จินตนาการสำคัญกว่าความรู้
Group Blog
 
<<
กันยายน 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
14 กันยายน 2553
 
All Blogs
 
กาหรือหงส์ ตอน ๔๕

กาหรืองหงส์ ตอน ๔๕







“ มะยมดีขึ้นหรือยัง ”

เสียงหวานแว่วที่ทอดถามมาจนคนฟังรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นในน้ำเสียงนั้นส่งมาแทรกความเงียบเมื่อครู่ ทำให้มะยมหันกลับมาจากอาการเหม่อไปข้างนอกหน้าต่างช้า ๆ ก่อนจะยันตัวลงขึ้น แล้วตอบไปว่า

“ เราไม่เป็นอะไรแล้วเดือน เมื่อกี้คุณพยาบาลมาถามสองสามครั้ง เราบอกแกว่าไม่ได้เป็นอะไรจริง ๆ แค่เวียนหัว เดี๋ยวก็คงหาย ”

“ แน่ใจนะครับมะยม เมื่อตอนเช้าเราเห็นหน้ามะยมซีดไม่มีเลือดก็เลยตกใจพามาหาพยาบาลนี่แหละ”เจ้าแสนเมืองพูดแซงหน้าเจ้าเดือนที่ตอนนี้สะกิดเรียกเพื่อนเสมือนญาติที่นั่งอยู่ข้างๆ ให้เงียบ เก็บปากเงียบคำกว่าปกติหน่อย เรื่องนี้ขอผู้หญิงเขาคุยกันเอง“ มะยมไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว เราไปทานข้าวเที่ยงกันดีกว่า ... วันนี้ไม่มีเรียนบ่าย แสนเขาจะพาไปทานปลาร้านริมน้ำโขง ไปนะมะยม..”

“ แต่เราต้องช่วยป้าเก็บของก่อนนะเดือน ..”

“ ได้สิ ... งั้นเราจะรอที่หน้าป้ายวิทยาลัยนะมะยม แต่มีข้อแม้อย่างหนึ่งว่าจะต้องให้แสนเมืองไปช่วยล้างจานด้วย” เจ้าเดือนปล่อยคำขอร้องทำเอาชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลานั่งข้าง ๆ สะดุ้งโหยงจนถึงกับต้องร้องออกมาว่า “ โอ่ย!เดือนจะให้แสนไปล้างจานจริงๆ เหรอ .. ไม่ค่อยถนัดนักนะตัวเอง”

“ อ้าวงั้นแสดงว่าที่มาเล่าเรื่องไปรับจ๊อบพิเศษล้างจานหารายได้พิเศษที่อิตาลี ก็แสดงว่าโม้น่ะสิแสน”

“ แฮ่ แฮ่! แสนไม่ได้โม้นะเดือน แต่ทำงานพิเศษได้ไม่กี่เดือนก็เลิก เพราะเจ้าพ่อกับเจ้าแม่ไปเห็นเข้า ความเลยแตก เลยโดนถล่มซะพรุนไปทั้งตัว หาว่าเอาเงินทองที่ทางบ้านส่งมาให้ไปเลี้ยงข้าวสาว ๆ เลยต้องหางานทำแบบอด ๆ อยาก ๆ วันนั้นเลยซวยไปเลย..”

“ โธ่! แสนนะแสน เรานึกว่าตัวเองจะเป็นสุภาพบุรุษชาวดินเสียอีก..”

“ เดือนจ๊ะเดือน มะยมว่าปล่อยเป็นหน้าที่ของมะยมเองดีกว่า”คนป่วยพูดโพล่งออกมาเป็นการตัดบท

“ งั้นอีกครึ่งชั่วโมง เราเจอกัน..”

“ จ๊ะ ...เดือน”มะยมเดินแยกเลี่ยงไปทางลัดอีกทางเพื่อไปยังร้านข้าวของป้าที่หน้ามหาวิทยาลัย ปล่อยให้สองหนุ่มสาวเดินเคียงคู่สนทนากะหนุงกะหนิงกันประหนึ่งคู่รักก็ไม่ปาน ...

