คืนนั้นผมนอนไม่หลับทั้งคืนเพราะภาพกึ่งฝันกึ่งจริงของลูกกบมาปรากฏตรงหน้าก่อนเคลิ้มหลับไปด้วยความง่วงนั้นอาจจะเป็นเพราะสายสัมพันธ์ที่เราในครอบครัวมีให้กันตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาก็เป็นได้
นาฬิกาบนผนังเดินผ่านไปอย่างขี้เกียจ .. ทุกสิ่งรอบตัวมีแต่ความสงัดเงียบ ไม่มีแม้แต่เสียงแมลงกลางคืนหรือเสียงอะไรให้ได้ยิน ..ผมนั่งคิดใคร่ครวญถึงเวลาที่เหลืออยู่ต่อจากนี้ หากชีวิตยังมีสิ่งสำคัญเหลืออยู่เพียงสิ่งเดียว นั่นก็คือลูกออด
ผมจะทำให้ชีวิตมีความสุขได้ยังไงกัน
ปัญหาเรื่องการงานก็ยังไม่เคลียร์ยังคาราคาซังจะออกหัวออกก้อยยังไงก็ไม่รู้ ซึ่งถ้าหากลาออกมาอยู่บ้านเฉยๆเงินบำเหน็จที่ได้รับ 3 ล้านกว่าคงจะหมดในเวลาอันรวดเร็ว แล้วอนาคตของลูกชายผมจะเป็นยังไงต่อจากนั้น เขาเติบโตจนกระทั่งมีการมีงานทำเงินแค่นี้คงไม่พอแน่นอน
เหล่านี้เป็นคำถามที่ผมนอนตาค้างคิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไงต่อไปดี
แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเบาๆ เมื่อลูกออดพลิกตัวมากอดไว้แน่น ปากพร่ำละเมออะไรฟังไม่รู้เรื่องแต่คำพูดในประโยคสุดท้ายทำเอาผมถึงกับขนลุกเกรียวขึ้นมา
ออดไม่ไปอยู่กับพี่กบหรอกออดจะอยู่กับพ่อ ออดรักพ่อยิ่งกว่าใครทั้งหมด รักมากกว่าแม่ด้วยนะ
น้ำตาผมไหลอาบแก้มทันทีที่ได้ยินเสียงละเมอ.. เขารักพ่อของเขาหมดใจ แต่พ่อคนนี้สิถูกใครๆตราหน้าว่าเป็นคนไม่ดีมีพฤติกรรมเหลวแหลกไม่สามารถยกย่องเทิดทูนบูชาได้ แม้แต่จะยกมือไหว้
ผมกอดลูกออดอยู่อย่างนั้นแล้วคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนถึงเช้า
ผมรู้สึกว่าโลกใบนี้มีกันอยู่แค่สองคนจริงๆ พอเดินออกมาจากห้องนอนก็เห็นข้าวต้มร้อนๆส่งควันและกลิ่นลอยหอมฉุยไปในอากาศตั้งอยู่บนโต๊ะกลางบ้านสีสรรน่ากิน นี่คงเป็นพี่วิภารัตน์จัดเตรียมไว้ให้เราสองคน พี่วิภารัตน์เป็นคนพื้นเพดั้งเดิมจังหวัดนี้ เติบโตในครอบครัวอบอุ่นแต่วันคืนที่โหดร้ายพรากคนในครอบครัวไปหมดด้วยอุบัติเหตุ ทิ้งไว้ให้ต้องต่อสู้กับชีวิตตามลำพังมาตลอดยังดีที่พื้นฐานครอบครัวมีฐานะค่อนข้างดี เป็นเจ้าของโรงงานน้ำปลาที่ใหญ่ที่สุดในแถบนี้จึงอยู่กินใช้จ่ายเงินอย่างไม่ขาดมือ ใช้ไปจนตลอดชีวิตก็สามารถทำได้
พี่วิภารัตน์ไม่เคยมีแฟนหรือคนรักทั้งๆที่เป็นคนสวยคนหนึ่งจากการแอบสอบถามคุณป้าข้างบ้านก็ได้ข้อมูลว่า .. สมัยสาวๆพี่วิภารัตน์เคยอกหักกับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งผู้ชายคนนี้มีครอบครัวแล้ว พอรู้ว่าคนรักมีเจ้าของเธอจึงยอมตัดใจถอนตัวออกมาอย่างเจ็บปวดไม่คิดจะรักใครอีกแล้วในชาตินี้
