" ผมหัวเราะหน้าแดงด้วยฤทธิ์ไวน์ เลือดในตัวสูบฉีดเต็มที่เมื่อพี่วิภารัตน์ลูบแขนผมไปมา ผิวกายร้อนผ่าวๆ เหมือนมีพลังงานบางอย่างอยู่ข้างใน ตามองตา ผมก็เริ่มเข้าใจภาษากายที่พี่วิภารัตน์กำลังทำอยู่และสื่อสารมาถึงตัวผม สิ่งเร้าภายในถูกกระตุ้นมาจากสิ่งที่ขาดหายและคุ้นเคยมานาน .. เธอส่งตาหวานเชื่อมหยาดเยิ้มมาให้ขณะที่ผมโน้มตัวเข้าไปแนบชิด .. เราสองคนจูบกันรุนแรง เนิ่นนานจนรู้สึกเหมือนว่าโลกกำลังหยุดหมุนไปชั่วขณะผมเชื่อในความเป็นสัญชาตญาณของสัตว์โลกแม้ร้างราจากกามรสมานาน แต่พอได้จังหวะเวลาที่เหมาะสม ..ไอ้สัญชาตญาณที่ว่าก็ถูกนำมาใช้ได้ทันท่วงที และก็ดูเหมือนพี่วิภารัตน์ก็มีสภาพไม่แตกต่างกัน เธอปลดปล่อยอารมณ์ใคร่ อารมณ์ปรารถนาออกมาจนหมดสิ้นไม่เหลือคราบแม่พระผู้ใจบุญอยู่เลย .. เธอพร่ำพูดแต่คำว่ารัก รัก รัก จนผมแทบสำลักในรสกามสวาท .. และในระหว่างนั้น ความใคร่ สิเนหาโอนอ่อน ผ่อนปรน ทั้งผู้รับผู้ให้ได้จบลงในอีกไม่นาน .. เราทั้งสองนอนแผ่หลาเปลือยกายล่อนจ้อนอยู่บนเตียงสีขาวสะอาดนานสองนาน ..." ภมรดอกงิ้ว ๑๕
-----------------------------------------
แล้วในกลางวันถัดจากที่เราคุยกันในวันนั้นผมกับระรินได้ไปที่ว่าการอำเภอที่อยู่ใกล้ๆวัดในทันทีที่ว่างจากภารกิจ ..พอได้นั่งลงตรงหน้าเจ้าหน้าที่รับเรื่องราวการหย่า การจดทะเบียนสมรส ได้สักครู่ปลัดอำเภอหนุ่มผิวขาวหน้าตาดีเดินรี่ตรงเข้ามาหาเราสองคนด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเริงร่ากว่าปกติ
ผมนั่งคิดทบทวนอีกครั้งว่ารู้จักปลัดหนุ่มคนนี้มาก่อนหรือเปล่าจนสรุปได้ว่าไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน อายุอานามน่าจะประมาณสามสิบต้นๆ ยังดูหนุ่มแน่นแข็งแรงแววตามีประกายความมั่นใจ แถมด้วยรอยยิ้มที่จริงใจส่งมาให้อย่างเต็มเปี่ยมเหมาะสมแล้วที่ทำหน้าที่บริการประชาชน
ขั้นตอนเอกสารทุกอย่างเกือบเสร็จแล้ว คงเหลือหน้าที่ของผมที่ถามคำถามพวกคุณเพื่อทบทวนการตัดสินใจครั้งนี้อีกครั้งว่าแน่ใจแล้วหรือถึงต้องแยกทางกัน
ผมหันไปมองระริน.. เธอทำหน้านิ่ง กำลังเบื่อหน่าย อยากจะให้ทุกอย่างจบสิ้นแล้วไปให้พ้นๆที่ว่าการอำเภอแห่งนี้เต็มที.. ผมชักสีหน้าเคร่งขรึมตอบไปว่า ..
ครับผมแน่ใจมาก ..