“ แสนว่ามะยมเขาทำท่าเหมือนคนอกหักยังไงก็ไม่รู้เนอะ..”

“ แหมสังเกตดีจริง ๆ นะพ่อคุณ ... เดือนไม่เห็นว่ามะยมจะเป็นอะไรนี่...”

“ เดือนสังเกตหรือเปล่าว่าตอนที่อยู่ห้องสมุด พอเราพูดถึงชายอิสจบปุบ ใบหน้าของมะยมซีดจนแทบจะไม่มีสีเลือดเลย เราว่ามะยมอาจจะเป็นคนรักของชายอิสก็เป็นได้นะ..”

“ เอ๊ยแสนดูละครน้ำเน่ามากไปหรือเปล่า มะยมของฉันจะไปรู้จักคุณชายอิสรารังสรรค์ ผู้เป็นญาติเราได้ไง เป็นไปไม่ได้อย่างแรงเลยจ๊ะ”

“ ทุกอย่างมันเป็นไปได้หมดนะเดือน ว่าแต่เธอเถอะรู้จักเพื่อนของเธอมากน้อยแค่ไหน..”

“ เราคบกันมาตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว บ้านมะยมเค้าอยู่ที่ท่าวังหิน บ้านอยู่ริมน้ำน่าน มีพ่อเป็นครูใกล้เกษียณแล้ว มีพี่สาวฝาแฝดคนหนึ่งชื่อพลอยใส เรียนจบมาด้วยคะแนนยอดเยี่ยม แต่เลือกมาเรียนที่นี่เพราะความชอบเท่านั้น มะยมสอบติดแพทย์เกือบทุกสาขา วิศวกรก็ได้ แต่เลือกเรียนพัฒนาชนบทเหมือนกับเดือน ..”

“ เอ ... แสนจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าหม่อมน้าเสด็จพ่ออิสราจะมีวังอยู่ที่ท่าวังหินด้วยนี่ ...”

“ ใช่เดือนก็จำได้ แต่ทั้งสองจะเป็นคนรักกันได้ไง มันมีทางเป็นไปได้เลย ...”

“ มันก็ไม่แน่หรอกเดือน .. เอาเป็นว่าเราอย่าคิดเรื่องนี้กันดีกว่า ตอนนี้แสนจำทางไปร้านริมน้ำไม่ได้แล้วอ่ะ เดือนจำได้มั้ยล่ะ..”

“ จำได้สิ ร้านนี้เจ้าพ่อพาไปทานอยู่ประจำ เพราะบรรยากาศดี คนไม่พุ่งพร่านจนเกินไป..”

“ งั้นเรารีบไปกันเถอะ แสนหิวจนตาลายแล้ว ..”

เจ้าแสนเมืองจูงเดือนเต็มดวงแล่นลิ่วไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วด้วยความเคยชิน เล่นกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ เจ้าแสนเมืองเป็นบุตรชายคนเดียวของเจ้าคำม่วนเมืองใจ กับเจ้าสีลาวนารมย์ ราชินิกุลชั้นสูงของคุ้มแสนเมืองเพ็ง อันใหญ่โต ทั้งสองฟูมฟักเลี้ยงดูเจ้าแสนเมืองมาคู่กับเจ้าเดือนเต็มดวงเสมือนเพื่อนเล่น เพราะการไปมาหาสู่ของทั้งสองคุ้มแนบสนิทชิดเชื้อกันมาเนิ่นนานตั้งแต่คนรุ่นเก่า จวบจนถึงรุ่นเหลน ทั้งสองตระกูลเก่าแก่จึงอยากจะรวมเครือญาติกันจริง ๆ จัง ๆ เสียที ....

