. . . เงินบาทอ่อนค่าสุดในรอบ 5 เดือน . . .
เงินบาทอ่อนค่าสุดในรอบ 5 เดือน
บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด จัดทำบทวิเคราะห์ในหัวข้อ เงินบาทร่วง...อ่อนค่าสุดรอบ 5 เดือนเทียบกับดอลลาร์ฯ โดยระบุว่า ในช่วงเช้าของวันที่ 9 มิ.ย. เงินบาทอ่อนค่าลงอย่างหนักหลังตลาดในประเทศเปิดทำการ โดยเงินบาทอ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือนใกล้ระดับ 33.40 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
โดยเงินบาทถูกกดดันจากแรงซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐฯอย่างต่อเนื่องจากทั้งฝั่งผู้นำเข้า และนักลงทุนต่างชาติ หลังจากเงินบาทอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็วผ่านระดับ 33.00 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม เงินบาทฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยมายืนที่ระดับประมาณ 33.20 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงต่อมา โดยได้รับแรงหนุนจากแรงขายเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่าเป็นการเข้าแทรกแซงจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อลดความผันผวนของค่าเงิน
ทั้งนี้ เงินบาทถูกกดดันจากปัจจัยลบหลายปัจจัย ประกอบด้วย 1. แรงซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐของผู้นำเข้า โดยเฉพาะบริษัทน้ำมันท่ามกลางสภาวะที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกทะยานขึ้นทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์อย่างต่อเนื่อง
2. ความกังวลต่อความอ่อนแอของดุลการค้า และดุลบัญชีเดินสะพัด ซึ่งตัวเลขล่าสุดสะท้อนว่า ดุลการค้าของไทยในเดือนเมษายน บันทึกยอดขาดดุลรายเดือนสูงที่สุดในรอบ 12 ปีที่ระดับ 1.77 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ ดุลบัญชีเดินสะพัดในเดือนเดียวกันบันทึกยอดขาดดุลสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2548 ที่ระดับ 1.66 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
3. แรงซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งสอดคล้องกับการร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นไทย โดยมีนักลงทุนต่างชาติเป็นผู้ขายสุทธิ ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาดูประเด็นความไม่แน่นอนทางการเมืองอย่างใกล้ชิด
4. แนวโน้มความอ่อนแอของค่าเงินในภูมิภาค อันเนื่องมาจากปัญหาเงินเฟ้อ การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน และความอ่อนแอของดุลการค้า และ
5. แรงกดดันเงินเฟ้อในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นเกินคาดเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ประเด็นที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดซึ่งอาจส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของเงินบาทในระยะถัดไป คือ แนวโน้มของเศรษฐกิจสหรัฐและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะน้ำมัน โดยหากราคาน้ำมันยังคงพุ่งสูงขึ้น ก็ย่อมจะกดดันฐานะดุลการค้าของหลายประเทศในเอเชียรวมทั้งไทย ซึ่งจะส่งผลกดดันต่อเนื่องไปยังค่าเงินในเอเชียรวมทั้งเงินบาท
นอกจากนี้ ยังมีเรื่อง ความอ่อนแอของฐานะดุลการค้าของไทยในปี 2551 แนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปี ท่ามกลางปัญหาความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ ตลอดจนแนวโน้มความอ่อนแอของสกุลเงินในภูมิภาค อาจเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อค่าเงินบาทในระยะถัดไป
อย่างไรก็ตาม แรงกดดันต่อการอ่อนค่าของเงินบาทอาจลดน้อยลง โดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังของปี 2551 เนื่องจากดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยอาจฟื้นตัวขึ้นตามฐานะดุลการค้าและดุลบริการจากปัจจัยทางฤดูกาล นอกจากนั้น ปัญหาการเมืองในประเทศของไทยเอง ก็อาจเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติและค่าเงินบาทด้วยเช่นกัน
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การอ่อนค่าของเงินบาทประมาณ 33.30 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ มาจาก 2 สาเหตุหลัก คือ เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น และนักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นไทย และมีการเคลื่อนย้ายเงินทุนออกนอกประเทศ ยืนยันไม่มีความผิดปกติ ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง และไม่พบความผันผวนของค่าเงินบาท
ส่วนที่น่ากังวล คือ ผลกระทบจากการนำเข้าน้ำมัน เพราะเมื่อเงินบาทอ่อนค่าการนำเข้าน้ำมันก็จะแพงขึ้น แต่รัฐบาลได้มีการเตรียมการไว้แล้ว
ทางรัฐบาลได้เตรียมจัดงานมหกรรมสินค้าราคาถูกระหว่าง 17-20 กรกฎาคมนี้ อิมแพค เมืองทองธานี โดยงานนี้จะมีการนำถังก๊าซเอ็นจีวีราคาถูกมาเปิดตัวครั้งแรก โดยมีราคารวมค่าติดตั้งประมาณ 30,000 บาท จะเปิดให้ประชาชนสามารถจองในงานได้
นอกจากนี้ รัฐบาลจะแจกคูปองให้กับคนยากจนเพื่อใช้ในการซื้อสินค้าและค่าบริการขนส่งต่าง ๆ โดยรัฐบาลกำลังกำหนดคำนิยามของคนยากจน เพื่อจะแจกคูปองให้เพื่อช่วยเหลือด้านรายจ่าย รวมทั้งในงานนี้จะมีการจับรางวัลเพื่อแจกรถยนต์อี 85 คันแรกด้วย ...
