เมื่อรวมผลประโยชน์จากการได้ค่าลดหย่อนภาษีแล้วจะได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับการฝากเงินกับธนาคารพาณิชย์
โดยทำให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นใกล้เคียงกับแบบกรมธรรม์ที่ขายผ่านตัวแทนนายหน้า เช่น ให้ลูกค้ามีโอกาสเลือกจำนวนเงินนำส่ง และกำหนดทุนประกันได้ด้วยตนเอง เป็นต้น ประกอบกับการเพิ่มสิทธิประโยชน์ในการหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากไม่เกิน 50,000 บาท/ปี เป็นไม่เกิน 100,000 บาท/ปี ก็จะทำให้ Bancassurance มีบทบาทเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในฐานะช่องทางการขายหลักของธุรกิจประกันชีวิต
...
Create Date : 19 มิถุนายน 2551 |
|
9 comments |
Last Update : 19 มิถุนายน 2551 13:28:22 น. |
Counter : 469 Pageviews. |
|
|
|
ทองพุ่งใกล้ 900 ดอลล์ สูงสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์
13:17 น. เนชั่นทันข่าว
ราคาทองพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ในวันนี้ อันเนื่องมาจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าและการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันเมื่อคืนนี้
ราคาทองสปอตมีการซื้อขายที่ระดับ 891.80/892.70 ดอลลาร์/ออนซ์เมื่อเทียบกับระดับปิดในตลาดทองนิวยอร์คเมื่อวานนี้ที่ระดับ 890.75/891.95 ดอลลาร์เมื่อราคาพุ่งขึ้นเกือบ 7 ดอลลาร์/ออนซ์ จากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง และขณะที่ราคาน้ำมัน NYMEX ทรงตัวในระดับสูงหลังการขู่ผละงานประท้วงของคนงานในไนจีเรียได้ทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับอุปทานน้ำมัน
ราคาทองแตะระดับสูงที่ 895.05 ดอลลาร์/ออนซ์ในวันนี้ ซึ่งสูงสุดนับแต่วันที่ 9 มิ.ย. เมื่อราคาพุ่งขึ้นถึง 908.70 ดอลลาร์ แต่ราคาทองก็ยังต่ำกว่าระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,030.80 ดอลลาร์ที่ทำไว้เมื่อกลางเดือนมี.ค.
"ผมไม่คิดว่าราคาจะทะยานขึ้นมากนัก หากราคาฝ่าระดับ 900 ดอลลาร์คุณอาจจะเห็นการเข้าซื้อชดเชยมากขึ้นเล็กน้อย" นายมาร์ค เพอร์แวน นักวิเคราะห์จากเอเอ็นแซทกล่าว
"ตลาดน้ำมันกำลังเริ่มจะชะลอความแรง และตลาดสกุลเงินก็เป็นที่ชื่นชอบน้อยกว่าเมื่อ 3 เดือนก่อนหากราคาทองฝ่าระดับ 850 ดอลลาร์ คุณก็อาจจะเห็นราคาปรับตัวลงอย่างรวดเร็วใกล้ 800 ดอลลาร์"
ดอลลาร์ร่วงลงจากความไม่แน่นอนที่เพิ่มมากขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่หรือไม่
ราคาน้ำมันร่วงลง 44 เซนต์ ที่ 136.24 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังกระทรวงน้ำมันของไนจีเรียได้เข้าแทรกแซงเพื่อเลี่ยงการผละงานประท้วงที่อาจจะเกิดขึ้นที่บริษัทเชฟรอน