... แต่มีข้อแม้ว่าต้องไม่บอกให้คนทั้งสองรู้จนกว่าจะเรียนจบทั้งคู่

... นี่คือเหตุผลที่เจ้าคำม่วนเมืองใจผลักใสให้เจ้าแสนเมืองมาคลุกคลีกับเจ้าเดือนจนผิดปกติ โดยอ้างเหตุผลแค่เพียงว่าไปดูแลเพื่อนสนิทครั้งยังเด็กหน่อย ... จนบางครั้งคนกลางก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมพอมาถึงเมืองไทยก้นยังไม่ทันหายเมื่อยเจ้าพ่อเจ้าแม่กลับบังคับให้มาดูแลเจ้าเดือน แทนที่จะพักผ่อนอยู่แต่บ้านสบาย ๆ สักสองสามวัน นี่ก็เป็นปริศนาที่เจ้าแสนเมืองต้องรอคอยคำตอบอยู่ต่อไป ...

แล้วคนทั้งสามก็มาถึงร้านอาหารริมน้ำที่ต้องการ บรรยากาศรายรอบดีสมกับเดินทางไกลจากในตัวเมืองมาร่วมสามสิบกว่ากิโลเมตร การสนทนาที่ออกรสทำให้อาหารอร่อยอย่างไม่น่าเชื่อ จนท้องอิ่มกันหมดแล้ว จู่ ๆ แสนเมืองก็โพล่งคำถามที่ทำเอาสะดุ้งไปทั้งโต๊ะ ...

“ มะยมรู้จักชายอิสราหรือเปล่าครับ..”

“ เอ่อ ... มะ ไม่ได้สนิท เพียงเคยได้ยินแต่ชื่อ ... เป็นเจ้าของไร่ฟ้าเมฆาแถวท่าวังหินค่ะ..”

“ เห็นมั้ยเดือน มะยมไม่รู้จักนายอิสราจริง ๆ ด้วย ... แสนบอกแล้วก็ไม่เชื่อ..”

“ ดูสิแสน ..ถาคำถามอะไรก็ไม่รู้เสียมารยาทจัง มะยมจ๋าอย่าถือสาคนบ้า อย่าว่าคนเมานะจ๊ะ..”

“ เฮ้ย! เดือนแสนไม่ได้เมาและเสียมารยาทนะ ก็แค่ถามเล่น ๆ เผื่อมะยมเค้ารู้จัก..”

แสนเมืองทำตาค้อนตาปลิ้นจนเจ้าเดือนแทบขำก๊ากออกมา ก่อนจะหยิบฝาน้ำอัดลมปาไปใส่แสนเมืงอย่างหมั่นใส้จริง ๆ

“ โอ๊ย ... จ้างให้ก็ไม่โดน ฮ่ะ ๆ ๆ ..”

กว่าที่คนทั้งสามจะกลับเข้ามาตัวเมืองได้ ก็ทำเอาเหนื่อยเพราะหัวเราะเรื่องราวมากมายที่แสนเมืองเล่าจากประสบการณ์การใช้ชีวิตที่เมืองนอกเมืองนา จนแทบจะไม่อยากให้ถึงตัวเมืองเชียงรายเลย ...

มะยมเดินเข้าบ้านป้าที่ทำเป็นที่พักไว้ข้างหลังร้านด้วยอารมณ์กึ่ง ๆ สุขกึ่ง ๆ ไม่สบายใจ เพราะเรื่องราวของอิสราที่แสนเมืองเอ่ยถึงทั้งตอนเช้า ตอนกลางวันและตอนเย็นยังคงวนเวียนไม่ได้ไปที่ไหนเลย ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ได้ห้ามความคิดสุดความสามารถแล้วก็ตาม ....

อิสรายังคงคิดถึงเรา...ช่างเป็นข่าวดีเสียยิ่งกว่าข่าวคราวใด ๆ ในวันนี้ ....

แต่ทว่าทำไมไม่ส่งข่าวมาหานานเกือบปีแล้ว นี่ถ้าไม่ได้รับฟังโดยบังเอิญจากเจ้าแสน เพื่อรักเสมือนญาติในวันนี้ มะยมคงไม่ได้รับรู้เรื่องราวความเป็นไปของคนไกลอีกตลอดไป คิดไปคิดมาน้ำตาเจ้ากรรมก็รินไหลรินออกมาอีกแล้ว ....

