จินตนาการสำคัญกว่าความรู้
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
23 มีนาคม 2552
 
All Blogs
 
ฟ้ายังมีดาว ตอนที่ ๑

ฟ้ายังมีดาว (บทนำ)
สวัสดีครับ … ผมนายเมฆชรา ขอฝากเนื้อฝากตัวกับนิยายเรื่องยาวเรื่องใหม่เรื่อง “ ฟ้ายังมีดาว ” เรื่องนี้ด้วยนะครับ อาจจะหนักไปหน่อย แต่ก็อยากให้เพื่อนๆลองติดตามดูมือใหม่หัดเขียนคนนี้ดูนะครับผม ขอบคุณครับ ...


ฟ้ายังมีดาว บทนำ

ท้องฟ้าวันนี้ดูสดใสไร้เมฆมาบดฟ้าสีฟ้าของมันอย่างที่ควรจะเป็น ฉันเป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆที่หนีออกจากบ้านมาเพียงลำพังพร้อมกระเป๋าสะพายใบหย่อม ในนั้นมีเพียงสมุดบันทึกของแม่ที่ทิ้งเป็นเพียงสมบัติชิ้นสุดท้ายกับตุ๊กตาเก่าๆที่พี่แทนให้ไว้เมื่อตอนวันเกิดปีกลาย ...

น่าแปลกใจที่ชีวิตคนหนึ่งคนจะมีของรักได้เพียงสองชิ้นเท่านั้น ...

ตอนที่ฉันเดินดุ่มออกมาจากบ้านไปตามหนทางที่ไร้จุดหมายเพราะเหตุการณ์ร้ายที่เกิดในบ้านเมื่อตอนสายของวันนี้
ขณะที่แม่กับน้องทิวและพี่แทนออกไปดูหนังที่โรงหนังใกล้บ้าน พร้อมพี่จวน ป้าแจ่ม ลุงมิตรคนขับรถ คงเหลือฉันกับพ่อเพียงลำพังสองคน ป้าแจ่มยกอาหารเที่ยงขึ้นมาที่ห้องนอนฉันเพราะฉันป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ ปวดหัวลุกไม่ขึ้น พี่แทนก็ขึ้นมาเป็นครั้งที่สองพร้อมกับเช็ดตัวฉัน จุมพิตที่หน้าผากแล้วกระซิบเบาๆที่ข้างหูว่า…

“ ระวังพ่อให้ดีนะน้องดาว...”

ฉันอึ้งอยู่กับที่นอนเป็นเวลาพักใหญ่ ก่อนที่เสียงรถปาเจโรคันใหญ่จะเงียบเสียงเพราะออกจากบ้านไปแล้ว หัวสมองฉันปวดตื้อไปหมดกับคำพูดของพี่แทน หัวใจฉันเริ่มเต้นไม่เป็นส่ำกลัวคำพูดจะเป็นจริง ... ไม่ได้แล้วตอนนี้ฉันจะต้องทำอะไรสักอย่างก่อนที่เรื่องร้ายจะเกิด ....

ฉันรวบรวมเรียวแรงทั้งหมดที่มีลุกขึ้นอย่างยากเย็น พยุงตัวเองขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะยัดของสำคัญสองอย่างไว้ในกระเป๋า ความจริงเสื้อผ้าและของใช้อื่นๆฉันก็อยากจะเก็บไว้ในกระเป๋าด้วย แต่คิดไปคิดมาเด็กอายุสิบขวบอย่างฉันจะไปรอดปากเหยี่ยวปากกาไปได้ยังไงกับสภาพสังคมเลวร้ายภายนอก ถ้ายังขืนหอบหิ้วสัมภาระไปมากแบบนี้ ... ฉันตัดสินใจค่อยย่องออกจากห้องนอนแล้วงับประตูปิดด้วยเสียงอันเบาที่สุด จนกระทั่งเสียงประตูลูกบิดดังกริ๊กจึงถอนหายใจอย่างโล่งออกมา ...

ฉันค่อยเดินย่องเบาจากห้องจนผ่านห้องน้องทิว ห้องพี่แทน และกำลังจะผ่านห้องของคุณแม่คุณพ่อ ก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเสียงทุ้มคำรามแสนคุ้นเคยลั่นดังพร้อมเสียงบานประตูที่เปิดปังออกมา ...

“ แกจะหนีไปไหนนังตัวดีมานี่เลย...”

ฉันหยุดชะงักเหมือนถูกกระแสไฟฟ้าช็อตนิ่งขึงไปชั่วขณะกว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ถูกร่างหนาอวบอ้วนของผู้เป็นพ่ออุ้มตัวลอย
ไปโยนบนเตียงนอนหนานุ่ม
อย่างไม่ปราณีปราศรัย แล้วโถมตัวลงมากดฉันไว้กับเตียงด้วยร่างอันหนาอ้วนไขมันนั้น ...

“ ฮ่ะ ฮ่ะ ในที่สุดแกก็ต้องเป็นของฉัน ไอ้เด็กจรจัด...หยิ่งผยองอวดดีนัก สมน้ำหน้าแล้ว...”

ฉันเบือนหน้าไปมาเพื่อหลบใบหน้าอวบอูมของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อขณะกำลังพยายามซุกไซร์ลำคอของฉันจนน้ำลาย
ราดรดแปดเปื้อนน่าขยะแขยงสะอิดสะเอียนแทบขย้อนอ้วกออกมาเสียให้ได้ ... ฉันร้องไห้ออกมาพร้อมเสียงกรีดร้องเหมือนชีวิตใกล้จะตาย แขวนไว้บนเส้นด้ายที่ใกล้จะขาด สองมือกวัดแกว่ง ไขว่คว้าหาหลักยึดในอากาศอย่างสิ้นหวังเมื่อเสื้อผ้าที่ฉันสวมใส่เหลือเพียงกางเกงสีชมพูปิดท่อนล่างไว้เท่านั้น ....

“ มึงจะร้องหาสวรรค์วิมานอะไรวะอีดาว...พ่อมึงอยู่นี่แล้ว...”

“ ไม่พ่อจ๋า พ่อต้องไม่ทำกับดาวแบบนี้ ดาวเป็นลูกพ่อนะ...”

“ โธ่อีโง่ ... ใครเป็นพ่อมึง กูไปขอมึงมาจากอีน้อมที่อยู่สลัมข้างสถานีรถไฟต่างหาก รู้เอาไว้ด้วย...”

“ ไม่จริง ไม่จริ้ง พ่อจ๋าโกหก... ฮือ ฮือ ...”

