จินตนาการสำคัญกว่าความรู้
Group Blog
 
 
มิถุนายน 2553
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
3 มิถุนายน 2553
 
All Blogs
 
กาหรือหงส์ ตอน ๒

กาหรือหงส์ ตอน ๒





ในเช้าวันที่อากาศแจ่มใส ไร้เมฆบนท้องฟ้าวันหนึ่งที่กรุงเทพมหานคร ขณะที่อิสรากำลังจะไปขี่เจ้าฟ้าคุ้ม ม้าตัวโปรดอยู่ท่ามกลางหม่อมลุงหม่อมป้าและเครือญาติสนิท ซึ่งเป็นเหล่าพงศาตระกูลในบริเวณรั้วรอบของวังเทวาอภิรมย์อยู่นั้น

เสียงโทรศัพท์ใกล้โต๊ะอาหารส่งเสียงดังขึ้น ก่อนที่เด็กรับใช้วิ่งหอบตัวโยนบอกว่าเป็นสายของอิสรา

ท่านชายปกรณ์เทวา ผู้เป็นบิดาโทรศัพท์มาแจ้งข่าวให้อิสราเตรียมย้ายโรงเรียน และกลับไปพำนักท่าวังหินอย่างเร่งด่วน เพราะพักนี้คุณอุ่นเรือนสุขภาพไม่ค่อยจะดีนัก ร้องขอให้บุตรชายคนเดียวกลับมาอยู่ที่ไร่ฟ้าเมฆาด้วยกันจะดีกว่า นับเวลาเหลืออีกไม่นานที่อิสราจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ...

หัวอกของคนเป็นแม่ที่รักลูกดั่งแก้วตาดวงใจอย่างคุณอุ่นเรือน ร่ำร้องปรึกษากับผู้เป็นสามีที่ที่โต๊ะอาหารในเย็นวันหนึ่งว่าอยากจะให้ลูกชายกลับมาเรียนที่ท่าวังหินนี่ อย่างน้อยก็สักปีสองปีก่อนจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ท่านชายปกรณ์เทวาพยักหน้าด้วยอาการนิ่งสงบว่าตนเองก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน ...

นั่นก็เป็นเหตุผลเพียงพอแล้วที่ทำให้เด็กหนุ่มเมืองกรุงต้องย้ายมาเรียนที่ท่าวังหินพิทยาคมพร้อมด้วยสาวน้อยหน้าสวยใส ที่ดูเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้วอย่างวันวิสา เทวาอภิรมย์ ผู้หยิ่งทะนงในชาติตระกูลคนนี้

-- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -

พออากาศเริ่มคลายความเย็นตัวลง แสงแดดอ่อนเริ่มทอแสงกระจายปกคลุมไปทั่ว หลังจากที่มะยมลงไปตักบาตรแต่เช้ามืดกับสุนัขตัวโปรด จนได้เดินขึ้นมาบนบ้านพักเพื่อไปเตรียมกับข้าวกับปลาให้ครูพล ผู้เป็นพ่อกับพลอยใส พี่สาวคนสวยที่อายุห่างกันไม่ถึงปี ...

พอเดินเข้าไปในบ้านก็ต้องแปลกใจเพราะกับข้าวกับปลาได้ถูกจัดวางไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว หนำซ้ำเมื่อเดินตรงเข้าไปในห้องนอนก็พบว่าเสื้อผ้าที่จะสวมใส่ได้พับวางไว้อย่างเรียบแล้วเช่นกัน .... มะยมรู้สึกแปลกใจกับวันแรกของการเปิดเทอมวันนี้ จึงเดินตามหาพลอยใสเพื่อขอบใจ แต่ก็พบว่าครูพลนั่งประจำที่โต๊ะอาหารแล้ว จึงถามขึ้นว่า …

“ พลอยไปไหนแล้วล่ะพ่อ หนูหาทั่วบ้านแล้วไม่เจอ..”

“ เมื่อกี้พ่อก็เห็นคุยกับอานนท์ที่ข้างล่างนี่ สงสัยจะรีบไปโรงเรียนนะซิ..”

“ แล้วไป งั้นมะยมไปแต่งตัวเลยนะ…”

“ เออ ! เออ ! แต่อย่าลืมเตรียมข้าวเจ้าแสนดีมันด้วย เดี๋ยวมันจะไปกวนพ่อที่โรงเรียนได้..”