แหวนทองเหลืองบนนิ้วเรียวสวยส่องประกายวาววับจับตาบ่งบอกว่าเราจะไม่ลืมกัน แม้วันเวลาจะผ่านไปนานสักเท่าไหร่ ... อิสราที่รัก มะยมขอสัญญาจะรักเธอมั่นคงชั่วฟ้าดินสลาย ขอสัญญา ...

มะยมเดินขึ้นบันไดด้วยอาการย่องเบา เกรงใจป้าสมพิศที่นั่งดูละครทีวีตอนค่ำกับลุงณรงค์ แต่ก็สะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงตะโกนดังจากข้างล่าง

“ ทานข้าวทานปลามาหรือยังล่ะมะยม ป้าเตรียมข่าวให้เราในตู้แล้วนะลูก ไปกินซะเพิ่งอุ่นไว้เมื่อกี้เอง”

“ จ๊ะป้า ...”

เด็กสาวเดินลงบันไดไปอีกครั้ง แล้วเดินอ้อมไปด้านหลังบ้านจนไปโผล่ที่ห้องครัวที่แบ่งเป็นห้องเล็ก ๆ น่ารักมีอุปกรณ์ทำครัวครบครัน มะยมเปิดแง้มตู้กับข้าวแล้วหยิบกับข้าวสองอย่างคือแกงอังเลกับน้ำพริกหนุ่มมาวางไว้บนโต๊ะ หยิบกระติ๊บข้าวเหนียวขึ้นมา ก่อนจะลงมือจัดการด้วยความอิ่มตื๋อของท้องแล้ว ..

ความที่นางสมพิศกับนายณรงค์ ไม่มีบุตรธิดาสืบทอดจึงมีความเอ็นดูและรักใคร่มะยมเหมือนลูกแท้ ๆ ดูแลแทบจะทุกเรื่อง แม้แต่ค่าเล่าเรียนก็ไม่ให้ครูพลได้ลำบากอะไร นี่ก็คือสาเหตุเดียวที่มะยมรักและเกรงใจนางสมพิศยิ่งกว่าใคร อย่างตอนนี้ที่ต้องมานั่งรับประทานอาหารอีกครั้งทั้งๆ ที่ท้องยังอิ่มเปล้แล้วก็ตาม

“ มะยม เอ๊ย ....ป้าเกือบลืมไปมีจดหมายพ่อเองวางไว้ข้างตู้เย็นนะ ..”

“ เห็นแล้วจ๊ะป้า ..”

มะยมรีบหยิบจดหมายซองสีน้ำตาลเข้มขึ้นมาฉีกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรดสายตาลากยาวไปตามหน้ากระดาษสีขาวกระจ่าง จดจำลายมือผู้เป็นบิดาได้ดี ...


มะยมลูกรัก ...