ฉันเริ่มหมดเรี่ยวแรงไปทุกขณะเมื่อกางเกงชิ้นสุดท้ายฉันหลุดออกจากร่าง จนผู้เป็นพ่อในคราบสัตว์มนุษย์เริ่มย่ามใจคลายแรงกดข้อมือฉันแล้วหันไปจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเองอย่างช้าๆ ฉันเบือนหน้าไปมองหน้าต่างน้ำตานองหน้าอย่างสิ้นหวังนับต่อจากนี้ไปชีวิตฉันคงมีมลทินตั้งแต่อายุสิบขวบ ต้องใช้ชีวิตร่วมผัวเมียกับแม่ ไม่ใช่สิ ต้องเรียกว่าผู้อุปการะถึงจะถูก ..ไปจนวันตายตราบลมหายใจสุดท้าย ชีวิตฉันช่างน่าเศร้าใจนัก ..

เวลาผ่านไปแสนเนิ่นนานในความรู้สึกฉัน ฉันมองฝ่าแดดจ้าที่มองเห็นนอกหน้าต่างภายใต้ม่านน้ำตาที่ไหลพร่าพรางจนเห็นสิ่งๆหนึ่งกำลังกระพือปีก
แสนสวยสีเหลืองสดอยู่ไหวๆ ปีกบางค่อยยกขึ้นยกลงก่อนจะหยุดนิ่งไปชั่วครู่เหมือนกำลังจะตาย ซึ่ง ตัวฉันตอนนี้กำลังจะเป็นเหมือนมัน ...

แต่แล้วมันกลับมากระพือปีกอีกครั้ง บินลอยวนอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะหายลับไปกับสายลมที่กรูเข้ามา ....

ฉันสะดุดใจกับผีเสื้อตัวนั้น มันเหมือนสัญญาณเตือนให้มีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง ...

พ่อใจโฉดในร่างกายเปลือยล่อนจ้อนเริ่มจะรุกไล้บนตัวที่แข็งทื่อของฉัน คราวนี้เขาแปลกใจที่เห็นฉันนิ่งเงียบไปกว่าเดิม แต่ยังย่ามใจว่ากำลังกำชัยชนะเหนือฉันทุกอย่าง ก่อนจะโถมตัวลงมาบนร่างทั้งหมดในอารมณ์สัตว์ป่า ...

ฉันมองเห็นช่องทางรอดเพียงอย่างเดียวในตอนนี้ก็คือปืนพกที่คุณแม่ซ่อนไว้ตอนหมอนที่อยู่ห่างฉันเพียงแค่เอื้อมมือ

เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง ....

เสียงปืนที่ดังลั่นเมื่อครู่ทำให้ฉันรีบสาวเท้าออกจากบ้านแสนรักอย่างรีบเร่ง เพื่อหนีไปให้ไกลสุดขอบโลกได้ยิ่งดี หัวใจฉันร่ำไห้เหมือนนกหลงทาง ความดีงามในใจตัวเองโบยบินไปไกลลิบไกลแสนไกล เสื้อผ้าที่ขาดวิ่นของฉันเรียกร้องสายตาทุกคู่ที่อยู่บนท้องถนนที่มีรถราวิ่งกันไปมา จนฉันต้องเดินหลบเข้าไปในซอยที่เงียบและมืด ...

เป้ที่สะพายบนหลังแกว่งไปมาจนฉันแสบร้อนไปทั้งแผ่นหลัง แต่ยังไงฉันต้องอดทนปกป้องของรักทั้งสองสิ่งที่จะติดตามฉันไปชั่วชีวิตให้จงได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ฉันขอสัญญา ....

ซอยที่ฉันเข้ามาได้ครู่ใหญ่เริ่มแคบลงๆ จนมองเห็นข้างหน้าว่าเป็นทุ่งนากว้างใหญ่ ฉันเดินไปจนสุดทางจนเจอต้นไม้แผ่กิ่งก้านขนาดใหญ่ที่มีร่มไม้ใบบังร่มครึ้มไปทั่วบริเวณ ฉันจึงทรุดตัวลงนั่งโคนต้นแล้วทอดลมหายใจออกมาช้าๆอย่างเหนื่อยอ่อนก่อนจะผล็อยหลับ
ไปอย่างรวดเร็วเมื่อสายลมเฉื่อยพัดมาแผ่วๆ ....

แต่แล้วฉันก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยสัญชาตญาณอีกครั้ง เมื่อรู้สึกตัวว่ามีผู้ชายกลิ่นตัวรุนแรงกำลังล้อมรอบตัวไม่น้อยกว่าสี่คน ....

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑


ฟ้ายังมีดาว ตอนที่ 1

จังหวัดนครราชสีมาเป็นจังหวัดใหญ่จังหวัดหนึ่งในภาคอีสาน ที่นี่เป็นเมืองใหญ่อันดับต้นๆของประเทศที่เสมือนเป็นประตูสู่ดินแดนดอกคูณเสียงแคนทั้งหมด ความเจริญของบ้านเรือนตึกรามบ้านช่องไม่ต้องพูดถึงมีมากมายผุดสูงระฟ้าเป็นมหานครเล็กๆแห่งหนึ่งของประเทศได้อย่างสบายๆ เมืองโคราชเป็นเมืองใหญ่ที่พรั่งพร้อมทั้งความเจริญและการเงิน เป็นศูนย์กลางของเมืองอีสาน ทุกๆอย่างจะอยู่รวมกันที่นี่รวมทั้งร้านคาราโอเกะกึ่งบาร์ที่ชื่อ ... วิกตอเรียที่เอื้อมดาวได้ฝากชีวิตไว้ที่ที่แห่งนี้

สภาพจ๊อกแจกจอแจของการจราจรถนนข้างนอกร้านในวันนี้บอกให้รู้ว่าวันนี้เป็นวันที่จะมีลูกค้าเข้ามาในร้านเพิ่มมากขึ้นกว่าวันธรรมดาที่เงียบผิดปกติมาหลายวันแล้ว จะเป็นการดีเลยทีเดียวถ้าหากคุณนายลำเจียกจะไม่เร่งรัดให้ดาวออกมายืนตากหน้ารับแขกที่หน้าร้านใกล้ริมถนนเหมือนเช่นทุกวันตั้งแต่หนึ่งทุ่มถึงสองยามของวันถัดไป ...

นี่แหละชีวิตของเจ้าหล่อนตามเส้นทางเดินแล้ว .. วันนี้วันศุกร์เป็นไปได้ร้อยเปอร์เซนต์ที่เด็กหนุ่มสองคนนั้นจะมานั่งในร้านที่อบอวลไปด้วยควันบุหรี่และเสียงดังลั่นเกินกว่าประสาทหูคนทั่วไปจะรับได้เหมือนอย่างเคย และก็เป็นเหมือนทุกครั้งที่เอื้อมดาวจะต้องวิ่งออกหลังร้านไปเพราะกลัวภาพอดีตบางอย่างหวนคืนกลับมาตอกย้ำให้เหมือนใบมีดคมกรีดซ้ำไปบนบาดแผลเก่าที่เจ็บลึก แต่หญิงสาวก็สะดุ้งสุดตัวเมื่อมีเสียงแหลมดังคุ้นเคยแทรกความเงียบในห้วงคำนึงมาว่า ...

