จินตนาการสำคัญกว่าความรู้
Group Blog
 
<<
กันยายน 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
6 กันยายน 2553
 
All Blogs
 
กาหรือหงส์ ตอน ๔๑

กาหรือหงส์ ตอน ๔๑




“ อิสรากลับมาหรือยังคุณอุ่น…ถ้ามาแล้วให้ไปพบผมในห้อง ห้ามใครรบกวนถ้าไม่ได้เรียก..”

“ ยังไม่กลับมาค่ะ คิดว่าคงสักประเดี๋ยวคงมาถึง กำชับไปแล้วว่าอย่ากลับค่ำ..”

“ อ้อ ..คุณรู้เห็นกับชายอิสด้วยหรือนี่ คุณรู้มั้ยว่าตอนสาย ๆ ฟ้าเมฆาแทบแตก หญิงพิลาสกับวันวิสาหาเจ้าของวันเกิดไม่พบ พาลมาหาว่าฉันเอาชายอิสไปซ่อน ไร้สาระอะไรไปโน้น ที่แท้คุณก็รู้เห็นกับลูก..”

“ ฟังอิฉันอธิบายหน่อยสิคะคุณ เมื่อวานตอนเกือบเที่ยงคืนชายอิสมาหาที่ห้องนอนด้วยใบหน้าที่หมองเศร้ากลุ้มใจ อยากจะขอทำอะไรสักอย่างในวันพิเศษพรุ่งนี้ ซึ่งก็ไม่ทราบว่าจะไปทำอะไร ... อิฉันจึงตอบตกลงอนุญาตกับลูกไปด้วยความสงสาร ก่อนจะกำชับให้กลับก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ... ต้องกราบขอโทษด้วยถ้าการตัดสินใจของดิฉันเป็นการตัดสินใจที่ผิด”

น้ำเสียงและสีหน้าของคุณอุ่นเรือนบอกอาการงอนเง้าแกมประชดประชันผู้เป็นสามี จนหม่อมเจ้าปกรณ์เทวาที่อารมณ์ขุ่น ๆ ต้องเด้งอารมณ์ให้กลับมาสู่ปกติโดยเร็วพลัน ...

“ ผมไม่ได้ตำหนิคุณนะอุ่นเรือน เวลานี้เราต้องเข้าใจกันไม่ใช่ทะเลาะกัน”

“ ค่ะข้อนั้นดิฉันรู้ดี แต่ที่ฝืนคำสั่งตามที่ตกลงกันไว้ก็เพราะสงสารลูก อยากจะให้เขามีความสุขอีกสักครั้ง ... ไม่รู้ว่าจะได้มีโอกาสอย่างนี้ในวันข้างหน้าอีกหรือเปล่า อีฉันสงสารชายอิสจริง ๆ ”

“ เรื่องอย่างนี้มันต้องทำใจ กันทุกฝ่าย พรุ่งนี้อิสราจะออกเดินทางแล้ว เราสองคนเป็นพ่อแม่ต้องวางตัวเป็นกลางไม่เอนเอียงไปข้างหนึ่งข้างใด และที่สำคัญต้องคิดเสียว่าเขาทั้งสองคนไม่ใช่เนื้อคู่กัน มาพบ มารักกัน ... เพื่อจากกันเท่านั้น”

ท่านชายปกรณ์เทวาเอ่ยสุรเสียงออกมากด้วยความสั่นพริ้ว ใจหวิวหายแน่นอยู่ในอกเมื่อนึกถึงวันพรุ่งนี้เช้าที่จะมาถึงอย่างทรมานใจ .... คุณอุ่นเรือนยังคงยืนนิ่งฟังเหมือนรูปปั้นที่ไม่มีชีวิต ก่อนจะเอ่ยถ้อยมธุรสด้วยความรันทดใจว่า ...

“ ทั้งมะยมและอิสราคงไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้…ดิฉันขออนุญาตเข้าไปดูคนงานในไร่ตอนที่ส่งอิสราขึ้นรถนะคะ”

“ ตามใจคุณสิคุณเรือน ... อิสราคงจะเข้าไปหาคุณหลังจากพบผมแน่ ๆ พยายามพูดปลอบใจให้เขาหายโศกไว้บ้างก็ดีนะ ... ผมคงทำหน้าที่พ่อที่แย่เต็มทนนะคุณอุ่น ไม่สามารถทำเรื่องที่ใหญ่โตให้ลุล่วงไปได้ จนต้องให้ลูกชายเข้ามาช่วยกูเสถานการณ์เช่นนี้ ... น่าละอายจริง ๆ ”

“ ไม่หรอกค่ะ ท่านชายทำดีที่สุดแล้ว ...ทุกอย่างมันเป็นไปตามวัฎจักรของมัน อิฉันเชื่อว่าถ้าเขาทั้งสองเป็นเนื้อคู่กัน วันใดวันหนึ่งข้างหน้าก็ต้องได้อยู่ด้วยกัน ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพไหนก็ตาม ..”