. พ่อไม่ได้เขียนจดหมายมาหาลูกเดือนกว่า ๆ แล้ว หวังว่าเราคงสบายดีนะ พ่ออยู่ทางนี้สบายดี เสียแต่อย่างเดียวบ้านเราฝนตกหนักแทบจะทุกวัน ตอนนี้พ่อได้ย้ายออกจากบ้านพักครูที่มะยมได้อยู่มาตั้งแต่เด็กไปอยู่บ้านใหม่ริมน้ำเรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างทุลักทุเลพอดู ก็ได้เพื่อนครูที่โรงเรียนพ่อกับพวกที่โรงต่อเรือริมน้ำน่านไงมะยมคงจำได้ บ้านใหม่ของเราสวยงามตามที่ลูกเคยฝัน เจ้ารแสนดีรู้สึกจะดีใจออกนอกหน้าไปเล่นริมน้ำแทบจะทุกวัน เดี๋ยวมันดื้อ ไม่ค่อยเชื่อฟังพ่อเหมือนเดิมแล้ว ถ้ามะยมกลับบ้านต้องกำหลาบมันให้ดีล่ะลูก ทุกอย่างผ่านไปไปตามกาลเวลา แป๊บ ๆ อีกปีเดียวมะยมก็จะจบปริญญาแล้ว มันรวดเร็วจริง ๆ...
ตอนนี้มะยมของพ่อคงเป็นสาวแล้ว ปีนี้ก็อายุเข้าสิบเก้าแล้วใช่มั้ยลูก ... อย่าเพิ่งพาหนุ่ม ๆ เข้ามาทำให้พ่อช็อกตายนะลูก เอาไว้เมื่อถึงเวลาค่อยเปิดตัวจะดีกว่า ที่พ่อเขียนจดหมายมาหาลูกวันนี้ก็เพราะได้ข่าวร้ายมาจากเจ้าสยาม เพื่อนรักของลูก มันมาบอกพ่อเมื่อเช้านี้ว่าไร่ฟ้าเมฆาจะปิดกิจการในไร่ทั้งหมด พ่อรู้สึกตกใจมากที่เกิดเรื่องร้ายโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรมาก่อน สยามเล่าว่าตอนนี้กิจการไร่ฟ้าเมฆากำลังลำบากเพราะขาดเงินอุดหนุนจากแหล่งเงินทุนใหญ่ที่เคยได้รับ เห็นว่าเป็นเรื่องภายในครอบครัวอะไรทำนองนี้แหละ ... คนงานแถวท่าวังหินต่างตกงานกันหลายร้อยคน น่าสงสารคนเหล่านี้มาก เพราะงานในไร่องุ่น คุณชายปกรณ์ก็หยุดกิจการไปเลย ตอนนี้เหลือแต่สวนผลไม้ไม่กี่สิบไร่เท่านั้น ...สาเหตุทั้งหมดทำไมเป็นอย่างนี้พ่อก็ไม่รู้เหมือนกัน เห็นว่าอิสรา เพื่อนของลูกยังไม่รู้เรื่องนี้เพราะอยู่เมืองนอก ทางนี้พยายามจะปิดเรื่องเอาไว้ ... พ่อได้แต่คิดปลงอนิจจังในความเปลี่ยนแปลงของโลก ทุกอย่างมีขึ้นมีลงตามที่พระท่านได้กล่าวเอาไว้จริง ๆ ...
ส่วนพลอยใส ตอนนี้ก็เรียนอยู่ที่กรุงเทพฯ ใกล้จะจบแล้วเหมือนมะยม เห็นเล่าให้พ่อฟังว่ามีแมวมองมาทาบทามให้ไปแสดงละคร เดินแบบเสื้อผ้า และถ่ายโฆษณา พ่อเชื่อว่าพลอยคงจะทำได้ดี เพราะชอบทางนี้อยู่แล้ว นี่ก็ถือว่าลูกพ่อคนหนึ่งประสบความสำเร็จไปแล้ว เหลือแต่เราเท่านั้นว่าจะเอาดีทางด้านไหน เมื่อวานครูเมตตามาหาพ่อที่บ้านชวนไปดูน้ำตกตาดหมอก ถามถึงลูกใหญ่เลยว่าเป็นยังไงบ้าง แกเสียดายที่มะยมไม่ยอมเรียนหมอ เห็นว่ามีแวว พ่อก็บอกว่าพ่อเชื่อว่ามะยมเป็นคนเก่ง ทำอะไรก็ได้ดีหมดทุกอย่าง...ครูเมตตาหัวเราะเสียงดังว่าพ่อหลงและเห่อลูกสาว พ่อก็บอกว่าเป็นเรื่องจริง ระหว่างมะยม
กับพลอยใส พ่อไม่ห่วงมะยมเท่าพลอยใส ครูเมตตาบอกพ่อว่าก็อาจจะจริง เพราะพฤติกรรมของเราสมัยมัธยมท่าวังหิน แกยังจำได้ไม่ลืม ..ทีนี้ถึงคราวพ่อหัวเราะมั้ง เราทั้งสองเลยต้องหัวเราะไปพร้อม ๆ กัน..
เอาล่ะมะยม พ่อได้อธิบายความเป็นไปของท่าวังหินมาให้ลูกฟังซะยืดยาว ก็ขอจบรายการสาธยายเล่าความหลังกึ่งสมัยนิยมนิด ๆ ไว้เท่านี้ ... ฉบับหน้าจะเขียนมาหาเราใหม่อีกครั้ง รักษาเนื้อรักษาตัวนะลูก ไม่ต้องเป็นห่วง พ่ออยู่ทางนี้สบายดี .....