กระทั่งพบเจอพูดคุยกับผมเธอพูดตรงๆว่าผมทำให้หัวใจเธอเต้นแรงกว่าปกติอีกครั้งหนึ่ง
จนเหตุการณ์ประจวบเหมาะลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อจนกระทั่งผมได้อยู่กินกับพี่วิภารัตน์อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวก่อนที่ความสัมพันธ์ลึกซึ้งจะเกิดขึ้นเกินกว่าคนรู้จักกันปกติ
เราจึงเสมือนสามีภรรยากันกลายๆ
ทุกๆเช้าพี่วิภารัตน์จะจัดเตรียมกับข้าวกับปลาไว้ให้ผมกับลูกออดก่อนที่ผมจะเร่งรีบออกจากบ้านเพื่อไปส่งลูกออดที่โรงเรียนภายใน 8 โมงเช้าแล้วตรงดิ่งไปเซ็นชื่อที่ที่ทำงานไม่เกินแปดโมงครึ่ง เวลาจะตั้งไว้เป็นแบบนี้ทุกๆวันจนเป็นความเคยชินปกติ
ดูเหมือนว่าชีวิตของผมกำลังดำเนินไปตามครรลองปกติไม่ได้เป็นคนไม่ดี มีพฤติกรรมล่อแหลมเหมือนเวลาที่ผ่านมา
จนกระทั่งวันหนึ่งผมเกิดความรู้สึกแปลกๆบางอย่างคือ รู้สึกร้อนรุ่ม เบื่อหน่ายความจำเจที่เกิดขึ้นเบื่อไม่อดทนการอยู่กับที่ เบื่อความเจ้ากี้เจ้าการเอาใจใส่เกี่ยวข้องในทุกเรื่องของพี่วิภารัตน์ รวมทั้งเรื่องบนเตียงที่แสนจะจืดชืด ไร้เสน่หาแทบทุกครั้งที่ร่วมรักกัน
ครั้งแรก เพราะความเมา
ครั้งสอง เพราะความสงสาร
ครั้งที่สามอยากตอบแทนความดีที่มีให้
ครั้งที่สี่ ด้วยความเหงาไม่มีใคร
ครั้งที่ห้า ครั้งที่หก และครั้งต่อไป กระทำเพราะความจำทน
นี่คือเหตุผลที่ผมทนมีอะไรกับพี่วิภารัตน์ .. สาวแก่ที่บูชาความรักเป็นสรณะ
อย่างเมื่อตอนหัวค่ำหลังรับประทานอาหารเรานั่งดูโทรทัศน์กันสองคน โดยลูกออดเข้านอนไปแล้วแต่หัวค่ำ ตอนนี้ผมรู้สึกสบายใจมากขึ้นเพราะลำดวนได้กลับมาเป็นพี่เลี้ยงลูกออดเหมือนเดิมแล้วเรื่องข้าวปลาอาหารการดูแลทุกเรื่องจึงตัดไปให้ลำดวนเป็นคนจัดการเองทั้งหมด
คืนนี้ดูพี่วิภารัตน์หูตาแพรวพราย ยักคิ้วหลิ่วตาให้ผมเวลาอยู่สองคนเสมอๆ
นี่ผมจะบอกเธอไปยังไงดีว่ารู้สึกเบื่อไม่อยากจะอยู่บ้านหลังนี้แล้ว เธอยังคงตามตื้อผมจนต้องคิดแผนเอางานค้างมาทำที่บ้าน มันก็ใช้ได้ผลแค่ครั้งสองครั้งเพราะพี่วิภารัตน์มานั่งเฝ้ารอที่ห้องโถงจนทำงานเสร็จทุกครั้งไป
ในวันนี้ผมอ้างกับเธออีกว่าจะทำงานต่อแล้วจะนอนพักที่ทำงานเลยเธอบอกว่าตามสบาย เรื่องข้าวปลาลูกออดจะดูแลกับลำดวนเอง ผมดีใจมากรีบขอบคุณแล้ววางสายโทรศัพท์กลัวเธอจะเปลี่ยนใจ กระทั่งมานั่งในห้องเล็กๆ ติดแอร์เย็นฉ่ำ มีคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เสริมอื่นๆครบครัน ความเร็วเครื่องเต็มที่ตามความต้องการ wifi ก็ชัดเจนดีในการท่องอินเตอร์เน็ต
ผมเปิดโปรแกรม face-noteหลังจากที่ไม่ได้เข้ามาดูนานมากแล้ว บน Phofile มีเพื่อนขอแอดนับร้อยคนและข้อความค้างไว้อีกนับยี่สิบข้อความ ผมคลิก mouse แล้วไล่เรียงตามรายชื่อก่อนจะสะดุดกับชื่อชื่อหนึ่ง .. ปุยสายไหม รักประเทศไทย