“ ขอบใจที่คุณเข้าใจนะคุณอุ่น ก็หวังว่าคงจะเป็นเช่นนั้น ... ฟ้าดินคงให้คนสองคนได้อยู่ด้วยกัน หลังจากรักใคร่กันมานาน ถ้าสวรรค์มีตา..”

“ ค่ะ ...ไม่เป็นไรอิฉันเข้าใจ...”

คุณอุ่นเรือนเดินจากไปพร้อมกับซับน้ำตาที่ไหลอาบใบหน้านวลสวย ท่านชายปกรณ์เทวาทรุดนั่งลงไปบนเก้าอี้นุ่มอย่างอ่อนแรง อ่อนล้ากับเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเต็มทีจนกระทั่งมีเสียงฝีเท้าเดินหยุดตรงมุมประตูห้องหนังสือ พร้อมกับทรุดตัวลงนั่งที่ตรงนั่น ...

“ คุณชายอิสรากำลังจะขึ้นมาจากข้างล่างแล้วครับท่านชาย ..”

หม่อมเจ้าปกรณ์เทวาผงกตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้นุ่มอย่างรวดเร็ว หันเก้าอี้ตั้งตรง หยัดกายาให้ผินไปทางประตูเตรียมจะตรัสเรื่องสำคัญที่สุดให้บุตรชายคนเดียวฟังอย่างตั้งพระทัย ...

กระทั่งร่างสูงใหญ่ของผู้ที่ถูกพาดพิงก้าวเข้ามาถึงประตูหน้าห้อง ทำความเคารพแล้วเดินตรงเข้ามานั่งบนเก้าอี้ตรงกันข้ามเอ่ยถามผู้เป็นบิดาด้วยสีหน้าเริงร่ามีความสุข จากการมองแสงกระทบหน่วยตาทั้งสอง ที่ตอนนี้มันกระพริบวิบวับ คล้ายคนอิ่มความสุขเต็มแปล้ภายในหัวใจ ...

“ ท่านพ่อมีอะไรจะบอกผมหรือครับ ...”

หม่อมเจ้าปกรณ์เทวาทอดสายตามองบุตรชายอันเป็นที่รักด้วยแววตาครุ่นคิด ตรึกตรองมาแล้วอย่างหนัก ก่อนจะเอ่ยวาจาประกาศิตออกไป ....

------------------------

เช้าวันนี้เป็นวันแรกของการปิดภาคเรียนแรกของโรงเรียนมัธยมท่าวังหิน สาวน้อยบ้านนายังคงตื่นตั้งแต่ไก่โห่ ทำภารกิจประจำวันอย่างคล่องแคล่วปกติ แต่ที่พิเศษหน่อยก็ตรงที่วันนี้อารมณ์ดีเป็นพิเศษกว่าทุกถึงกับร้องรำฮัมเพลง เดินถือกับข้าวกับปลา ดอกไม้และน้ำเปล่าขวดจิ๋วที่จัดเตรียมจะใส่บาตรพระ ตรงลิ่วไปยังลานหน้าบ้านพร้อมกับเสียงเห่าบ๊อก ๆ ของเจ้าแสนดี จอมซน ...

เช้าวันนี้พระสงฆ์เดินผ่านมาไม่ครบองค์ตามจำนวนที่ได้ใส่ในทุกวัน พอทุกอย่างเสร็จตามประสงค์มะยมส่ายตามองหาเจ้าแสนดีที่วิ่งลับหายไปกับโค้งถนนข้างหน้าตั้งนานสองนาน ก่อนจะวางกลับมาพร้อมกับรถเบนซ์สปอร์ตคันเดิมคุ้นตา ที่ขณะนี้กำลังจะมาจอดเทียบตรงหน้าด้วยความละมุนละม่อมมีมารยาทของคนขับ พอชะโงกหน้าข้ามไปดูที่คนขับก็มองเห็นว่าอิสรากำลังนิ่งนิ่ง ๆ หลับตา คล้ายคนกำลังหลับสบาย ๆ

จึงเดินค่อย ๆ ย่องตรงไปที่นั่นทันทีด้วยความหมั่นใส้เล็ก ๆ โทษฐานที่เก็กหล่อในรถหรูเกินเหตุ ...