ปลัดหนุ่มหน้าเปลี่ยนสีและเงียบนิ่งไปสักพักแล้วบอกว่า .. คุณสองคนมีลูกที่น่ารัก กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ก็ต้องผ่านอุปสรรคมาตั้งมากมาย มีเหตุผลอะไรที่ทำให้คุณสองคนคิดแยกทางกัน
เขามีชู้ มั่วผู้หญิงไม่เลือกหน้า ฉันทนไม่ไหวแล้วค่ะคุณปลัด ระรินพูดออกมาได้ก็ด่าผมในทันทีนี่เธอจะประณามกันไปถึงไหน ขนาดอยู่นิ่งยังโดนขนาดนี้ มันช่างไม่ยุติธรรมเลยถ้าผมไม่โต้ตอบอะไรไปเสียบ้าง
ใครมีชู้ .. พูดดีดีนะคุณ ผมฟ้องหมิ่นประมาทได้นะ .. พยานก็ได้ยินอยู่ตรงหน้า
เธอสะบัดหน้าพรืดคอตั้งตรง คนฟังคือปลัดอำเภอส่ายหน้าช้าๆ
เอ่อ .. แล้วใครรับเป็นคนดูแลลูกครับ
ผมตอบไปว่าผมดูแลคนเล็กส่วนลูกสาวคนโตเสียชีวิตแล้ว .. ตอนนี้ตั้งอยู่ที่วัดครับ ..
คุณปลัดอำเภอมีสีหน้าตกใจบอกว่า ขอแสดงความเสียใจด้วย เอาเป็นว่าพี่ผู้ชายเป็นผู้ดูแลน้องคนเล็กส่วนคุณแม่ต้องเซ็นยินยอมตรงช่องนี้ เป็นอันจบเรื่องการหย่าในวันนี้แล้ว แต่ผมก็ยังอยากให้คิดถึงความรู้สึกของลูกให้ดี เขาบอบบางเกินกว่าจะเข้าใจเรื่องใหญ่ๆแบบนี้ ..ขอให้โชคดีครับ
ระรินหยิบปกกาแล้วจรดเขียนลงบนเอกสารก่อนจะยกมือไหว้ปลัดอาวุโสเดินลิ่วจากไปในทันที
ภรรยาคุณ เอ๊ยไม่ใช่สิ อดีตภรรยา .. ดูใจร้อนมากเลยนะครับ
ผมรู้สึกอายจนพูดอะไรไม่ออก.. ระรินก็ช่างกระไร จะรีบร้อนไปไหนมารยาทดีดีหายหมด ทำตัวเหมือนแม่ค้าในตลาด .. คำพูดคำจาฟังไม่ได้เลยนี่ขนาดต่อหน้าคนอื่นเธอยังก่นด่าแช่งชักผมอย่างไม่มีความเกรงใจกันเลยสัดนิด
จบสิ้นกันเสียทีชีวิตสมรสกับคนอารมณ์แปรปรวน
ก็เป็นแบนนี้ประจำแหละครับ
หลังจากนั้นเราก็พูดคุยกันเรื่องลูกอีกสองสามเรื่อง จนทำให้ผมรับรู้เพิ่มเติมว่าลูกชายของปลัดอาวุโสคนนี้เป็นออร์ทิสติกทั้งสองคน ต้องจ้างพิเศษแม่บ้านมาดูแลอย่างใกล้ชิดแถมภรรยาของแกยังมาขอแยกทางไปอยู่ต่างประเทศช่างเหมือนระรินทำกับผมอยู่ในตอนนี้ แต่ผมก็ยังดีที่มีลูกออดมาอยู่เป็นเพื่อนและเคียงข้างกันต่อจากนี้