“ ไม่ลืมหรอกจ๊ะพ่อ ..”

อีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงมะยมจะถึงโรงเรียนท่าวังหินพิทยาคมตามปกติ แต่อาจจะช้าเร็วขึ้นอยู่กับเจ้าเหลืองสะออน มอเตอร์ไซต์คันโปรดจะเกเรหรือเปล่า ... มะยมสตาร์ทเครื่องแล้วขับแล่นไปตามถนนลาดยางที่ตอนนี้มีนักเรียนเดินทางด้วยจักรยานไปตามทางปะปลาย ก่อนจะวกขับอ้อมลำน้ำน่านสีแดงเพลิงจนผ่านสะพายคอนกรีตทรงสูงที่จัดทำไว้สำหรับมอเตอร์ไซต์สองคนสวนกันได้เท่านั้น ....

เส้นทางสายนี้ มะยมคุ้นเคยจนแทบจะเรียกได้ว่าหลับตาวิ่งก็ยังได้ เพราะเพียงข้ามลำน้ำแล้วตรงเข้าหมู่บ้านเล็กๆ ติดเขาลูกเล็กสองลูกก็จะถึงบ้านน้ำหวาน สาวหน้าใสหวานสมชื่อ…

แล้วมะยมกับน้ำหวานก็ควบเจ้าเหลืองสะออนมาถึงโรงเรียนได้ในครึ่งชั่วโมงต่อมา ... เด็กสาวจอดรถในโรงรถเรียบร้อย ก่อนจะเดินควงแขนน้ำหวานเพื่อไปหาสมาชิกสาวแสบที่ใต้ต้นหูกวาง ที่สุมหัวกันประจำ ...
แล้วทั้งสองก็เดินคุยกันอย่างเพลิดเพลินจนถึงถนนลาดยางที่ทำไว้รอบโรงเรียน ไม่สนใจใคร จนต้องสะดุ้งสุดตัวอย่างกะทันหัน เมื่อมีรถเบนซ์สีดำขัดมันวาววับ แล่นปาดหน้าคนทั้งสองไปอย่างเฉียดฉิว ... มะยมกระชากแขนน้ำหวานถอยจนแทบหงายไปข้างหลังทั้งสองคน จนตั้งตัวได้ มะยมจึงหันไปมองยังรถคันหรูด้วยอารมณ์บูดบึ้ง ...

“ จะรีบไปหาอาหรือไงวะ ..” สาวเท่ห์หัวใจทอมบอยแค่นคำพูดออกมาอย่างหัวเสีย ก่อนจะหันไปมองผู้ที่กำลังลงจากรถอย่างเอาเรื่อง ...

ภาพเด็กหนุ่มสาวคู่หนึ่งประคับประคองเดินขึ้นอาคารเรียน ทำเอามะยมถึงกับกระฟัดกระเฟียด คิ้วขมวดจนเดินลับตาไป...

“ เป็นนายคนนี้อีกแล้ว ... ไม่ชอบขี้หน้าเอาเลยจริงๆ “

“ แต่เค้าหล่อดีเนอะพี่มะยม..” เสียงน้ำหวานดังเจื้อยแจ้วจากข้างๆทำเอามะยมถึงกับตาเขียวปัด ก่อนจะมาสะดุ้งอีกครั้งเมื่อเสียงคนกลุ่มใหญ่เอ่ยทักดังมาแต่ไกล …

“ เฮ้ยพวกเรา! นังรักยมมันเดินมาแล้ว.”

เสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายดังมาจากทางโต๊ะม้าหินอ่อนใต้ต้นหูกวางที่มีตอนนี้มีสมาชิกนั่งอยู่ประมาณห้าหกคนเป็นอย่างน้อย กำลังแย่งของขบเขี้ยวบนโต๊ะ หรือแย่งกันเล่าเรื่องราวต่างๆ จนไม่รู้เสียงใครเป็นเสียงใคร ดูวุ่นวายสมเป็นการเปิดเทอมในวันแรกของโรงเรียน....

เด็กสาวที่ตัดผมสั้นเข้ารูปศรีษะ ใบหน้าคมเฉี่ยวสดใสสมวัยกำลังเดินตรงมาพร้อมเด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม สวยหวานน่ารักเกาะเกี่ยวอยู่ข้างตัวกันมาไม่ห่าง ..