“จะออกมาข้างนอกได้หรือยังนังดาว พิรีพิไรอยู่ได้ กูยืนคอยตรงนี้นานแล้วนะยะหล่อน เร็วเข้ารากขาจะงอกแล้วนะ ”

เสียงของไพลิน เพื่อนรุ่นพี่ร่วมอาชีพขายของเก่าตะโกนโหวกเหวกฟังชัดทุกถ้อยคำดังมาเตือนว่าได้เวลาสับเปลี่ยนเวรยืนหน้าร้านพร้อมกับสาวรุ่นกระเตาะวัยเดียวกับเอื้อมดาวสองสามคนที่จับกลุ่มคุยกันอยู่อย่างเงียบๆ ที่หันหน้ามามอง ..
“ จ๊ะ จ๊ะพี่ไพ ..หนูจะออกไปเดี๋ยวนี้แหละ ขอเข้าห้องน้ำแป๊บเดียว ขี้เกียจกั้นเอาไว้นานๆ ...”

“ แล้วมึงทำไมไม่จัดการซะที่บ้านวะดาว ...”

“ เอาเป็นว่าหนูปวดตอนนี้ก็แล้วกัน รอเดี๋ยวสิห้านาทีเท่านั้น ...”

“ เออ ... เออ อย่านานล่ะ แขกประจำของกูกำลังรอที่โรงแรมกวิน เดี๋ยวพ่อมันอารมณ์เสียโมโหซิ่งไปเสียก่อน ซวยกันพอดี งานนี้สงสัยแดกข้าวเปล่ากับน้ำปลาแหงๆ กูไม่อยากเสี่ยงแบบนี้ ..”

เอื้อมดาวพยักหน้าแล้วเดินลงไปยังซอยเล็กๆที่มีห้องน้ำอยู่สุดปลายซอย บรรยากาศรอบตัวดูมืดมัวสลัวแสงจนแทบจะก้าวย่างไปข้างหน้าด้วยประสาทสัมผัสคุ้นเคยเท่านั้น หญิงสาวกำมือที่เปียกเหงื่อชื้นไว้แน่น คิดอยู่ในใจว่าไม่น่าจะหาเรื่องอ้างหนีเจอเด็กหนุ่มสองคนนั่นจนมาเจอกับความน่ากลัวของความมืดได้ขนาดนี้ ครั้นจะหันหลังกลับไปทางเดิมก็กลัวถูกด่าว่าหลอกอู้หนีต้อนรับแขกคนอื่นๆ จึงจำใจเดินไปตามทางเรื่อยๆ กระทั่งทำธุระเสร็จค่อยรีบวิ่งกลับมายังที่ที่ไพลินยืนหน้ามุ่ยอยู่ ...

“ เอ้ามาแล้วเรอะดาว พี่ไปนะ ดูแลแขกให้ดีอย่าให้พี่ถูกแม่คองด่าเอาได้ งั้นตัวใครตัวมันพี่ไปทำงานล่ะ..”

“ จ๊ะพี่ไพ รีบไปเถอะหนูอยู่ได้..”

พอไพลินคล้อยหลังไปได้ครู่ใหญ่ เอื้อมดาวถอนหายใจไปเฮือกใหญ่ พร้อมไปด้วยความกลัดกลุ้มในใจ สงสัยว่าคืนนี้ตนเองคงจะหนีไม่รอดที่จะได้พบเจอกับอนึก น้องชายแทนคุณเข้าจนได้ ทั้งๆที่หลบเลี่ยงได้มาเป็นเวลานานหลายเดือนแล้วก็ตาตาม แต่เด้กหนุ่มก็เหมือนจะรู้ ใช้ความพยายามตามหาเอื้อมดาวจนรู่ว่าอยู่ที่ร้านวิกตอเรียนี่ไม่ได้ย้ายหนีไปไหน ...

ภายใต้แสงนีออนและสปอร์ตไลท์ส่องประกายสีเขียวแดงชมพูเหลือง สะท้อนเข้าตาวาบวาบดูลายตาพราวพร่างวิงเวียนหัวถ้าหากใครเข้ามาที่นี่เป็นครั้งแรก แต่เอื้อมดาวคุ้นชินกับบรรยากาศที่นี่เป็นอย่างดีเพราะอยู่กิน ทำงานและฝากชีวิตกับความหวังทั้งหมดไว้ที่นี่ ...

วันนี้ชุดสีแดงเพลิงประดับด้วยเหลื่อมมุกส่องแสงระยิบระยับจับตาบรรดาแขกที่เป็นชายหลายรุ่น จนถึงกับร้องทักทายเอื้อมดาวว่าที่รักจ๋ากันทั่วทั้งร้าน บ้างก็ป่ายมือดึงแขนหรือพยายามลวนลามด้วยวิธีต่างๆจนหญิงสาวถึงกับรีบเดินจ้ำไปให้ถึงหลังร้านที่เป็นบาร์น้ำให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่พอก้าวขาไปจนเกือบจะถึงที่หมาย เอื้อมดาวกับเซผวาไปตามแรงดึงของแขนแกร่ง จนตัวลอยวืดนั่งแหมบลงอยู่กับคนตัวสูงที่ตีสีหน้าขรึมเคร่งอยู่ในความมืดตามลำพังเพียงคนเดียว ...

“ นั่งลงสิดาว ... เรามีเรื่องจะต้องคุยกันยาว...”

เอื้อมดาวเพ่งมองยังบุรุษร่างสูงเสียงทุ้มมีพลังอำนาจที่นั่งอยู่ด้านข้าง จนเห็นชัดว่าเป็นใครก็ถึงกับผงะหงาย ความทรงจำเก่าๆเวียนรอบมาให้ได้นึกถึงอีกครั้ง หญิงสาวรู้สึกประหลาดใจที่แววตาคนคนนี้ยังอ่อนโยนระริกไหวหยุดความคิดให้เชื่อฟังโดยไม่ต้องทำอะไรเลย ...

“ พี่แทน ...เอ่อ..สบายดีไหมคะ...”

“ พี่สบายดี แล้วดาวล่ะอยู่ที่นี่คงลำบากมากสินะ ..”แทนคุณเอ่ยถามออกมาคล้ายรำพึง ความรู้สึกสงสารผู้หญิงตัวเล็กๆตรงหน้ามีมากมายท่วมท้นเกินที่จะบอกเป็นคำพูดได้ ... แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มสู้พยายามจะเก็บความรู้สึกที่มีข้างในไว้ได้หมด

“ ดาวก็เหมือนกัน อยู่ที่นี่ป้าคองดูแลดีทุกอย่าง ... จนดาวคิดว่าชีวิตนี้คงตอบแทนบุญคุณแกไปไม่หมด..”