ผมโบกมือลาปลัดอำเภอหลังแลกนามบัตร และนัดหมายพูดคุย ทำบุญ และออกทำกิจกรรมสาธารณะประโยชน์ร่วมกันในภายหลัง .. มิตรภาพครั้งนี้เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว ผมกับปลัดถูกชะตากันระยะเวลาอันสั้น ผมคิดว่าปลัดอำเภอคนนี้น่าจะเป็นเพื่อนแท้ที่จะได้คอยช่วยเหลือได้ในยามคับขันไม่มากก็น้อย
ผมกลับมาถึงงานศพลูกกบในอีกไม่ถึงชั่วโมงต่อจากนั้น พี่วิภารัตน์อุ้มตาออดเข้ามาหา .. ลูกชายตัวดีกระโจนเข้าสู่อ้อมกอดแล้วกระชับไว้แน่น น้ำตาผมเอ่อไหลขึ้นมาเมื่อคิดว่าต่อไปจากนี้ชีวิตเราคงมีเพียงเท่านี้ ส่วนแม่ของเค้าสะบั้นความสัมพันธ์กันไปอย่างถาวรนับตั้งแต่จดทะเบียนหย่าที่อำเภอนั่นแล้ว
-------------------------------------------------
งานแห่งความเสียใจผ่านไปอย่างเศร้าสร้อยเงียบเหงา ไม่มีใครรับได้กับการจากไปของเด็กหญิงอายุ 10 ขวบที่น่ารักน่าชัง ระรินแบ่งสมบัติตามสินสมรสในสัดส่วนที่พอดี
เธอขอเลือกบ้านหลังเดียวเท่านั้น ส่วนผมได้ที่ดินจัดสรรขายนอกเมือง 5 ไร่พร้อมทองคำที่สะสมกันมานาน 10 บาท เงินสดอีกแสนบาท .. ลูกออดมีผมเป็นผู้ดูแลเพราะตอนที่ทนายความ ผู้มาไกล่เกลี่ยถามตาออดว่าจะเลือกอยู่กับใคร .. พ่อหรือแม่ ..เขาตอบฉะฉานโดยไม่คิดเลยว่าจะอยู่กับพ่อยอดเท่านั้น
ผมมองเห็นสีหน้าอันซีดเซียวของระรินในทันที่ที่ลูกออดพูดจบก็อดสงสารไปไม่ได้
เธอก็คงรักและผูกพันกับลูกชายคนนี้ไม่ต่างจากผมและที่สำคัญเธอเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดเขาด้วยตัวเองอีกต่างหาก
ออดไม่ไปอยู่ต่างประเทศกับแม่หรือลูก.. ที่สิงคโปร์มีโรงเรียนดีๆ มีสวนสนุกใหญ่ๆและมีสนามแข่งรถที่ลูกชอบ .. ลูกออดไปอยู่กับแม่นะลูก..
ลูกออดหันมามองหน้าผมแล้วส่ายหน้าช้าๆ ผมรู้ว่าเขากำลังขอความเห็นจากผมอยู่
ผมดึงตัวลูกเข้ามากอดไว้แน่นแล้วบอกไปว่า อย่าหว่านล้อมอีกเลยระรินยังไงก็ไม่สำเร็จหรอก
เอ๊ะคุณ .. กรุณาให้ลูกชายฉันตัดสินด้วยตัวเองสิอย่าชี้นำ มันไม่ fair
ผมส่ายหน้าแล้วตอบไปว่า ไม่เห็นถามให้มากความอะไรเลย ยังไงลูกออดก็ต้องอยู่กับผม คนไม่ได้เลี้ยงดูคลุกคลีมาก่อน จะพูดอะไรไปก็ไม่มีน้ำหนักความน่าเชื่อถือ ..