“ แกแหกปากทำไมวะนังส้ม ไม่อายพวกอ้ายเดี่ยวมันเหรอ ดูสิพวกมันกำลังหัวเราะพวกเอ็งอยู่น่ะ”

คนพูดจบพลางแหวกที่นั่งข้างๆ เพื่อนเพื่อให้สาวน้อยหน้าหวานนั่ง ก่อนที่ตัวเองจะทรุดตัวลงตาม..

“ ช่างพ่อไอ้เดี่ยวมันเถอะว่ะ! ว่าแต่วันนี้ไหงทำหน้าบูดเหมือนตูดเป็ดยังงี้ล่ะ .. เคืองใครมามิทราบหล่อน ว้ายตายแล้วพวกเรา! วันนี้ผีเข้านังยมมัน ดูดู้แต่งตัวเต็มหญิงได้ขนาดนี้เชียว องค์ลงหรือไงยะหล่อน”

“ อีบ้า! ก็ไม่อยากจะแต่งเท่าใดนักหรอกโว้ย คุณแม่ที่อยู่บ้านจัดให้ค่ะ ... เป็นไงดูไม่ดี ตลกมากเลยหรือไงเพื่อน”

“ มันดูไม่เหมือนคนเดิมยังไงไม่รู้ แล้วนึกอุตริแต่งหญิงอะไรขึ้นมาล่ะ... ช่างไม่เกรงใจน้ำหวานคนสวยเอาซะบ้างเลยนะ” กสินาหรือจิ๊บ สาวผมยาวหน้าตาคมคล้ายคนแถบภาคใต้เอ่ยแซวขึ้นมาอีกคน

“ พวกเอ็งได้ทีก็แซวกันอยู่ได้ ขอบอกว่ามันจำเป็นโว้ย พอฉันแหกขี้ตาตื่นขึ้นมา พลอยก็เตรียมอะไรต่อมิอะไรไว้ให้หมดทุกอย่างแล้ว แถมต้องไปซื้อหนังสือพิมพ์ที่ตลาดให้พ่ออีก นี่กว่าจะไปรับยายน้ำหวานได้ก็ปาเข้าไปเกือบโมงเช้าแล้ว แล้ววันนี้พวกเอ็งนึกยังไงถึงมาสุ่มหัวพร้อมหน้าพร้อมตากันแต่เช้าขนาดนี้วะ..”

“ เออใช่สิ ! มะยมเพิ่งมาถึงโรงเรียน เลยอดชื่นชมเจ้าชายคนใหม่ของโรงเรียนเราเลย ” คนพูดก็คือ หยาด หรือหยาดทิพย์ หนึ่งในสมาชิกสาวแสบประจำโรงเรียนที่ตอนนี้ทำตาลอยเคลิ้ม คล้ายคนตกในห้วงฝัน จนคนอื่นพาลเบ้ปาก หมั่นไส้ไปตาม ๆ กัน …

“ ใครกันว่ะเจ้าชายคนใหม่ของพวกเอ็งน่ะ อย่าบอกนะว่าเป็นไอ้ตุ๊ดนั่น ” มะยมที่เพื่อน ๆ ชอบเรียกเพี้ยนไปอีกว่า “ นังรักยม “ เน้นน้ำเสียงจนสมาชิกกลุ่มสาวแสบพากันสงสัยว่าวันนี้มาแปลกๆ ..

“ แกรู้จักคุณชายอิสราผู้สูงศักดิ์คนนี้ด้วยเหรอนังยม ” มะหมี่ หรืออีกชื่อคือนายประพจน์ กริ่งห้อยกลาง สาวน้อยนวมทองประจำกลุ่มพูดขึ้นมาลอยเคลิ้มคล้ายกับหยาดทิพย์ไปอีกคน จนมะยมอดหมั่นไส้ขึ้นมาอย่างหนักอีกคำรบ จึงสวนกลับไปในทันที ..