“ นี่ถ้านายอนึกติดตามข่าวดาวอย่างต่อเนื่อง ชาตินี้พี่คงไม่มีวาสนาได้เจอเราอีกเลยใช่ไหมดาว ...”

“ ดาวขอโทษที่ทำตัวแย่ๆขนาดนั้น ... หลังจากวันนั้นชีวิตของดาวเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือ จากขาวเป็นดำ มีชีวิตรอดมาได้ในวันนี้ก็นับว่ามีบุญอยู่มากโขแล้วค่ะพี่แทน...”

“ พี่เข้าใจเราดีทุกอย่าง พยายามจะหาทางไถ่ความผิดที่พวกบ้านพี่ทุกคนทำไว้กับดาวซะสาหัสสากรรณ์ขนาดนั้น..”
“ ไม่ต้องทำอะไรยากลำบากขนาดนั้นหรอกพี่แทน ... วันเวลามันก็ผ่านมานานกว่าที่เราจะไปแก้ไขอะไรเหล่านั้นได้ ตอนนี้ดาวเป็นโสเภณี ขายตัวเพื่อแลกกับเศษเงินของคนรวย เป็นกากเดนสังคมที่ใครๆต่างเมินหน้าหนีด้วยความขยะแขยง เป็นดาราในราตรีที่ถูกลืมเลือนเมื่อถึงเวลาที่ปลดระวาง แล้วอย่างนี้พี่แทนยังจะมาเหลียวแลคนไร้ค่าอย่างดาวอีกเหรอค่ะ ...”

คำพูดที่พรั่งพรูออกจากเอื้อมดาวทำเอาแทนคุณถึงกับอึ้งนั่งนิ่งไปครู่ใหญ่ ก่อนจะรวบมือหญิงสาวขึ้นมากุมไว้แน่นแล้วพูดขึ้นมาด้วยท่าทีอ่อนโยนกว่าเมื่อครู่ว่า ..

“ดาวจ๋าดาวของพี่ ฟังพี่พูดให้ดีนะ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเกือบสิบปีพี่ไม่ได้อยู่ที่เมืองไทย พี่เรียนหนังสือที่อังกฤษ หมดหนทางจะตามหาเราเลยให้เจ้าอนึกมันตามหาไปพรางก่อน แต่ก็ไม่ได้ข่าวคราวมาหลายปี จนก่อนที่จะกลับเมืองไทยนายอนึกโทรศัพท์ไปบอกว่าเจอดาวที่ร้านวิกตอเรียนี่แล้ว แต่ไม่ได้คุยกัน ...พี่เลยรีบเร่งกลับมาโคราชทันที ...”

“ดาวขอยืนยัน ...พี่แทนทำแบบนี้ไม่มีประโยชน์อะไร เสียเวลาเปล่าๆ..”

“พี่แค่อยากจะมาทดแทนสิ่งที่บ้านพี่ทำไว้กับดาวเท่านั้น...”

“ไม่มีการทดแทนอะไรหรอกค่ะพี่แทน ทุกอย่างหักลบกลบหนี้กันไปหมดสิ้นแล้ว ทางบ้านพี่เลี้ยงดูดาวมาตั้งแต่อายุสี่ขวบจนมาถึงอายุสิบสี่ ... เวลาสิบปีมันน่าจะเพียงพอที่ดาวจะทดแทนข้าวแกงที่เลี้ยงปากท้องกับที่คุ้มหัวนอนได้นะคะ...”

“ โธ่ดาว ... ทำไมคิดแบบนี้นะ ...”

“ พี่แทนฟังดาวให้ดีอีกครั้งเพราะต่อไปดาวจะไม่พูดเรื่องนี้อีกแล้ว ถือว่าคืนนี้ชัดเจนและก็จบทุกอย่างลงเสียที..”

“ พี่เดาเอาว่าดาวจะให้พี่ไปจากชีวิตดาว เพราะดาวอโหสิให้ทุกคนที่บ้านพี่หมดแล้ว...”

“ ค่ะดาวกำลังจะพูดแบบนั้น ...”

“ พี่คงทำแบบนั้นไม่ได้หรอกดาว ทุกอย่างพี่จัดเตรียมไว้หมดแล้ว รอแต่ดาวจะกลับไปอยู่กับพวกเราเหมือนเมื่อตอนเป็นเด็ก อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งหมด ...” แทนคุณละล่ำละลักบอกหญิงสาวน้ำเสียงเปี่ยมด้วยความหวัง ...

“ ตื่นขึ้นมาเจอกับความจริงเถอะค่ะพี่แทน ... หลังจากคืนวันนั้นดาวสัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าชาตินี้จะเป็นจะตายยังไงจะไม่ขอกลับไปเหยียบบ้านหลังนั้นเด็ดขาด ไม่ว่าดาวจะต้องลำบากทุกข์ยากกว่าคืนนั้นอีกไม่รู้สักกี่เท่า เข้าใจไหมคะพี่แทน..”
“ ตอนนี้พ่อ ... เอ่อ ...แกไม่ได้อยู่ที่บ้านแล้วนะ...”

เอื้อมดาวกลืนน้ำลายลงไปในคออย่างยากเย็น ... เมื่อนึกถึงภาพใบหน้าอวบอูมของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อ พยายามซุกไซร์ลำคอ จนน้ำลายราดรดแปดเปื้อนน่าสะอิดสะเอียนชวนขย้อนอ้วก ชีวิตที่เหมือนใกล้ตาย เวียนย้อนความทรงจำอันร้ายกาจในวันนั้นหวนคืนกลับมาตอกย้ำอีกรอบ ก่อนจะเอ่ยถามไปคล้ายเสียงกระซิบว่า ...

“ ท่านเป็นยังไงบ้าง ...”

“ ตอนนี้พ่อไปรักษาตัวที่ฝรั่งเศสกับคนอื่นที่ไม่ใช่แม่ ...”

“ ดาวไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว ดีใจที่พี่แทนยังสบายดี เหมือนเดิมทุกอย่าง ... เพียงแต่เราสองคนไม่น่าจะมาเจอกันอีก เรื่องราวในชีวิต มันจบไปแล้ว ทุกวันนี้ ดาวยังดิ้นรนใช้เหงื่อต่างน้ำแลกข้าวกินที่นี่ ส่วนพี่ยังมีอนาคตที่ดี สังคมที่ดีรอคอยอยู่.. ซึ่งไม่ใช่ที่อโคจรแห่งนี้เลย ...”

“ ดาว ดาวไปอยู่กับพี่นะ ..ไปให้พ้นซ่องบ้าๆนี่ พี่จะดูแลดาวอย่างดีเอง ดาวไม่ต้องทำงานแบบนี้อีกแล้ว .. ”

“ พี่แทนพูดออกมาแบบนี้ได้ไง พี่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวดาวบ้าง ...”