ผมยิ้มออก นึกใบหน้าเธอได้ขึ้นมารางๆ เธอเป็นน้องสาวที่น่ารักเสมอทุกครั้งที่มีปัญหาเกิดเรื่องวุ่นวายผมก็ได้ตัวเธอคอยปลอบประโลมให้กำลังใจอยู่เสมอๆ
ปุยทำงานอยู่ที่อยุธยาดินแดนมรดกโลก ซึ่งในวันหยุดยาวๆผมกับลูกออดมักจะพากันไปไหว้พระ 9 วัดที่นี่เพื่อเป็นสิริมงคลกับชีวิตที่นี่อยู่เสมอปีละครั้งสองครั้งเป็นอย่างน้อย
ผมพิมพ์ข้อความโต้ตอบคำถามไปว่า
น้องปุยอยู่ไหมพี่ยอดมาแล้วขอโทษที่ไม่ได้ตอบ มัวยุ่งงานหลายเรื่อง
ผมพิมพ์ตัวหนังสืออกไปแต่ก็อดแปลกใจอะไรบางอย่าง
รู้สึกฉุกคิด สะกิดใจในสิ่งที่กำลังทำอยู่ รู้สึกแปลกประหลาดกำลังกลับมาอยู่วังวนเดิม ทั้งที่รู้ว่านี่คือต้นตอของปัญหาทั้งหมด
แต่มันก็เป็นเพียงความคิดชั่วแล่นเท่านั้น ในห้วงสำนึกของผมตอนนี้คือ กำลังเบื่อโลกเบื่อกิจวัตรอันจำเจ ต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อกระตุ้นแรงบันดาลใจชีวิต
ตัวหนังสือมีไฟกระพริบเรืองแสงวูบวาบเป็นสีแดงตอบกลับมาแล้วนี่สวรรค์คงแสร้งแกล้งให้ผมตกลงในกับดักนั้นอีกแล้ว
ผมขยับเก้าอี้ให้ตรงๆจดจ้องคอมพิวเตอร์ข้างหน้าอย่างไม่วางตา ..
ดีใจจังพี่ยอดออนไลน์แล้ว..
ผมรีบพิมพ์ตอบไปใจระรัว พี่ก็ดีใจที่เราได้คุยกันเสียที ว่าแต่ว่าวันนี้ปุยไม่ไปไหนหรือไง ทุกทีกว่าจะออนไลน์ก็เกือบเที่ยงคืนทุกครั้ง..
ผมเย้าไปนึกถึงการรู้จักกันของเราสองคนว่าเป็นมายังไง ตอนนั้นผมอยากได้ข้อมูลสารสนเทศจึงได้รู้จักเธอเพราะเธอเป็นเจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูลทั้งหมดโดยตรง
ปุยสายไหมชื่อก็ฟังแปลกประหลาด แต่ดูรูปตามโปรไฟล์แล้วสวยน่ารักดี แต่เธอเคยโชคร้ายถูกแฟนคนล่าสุดทิ้งไปอย่างไม่ใยดีเมื่อไม่นานมานี้เอง เธอพิมพ์ตอบผมกลับมาว่า ช่วงนี้นายให้อยู่รวบรวมข้อมูลที่ออกไปสำรวจเก็บมาทั้งหมด ปุยเลยสบายไม่ต้องไปไหนเลย นั่งแช่อยู่แต่ที่ทำงานเช้าจนมือ นี่ก็ยังไม่ได้กลับบ้านเลยนะคะพี่ยอดน่าสงสารเนอะ
เธอพิมพ์มาด้วยสำนวนน่ารักน่าใคร่ จนผมต้องคลิกไปที่รูปภาพ status ของเธออีกทีเพื่อซึมซับความน่ารักให้เต็มอิ่มสมกับความคิดถึง
พอเปิดดูในอัลบัมภาพก็ตกใจยังมีอีกหลายภาพที่ยังไม่ได้เคยเห็นมาก่อน
ปุยสายไหม สวยหวานน่ารัก เรียบร้อย คิกขุอาโนเนะซ่อนเปรี้ยวน่าดึงดูดใจ เธอมีทุกสิ่งทุกอย่างที่สาวสมัยใหม่พึงมี .. หัวใจผมเต้นแรงขี้นเป็นอีกครั้งเมื่อนึกถึงเรือนร่างหน้าตา รอยยิ้มของเธอในสภาพเปลือยเปล่า ร่างกายไร้อาภรณ์ปกปิด
มือที่พิมพ์คอมพิวเตอร์ออกไปกำลังสั่นเทาด้วยความรู้สึกเหมือนข้างในกำลังปะทุ น่าตลกสิ้นดี
วันไหนปุยจะว่างสำหรับพี่บ้างนะ..