“ ทำไมฉันจะไม่รู้จักกระเทยผิวขาวที่วิ่งผ่านหน้าบ้านฉันเมื่อเช้านี่ล่ะ แถมเจ้าหมาน้อยของฉันยังระริกระรี้ พุ่งกระโจนแถเข้าไปหานายคนนี้ จนน้ำลายฟูมปากเหมือนพวกแกในตอนนี้แหละ …ฉันล่ะเกลียดจริง ๆ พวกผิดเพศชอบอวดร่ำอวดรวยขับรถคันโก้อวดโชว์ชาวบ้านไปวันๆ” มะยมพูดเน้นคำพูด เหมือนจะขอเสียงสนับสนุนเห็นใจกับเพื่อน ๆ ที่ตอนนี้พากันเบือนหน้าไปทางอื่นกันทุกคน …

“ นังมะยมชิด … นี่หล่อนกดดันอะไรมาไม่ทราบยะ ถึงไปว่าน้องใหม่ซะเสียๆหายๆขนาดนี้ จริงๆแล้วดูท่าทางนายคนนี้เค้าก็ไม่เลวนะ หล่อก็หล่อ ขาวก็ขาว แถมยิ้มเก๋น่ารักดีออกใช่ป่ะน้ำหวาน ..”

ส้ม หรือ ศจีรา หันไปเอ่ยถามสาวหน้าหวานที่เอาแต่ยิ้มไม่พูดไม่จา จนคนข้างๆต้องชูกำปั้นกลับมาเป็นคำตอบแทนว่า

“ ไม่รู้โว้ย…ตอนนี้รู้ว่าไม่ถูกชะตากับนายหน้าตาทะลึ่งทะเล้นคนนี้ …เข้าใจ๋ก่อพวก..”

“ ต๊าย ! นั่นอิสราเดินมาโน้นแล้ว ตรงมาทางนี้ด้วยสิ กรี๊ด ๆ ๆ ”

เสียงอันแหลมปรี๊ดของใครคนหนึ่งในวงสนทนาดังขึ้นจนมะยมต้องเชิดคางมองข้ามไหล่ใครหลายคนไปยังต้นสายปลายเหตุของเรื่องทั้งหมด ภาพที่เห็นทำให้มะยมถึงกับเบือนหน้าเบื่อระอา เตรียมจะเดินลุกหนีไปจากที่นี่ในทันที เพราะคนที่ตัวเองกำลังวิพากษ์วิจารณ์เสียๆหายๆ กำลังเดินตรงมาทางนี้พร้อมกับเด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มสดใสสมวัยคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง …

รอยยิ้มพรายที่ระบายเต็มหน้าอยู่เมื่อครู่เจื่อนจางลงไปในทันทีเมื่อเสียงทุ้มนุ่มน่าฟังดังอยู่ตรงหน้าห่างไม่ถึงเมตร ..

“ สวัสดีครับทุกคน .ผมชื่ออิสรา และนี่ก็วันวิสา พวกเราย้ายมาจากกรุงเทพฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ” เด็กหนุ่มยิ้มกว้างเปี่ยมด้วยมิตรภาพให้กับทุกคนในวงสนทนา แต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อมองเห็นว่าใครบางคนหน้าตาบูดบึ้งไม่พอใจกับการแนะนำตัวเองครั้งนี้เลย จึงแก้เก้อด้วยการโค้งให้ทุกคนแล้วเอ่ยขอตัวไปหาเพื่อนๆที่กวักมือเรียกอยู่พอดี …

“ ขอตัวนะครับเพื่อนทางโน้นเรียกตัวผมแล้ว … ยินดีที่รู้จักทุกคนนะครับ เอ่อ ... คุณมะยมด้วย ”

“ ยินดีมากที่รู้จักคนหล่อ เอ๊ย ยินดีที่รู้จักจ๊ะอิสรา” คณิตยาหรือแมว ลูกสาวลุงภารโรงในโรงเรียนที่เพิ่งเข้ามารวมกลุ่มกับสาวๆ ทำตาหวานเชื่อมเข้าหาอิสรา จนอีกฝ่ายรู้สึกเขิน ก่อนจะรู้เจ็บจี๊ดที่ต้นแขน จึงหันไปดูเห็นวันวิสาเริ่มหน้าง้ำเหมือนช้อนที่หักงอเข้าไปแล้ว จึงเอ่ยขอตัวไปจริงๆ เสียที ..