“ ถึงพี่จะไม่รู้อะไรมาก แต่พี่รับปากว่าจะพาดาวไปพบชีวิตที่ดีกว่านี้ พบอนาคตสดใส พลแสงสว่างที่ปลายทางร่วมกัน สุดท้ายพี่จะแต่งงานกับดาว ..”

“ เพื่ออะไรค่ะพี่แทน ทำแบบนี้เพื่ออะไรกัน ...”

“ ทดแทนในสิ่งที่ดาวเสียไปตอนเด็กๆไงล่ะ ..”

“ ดาวบอกแล้วว่ามันไม่มีประโยชน์ที่พี่จะทำแบบนี้ ยังไงๆดาวก็ไม่ไปกับพี่แน่นอน เพราะถ้าดาวไปใครจะอยู่ดูแลป้าใบกับป้าเจียก ทั้งสองมีพระคุณกับดาว จนชีวิตนี้ไม่รู้จะตอบแทนยังไงได้หมด ...” ถ้อยคำน้ำเสียงของดาวทอดเบาจนคล้ายคนละเมอ บอกความรู้สึกออกมาตรงๆว่าเศร้าแค่ไหนที่ชีวิตผ่านมาบัดซบเกินกว่าจะยอมรับได้ ...

“ พี่ขอโทษที่ลืมถามเรื่องนี้เราไป ... ดาวจ๋าดาว พี่ขอร้องเถอะไปกับพี่ตอนนี้เลยนะ อย่าอยู่ที่แบบนี้อกเลย..”

“ พี่แทนคะ ..ที่นี่ให้ข้าวให้น้ำ ให้โอกาส ให้ลมหายใจกับดาวทุกอย่าง พี่พูดให้ตายดาวคงทิ้งไปไม่ได้ ... ยกเว้น..”

“ ยกเว้นอะไรดาว..”

“ ยกเว้น ...เมื่อมันถึงเวลาของมัน...”

“ งั้นก็แสดงว่าดาวมีความคิดที่จะไปจากที่นี่เหมือนกัน ...”

“ ค่ะพี่แทน อย่างที่บอก ทุกอย่างเมื่อถึงเวลาของมันก็ต้องเป็นไปตามนั้น ... ว่าแต่คืนนี้พี่กลับไปก่อน วันหลังเราค่อยคุยกันอีกครั้ง ตอนนี้ดาวจะทำงานเพื่อปากท้องของดาวมั่ง ...”

เอื้อมดาวค่อยหดมือที่ถูกกุมแล้วลุกขึ้นเดินตรงไปยังเคาท์เตอร์คิวที่มีนางประคอง หน้ามุ่ยจ้องมองมาพร้อมคำถาม

“ นั่นใครน่ะนังดาว ...”

“ เป็น ...เอ่อ..เป็นคนรู้จักกันน่ะป้า ไม่มีอะไรหรอก...”

“ ให้มันจริงเถ้อะแม่คุณ เห็นทำหยิ่งมาตั้งนาน ทีพ่อหน่มรูปหล่อคนนี้ลากเข้าซองเท่านั้นแหละนั่งนิ่งเป็นหอยเชียวนะแก ไป ไป ทำงานได้แล้ว นี่เสี่ยวรัณรอแกอยู่ในห้องวีไอพี 2 อย่าลืมเคาะประตูก่อนล่ะ...”

พอหญิงสาวเดินพ้นไป หญิงชราผมสีดอกเลาเอียงตัวชะโงกดูชายหนุ่มหน้าตาดี สูงล่ำกว่าหนุ่มไทยปกติ แถมมาดและบุคลิกน่าจดจำตั้งแต่แวบแรกที่มองเห็น ว่ายังคงอยู่ที่เดิมหรือไม่ จนเห็นว่าไม่มีใครอยู่บริเวณนั้น ค่อยคลายใจโล่งใจลงไป ที่ดู ๆ ลาดเลาหนุ่มหน้ามนคนนี้ก็เพราะเห็นว่าเอื้อมดาวมีเดินเซ สีหน้าซีดเผือด เหมือนตกใจกับชายหนุ่มที่พบมา จนน่าสงสัย ...

นางลำเจียกสะกิดเรียกเด็กหนุ่มท่าทางกระตุ้งกระติ้งกำลังเดินผ่านแล้วถามว่า ...

“ หนุ่มรูปหล่อที่ฉันสั่งให้จับตามองคนนั้นกลับไปหรือยังไอ้เปี๊ยก..”

“ บึ่งรถออกไปเมื่อครู่แล้วจ๊ะป้า ... แต่ท่าทางหงุดหงิดน่าดู สงสัยจะต้องกลับมาที่นี่อีก..”

“ เออ ... รู้เรื่องชาวบ้านดีเหลือเกินนะแก เอาตัวให้รอดก่อนเหอะ..”

“ อ้าวป้าจ๋า ...ก็เพราะป้าบอกให้ผมไปดักดูคนหล่อคนนี้ทุกฝีก้าวที่อยู่ในร้านไม่ใช่เหรอ ลืมไปแล้วหรือไงเนอะ...”

“ โอ๊ย ...ไอ้เด็กเวร กูไม่ได้หมายความว่ายังนั้น ...”

“ แล้วอะไรล่ะป้า ...” เปี๊ยกหรือปานชนกของบรรดาแขกประจำในร้านที่ชอบลองของแปลกขมวดคิ้วถามนางลำเจียกอย่างสงสัยแกมสับสนในคำสั่ง ที่ตกลงจะให้ทำอะไรกันแน่ระหว่างไปนั่งเฝ้าชายหนุ่มร่างสูงใหญ่หน้าตาคมเข้มกับทำงานตามที่แขกขาประจำร้องเรียกอยู่หลายโต๊ะ ...

“ ปะ เปล่าโว้ย มึงจะไปไหนก็ไปเหอะกูรำคาญมึงเต็มทนแล้ว นังไส้เดือน..”

เด็กหนุ่มกึ่งสาวเดินสะบัดสะบิ้งออกไป ทิ้งให้หญิงชราถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ สายตาจ้องมองยังสาวน้อยร่างบอบบางระหงที่ยืนคุยกับแขกขาประจำกลุ่มใหญ่อย่างออกรส โดยไม่ได้มีทีท่าว่าผ่านเรื่องราวที่ลำบากใจเมื่อสักครู่ใหญ่แต่อย่างใด สงสัยคงจะทำใจได้แล้ว นางลำเจียกจึงหันกลับมาสนใจตัวเลขในบิลอาหารแทนเมื่อเห็นว่ามีกองอยู่หลายใบแล้ว ...