“ จ๊ะเอ๋ ...ผีตาโขนมาแล้วจ้า... แบ๋ ๆ ๆ ...”

... ทุกอย่างผิดคาดคนตัวสูงใหญ่กลับนั่งนิ่ง ๆ ไม่กระดุกกระดิกรับรู้มุกหยอกล้อของคนทัก แต่อย่างใดเลย มะยมรู้สึกหน้าเสียที่หยอดมุกไปแล้วเป็นมุกแป้ก ขนาดเบ้อเร่อ ...

จึงแกล้งเอามือจี๋ที่เอวของคนขี้เก้กไปอีกครั้ง ...

... ทุกอย่างก็ยังคงเงียบไปเช่นเดิม มะยมเริ่มใจไม่ดีที่มองเห็นหยดน้ำตาเริ่มไหลรินเป็นหยดไหลเป็นทางหล่นมาถูกแขนตัวเอง จึงกระชากมือกลับทันที แต่ก็ช้าไปเสียแล้ว เมื่อคนร่างสูงดึงมือนิ่มเอาไว้ พร้อมกับลืมตาที่เปียกปอน ไหลหลั่ง จ้องเขม็งมายังคนหยอกล้ออารมณ์ดีอย่างเต็มที่ ....

“ นายเป็นอะไรอิสรา ... เกิดอะไรขึ้นหรือ”

ทุกอย่างยังคงเงียบเหมือนชั่วไม่กี่นาทีที่ผ่านมา แต่มะยมมองเห็นใบหน้าเศร้าหม่นที่มากับแววตาสะท้อนความรู้สึกนับร้อยนับพันอย่าง ทอดส่งมายังตัวเองที่นิ่งขึงตกตะลึงอยู่ตรงหน้าจนแทบทะลักทะลายล้นออกมาเสียให้ได้ ...

“ ผมขอโทษมะยม ผมขอโทษ..”

“ เกิดอะไรขึ้น..”

มะยมละล่ำละลักถามด้วยความตกใจยิ่ง จนมือไม้สั่นไปหมด ..

“ ผะ ผม ... ต้องไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาท่าวังหินอีกเมื่อไหร่...”

“ นายจะไปไหน ... ไปทำอะไร..”

“ ผมต้องไปเรียนกรุงเทพในเทอมหน้า พ่อส่งตัวผมพร้อมกับวันวิสาไปกรุงเทพวันนี้ ไม่อย่างนั้นไร่ฟ้าเมฆาจะถูกขายทอดตลาดอย่างจนตรอกไร้ศักดิ์ศรี ถ้าผมไปอยู่ที่นั่นจะทำให้ทุกอย่างคลี่คลายลงไป ท่านพ่อวิงวอนขอให้ช่วยด้วยตัวเอง เป็นครั้งสุดท้าย ...”

“ นายจึงต้องไปกรุงเทพฯ เพื่อแต่งงานหลังจากเรียนจบ..”

มะยมพูดไปด้วยใจที่เศร้าสลด จนแทบจะกลืนก้อนแข็ง ๆ ที่อยู่ในลำคอแทบไม่ลง สายตาที่ทอดมองอิสราเริ่มจะพล่าเลือน เพราะน้ำที่ไหลท่วมอยู่ตรงนั้น...

“ ไม่นะมะยม ผมจะไม่แต่งกับใครทั้งนั้น นอกจากคุณคนเดียว คนเดียวเท่านั้นเข้าใจไหม..”

“ ไปเถอะนะอิสราอย่าทำให้ฉันต้องเป็นตัวถ่วงความรับผิดชอบของนายเลย ... นายต้องไป ไปทำหน้าที่ของลูกที่ดี ฉันจะยังรอนายอยู่ที่นี่ อยู่ที่ท่าวังหิน อยู่ที่ต้นกาสะลองของสองเราตลอดไป ฉันขอสัญญา.”
“ โธ่โว้ย !ทำไมโชคชะตาเล่นตลกอะไรอย่างนี้ ...”