อิสราโค้งไปหนึ่งทีก่อนจะกึ่งลากกึ่งจูงวันวิสาไปข้างหน้าในทันที ด้วยรับรู้อารมณ์รุนแรงของสาวน้อยผู้เสมือนญาติคนนี้ดี พอคล้อยหลังคนทั้งสองไปไม่ถึงนาที เสียงซุบซิบเซ็งแซ่ก็ดังตามมาจนอิสราถึงกับอมยิ้มกับกลุ่มสาวแสบทางด้านหลัง ..

“ อิสไม่น่าเสียเวลาเสวนากับพวกบ้านนอกนั่นเลยนะ นี่ถ้าท่านลุงรู้คงไม่ปลื้มแน่ ..”

“ ก็อย่าไปเล่าให้ท่านพ่อฟังสิวิสา เราควรเก็บเรื่องนี้ไว้เพียงสองคน ความจริงเพื่อนๆกลุ่มนี้เค้าก็น่ารักกันดีทุกคน เราสองคนต่างหากล่ะที่เป็นเด็กใหม่ที่นี่ ต้องอ่อนน้อมเข้าหาพวกเค้าถึงจะถูกนะอิสว่า ”

“ วิสาไม่เห็นต้องแคร์เด็กบ้านนอกนั่นเลยนะอิส พวกนี้คงโง่ไม่ต่างจากวัวควายที่เราเห็นตามทุ่งนาแถวนี้จะเอาอะไรกับพวกมันมากมายนักหนาเล่า …”

คนพูดทำหน้าตาลอยไปลอยมาไม่ยี่หร่ากับคำพูดของตัวเองแม้แต่น้อย อิสราส่ายหน้าอย่างช้า ๆ รู้สึกระอากับญาติผู้น้องคนนี้เหลือเกิน …

“ เป็นความคิดที่แย่มากๆ เลยนะวิสา คนเราทุกคนเกิดมาก็อยากมีทุกสิ่งทุกอย่างเท่ากัน มีศักดิ์ศรีความเป็นคนเท่ากัน มีสิทธิที่จะทำอะไรเหมือนกันเช่นพวกเรา เราไม่ควรไปดูถูกเปรียบพวกเขาเป็นเหมือนสัตว์อย่างวัวอย่างควาย มันฟังดูไม่ดีเลย..”

“ ไม่รู้ล่ะ ถ้าอิสไปยุ่งกับพวกนี้อีก วิสาจะฟ้องท่านลุงกับคุณป้า แล้วอย่าหาว่าวิสาไม่เตือนล่ะ ”

“ ถ้าวิสาทำอย่างงั้นก็ไม่ต้องมาเดินไปไหนกับอิสอีกแล้ว” วันวิสารีบหุบปากลงไปในทันทีด้วยความกลัวว่าอิสราจะไม่ใสใจตัวเองเหมือนเช่นเดิม เพราะถ้าถึงเวลานั้นจริงๆตัวเองคงทนไม่ได้แน่ๆ ไหนๆก็อุตส่าห์ติดตามมาเรียนที่บ้านนอกคอกนาอย่างท่าวังหินนี่แล้ว ก็เพราะเหตุผลเดียวเท่านั้นคือ ที่นี่มี ” อิสรา ” อยู่

อิสราคนที่วันวิสารักและหวงอย่างไข่ในหิน

“ นี่นังรักยม ... ทำไมหล่อนมองอิสราเหมือนรังเกียจยังไงพิกล อิจฉาที่เขาหล่อกว่าตัวเองหรือไง..” เสียงจิ๊บ สาวเรียบร้อยและเรียนเก่งดีสุดในกลุ่มสาวแสบโพล่งถามมะยมที่มองตามเด้กหนุ่มผู้สูงศักดิ์ด้วยชาติตระกูลไปจนสุดสายตา ..

“ ไม่หรอกว่ะจิ๊บ ฉันไม่ชอบไอ้ตี๋นี่ ดูขี้เก๊กอวดร่ำอวดรวยยังไงก็ไม่รู้สิ รวมๆแล้วไม่ถูกชะตาเอาซะเลย พวกเราไปเข้าแถวกันเถอะ อาจารย์เมตตากวักมือเรียกพวกเราแล้ว ”

“ เป็นงั้นไปซะเพื่อนเรา ”