Create Date : 09 มิถุนายน 2551 |
|
8 comments |
Last Update : 9 มิถุนายน 2551 19:22:19 น. |
Counter : 506 Pageviews. |
|
|
|
รมช.คมนาคม จะนำแผนจัดเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 6,000 คัน และแผนฟื้นฟูกิจการ ขสมก.เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ในวันนี้(10 มิ.ย.)
นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ในวันนี้( 10 มิ.ย.) กระทรวงคมนาคมจะเสนอแผนปรับโครงสร้างองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ซึ่งครอบคลุมถึงรายละเอียด การจัดเช่ารถเมล์โดยสารใช้ก๊าซเอ็นจีวี 6,000 คัน เพื่อเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีเพื่อขอความเห็นชอบ หลังจากที่ได้หารือในที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบขนส่งทางรางและระบบขนส่งมวลชนแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
โดยเชื่อมั่นว่าแผนฟื้นฟูกิจการดังกล่าว จะช่วยให้ฐานะการเงินของ ขสมก.ที่มีผลขาดทุนสะสม 70,000 ล้านบาท สามารถลดภาระขาดทุนลงถึงร้อยละ 50 ใน 10 ปีข้างหน้า และหากไม่ปรับโครงสร้างกิจการตามแผนฟื้นฟูนี้ ใน 10 ปีข้างหน้า ขสมก.จะมีผลขาดทุน สะสม สูงถึง 1.4 แสนล้านบาท
ส่วนประเด็นการจัดเก็บค่าโดยสาร 15 บาทตลอดสาย และให้รถเมล์ทั้งหมดเป็นรถปรับอากาศ นายทรงศักดิ์ชี้แจงว่าราคาที่มีการกำหนดเบื้องต้น คือ 15 บาทตลอดสาย 30 บาทตลอดวัน และ 900 บาทตลอดเดือนนี้ คำนวณจากพฤติกรรมการใช้รถ ซึ่งทุกคนจะต้องใช้ทั้งไป และกลับ เฉลี่ยประชาชนจะเดินทางต่อคน คนละ 2.8 เที่ยว เมื่อนำมาหารเฉลี่ยกับราคาตั๋วตลอดวัน 30 บาท ประชาชนจะใช้รถเมล์ในราคาถูกลง
สำหรับแผนปรับโครงสร้างของ ขสมก.ครั้งนี้ จะมีการยกเลิกระบบรถเมล์ร้อนที่มีอยู่ 3,000 คัน ออกไปทั้งหมด แล้วนำรถปรับอากาศที่ใช้ก๊าซเอ็นจีวีเป็นเชื้อเพลิงจำนวน 6,000 คัน เข้ามาวิ่งแทนโดยใช้ระบบเช่าแทนการซื้อ และจะมีการปรับลดเส้นทางเดินรถของ ขสมก.ลงจากเดิมที่มีอยู่กว่า 200 เส้นทาง ให้เหลือ 145 เส้นทาง เพื่อลดปริมาณรถบนท้องถนน แต่ยืนยันว่าทั้ง 145 เส้นทางนั้นจะครอบคลุมทุกพื้นที่ พร้อมทั้งประกาศว่ารถใหม่ทั้ง 6,000 คันจะเข้ามาวิ่งให้บริการในระบบได้ในเดือน พ.ค.ปีหน้าแน่นอน
นอกจากนี้ ยังมีแผนให้ส่วนลดกับผู้สูงอายุในอัตราร้อยละ 50 ของค่าโดยสารปกติ ขณะที่เด็กนักเรียนจะให้ส่วนลดในอัตราร้อยละ 33 ของค่าโดยสารปกติ อีกทั้งจะมีการจัดทำตั๋วโดยสารแบบระบบ E-Ticket ตั๋ววัน และตั๋วเดือน ซึ่งจะทำให้ผู้โดยสารประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางลงได้ และยอมจอดรถไว้เพื่อมาโดยสารรถสาธารณะกันมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณการจราจรที่แออัดลดน้อยลงไปด้วย
ส่วนการที่พรรคประชาธิปัตย์ และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ออกมาระบุว่า การจัดหารถเช่า 6,000 คัน มีนักการเมืองได้ประโยชน์กินเปล่าคันละ 1 ล้านบาทนั้น ถือว่าเป็นการกล่าวหาที่เลื่อนลอย เนื่องจากหากแผนการดังกล่าวผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ก็ต้องมีการจัดทำร่างสัญญาเงื่อนไขการเช่า หรือทีโออาร์ และจัดประกวดราคาแบบอิเล็กทรอนิกส์ขึ้น จึงจะมีรายละเอียดว่าจะเช่าคันละเท่าไหร่ การเปิดประกวดราคาโปร่งใสหรือไม่ ซึ่งเมื่อถึงขณะนั้นทุกฝ่ายสามารถเข้ามาตรวจสอบได้
...