“ ไม่มีใครกำหนดเส้นทางชีวิตได้หรอกจ๊ะอิส ไปเถอะไม่ต้องเป็นห่วงฉัน อีกไม่กี่ปีเราก็เรียนจบมหาวิทยาลัย เราจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่กันแล้วนะ เข้มแข็งไว้ดีกว่า...”

“ ผมขอโทษจริง ๆ ผมขอสัญญาว่าวันหนี้อกไม่นานนับจากนี้ ผมจะกลับมาขอมะยมแต่งงานทันที คุณไว้ใจผมมั้ย..”

“ ฉันเชื่อมั่นและไว้ใจในตัวอิสราเสมอ และจะรอวันนั้นที่กำลังจะมาถึงทุกลมหายใจเข้าออกทีเดียว”
“ ชื่นใจจริง ๆ ครับมะยม .... เวลาที่ไม่อยู่ผมขอมอบเจ้าสิ่งนี้ไว้เป็นตัวแทนผม หวังว่าเวลามะยมคิดถึงผม เจ้าแหวนวงนี้คงเป็นตัวแทนผมได้ชั่วคราวนะครับ..”

อิสราค่อย ๆ บรรจงสวมแหวนแทนรักไปที่นิ้วเรียวสวยของมะยมอย่างช้า ๆ จนแทบจะหยุดทุกสิ่งทุกอย่างไว้ชั่วขณะ แม้กระทั่งเวลาที่คืบคลานผ่านไป ก่อนจะยกขึ้นมาบรรจงจุมพิตไปที่แหวนวงนั้นอย่างแผ่วเบาอีกครั้ง ...

มะยมยิ่งน้ำตาไหลนองเต็มหน้ายิ้มอย่างมีความสุข ก่อนที่จะดึงร่างสูงใหญ่ที่ตคัวเองเคยเรียกยักษ์ปักหลั่นเข้ามาแนบกายอย่างไม่มีความเขินอายเหมือนทุกครั้งอีกแล้ว

อิสรากอดรัดสาวร่างบางไว้แน่นเหมือนจะถ่ายทอดความรักทั้งหมดไปให้กับสาวบ้านนาที่อยู่ในอ้อมแขนคนนี้จนหมดสิ้นทั้งตัวและหัวใจ ...

หลับตาพริ้มอธิษฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์หลวงพ่อขาว แห่งวัดป่าท่าวังหินไปว่า ...

“ ชาตินี้ทั้งชาติลูกขอรักและปกป้องคุ้มครองให้ความรัก ทะนุถนอมผู้หญิงคนนี้ตลอดไป จนกว่าชีวิตของลูกจะหาไม่ ..”

มะยมกอดอิสราไว้แน่นอยู่ตรงนั้นจนกระทั่งได้ยินเสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็กนักเรียนเริ่มจะเดินเข้ามาโรงเรียนกันแล้ว จึงคลายอ้อมกอดออกก่อนจะพยักหน้าให้อิสรากลับไปได้แล้ว. ....


สัญญาใจของสองเราเป็นอันรับรู้นิรันดร์ ....


แล้วทั้งสองก็ได้แยกจากกันในเช้าอันแสนสดใสในวันนั้น มะยมเดินกลับขึ้นบ้านด้วยอารมณ์ตรงข้ามกับตอนลงไปตักบาตร.... เดินเข้าห้องนอนไปไม่เอ่ยทักทายพลอยใสกับครูพลที่กำลังหน้าเคร่งกันอยู่ริมระเบียงอีกเลย ส่วนอิสรากลับถึงไร่ฟ้ามฆาด้วยท่าทีที่นิ่งเงียบกว่าปกติ คำมั่นสัญญายังกึกก้องอยู่ในหัวสมอง สะท้อนกลับไปกลับมา จนต้องอดอมยิ้มกับปฎิกิริยาตกใจของมะยมไม่ได้ ...

มะยมรักเรา มะยมรอคอยเราอยู่ที่ท่าวังหิน และต้นกาสะลองของสองเรานั่นอีกล่ะ ....

แต่แล้วความสว่างใสของหัวสมองก็พลันดำวูบลง เมื่อเห็นกระเป๋าสัมภาระใบโตของตนเอง กองรวมอยู่ที่กระตูด้านหน้า โดยมีนายแม้นกับสยามกำลังขมีขมันขนขึ้นรถสปอร์ตกึ่งบรรทุกด้วยความรีบเร่งตามคำบัญชาของผู้อาวุโสอย่างน้อยสองคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น ...