ส่วนแทนคุณ เมื่อออกจากร้านด้วยอารมณ์หงุดหงิดที่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่วางแผนเอาไว้ว่าจะพาตัวเอื้อมดาวมาอยู่ที่บ้านซื้อใหม่แถบนอกเมืองด้วยกัน เพื่อไถ่ถอนความผิดมหันต์ที่ทำไว้เมื่อครั้งผ่านมา แต่ทว่าหญิงสาวกลับใจแข็งเกินกว่าจะตอบรับไมตรีที่มอบให้ หนำซ้ำยังปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใย ชายหนุ่มคิดว่าเอื้อมดาวหยิ่งทระนงในศักดิ์ศรีมากเกินไป ...

พอมาถึงคฤหาสน์หลังโตชายหนุ่มรีบจอดรถเข้าที่จอดแล้วรีบเดินตรงไปยังห้องรับแขกทันที จนพบว่าอนึกกำลังนั่งดูคอนเสริต์ศิลปินดังทางเคเบิ้ลทีวีอย่างมีสมาธิตั้งมั่น ไม่ได้รับรู้ว่าคนตัวสูงได้ทรุดตัวลงนั่งอยู่ข้างๆตั้งแต่เมื่อไหร่ ...

“ อ้าวพี่แทน ...มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ ... คืนนี้ไม่มีใครอยู่หรอกนะพี่ พ่อกับแม่ ยัยนนนี่ไปดูละครการกุศลกันหมดบ้าน เหลือผมนั่งเฝ้าสมบัติที่นี่คนเดียวแหละพี่ ...”

“ นึกรู้ไหมว่าพี่ไปไหนมา ...”

“ ทำไมผมจะไม่รู้ก็พี่บอกก่อนจะออกจากบ้านไปไม่ใช้เหรอ... เป็นไงพี่ดาวสวยขึ้นมากใช่ไหมล่ะ ..”

“ อ้าวเหรอ ... พี่ถามเอ็งก่อนไปนี่หว่า ...”

“ เอ๋อไปเลยพี่เรา ดาวสวยจนคนตะลึงมาแล้วหนึ่งคน พี่อยากรู้ไหมว่าใคร ...” อนึกวางรีโหมดคอนโทลลงข้างตัวแล้วหันมาสนทนาจริงๆจังๆ แต่พอเห็นสีหน้าเป็นกังวลของผุ้เป็นพี่ชาย แววขี้เล่นของเด็กหนุ่มหดหายไปในทันที ...

“ ก็ไอ้ว่าน เพื่อนสนิทผมที่ที่ไปเฝ้ายัยดาวอยู่หลายคืนนั่นไงครับ...”

“ ว่านติดใจดาวหรือไงนายนึก...”

“ ช่ายพี่แทน ... มันเจอครั้งแรกก็เพ้อละเมอหาทุกคืนวัน จนผมงี้เบื่อและเอียนคำพูดพรรณนาถึงดาวเต็มทีแล้ว...”

“ แต่ดาวก็สวยขึ้นจริงๆแหละนึก ไม่เหมือนตอนเป็นเด็กกะโปโลสมัยอยู่บ้านเรา ตอนนั้นยังไม่เป็นโล้เป็นพาย ชอบขี้แยร้องไห้ขี้มูกโป่งเป็นประจำ นายเองไม่ใช่เหรอที่ชอบแกล้งเค้าเป็นประจำ พอสู้แรงนายไม่ได้ดาวจะมาซึกอยู่หลังพี่แทบทุกครั้ง พี่ยังจำวันที่เขาร้องไห้เพราะยัยนนนี่กับนายผลักเขาชนกระถางแล้วหัวเข่าแตกได้ดี ยังจำได้ไหม...”

“ โธ่ พี่แทนทำไมนึกจะจำไม่ได้ ก็เพราะเรื่องวันนั้นแหละที่นึกต้องตามไปเฝ้าดูชีวิตเขามาเกือบห้าปีน่ะ...”

“ เขาน่าสงสารมาก พี่พยายามแล้วที่จะพามาอยู่กับเราที่นี่ แต่ดาวไม่ยอม...”

“ พี่แทนหนอพี่แทน เรียนเมืองนอกเมืองนามาก็หลายปี อยู่ที่นั่นไม่มีแฟนเลยสิท่า ถึงไม่เข้าใจผู้หญิงเอาซะเลย..”

“ ทำไม มีอะไรเหรอวะนึก การมีแฟนไม่มีแฟนมันเกี่ยวข้องกับการช่วยดาวให้พ้นจากบาร์วิกตอเรียยังไง...”

“ ไปซะแล้วพี่เรา ...เฮ้อกลุ้ม คือยังงี้พี่ ผมหมายถึงว่าพี่แทนยังไม่เข้าใจถึงความรู้สึกของผู้หญิงอย่างแท้จริงน่ะสิ ”

“ ทำไมมันซับซ้อนขนาดนี้วะนายนึก...” แทนคุณเกาหัวแกรกๆไม่เข้าใจเรื่องที่น้องชายกำลังจะเล่า จึงนิ่งฟังต่อไปว่า

“ เอ้าผมจะอธิบายง่ายๆ ถ้าพี่แทนเป็นตัวดาวพี่จะรู้สึกอย่างไงถ้าพี่จะต้องกลับมาอยู่บ้านหลังเดียวกับคนที่ตนเองยิง เพราะถูกข่มขืน ... แถมอนาคตยังไม่แน่นอนว่าจะทำอะไรได้นอกจากงานที่เคยทำทำมาตั้งแต่เด็ก...”

“ มันก็จริงนะ ..พี่ลืมคิดไป ดาวเค้าคงยังเสียใจเรื่องเก่าๆ...”

“ ไม่เสียใจธรรมดานะพี่ โคตรจำจนตายเลยล่ะ...”

“ งั้นพี่ควรจะทำยังไงอนึก ... คืนนี้พี่ก็พยายามชักจูงให้เขามาอยู่ด้วยกัน ถึงไม่ใช่บ้านที่นี่ แต่เป็นอีกหลังที่พี่ซื้อไว้แถบนอกเมือง เขาไม่ยอมไปอยู่ที่นั่นท่าเดียว ไม่ว่าจะหว่านล้อม ชักจูงยังไงก็ตาม ...”

“ พี่พูดให้ตายดาวก็ไม่มาหรอก คนเราเจ็บแล้วจำ ยิ่งบ้านเราทำเขาซะขนาดนั้น เป็นผมจะหนีไปให้สุดโลกเลย ...”

“ เฮ้ยนึก ... พี่คิดอยู่เหมือนกันว่าถ้าไปพบคราวหน้า เธออาจจะหนีไปอยู่ที่อื่นอีก ...”