พอเสียงเพลงมาร์คของโรงเรียนดังขึ้น วงสนทนากระจัดกระจายแตกวงไปในทันที ต่างรีบเร่งไปเข้าแถว วันนี้อาจารย์ประสงค์ อาจารย์ใหญ่จะกล่าวเปิดเทอมและต้อนรับนักเรียนทุกระดับชั้นตั้งแต่ชั้นมัธยมปีที่ 1 ถึงชั้นปีที่ 6 ... โรงเรียนท่าวังหินพิทยาคม เป็นโรงเรียนมัธยมขนาดกลางแบบสหศึกษามีนักเรียนชายหญิงร่วมสองพันกว่าคน คณาจารย์และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเกือบร้อยห้าสิบคน มีตึกเรียนทั้งหมดหกหลัง ส่วนอื่นจะมีอาคารหอประชุมขนาดใหญ่ที่ใช้ทำกิจกรรมทุกๆ อย่างที่นี่ไม่ว่าจะเป็นพิธีไหว้ครู วันคริสต์มาส วันเด็ก วันสังสรรค์ครูนักเรียนและผู้ปกครอง หรือแม้แต่การแข่งขันกีฬาระหว่างโรงเรียนก็จะจัดกันที่นี่ ...

ที่แห่งนี้ได้สร้างบุคลากรคุณภาพผ่านไปหลายต่อหลายรุ่นแล้ว นักเรียนที่จบการศึกษาออกไปล้วนแต่เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับในระดับจังหวัดมากมายหลายคน ... โรงเรียนแห่งนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาเล็กๆรายล้อมด้วยป่าละเมาะ บรรยากาศโดยรอบ สวยบริสุทธิ์ อบอวลไปด้วยธรรมชาติโล่งกว้างของชนบทอย่างยากจะหาที่ใดเหมือน ...

เพราะเมื่อมองไปจากถนนลาดยางสีดำสายทางหลวงจังหวัดจะเห็นโรงเรียนมัธยมแห่งนี้ตั้งโดดเด่นเป็นสง่า ทรงตระหง่าน ใหญ่โต เป็นตึกสีขาวเรียงกันสี่แถว ท่ามกลางความเขียวขจีของพฤกษ์ไพรรายรอบโรงเรียน จนใครที่มาเยี่ยมเยียนถึงขนาดตั้งฉายาโรงเรียนแห่งนี้ว่า “ มรกตแห่งทิวเขาภูคา ”

หลังจากการเรียนในช่วงเช้าผ่านไปอย่างรวดเร็ว กริ่งสัญญาณหมดเวลาการเรียนการสอนแผดดังขึ้น นักเรียนทั้งหมดต่างวิ่งกรูออกห้องเรียนเพื่อตรงไปยังโรงอาหารที่สร้างขึ้นจากอาคารเรียนกำมะลอเก่าๆ เป็นอาคารชั้นเดียวไม่มีฝาผนังโล่งมองเห็นทั่วถึงกัน ตัวอาคารทาฟ้าเข้มดูสะดุดมาแต่ไกล แม่ค้าขายอาหารและเครื่องดื่มสำหรับเด็กนักเรียนอยู่ประมาณ สิบกว่าเจ้าได้ ….

อิสราเดินมาถึงโรงอาหารด้วยอาการงงงวยกับนักเรียนจำนวนมากที่หลั่งไหลมาใช้บริการ จึงเหลียวซ้ายแลขวากวาดสายตามองหาเดี่ยว หัวหน้าก๊วนหนุ่มซ่าส์ ที่เดินล่วงหน้ามาก่อนสิบนาทีแล้ว … พลันนั้นเองเสียงใสดังแก้วบางเสียงหนึ่งดังมาจากข้างตัว อิสราถึงกับสะดุ้งหันไปมองในทันที ..

“ นั่งก่อนค่ะพี่อิสรา ไม่รู้ว่า เอ่อ ... จำน้ำหวานได้หรือเปล่า” แม่สาวน้อยหน้าหวานคนนั้นนี่เอง อิสราอมยิ้มนึกในใจว่าทำไมจะจำไม่ได้ เธอคือแฟนของสาวทอมบอยอารมณ์บูดบึ้งยามเจอหน้านั่นเอง ...

“ จำได้ครับ! ชื่อน้ำหวานเหรอครับฟังเพราะน่ารักสมตัวดีจังครับ..”

