จินตนาการสำคัญกว่าความรู้
Group Blog
 
<<
กันยายน 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
21 กันยายน 2553
 
All Blogs
 

กาหรือหงส์ ตอน ๔๗

กาหรือหงส์ ตอน ๔๗



//www.bloggang.com/homelogin.php



แล้วทุกอย่างก็ผ่านไปอีกเหมือนสายลมพัด เมื่อมะยมรีบร้อนกลับมาจากโรงพยาบาลในวันรุ่งขึ้นเพื่อจะมาหาอิสราที่คุ้มฟ้าโอบดิน แต่แล้วก็ต้องพบกับความผิดหวัง มีแต่ความว่างเปล่าที่เหลือเป็นรอยอาลัยให้คร่าครวญหาอดีตในวันเก่า ....

อิสรากับครอบครัวได้เดินทางมาฟ้าโอบดินเพียงชั่วคืน ก่อนจะเดินทางกลับท่าวังหินในรุ่งเช้า เป็นการเดินทางอย่างรีบเร่งอย่างที่คนในคุ้มไม่มีใครคาดเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น ...

เจ้าเดือนส่องยังคงร่าเริงแจ่มใสเหมือนนกน้อยอยู่เช่นเดิมเพราะมีเจ้าแสนเมือง เพื่อนสนิทเคียงข้าง จนบางครั้งมะยมแทบจะรู้สึกได้ว่าตัวเองเป็นบุคคลที่สามไปโดยปริยาย แต่ก็ยังดีที่มีเด็กชายเด็กหญิงสองพี่น้องมีคอยชี้ชวนให้ทำกิจกรรมต่าง พอที่จะคลายเหงาไปได้ เช้าวันนี้เป็นอีกวันที่มะยมนั่งเหม่อลอยอยู่ใต้ต้นไทรงามคิดนึกไปถึงท่าวังหินที่แสนไกลจากที่นี่ จนลืมสังเกตว่ามีชายหนุ่มร่างใหญ่ ผิวพรรณละเอียดขาว ใบหน้าคมเข้มตามแบบฉบับลูกผู้ชายแท้ ๆ มายืนอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ ...

“ มานั่งเงียบ ๆ คนเดียวอยู่นี่เองใจลอยไปถึงไหนกัน ...”

“ อ้อ ... เจ้าอา สวัสดีค่ะ ..”

“ ตามสบายไม่ต้องพิธีรีตองอะไรมาก อาขอนั่งคุยกับเราด้วยคนได้มั้ย” มะยมมองเสี้ยวหน้าคมของผู้อาวุโสกว่าตนเองที่นั่งตรงข้ามแว่บหนึ่งด้วยใจที่ระทึกขึ้นมา ก่อนจะตอบกลับไปตามมารยาทผู้ที่อ่อนวัยกว่า ..
“ ได้ค่ะ แต่มะยมเกรงว่าจะเป็นคู่สนทนาไม่สนุกนะสิคะ”

“ หึ หึ จะเป็นไปได้ไงมะยมเพราะเราเห็นเจ้าทโมนสองนั่นเงียบเป็นลิงหลับทุกครั้ง เมื่อเราเล่านิทานให้ฟัง แถมเอามาโม้ให้คนในคุ้มฟังจนเขาเบื่อไปหมดแล้ว ”

เจ้าพรหมารังสรรค์ยิ้มเก๋ที่มุมปากอีกครั้ง..

“ อ้าวแล้วนี่เดือนส่องไปไหนเสียล่ะ ทำไมถึงปล่อยให้เรามานั่งคนเดียวได้ ..”

“ เดือนไปหาของไปฝากอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยในตัวเมืองตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ สักพักคงมาถึงคุ้ม ... แล้วคุณต้นกล้ากับคุณเตยหอมก็กำลังเรียนเปียโนทางด้านเรือนหลังเล็กใกล้สระน้ำ ..”

“ เราก็เลยไม่มีอะไรทำ” เจ้าพรหมายิ้มออกมาพร้อมสายตาที่ทอดมองไปด้วยความเอ็นดู ..