“ มันเป็นไปได้เลยทีเดียว ผมไปเฝ้าดาวมาหลายที่ กว่าจะเจอแต่ละที่ก็เล่นเอาเหนื่อยแทบแย่ ดีนะที่ไอ้ว่านมีพ่อเป็นเถ้าแก่ ช่วยตามหาดาวให้ทุกครั้ง ... ผมว่าพี่แทนไปหาดาวพรุ่งนี้อีกครั้ง แล้วคุยให้รู้เรื่องก่อนที่เธอจะหนีไปจากบาร์วิกตอเรียอีก คราวนี้ผมคงช่วยพี่ไว้ไม่ได้แล้ว ... มหาวิทยาลัยของผมใกล้เปิดแล้ว พี่คงรู้...”

“ เออ ... พรุ่งนี้พี่จะลองไปหาเขาอีกครั้ง ตั้งแต่เช้าเลย ...”

“ ดีแล้วครับพี่แทน ... ผมขอภาวนาให้พี่เจอเธอไวๆ เรื่องจะได้จบแบบแฮปปี้เอนดิ้งซะที ...”

“ ขอบใจวะนึก พี่ขึ้นไปอาบน้ำนะ เหม็นกลิ่นบุหรี่เต็มทีแล้ว...”

“ ครับพี่ ตามสบาย ...”

พอแทนคุณคล้อยหลังไปอนึกหันมาสนใจคอนเสริต์ศิลปินดังทางเคเบิ้ลทีวีต่อไป กระทั่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นข้างตัวหลายครั้ง จึงค่อยเอื้อมมือไปกดรับสาย จนรู้ว่าปลายสายคือนางสุนีย์ ผู้เป็นแม่ ...

“ นายนึกพี่แกอยู่ที่นั่นหรือเปล่า ตามมารับสายหน่อยซิ บอกว่าแม่มีธุระด่วนมากจะคุยด้วย ...”

“ พี่แทนขึ้นข้างบนแล้วฮะแม่ มีอะไรด่วนหรือเปล่า...”

“ ฉันร้อนใจ อยากจะถามนายคุณให้รู้เรื่องรู้ราวไปเลย ดีกว่าฟังจากคนอื่นมาเล่า มันไม่สบายใจพิกล ...”

“ แล้วแม่ไปฟังเรื่องอะไรมาล่ะ บอกนึกมาก็ได้ พี่แทนกับนึกรู้กันทุกเรื่อง...”

“ มันก็แหงสิยะ ก็ไม่ใช่เพราะแกหรอกเหรอที่ไปสะระแนตามหานังดาวมันจากขุมนรกไหนก็ไม่รู้ เรื่องถึงวุ่นวายอยู่นี่ไง แกรู้อะไรพรรณนี้หรือเปล่านายนึก ...” นางสุนีย์แค่นเสียงขึ้นจมูกเยาะเย้ยถากถางอยู่ปลายสาย จนอนึกถึงกับยกหูออกห่างทันที ก่อนจะเถียงกลับไปว่า ...

“ ดาว ... ดาวไหนแม่ ผมไม่เห็นรู้จัก ... ”

“ ฉันเพิ่งดูละครเวทีจบ แกไม่ต้องมาแสดงอะไรตบตาชั้นหรอกนายนึก เคยบอกตั้งหลายครั้งแล้วใช่ไหมว่าเรื่องนังดาวแกอย่าพยายามทำอะไรที่ไม่เข้าท่าอย่างเดิมอีกเด็ดขาด จำใส่กะโหลกขี้เลื่อยของแกได้ใช่ไหม...”

“ ครับ ครับแม่ ...นึกจำได้ดีเสมอ...”

“ จำได้กะผีอะไร แกไม่ใช่เหรอที่ไปที่ร้านคาราโอเกะนั่นทุกวัน ก่อนที่นายแทนจะมาเมืองไทยเสียอีก..”

“ โธ่แม่ ..นึกก็แค่ไปเที่ยวตามประสาวัยรุ่น แค่นั้น ...ไม่มีอะไรเลย...”

“ ไม่ต้องมาแก้ตัว ฉันรู้เรื่องที่แกไปเฝ้านังนั่นทุกวันหมดแล้ว และเมื่อกี้เพื่อนโทรมาบอกว่าเห็นนายแทนที่นั่นอีกคน ฉันล่ะอยากจะตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด มีลูกชายกับเขาสองคน ไม่ได้เรื่องเลยสักคน ... ยังดีที่ยายนนนี่มาช่วยเป็นหน้าเป็นตาให้ไม่อับอายขายหน้าชาวบ้านเขาบ้าง ...”

“ อะไรกันแม่ ... มาลงที่นึกหมดได้ไง เนื้อไม่ได้กินหนังไม่ได้รองนั่ง เอากระดูกมาแขวนคอแท้ๆ...”

“ ไม่ต้องมาสำบัดสำนวน ไปตามพี่มารับโทรศัพท์แม่เดี๋ยวนี้...”

“ รอประเดี๋ยวนะฮะแม่ ผมจะลองไปตามพี่แทนให้ แต่ไม่รับประกันนะ...”

“ เออ ... เออเร็วเข้า..”

อนึกแกล้งวางสายอย่างรวดเร็วแล้ววิ่งขึ้นไปชั้นบน บิดลูกบิดเข้าไปในห้องนอนหรูของพี่ชายพบว่าแทนคุณกำลังอาบน้ำชำระร่างกายข้างในอย่างมีความสุข จึงร้องเรียกถามไปว่า ...

“ พี่แทน พี่แทนโทรศัพท์แม่แนะ จะรับเลยมั้ยพี่ ...”

“ อะไรนะนึก พี่กำลังอาบน้ำอยู่ ประเดี๋ยวได้มั้ย...”

“ ช้าไม่ได้แล้วพี่แทน แม่กำลังโมโหดเรื่องพี่ไปวิกตอเรีย...”

“ งั้นรอแป๊บนึง พี่จะออกไปแล้ว...”

อนึกมองตามรูปร่างสมส่วนของพี่ชายคนสนิทที่เดินไปมาพร้อมกับดึงชายเสื้อสแล็คสีขาวบางเบาสำหรับใส่นอนลงปิดความเรียบร้อย ความจริงถ้าหากใครมองแทนคุณจากรูปลักษณ์ภายนอกจะเห็นว่าเขาเป็นหนุ่มนักวิชาการ มาดสุขุม ในหัวสมองบรรจุแน่นไปด้วยองค์ความรู้และปรัชญาระดับด็อกเตอร์ดีกรียอดเยี่ยมจากอังกฤษ สุภาพเรียบร้อยเป็นที่รักของทุกคนที่อยู่รายรอบตัว แต่ลึกๆแล้วพี่ชายคนนี้เป็นคนเก็บตัว ไม่นิยมคบหามิตรมากมาย ... แม้แต่หญิงสาวที่จะเข้ามาเป็นคู่ชีวิต ชายหนุ่มได้คัดกรองเป็นอย่างมาก จนแทบจะไม่มีใครได้ย่างกรายเข้ามาในชีวิตได้เลย จะมีก็แค่ฉวีพักตร์ ธาราภิรมย์บุตรสาวรัฐมนตรีคนดังคนนั้นที่ยังเทียวไล้เทียวขื่อบ้านวิมังคลารัตน์ หัวกระใดบ้านแทบสึก ....