พ่อรักลูกจ๊ะ
ครูพล


มะยมค่อยพับเก็บจดหมายไว้ในซองพร้อมกับปาดน้ำตาแห่งความดีใจระคนเศร้าใจที่อาบสองแก้มนวลอย่างช้า ๆ ก่อนจะหลับตาพริ้มเพื่อซึมซับกำลังใจที่ผู้เป็นพ่อได้ถ่ายทอดเป็นตัวอักษรผ่านลายมือที่คุ้นเคย เหมือนมาเพิ่มเติมกำลังใจสู้อุปสรรคทุกสิ่งทุกอย่างให้ก้าวผ่านและลุล่วงไปด้วยดี ...

เด็กสาวถอนใจเฮือกใหญ่เมื่อนึกเรียบเรียงเรื่องราวของอิสราทั้งหมดที่ได้ยินและได้รับข่าวจากครูพลทางจดหมาย คิดเดาเหตุการณ์ต่างๆ ได้ว่า ....

ท่านชายปกรณ์เทวากับฟ้าเมฆาจะต้องประกาศแตกหักกับหม่อมย่าของวันวิสาอย่างแน่นอน เพราะไม่เช่นนั้นทางฝ่ายโน้นคงไม่ตัดความช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาจากคนหลายๆ รุ่นเช่นนี้ ...

ตอนนี้อยากจะรู้แต่เพียงว่ายอดดวงใจของตนจะทำเช่นไร ถ้ารู้ถึงวิกฤตของไร่ฟ้าเมฆาในยามใกล้ล่มสลาย ....และจะยังคงอยู่ที่อิตาลีได้อย่างไร ...

มะยมอธิษฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอพรพระพุทธคุณเจ้าโปรดช่วยครอบครัวอิสราให้ผ่านวิกฤตครั้งนี้ด้วยเถอะ ... โอมเพี้ยง ..

------------------------------------

กาหรือหงส์ ตอนที่ ๔๕ จบแล้วติดตามตอนที่ ๔๖ วันพฤหัสบดีนี้นะครับ .. เรื่องราวเข้มข้นไปเรื่อยๆๆ อีกไม่นานก็จะจบแล้ว ติดตามกันอย่าพระพริบตานะครับ .. ชีวิตมะยมยังไม่สบายอะไร ยังมีอุปสรรคอีกมากมายนะครับ .. แล้วคุณชายอิสราไปที่ไหนแล้ว .. ต้องติดตามอ่านต่อไปนะครับผม. ขอบพระคุณเพื่อนหนอนทุกท่านที่เข้ามาอ่านและเป็นกำลังใจให้ผมหนาแน่น .. จนอยากร้องไห้ด้วยความดีใจ
ขอบคุณมากอีกครั้งนะครับ ...

นายอิส / เมฆชรา
๑๒ กันยายน ๒๕๕๓
เวลาสองทุ่มกว่าๆครับ

----------------------------------






Create Date : 14 กันยายน 2553
Last Update : 14 กันยายน 2553 20:18:29 น. 0 comments
Counter : 714 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เมฆชรา
Location :
นครราชสีมา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




เข้าสู่ปีที่ 8
Friends' blogs
[Add เมฆชรา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.