ผมมองไปที่ปฏิทินดูวันว่างของตัวเองพร้อมกับรอคำตอบจากสาวสวย คิดไว้ในใจแล้วต้องไปเที่ยวเมืองกรุงเก่าให้ได้
เสาร์อาทิตย์นี้ว่างค่ะพี่ยอดพี่มาอยุธยาได้เลย ปุยจะพาเที่ยววัดทั่วเกาะเมืองสนใจไหมคะพี่รูปหล่อ
ผมยิ้มร่าขึ้นมาพร้อมใจเต้นรัวนึกถึงสิ่งที่จะตามมาหลังจากที่จะได้พบเจอกันเหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา
พี่ว่างวันเสาร์วันอาทิตย์ ถ้างั้นวันศุกร์นี้พี่จะขับรถไปหาเราที่เดิม ตรงที่วัดนั่น จอดรถไว้ตรงห้องน้ำ แล้วเดินหากันนะ.. ตกลงตามนี้ไหม
เธอไม่พิมพ์ตอบกลับทันทีแต่เงียบหายไปเลย .. ผมเริ่มเครียด ใจคอไม่ดี คิดไปต่างๆนาๆ ว่าอาจจะมีใครนั่งข้างเธอแต่พอสักพักตัวหนังสือสีแดงเด้งขึ้นมาให้เห็น
โทษทีค่ะพี่ยอดพอดีแบตเตอรี่มือถือหมด ไม่ได้เล่นจากคอมพิวเตอร์เครื่องใหญ่ก็อย่างนี่แหละตกลงตามนี้นะคะ แล้วนี่เบอร์ของปุยค่ะ
เธอพิมพ์เบอร์โทรส่งมาให้ผมรีบเขียนลงไว้ในสมุดโทรศัพท์ส่วนตัวอย่างรวดเร็วด้วยความกลัวพี่วิภารัตน์จะมาเปิดเห็นภายหลังจนเกิดปัญหาหึงหวง น่ารำคาญเป็นที่สุด ยิ่งถ้าแกรู้ว่าผมแอบนัดสาวสวยไว้คงโดนบ่นจนหูชาเหมือนตอนที่เราสามคนมีผมกับตาออดและพี่วิภารัตน์ไปรับประทานสุกี้ที่ร้านชื่อดังแห่งหนึ่ง ขณะกำลังพุดคุยกันไปรับประทานกันไปอย่างอร่อยอยู่นั่นก็มีนักศึกษาสาว ผิวขาวหน้าตาน่ารักแอบมองและส่งรอยยิ้มมาทักทายเป็นระยะๆกระทั้งครั้งสุดท้ายส่งตาหวานมาให้ด้วย เป็นจังหวะเดียวกับที่พี่วิภารัตน์หันไปมาเห็นเข้าพอดี
เธอหลบสายตาวูบไปมองที่อื่นคงทนเห็นสายตาพิฆาตของพี่วิภารัตน์ที่จ้องเขม็งไปอย่างจะกินเลือดกินเนื้อไม่ไหวเธอกับเพื่อนอีกสองคนรีบชำระค่าอาหารแล้วรีบออกไปจากร้านทันที
ผมงงงง แต่พี่วิภารัตน์กลับยิ้มที่มุมปากเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพียงแต่กระซิบเอาไว้ว่า
พี่เป็นเมียของเธอถ้าขืนอ่อยกันด้วยสายตาแบบนี้ ไม่ต้องมาอยู่ด้วยกันดีกว่าไหม จะไปไหนก็ไป ..