ผมตอบไปเหมือนตอกย้ำ ความเป็นแม่บ้านที่ไม่เอาไหนของระริน
เธอเบิกตา แสยะปากยิ้มจนความสวยบนใบหน้าของเธอหายไปจนหมดสิ้น
หยาบคาย .. ถึงยังไงฉันก็เป็นแม่ที่คลอดมันเกิดมา แต่เอาเถอะถ้าลูกออดจะอยู่กับคุณก็ไม่เป็นไรแต่ถ้าเลี้ยงไม่ไหวอยากเปลี่ยนใจก็โทรบอกก็แล้วกัน ฉันจะไม่ปะนามหรอกว่าคุณเลี้ยงลูกไม่ดี จนลูกเต้าลำบากอยู่ไม่ได้ เธอหัวเราะเยาะในสิ่งที่เกิดขึ้น ผมนิ่งเงียบไปกอดลูกไว้แน่นกระทั่งขั้นตอนในเรื่องเอกสารสิ้นสุดลงครบถ้วนทุกขั้นตอนแล้ว
ระรินมองลูกออดแล้วเช็ดน้ำตาให้ ผมเห็นภาพแล้วเข่าอ่อน
อนิจจาครอบครัวที่สมบูรณ์พูนสุขจนใครอิจฉากำลังล่มสลายไปตรงหน้า .. เธอมองครู่ใหญ่แล้วรีบเดินออกไปทันทีโดยไม่หันมองกลับมาเลย
และนั่นเป็นการพบกันครั้งสุดท้ายของครอบครัวของเรา
-----------------------------------------
วันเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหกหลังจากที่แยกขาดจากระรินแล้วผมได้เข้าพักที่บานวิภารัตน์
บ้านหลังนี้ไม่ใหญ่ไม่เล็ก มีห้องหับเพียงสองห้องคือ ห้องใหญ่ที่พี่วิภารัตน์ใช้เป็นห้องส่วนตัวกับห้องเล็กเป็นเตียงคู่ ผมกับลูกออดได้ยึดไว้เป็นนิวาสถานถาวร
พออยู่กับพี่พี่วิภารัตน์มาได้ระยะหนึ่ง ผมรู้สึกตะขิดตะขวงใจเพราะเธอเป็นคนแปลกหน้าไม่ใช่ญาติสนิทและเป็นผู้หญิง แต่พอนานไปก็เริ่มคุ้นชินสนิทสนมกันถึงขั้นแตะเนื้อต้องตัวได้
ความสุขความทุกข์บนโลกนี้ไม่มีอะไรยั่งยืน .. ผมยังรู้สึกเสียใจในการจากไปของลูกกบอยู่ไม่หาย
เสียใจเพราะยังไม่เคยบอกรักเขาสักคำ เสียใจเพราะไม่เคยทำหน้าที่ของพ่อที่ดีตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีเลย แต่ก็ยังดีที่มีลูกออดมาช่วยให้ชีวิตผมไม่เหงาจนเกินไป เขาสนิทกับป้าวิภารัตน์ถึงขนาดแยกไปนอนด้วยกันสองคนอยู่เสมอๆ เวลาผมเครียดๆจากการงานที่ทำอยู่
พักนี้พี่วิภารัตน์มองผมด้วยสายตาแปลกๆ พอหันมองกลับไปแกก็แสร้งทำอย่างอื่นเสียทุกครั้ง
จนในที่สุดผมกับพี่วิภารัตน์ก็ได้เกี่ยวข้องลึกซึ้งพิเศษเกินพี่น้องปกติธรรมดาไปจนได้เมื่อถึงวันคล้ายวันเกิดของลูกออด
วันนั้น .. ผมนั่งจิบไวน์อยู่เงียบๆที่หน้าบ้านกับพี่วิภารัตน์ เราคุยอะไรไปเรื่อยเปื่อยหลายเรื่องรวมทั้งเรื่องที่ผมจะออกไปหารายได้พิเศษด้วยการไปขายของตลาดนัดในวันหยุดเสาร์อาทิตย์เพราะอยากได้เงินมาเป็นค่าเรียนพิเศษของเจ้าลูกชาย แต่ดูสีหน้าสีตาของเธอแล้วดูไม่เชื่อว่าผมจะทำได้
ยอดจะทำได้รึ มันเหนื่อยและร้อนมากยังไงก็ทำไม่ได้หรอก ..
แหม .. พี่ยังไมได้ลองทำดูก็ฟันธงว่าทำไม่ได้เสียแล้ว
เธอหัวเราะร่วนอารมณ์ดีมือไม้ปัดเป๋ตีที่แขนผมดังเพลียะ ผมจับมือแกไว้แน่นแล้วหยอกกลับไปอีกว่า
ดูถูกกันแบบนี้ แสดงว่า รู้จักกันน้อยไป
แกหัวเราะดังขึ้นอีก รู้จักน้อยตรงไหน ประวัติตั้งแต่เด็กของเธอ .. พี่ก็ไปสืบมาได้หมดเป็นลูกเต้าเหล่าใครพี่ก็รู้ การศึกษาจบสูงสุดชั้นไหนมีความชอบอะไรและประสบการณ์วัยเด็กที่ฝังใจมีอะไรบ้าง กีฬาโปรดล่ะชอบแบบไหนและชอบอ่านหนังสือเล่มไหนเป็นพิเศษพี่สืบเสาะมาได้หมด ยอดเชื่อพี่ไหม ..