“ ค่ะเจ้าอา ...”

เสียงลมพัดกระดิ่งบนกาแลศาลาริมน้ำดังกริ่งก๊องกังวารไพเราะ แว่วมากระทบโสตสัมผัสคนทั้งสองที่นั่งจมความเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ผู้อาวุโสจะเอ่ยประโยค ๆ หนึ่งขึ้นมาทำลายความเงียบ ..

“ มะยมรู้จักกับอิสราใช่มั้ยจ๊ะ ..”

จู่ จู่ อาต้อมหรือหม่อมเจ้าพรหมารังสรรค์ก็เอ่ยถามประโยคที่ชวนสะดุ้งขึ้นมา จนมะยมถึงกับตกใจวางมือไม้ไม่ถูก ก่อนจะตอบไปตามสายตาที่กำลังคาดคั้นกลับมา ..

“ คะ ค่ะเจ้าอา อิสเป็นเพื่อนเรียนชั้นเดียวกัน..”

“ และเป็นคนที่ที่มะยมแคร์ที่สุดใช่มั้ยครับ...”

“ เจ้าอาทราบ ....”

คำพูดที่ตอบกลับไปฟังดูคล้ายคนกำลังอยู่ในอาการละเมอ ...

“ อารู้เรื่องระหว่างเรากับอิสรามาตั้งนานแล้ว ทีแรกก็ไม่นึกว่าจะบังเอิญขนาดนี้ที่มะยมได้มาเป็นเพื่อนรักกับเดือนเต็มดวง ญาติใกล้ชิดของเรา แถมเป็นพี่เลี้ยงเจ้าลิงสองคนนั้นอีก เรื่องมันก็เลยประหลาดมหัศจรรย์พันลึกเช่นนี้ นี่เราคงเสียใจมากที่ไม่เจออิสราเมื่อวันก่อนล่ะสิ ”

“ ไม่หรอกค่ะเจ้าอา หนูเพียงแค่ เอ่อ คิดถึงบ้านเท่านั้น..”

“ พ่อเราเป็นครูใหญ่ใช่มั้ย ปีนี้อายุเท่าไหร่แล้ว..”

“ สิ้นกันยาปีนี้ก็เกษียณอายุราชการแล้วค่ะ..”

“ ตอนนี้ครูพลเป็นยังไงมั้งยังดูไม่แก่เลยใช่มั้ย อาเคยเจอพ่อเราตอนสมัยเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ตอนนั้นยังเป็นเด็กวัยรุ่นเลือดคึกคะนองไปตามเรื่อง แล้วทุกอย่างก็ผ่านไปเร็วมาก จนมาวันนี้อาก็เป็นคนแก่ไปแล้ว..”

“ พ่อสบายดีค่ะอาต้อม เข้าวัดเข้าวาไปตามเรื่องประสาคนใกล้เกษียณอายุราชการ แต่ก็ยังดีมีคู่ใจในยามแก่เฒ่า ไม่ใช่ใครที่ไหนค่ะอาเป็นคุณครูที่หนูรักมากที่สุดนั่นเอง..”

“ อ้าวงั้นเหรอ ... แล้วพี่การะเกดล่ะมะยม”

หม่อมเจ้าพรหมารังสรรค์เอ่ยถามขึ้นด้วยความประหลาดไป แต่เป็นประใยคที่ทำให้เด็กสาวถึงกับน้ำตาร่วงหยดลงมา ...

“ แม่เสียไปหลายปีแล้ว พ่อเสียใจมากเศร้าซึมไปพักใหญ่ เพิ่งจะมาเป็นปกติไม่นานนี่เอง”

“ โธ่! ไม่น่าโชคร้ายเลย แล้วเรากับพี่สาวก็ต้องคอยดูแลกันเองมาตลอด พี่สาวเราชื่ออะไรนะ วันก่อนก็เห็นมากับวันวิสาและทางบ้านโน้น ..”

“ พลอยใสค่ะ พี่สาวหนูชื่อพลอยใส..”