ผมเงียบเพราะเห็นท่าไม่ดีคิดว่าเดี๋ยวค่อยไปพูดคุยชี้แจงเหตุผลกันที่บ้านจะสะดวกกว่าที่ร้านอาหารคนเยอะแยะเต็มร้านแบบนี้ พอถึงบ้านผมก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมพี่วิภารัตน์ไม่ติดใจอะไรทั้งๆที่ทำแบบนี้อยู่บ่อยๆ .. มันมีเหตุผลที่ผมเท่านั้นที่รู้ดีว่าพี่วิภารัตน์ สาวแก่วัยห้าสิบคนนี้มีจุดอ่อนก็คือ .. เธอจะแพ้คนขี้อ้อนพูดจาไพเราะ พอเจอลูกอ้อนสองสามครั้งเข้าไป แกก็อ่อนปวกเปียกเหมือนไฟลนทำขวยเขินสะเทินอายเหมือนสาวๆรุ่นสิบห้าที่ยังไม่ต้องมือชายมาก่อน
และคืนนั้นผมก็จัดเต็มให้พี่วิภารัตน์เหมือนเคยแกเลยกลับมาเป็นปกติได้ในวันรุ่งขึ้น
ดูไปแล้วผมเหมือนเป็นคนไม่ดี เอาเปรียบพี่วิภารัตน์ทุกอย่างทั้งเรื่องที่พักอาศัย เลี้ยงดูลูกออดแทนผมทุกครั้งที่ติดราชการ หรือเป็นแหล่งเงินทองยามขัดสน แต่ถ้าคิดไปจริงๆแล้วเราสมประโยชน์ซึ่งกันและกัน
ป้าระเบียบเพื่อนบ้านข้างบ้านที่ค่อนข้างสนิทสนมบ้านของเราเคยเปรยถามผมว่า รู้สึกอะไรกับพี่วิภารัตน์บ้างไหมผมก็อึ้งคิดไม่ถึงว่าคุณป้าเจ้าระเบียบสมชื่อจะกล้าถามคำถามโลกแตกผมเลยย้อนถามไปว่าอายุผมกับพี่วิภารัตน์ห่างกันเกือบสองรอบจะรักกันได้ยังไง ..เธอหัวเราะบอกก็รักได้สิ รักแบบผู้ใหญ่เอ็นดูเด็กสมัยนี้มีเยอะแยะไปที่คนสูงอายุกว่าจะได้แฟนอายุน้อยเป็นรอบสองรอบทั้งหญิงและชายผมจึงตอบไปแบบโกหกหน้าตาเฉยว่า ..
รักสิครับคุณป้าถ้าไม่รักพี่วิภารัตน์แล้วผมจะไปรักหมาที่ไหน ..
ผมแกล้งตอบไปเหมือนเพลงๆหนึ่งป้าระเบียบทำปากเบ้ ค้อนให้หนึ่งที ก่อนจะพูดว่าดีแล้วรักกันไปนานๆนะอย่าเลิกกันเพราะหมดโปรโมชั่น มันไม่ดีไม่งาม สงสารหัวอกลูกผู้หญิงด้วยกัน จะรักใครแต่ละทียากเย็นเข็ญใจถ้าเสียหายก็เสียไปทั้งชีวิต
ผมพยักหน้าและขอตัวไปทำอย่างอื่นเพราะนี่ก็จะค่ำมากแล้วแต่ดูเหมือนป้าระเบียบจะยังพูดคุยไม่จบ กำลังกวักมือเรียกผมแต่ผมเดินจ้ำไปจากที่นั่นแล้ว
ป้าระเบียบถามคำถามถูกเรื่องแล้ว ในความเป็นจริงผมรักพี่วิภารัตน์บ้างไหมหรือมองเห็นเป็นแค่คู่เซ็กซ์ยามอารมณ์เปลี่ยว หรือต้องพึ่งพิงเรื่องลุกชายคนเดียวรวมทั้งเรื่องอื่นๆด้วยอีกสารพัดร้อยแปด ผมลองย้อนถามตัวเองว่าผมมีความสุขแท้จริงหรือไม่ในสถานะตอนนี้
จู่ๆ ความรู้สึกข้างในก็ขับออกมาตอบว่าผมไม่มีความสุข แต่ก็ต้องอดทน เพื่อให้เวลาผ่านไปจนกระทั่งลูกออดเติบโตเป็นผู้ใหญ่ดูแลตัวเองได้
วันนั้นจะเป็นวันของผม ขอเพียงอดทนผมคิดได้แค่นี้ในตอนนี้
-------------------------------------
จบตอน ๑๖ ขอบพระคุณที่ติดตาม อย่าลืมตอน ๑๗ นะครับ