ผมหัวเราะหน้าแดงด้วยฤทธิ์ไวน์ เลือดในตัวสูบฉีดเต็มที่เมื่อพี่วิภารัตน์ลูบแขนผมไปมา ผิวกายร้อนผ่าวๆ เหมือนมีพลังงานบางอย่างอยู่ข้างใน ตามองตา ผมก็เริ่มเข้าใจภาษากายที่พี่วิภารัตน์กำลังทำอยู่และสื่อสารมาถึงตัวผม
สิ่งเร้าภายในถูกกระตุ้นมาจากสิ่งที่ขาดหายและคุ้นเคยมานาน
เธอส่งตาหวานเชื่อมหยาดเยิ้มมาให้ขณะที่ผมโน้มตัวเข้าไปแนบชิด .. เราสองคนจูบกันรุนแรง เนิ่นนานจนรู้สึกเหมือนว่าโลกกำลังหยุดหมุนไปชั่วขณะ
ผมเชื่อในความเป็นสัญชาตญาณของสัตว์โลกแม้ร้างราจากกามรสมานาน แต่พอได้จังหวะเวลาที่เหมาะสม ..ไอ้สัญชาตญาณที่ว่าก็ถูกนำมาใช้ได้ทันท่วงที และก็ดูเหมือนพี่วิภารัตน์ก็มีสภาพไม่แตกต่างกัน เธอปลดปล่อยอารมณ์ใคร่ อารมณ์ปรารถนาออกมาจนหมดสิ้นไม่เหลือคราบแม่พระผู้ใจบุญอยู่เลย
เธอพร่ำพูดแต่คำว่ารัก รัก รัก จนผมแทบสำลักในรสกามสวาท และในระหว่างนั้น ความใคร่ สิเนหาโอนอ่อน ผ่อนปรน ทั้งผู้รับผู้ให้ได้จบลงในอีกไม่นาน
เราทั้งสองนอนแผ่หลา เปลือยกายล่อนจ้อนอยู่บนเตียงสีขาวสะอาดนานสองนาน
มารู้สึกตัวอีกทีเมื่อได้ยินเสียงร้องเรียกของตาออดดังแว่วอยู่หน้าห้อง
พี่วิภารัตน์รีบเด้งตัวเองขึ้นนั่งเอื้อมมือหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมอย่างรวดเร็ว ผมทำตามเธอบ้าง ก่อนที่จะวิ่งเปิดประตูไปปลอบขวัญลูกออดที่นั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ข้างนอกตามลำพัง
เป็นอะไรไปลูก ร้องไห้ทำไมครับผมถามเจ้าลูกชายที่พี่วิภารัตน์กำลังกอดไว้แน่น
ไหนบอกป้ามาซิว่าร้องทำไม .. ลูกออดทำท่าอึกอักไม่ตอบทันทีเหลียวมองข้ามตัวผมไปในห้องที่มีแต่ความมืดและแสงสว่างเรืองๆจากโคมไฟบนหัวนอนเท่านั้นแค่นี้ก็ทำเอาผมขนลุกซู่ขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ
พี่กบมาครับ ..
ลูกออดชี้มือไปที่ปลายเตียงนอนทำเอาผมขนลุกเกรียวอีกรอบ หันไปมองที่นั่นพร้อมกันกับพี่วิภารัตน์โดยไม่ได้นัดหมาย พี่วิภารัตน์ดึงตัวลูกออดเข้ามากอดแล้วปลอบว่า..