“ นั่นแหละดูท่าทางไม่เหมือนเราเลยนะ ทั้งหน้าตาและกิริยาท่าทาง..”

“ พลอยเค้าก็เป็นยังงี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว จะไม่เหมือนหนูอย่างสิ้นเชิง อาต้อมเห็นว่าพลอยเป็นยังไงคะ”
“ เค้าเป็นคนหยิ่ง ๆ ยังไงก็ไม่รู้ ไม่เหมือนเราขวัญใจเด็ก ขวัญใจป้าแม่บ้านคนงาน ขวัญใจเจ้าย่าและขวัญใจพวกเราที่คุ้มฟ้าโอบดินทุกคน แต่ก็อย่างว่าพลอยในเหมาะสมที่จะเป็นเพื่อนรักกับยายวันวิสาแล้วล่ะ ... อาสงสารแต่ชายอิสเท่านั้นถ้าต้องทนอยู่กับคนอย่างนี้ตลอดชั่วชีวิต ..”

“ วันนั้นมะยมไม่ได้อยู่ที่คุ้ม วันวิสากับพลอยใสสบายดีมั้ยค่ะอาต้อม..”

“ ทุกคนสบายดีหมด อิสราก็สบายดีนะอาเสียดายที่พวกเขามีเวลาน้อยที่นี่ ไม่งั้นเธอสองคนคงได้พบเจอกันเสียที นานแค่ไหนแล้วที่ไม่เจอกันจ๊ะมะยม..”

หม่อมเจ้าพรหมารังสรรค์เอ่ยถามไปคล้ายเสียงกระซิบสวรรค์ เพราะความเบาของน้ำเสียง และบรรยากาศรอบตัวที่นิ่งงันและหม่นเศร้า จนกระทั่งเด็กสาวต้องเอ่ยคำพูดอะไรออกมาแทรกไปในบรรยากาศ...

“ ห้าปีแล้วค่ะอาต้อม ...”

“ มันนานจังเลยสำหรับคนสองคนจะรอคอยอะไรบางอย่างเนอะมะยม”

“ สำหรับหนู แค่ห้าปีมันไม่นานเลยค่ะอา แถมยังน้อยไปเสียอีกสำหรับคนสองคนที่จะพิสูจน์อะไรบางอย่าง..” มะยม ยกมือป้อมเรียวขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไหลรินอออกมาอีกกแล้ว จนหม่อมต้อมต้องหยิบผ้าเช็ดหนายื่นส่งให้ “ ความรักมันต้องรอคอยและทรมานอย่างนี้เสมอเลยมั้ยนี่ มะยมจ๊ะ อาไม่รู้นะว่ามันเป็นยังไง อารู้แต่ว่าคนเราอาจจะมีความรักได้หลายรูปแบบ และหลายครั้งด้วย สำหรับมุมมองในเรื่องนี้ อาไม่มีประสบการณ์อะไรมาก อารู้แต่ว่าอาจะรักผู้หญิงคนที่จะฝากชีวิตกับเขาตลอดชีวิตยังไง และนั่นก็คือประเด็นสำคัญสำหรับคนสองที่จะพยายามหาทางได้อยู่ได้กันในท้ายที่สุด”

“ หนูไม่ได้ยึดความรักเป็นสรณะของชีวิตนะคะอา แต่ท้ายสุดก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ส่วนสำคัญเลยทีเดียวที่จะทำให้เราอยู่ในวันนี้ด้วยความหวัง มีพลังชีวิตที่จะต่อสู้อะไรต่างๆมากมาย”

หม่อมเจ้าพรหมารังสรรค์นิ่งอึ้งไปกับความคิดของเด็กสาวอายุไม่ถึงยี่สิบในมุมมองแบบผู้ใหญ่เกินตัวจนแทบจะเรียกได้ว่ามีความคิดอ่านเหนือกว่าคนรุ่น ๆ เดียวกันหลายคน ไม่เว้นแม้แต่เจ้าเดือนส่องหล้าที่เกิดมาพร้อมพรั่งด้วยข้าทาสบริวารมากมายจะมีความคิดดี ๆ กว้างไกลเช่นนี้ได้ยังไง ...