“ อ้าวชายอิสกลับมาแล้วเรอะ งั้นพวกเราออกเดินทางกันเถอะนะแม่พิลาส..”

ผู้พูดเป็นสตรีชราร่างท้วม ผิวขาวละเอียด ดวงตาบ่งบอกว่าเป็นผู้มีอำนาจส่งพุ่งตรงมายังผู้ที่ถูกเอ่ยถึงคล้ายจะตำหนิ แต่ผู้ที่ดูสาวกว่าสะบัดตัวพร้อมกับก้าวเดินขึ้นรถไปตามคำบัญชา... แต่มิวายจะตวัดสายตามองผู้ที่กำลังเดินเข้ามาอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะเอ่ยคำตอบออกไป ...

“ ค่ะคุณยาย ..หนูกับวิสาพร้อมตั้งนานแล้ว..”

“ พ่อปกรณ์ แม่อุ่นเรือน ฉันไปนะ ”

คำเอ่ยลาสั้น ๆ แต่กินความหมายลึกล้ำ เสียดแทงหัวใจคนฟังอย่างที่สุด หม่อมเจ้าปกรณ์เทวากับคุณอุ่นเรือนก้มกราบผู้อาวุโสทรงอำนาจที่ตอนนี้เชิดคอตั้งบ่าก้าวขึ้นรถตู้หรูหราด้วยท่าทีปั้นปึง ไม่พอใจนัก ...

อิสราแหงนมองดูวังฟ้าเมฆาที่เคยวิ่งเล่น เคยพำนักมานานแสนนานด้วยความอาลัย ก่อนจะพยักหน้าให้กับเหล่าแม่บ้าน คนสวน ตลอดจนคนงานส่วนหนึ่งของไร่ฟ้าเมฆา เป็นเชิงว่าอีกไม่นานจะกลับมาอีก จนเดินมาหยุดที่ตรงหน้าของสยามที่ตาเริ่มแดง ๆ เหมือนคนอื่น ๆ แล้วกล่าวสั้น ๆ เป็นเชิงสั่งการว่า ...

“ ฝากมะยมด้วยนะสยาม ส่งข่าวไปบอกฉันตามที่ตกลงกันไว้ ฉันไปล่ะทุกคน..”

คุณอุ่นเรือนเดินเข้ามาโอบกอดบุตรอันเป็นแก้วตาดวงใจน้ำตาคลอ หม่อมเจ้าปกรณ์เทวาก้าวเข้าสมทบพร้อมกับโอบรับทั้งสองคน เวลาผ่านไปชั่วขณะ อิสราก้าวขึ้นรถไปด้วยท่าทีเศร้าสร้อย กระทั่งรถตู้ขนาดใหญ่ทันสมัยจะเคลื่อนหายลับไปในมุมโค้งประตูด้านหน้า ..
.
“ เฮ้อ ! ไปแล้วจริง ๆ ทุกคนกลับไปทำหน้าที่ของตนเองได้แล้ว ... คุณอุ่นเราไปเดินเล่นที่สวนดอกไม้กันมั้ย ไม่ได้ไปนานแล้วนี่ ”

หม่อมเจ้าปกรณ์เทวาเอ่ยชวนผู้เป็นคู่ทุกข์คู่ยากให้ทำในสิ่งที่ไม่เคยกระทำมาตลอดนานตั้งแต่แก่เฒ่ากันขึ้นมาจนอีกฝ่ายแปลกใจ แต่ก็เข้าใจเจตนาว่าผู้ชวนต้องการปลอบจิตใจที่แตกสลาย จึงเดินเข้าไปสู่อ้อมกอดที่เปิดรอรับไว้ เหมือนนกน้อยที่เดินเข้าหาไออุ่นจากผู้เป็นที่รัก ...

“ ค่ะ ...ไปสิคะ...”

----------------------
กาหรือหงส์ ตอนที่ ๔๑ จบลงแล้วติดตามตอนหน้าวันพุธครับ ขอบพระคุณเพื่อนๆที่ติดตามอ่านมายาวนาน ขอบพระคุณมากครับ ..
นายอิส/เมฆชรา
๖ กันยายน ๒๕๕๓
เวลาสี่โมงครึ่งครับ





Create Date : 06 กันยายน 2553
Last Update : 6 กันยายน 2553 16:34:46 น. 0 comments
Counter : 949 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เมฆชรา
Location :
นครราชสีมา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




เข้าสู่ปีที่ 8
Friends' blogs
[Add เมฆชรา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.