แต่แทนคุณ หาได้สนใจในตัวหญิงสาวไม่ กลับทำตรงกันข้ามกับสิ่งที่ฉวีพักตร์พยายามอย่างที่สุดนั่นก็คือหลบหนีหน้า แล้วมุทำแต่งานอย่างหามรุ่งหามค่ำ จะมีเวลาว่างเป็นของตนเองก็เพียงออกไปธุระตอนค่ำเท่านั้น ... นี่เป็นแค่เพียงเหตุผลเล็กน้อยเท่านั้นที่ทำให้แทนคุณต้องฝืนทนคบหากับฉวีพักตร์ เพราะนางสุนีย์ มารดาหวังไปไกลในเรื่องการงาน ลาภยศและเงินทองของอีกฝ่ายที่มีมากจนใช่ทั้งชาติก็ไม่มีวันหมด ...

“ ฮัลโหลว่าไงครับแม่ มีอะไรจะคุยกับแทน...”

“ ทำไมมารับโทรศัพท์ช้านักหือแทน แม่รอเกือบสิบนาทีแนะ...”

“ อาบน้ำอยู่ แต่ก็รู้แล้วนายนึกขึ้นไปตามที่ห้อง...”

“ งั้นแล้วไป ... แม่อยากจะถามเราเรื่องที่ไปร้านคาราโอเกะข้างถนนวิกตอรง วิกตอเรียอะไรนั่นน่ะเป็นมายังไง เล่ามาให้หมดนะนายแทน ... อย่าทำอะไรที่ไม่รู้ล่ะ ...”

“ โธ่...นึกว่าเรื่องอะไร ที่แท้ก็เรื่องนี้เอง ก็ไม่เห็นมีอะไรนี่แม่ ผมแค่ไปหาดาว ไถ่ถามทุกข์สุขดิบกันธรรมดาเท่านั้น เอง ... ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนหรือปิดบังใคร ..”

“ ขอให้มันจริงอย่างนั้นเถอะยะพ่อคุณ ฉันกลัวจะมากกว่านั้นนะสิ...”

“ อย่าคิดมากไปเลยนะแม่ แทนก็อยู่บ้านทุกวัน ไม่ได้เถลไถลไปไหนซักหน่อย ไม่เชื่อถามนายนึกหรือยัยนนนี่ก็ได้..”

“ ถามนายนึก ... เฮอะ ... มันคงบอกความจริงแม่หรอก ”

“ เอางี้ครับแม่ ไว้รอให้แม่กลับมาบ้านก่อน แทนจะเล่าให้ฟังย่างละเอียด ตอนนี้ดึกมากแล้ว ...”

“ ได้เดี๋ยวอีกสักห้านาที แม่จะไปถึงรออยู่ก่อนนะอย่าเพิ่งนอน ...”

“ ครับแม่ ... แทนจะดูทีวีรอไปเรื่อยๆ งั้นแค่นี้นะครับ...”

“ เออ ... เออ ...”

แทนคุณวางสายอย่างเบามือ แล้วเดินไปนั่งโซฟาหนานุ่มตรงข้ามกับอนึกที่กำลังอ่านนิตยสารรถแข่งหัวนอก ก่อนจะวางลงข้างตัวเงยหน้าขึ้นมามองผู้เป็นพี่ที่มีสีหน้าครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ....

“ แม่ว่าไงพี่แทน ...ถ้าให้นึกเดา คงให้พี่อยู่รอกลับมาใช่ไหม...”

“ ก็ทำนองนั้น ... แต่พี่กำลังคิดว่าจะทำไงดีที่ไม่เจอหน้าแม่กับยัยนนนี่ ขี้เกียจตอบคำถามว่ะนึก..”
“ งั้นไม่ยาก..แค่พี่แทนไปคอนโดตอนนี้เอง ที่เหลือนึกรับหน้าตลอดรายการได้พี่...”

“ เออ... มีความคิดดี นี่ ... งั้นพี่ออกไปเลยดีกว่า ... เคลียร์ดีๆนะน้องรัก ...”

“ ได้เลยพี่ ... ถ้าเป็นแม่กับยัยนนนี่ ต้องเจอผมเท่าน้น .. คนออื่นอย่างพี่แทนเถียงไม่ทันหรอก ...”

“ โอเค ...พี่ออกไปเลยนะนึก…ฝากด้วย อย่าเบรกแม่กับนนนี่แรงกินไปล่ะ...”

“ ไปเลยพี่ไม่ต้องห่วง ผมนั่งรอดูบอลด้วย ประเดี๋ยวแม่ก็คงมา..”

แทนคุณพยักหน้าแล้วเดินขึ้นไปชั้นบนเพื่อเก็บของส่วนตัวบางอย่าง ก่อนจะเดินลงมาจากห้องแล้วบึ่งรถสปอร์ตสีดำคันหรูออกจากบ้านไปในทันทีที่หัวใจเรียกร้องหาใครสักคน ...

-------------------------------------------

จบบทนำ กับตอนที่ ๑ แล้ว ... ขอบพระคุณที่ทนอ่าน อิอิ อย่าลืมติดตามตอนที่ 2 นะครับผม ... ผมเปิดรับคำติ-ชม เพื่อนๆทุกท่านนะครับผม ... ขอบคุณอีกครั้งครับ ...



Create Date : 23 มีนาคม 2552
Last Update : 22 พฤษภาคม 2552 13:17:27 น. 3 comments
Counter : 944 Pageviews.

 
สนุกดีค่าพี่อิส แต่ดูท่าจะรันทดนะเนี่ย จะรอตอนต่อไปนะฮับ


โดย: Kitsunegari วันที่: 28 เมษายน 2552 เวลา:17:01:40 น.  

 
ขอบคุงก๊าบน้องกิ๊บคนสวย ... ไม่เศร้าหรอกจ๊ะ หนุก หนุก แฮปปี้เอนดิ้ง ..


โดย: เมฆชารา IP: 118.175.46.3 วันที่: 1 พฤษภาคม 2552 เวลา:14:21:52 น.  

 
คนอ่านมานั่งรอตอนต่อไปแว้วค่า ถ้านานจะเรียกชามะนาวมาซดรอ แล้วให้เช็คบิลกะเจ้าของบล็อกนะเออ อิอิ

ป.ล. ช่วงนี้พิมพ์ผิดบ่อยนะฮับเฮีย


โดย: Kitsunegari วันที่: 12 พฤษภาคม 2552 เวลา:13:42:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เมฆชรา
Location :
นครราชสีมา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




เข้าสู่ปีที่ 8
Friends' blogs
[Add เมฆชรา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.