“ อาต้องขอโทษแทนเจ้าพี่ปกรณ์ด้วย ตอนนี้แกคงจะลำบากใจกับเรื่องนี้มาก เห็นทางวังโน้นเร่งรัดพิธีแต่งงาน บอกว่าหาฤกษ์ได้แล้ว ...จนเกิดเรื่องราวใหญ่โตเมื่อไม่นานมานี่เอง..”

“ มีเรื่องอะไรเหรอคะอาต้อม..”

“ ความจริงอาก็ไม่อยากจะเล่าให้มะยมฟังหรอก เพราะมันเป็นเรื่องซับซ้อนของผู้ใหญ่ที่เด็ก ๆ อย่างพวกเราอาจจะเห็นว่าเป็นเรื่องไร้สาระ ..”

“ หนูพอจะทราบข่าวการปิดกิจการบางส่วนของไร้ฟ้าเมฆาจากพ่อบ้างแล้ว คนงานท่าวังหินตกงานกันนับพันคน เหลือไว้ที่ไร่ไมถึงยี่สิบคน..”

“ นั่นแหละคือผลพวงของการปฏิเสธแต่งงานของฟ้าเมฆา จนเกิดกระทบกับคนหมู่มาก”

“ สงสารแต่คนยากคนจนที่ไม่รู้อิโน่อิเหน่..”

“ ใช่น่าสงสารมาก กระทั่งท่านพี่ปกรณ์ต้องไปอ้อนวอนขอร้องหลานอิสราไกลถึงอิตาลีขอให้ยอมเข้าพิธีแต่งงานกับวันวิสาในเร็ววันนี้ เพื่อทางวังโน้นจะได้ยื่นมือมาช่วยพยุงสถานภาพไร่ฟ้าเมฆาที่กำลังล่อแล่จวนเจียนล่มสลายเต็มทน อย่างเมื่อวันก่อนที่พี่ปกรณ์กับพี่อุ่นเรือนมาที่นี่แล้วพักผ่อนเพียงคืนเดียวนั้น ก่อนจะกลับท่าวังหินในวันรุ่งขึ้นก็เพราะเหตุผลนี้ เหตุผลเดียว ... เพื่อเตรียมงานวิวาห์ ..”

หม่อมเจ้าพรหมารังสรรค์จ้องมองไปยังเด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม สวยระหงที่นั่งอยู่ตรงหน้าเหมือนกำลังจับตาดูปฎิกิริยาที่จะแสดงออกมาเมื่อได้ฟังถ้อยคำที่เสมือนมีดคมกริบเฉือนเข้าที่ตรงหัวใจ ...

แต่ทว่าก็พบกับความว่างเปล่าในแววตานั้น แต่ยังคงมีประกายวูบวาบสดใสแฃ็งแกร่ง มุ่งมั่นทะเยอทะยานเข้ามาแทน ...

“ หนู ...ขะ .. ขอแสดงความยินดีด้วยกับเพื่อนเก่า”

คนพูดเอ่ยน้ำเสียงสั่นเครือไปเล็กน้อยก่อนจะกลับมาทำให้เป็นปกติอีกครั้งเมื่อเห็นว่าผู้อาวุโสจับจ้องสายตาอยู่ ...

“ เราไม่เสียใจอะไรเลยเหรอมะยม” หม่อมเจ้าพรหมารังสรรค์เอ่ยถามด้วยความสงสัย ...

“ เรื่องนี้เป็นเรื่องสัญญาใจในอดีตของเราสองคน ทุกอย่างอาจจะเปลี่ยนแปลงกันได้ตลอดเวลา”

“ มะยม ... หนูเป็นคนเข้มแข็งมากๆ อาดีใจที่เดือนมีเพื่อนดี ๆ อย่างเรา”

“ เจ้าเดือนก็เป็นคนดีค่ะอา หนูรักเดือนเพราะเขาเป็นเพื่อนที่ดีมาก”

“ อาเห็นสภาพของอิสราในวันนี้ก็มีสภาพไม่ต่างกันกับเราตอนนี้ คือกลืนไม่เข้าคายไม่ออก..”