ขวัญเอ๊ยขวัญมาตอนนี้ไม่มีอะไรแล้วนะครับลูกออด .. พี่กบแค่มาเยี่ยมเยียนพวกเรา มาถามว่าอยู่กันสบายดีไหม ป้าว่าลูกออดเข้านอนกับป้าดีกว่านะลูกป้าจะนอนเป็นเพื่อนถึงเช้าเลย .. ลูกออดส่ายหน้าทันที .. ผมมองก็รู้เลยว่าไม่อยากนอนกับพี่วิภารัตน์ แต่จะนอนกับผม
เขาโผมาอยู่ในอ้อมกอดผมทันทีเมื่อพี่วิภารัตน์ปล่อยตัว.. เธอหอมแก้มหนุ่มน้อยแล้วเดินเข้าห้องไปเงียบๆ ผมยิ้มให้พาลูกออดกลับเข้านอนอีกครั้ง
เขาไม่เคยนอนกับใครถ้าไม่จำเป็น ผมเลี้ยงดูมาตั้งแต่เกิด ทำไมจะไม่รู้ว่าตอนนี้ลูกออดกำลังกลัว เสียขวัญอย่างหนัก เขาต้องการคนที่ปกป้องได้แท้จริง ..ซึ่งมีผมคนเดียวเท่านั้นที่เขาไว้ใจ
เดี๋ยวพ่อไปอาบน้ำก่อนนะลูกประเดี๋ยวเรานอนกัน ..
เขาอิดออด ตีหน้ายุ่งบอกบุญไม่รับแต่ก็ยอมโดยดี ผมรีบอาบน้ำก่อนจะเข้านอนกับลูกชายสุดที่รักด้วยความเหนื่อยล้ามาจากกิจกรรมที่ทำร่วมกันกับพี่วิภารัตน์มาหมาดก่อนหน้านี้
อากาศในคืนนี้เย็นยะเยือกกว่าปกติจนผมต้องกระชับผ้าห่มหนาเข้ากับหน้าอกปากพร่ำเล่านิทานเรื่อง กระต่ายกับเต่าให้ลูกออดฟัง นิทานเรื่องนี้เป็นนิทานเรื่องโปรดของเขา ..ลูกออดชอบฟังมาตั้งแต่ยังพูดอ้อแอ้อยู่เลยในตอนนั้น
กระต่ายตัวนั้นนอนหลับรอใต้ต้นไม้ที่อยู่หางไกลออกไปหลายกิโลอย่างใจเย็น เต่าค่อยๆเดินมาต้วมเตี้ยมช้าๆ ฟ้าพยับแดดพยับฝนผ่านสายลมร้อนที่พุ่งพรู ผ่านความเหน็บหนาวไปถึงขั้วหัวใจ ผ่านอุปสรรคต่างมากมาย จนกระทั่งมองเห็นว่ากระต่ายเจ้าเล่ห์ตัวนั้นกำลังหลับอุตุอยู่ที่โคนต้นไม้สบายอารมณ์หาได้ทุกข์ร้อนกับการแข่งขันไม่
เต่าจึงเดินผ่านไปอย่างช้าๆกระทั่งถึงเส้นชัยด้วยความภาคภูมิใจในความวิริยะอุตสาหพยายามของตนเองและรู้ซึ้งถึงบทเรียนที่เกิดจากความประมาทของกระต่ายป่าเจ้าเล่ห์ตัวนั้น
ผมเล่านิทานกระต่ายกับเต่าจบลงอย่างง่วงๆมองเห็นว่าเจ้าลูกชายหลับตาพริ้มสนิทในอ้อมกอด พร้อมกับตัวเองก็ตาปรือใกล้ปิดเต็มทีด้วยเช่นกัน
ผมเอื้อมปิดโคมไฟที่หัวนอนกระชับผ้าห่มของเราสองคน ก่อนจะหลับสนิทในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
แต่แล้วผมต้องสะดุ้งสุดตัว เกือบร้องโวยวายออกไปในความมืด เมื่อผมมองเห็นเงามืดรางๆสีขาวของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังยืนยิ้มเศร้าๆอยู่ที่ปลายเตียงนอนห่างไปไม่ถึงเมตร
นะ นั่นลูกกบใช่ไหมลูก
ผมถามคำถามออกไปทั้งที่กลัวแทบขาดใจ แต่ลูกกบไม่ตอบได้แค่ส่งยิ้มบางๆมาให้ ก่อนที่ร่างสีขาวเบาบางจะเลือนหายไปในเงามืดอย่างช้าๆ ในขณะเวลาที่ผมเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง
---------------------------
จบตอน ๑๕ ขอบคุณที่ติดตามครับผม / เมฆชรา