“ หนูทราบดีค่ะ..”

“ ที่อามาเล่าในวันนี้ เราคงแปลกใจที่จู่ ๆ ก็ได้ฟังเรื่องอะไรก็ไม่รู้ไม่อยากจะฟังเลย ความจริงมันมีเหตุผลอยู่ข้อเดียวก็คือ อิสรายังคิดถึงเราอยู่ตลอดเวลา ..”

“ อาต้อมกำลังจะบอกอะไรมะยมค่ะ..”

“ อิสราฝากอาให้มาบอกกับมะยมว่าเขายังรู้สึกเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง ...”

“ หนูเชื่อว่าอิสราเป็นคนอย่างนั้น เขาสบายดีมั้ยคะ”

มะยมเอ่ยถามไปทั้ง ๆ ที่รู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรสักอย่างมาจุกที่อก ..

“ ก็สบายดีสิ ... กำลังจะกลับไปเรียนต่อที่อิตาลี อีกปีเดียวก็จบกลับมาพร้อมแสนเมืองพอดี อ้าวพอพูดถึงก็เดินมาโน้นแล้ว ...”

มะยมเหลียวมองไปตามถนนโรยกรวดที่มีมวลดอกไม้บานสะพรั่งชูช่อดอกสลอนปานว่าจะแข่งกันงามงดจนมองเห็นสองหนุ่มสาวที่เย้าหยอกกันตลอดเวลาที่กำลังเดินต่อมายังวงสนทนาด้วยท่าทีไม่ทุกข์ไม่ร้อน...

“ มาหลบกันอยู่ตรงนี้นี่เอง เดือนกับแสนตามหาอาต้อมซะทั่วคุ้มเลย กำลังคุยกันเรื่องอะไรอยู่คะ”

“ คุยสัพเพเหระน่ะเดือน แล้วนี้เห็นว่าไปซื้อของฝากเหรอได้มาครบมั้ย..”

“ เรียบร้อยโรงเรียนจีนค่ะ แถมราคาถูกกว่าปกติอีก เพราะได้มีหนุ่มน้อยช่างเจรจาต่อรองราคาให้..”

“ แสนต่อราคาเก่งเหรอ..”

“ ไม่หรอกครับอาต้อม อย่าไปเชื่อคนขี้โม้คนนี้เลย เค้าคนนี้แหละต่อราคาเก่งกว่าแสนเสียอีก.”

“ แน่ะแสน...ตัวเองต่อของเก่งกว่าเค้า ดูอย่างร้านสุดท้ายสิ แม่ค้าคนนั้นมองแสนเสียตาละห้อย ไม่อยากจะให้คนรูปหล่อคารมดีของแกออกร้านเลย .. อาต้อมไม่เชื่อเดือนไปถามป้าพวงได้เลย ขอบอกว่าเสน่ห์คนนี้แรงจริง ๆ ”

“ อาว่าไม่แปลกหรอกที่สาว ๆ จะติดใจนายแสน เพราะถ้าอาไปด้วยรัศมีความแก่คงโดนบดบังหมด..”



“ อาต้อมก็ไปเชื่อเดือน ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ ... ว่าแต่ว่ามะยมหายไปไหนมาครับ ตอนเช้าผมว่าจะชวนพาไปในตัวเมืองด้วย หากันไม่เจอเลยไปกันสามคนรวมป้าพวงด้วย..”

“ พอดีมะยมช่วยป้าอยู่ในครัวค่ะ ได้ยินเสียงรถขับออกไปนึกว่าคุณต้นกับคุณเตยไปเรียนพิเศษ..”

“ สองทะโมนนั่นก็ตามไปทีหลัง แต่พวกเราไปถึงก่อน อาต้อมคะเดือนเจอเจ้าประกายดาวด้วยค่ะ”

“ อ้าวแล้วประกายดาวไปทำอะไรที่ตลาดล่ะ” หม่อมเจ้าพรหมารังสรรค์ตาส่องประกายวาววับ เมื่อมีการเอ่ยถึงหญิงคนรัก “

อาประกายบอกว่ามารับคณะทัวร์มาจากญี่ปุ่นค่ะอา พวกเราไม่ทันจะได้คุยอะไรกันมาก ลูกค้ารีบขึ้นรถบัสเสียก่อน..”

“ สงสัยจะมีทัวร์เร่งด่วน ทั้ง ๆ ที่สาย ๆ นัดกับอาว่าจะมาทำไอติมร้อนให้พวกหลาน ๆ ทานกัน”

“ ให้อาประกายไปทำงานเถอะค่ะอาต้อม สงสารคณะทัวร์ที่มีแต่คนแก่ ๆ หกปีขึ้นไปทั้งนั้น”

“ งั้นอาขอตัวไปโทรศัพท์บอกประกายดาวก่อน ..”

“ ตามสบายเลยค่ะอา ..”

พอหม่อมเจ้าพรหมารังสรรค์เดินคล้อยไปสักพัก ทั้งสามก็สนทนากันอย่างออกรสตามประสาวัยรุ่นใกล้เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวในอีกไม่กี่วัน มะยมรู้สึกเป็นสุขที่ได้ฟังเจ้าเดือนส่องหล้ากับเจ้าแสนเมืองหยอกเย้ากันจนดูน่าอภิรมย์เพลิดเพลินใจมาก ....

ใจประหวัดนึกถึงราชนิกูลผู้สูงศักดิ์ ผู้เป็นยอดดวงใจ ยอดขวัญชีวิต ที่ป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง ทุกข์ สุขหรืออย่างไงมะยมใคร่รู้ แล้วเรื่องที่หม่อมเจ้าพรหมารังสรรค์เล่ามาทั้งหมดจวบจนวันนี้ ไร่ฟ้าเมฆาจะอยู่หรือล่มสลายจริงๆ จังๆ ซะที ....

นี่คือสิ่งที่อยู่ในใจของมะยมตอนนี้ทั้งหมด ...


------------------------

กาหรือหงส์ ตอนนี้กำลังใกล้จบแล้วครับเหลืออีกไม่ถึงสิบตอนก็อวสาน .. ตอดตามชีวิตมะยมตอ่ในตอนหน้านะครับผม .. ขอบพระคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ .. เรื่องหน้าดูก่อนว่าผมจะลงเรื่องอะไร .. อาจจะเป็นเรื่อง มนต์รักป่ามันที่เคยบอก หรือ นวนิยายรักพิสวาทซ่อนเงื่อนงำ อย่าง .. เงือนพิศวาส ติดตามนะครับผม

นายอิส / เมฆชรา
๒๑กันยายน ๒๕๕๓
๑๖ นาฬิกากว่า อิอิ




 

Create Date : 21 กันยายน 2553
2 comments
Last Update : 21 กันยายน 2553 15:07:15 น.
Counter : 811 Pageviews.

 

สุดยอดคะ.. ติดตามมาตลอดเลย ทำให้อยากรู้จัด เมฆชรามากยิ่งขึ้น ... เรื่องนี้จะตีพิมพ์ไหม ถ้าตีพิมพ์ หรือมีวางจำหน่ายแล้ว เข้ขอ..จอง 1 เล่มพร้อมลายเซ็นต์นะคะ
เดี๋ยวขออนุญาตไปหลังไมค์ด้วยคนนะคะ

 

โดย: tukke IP: 202.80.239.2 21 กันยายน 2553 15:38:23 น.  

 

ขอบคุงตุ๊กกี้มากมาย ติดตามดูไปเรื่อยๆๆนะครับผม

 

โดย: เมฆชรา 26 กันยายน 2553 10:41:11 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


เมฆชรา
Location :
นครราชสีมา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




เข้าสู่ปีที่ 8
Friends' blogs
[Add เมฆชรา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.