เด็กหนุ่มเอ่ยปากชมอย่างจริงใจ แต่ก็ต้องผงะออกมาในทันทีเมื่อมีมือเล็กๆมือหนึ่งมากระชากคอเสื้อทางด้านหลังอย่างรุนแรง เป็นผลให้อิสราถึงกับเซถลาออกมาจากโต๊ะอาหารทันที อิสราหันไปด้านหลังทันที..

ก็พบแต่แววตาที่ลุกวาวมีเปลวเพลิงอยู่ข้างในกำลังจ้องมองมาคล้ายจะกินเลือดกินเนื้อเสียให้ได้ ...

“ คราวหน้าจะเจ็บตัวมากกว่านี้อีก ถ้าขืนยังมาตอแยกับคนของฉันอีก ..”

“ แต่เราก็แค่แนะนำตัวเองให้รู้จักกันเท่านั้น ไม่ได้ทำอะไรเกินเลยนะครับคุณมะยม..” อิสราพยายามอธิบายอย่างที่ต้องการ แต่สาวหน้าคมมาดทะมัดทะแมงเหมือนเด็กชายชูกำปั้นขึ้นพร้อมทำเสียงขู่ว่า…

“ ถ้าเมื่อกี้ตาฉันไม่ได้บอด ฉันเห็นนายกำลังจะหลีแฟนของฉันอยู่ ไม่ต้องมาแก้ตัวอะไรเบื่อคำโกหก นายไปให้พ้นหน้าฉันเดี๋ยวนี้เลย ”

“ แต่ …เอ่อ ..” อิสราค้างคำพูดไว้แค่นั้น เมื่อเห็นน้องน้ำหวานขยิบตาส่งสัญญาณมาว่าอย่าริเถียงคนกำลังโกรธไม่มีประโยชน์อะไรแน่ … เด็กหนุ่มจึงค่อยๆ พยุงตัวเองให้ลุกขึ้นแล้วถอยออกมานั่งโต๊ะริมสุดคนเดียว จนเสียงทุ้มกระแอมดังขึ้นมาอีกฟากของโต๊ะจึงหันไปมองดูพบว่าเป็นเดี่ยวนั่นเอง …

“ มานั่งด้วยกันสิเดี่ยว ..”

“ นายย้ายมาทางฟากนี้ดีกว่า อย่าอยู่ใกล้ยายทอมบอยโรคจิตดีกว่า ประเดี๋ยวจะบ้าวิปริตตามไปด้วยยุ่งกันพอดี ดูนังมะหมี่มันเป็นตัวอย่างสิอิส แปลงร่างไปเรียบร้อยโรงเรียนจีนแล้ว ฮ่ะ ๆ ๆ ”

เดี่ยว หรือ เดชายักคิ้วหลิวตาให้อิสราเพื่อล้อเลียนคนที่นั่งอยู่โต๊ะใกล้ๆ ที่ตอนนี้กำลังหน้าง้ำบอกบุญไม่รับอยู่เงียบๆ ก่อนจะทำท่าเหมือนจะลุกขึ้นมากระชากเสื้อเดี่ยวด้วยอีกคน จนน้ำหวานที่นั่งเงียบดูเหตุการณ์ต่างๆๆตั้งแต่ต้นต้องดึงชายเสื้อเอาไว้ ....

อิสราหันกลับไปมองแม่เสืออีกครั้ง รู้สึกนึกขำเมื่อเห็นสีหน้าโกรธขึ้งของมะยมที่แลดูน่ารักมากกว่าเอาจริงเอาจัง ..

“ ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้เดี่ยว” มะยมแค่นเสียงลอดฟันออกมาอย่างเอาจริง เพื่อให้อีกฝ่ายได้ยิน...

“ จะมาถอนคืนเมื่อไหร่ก็บอกได้นะ สำหรับมะยมคนสวยเราคิดดอกไม่แพงหรอก..”

“ วอนซะแล้วนะไอ้เดี่ยว ” มะยมทำท่าจะลุกขึ้นมาจากโต๊ะกินข้าวจริงๆ จนน้ำหวานรั้งเอาไว้แทบไม่ไหว แต่ก็ช้ากว่าเดี่ยวกับอิสราที่จ้ำอ้าวหายลับไปอีกฟากของโต๊ะแล้ว ...

พอทั้งสองมาถึงโต๊ะรวมพลหนุ่มแสบ อิสราก็ได้รู้จักเพื่อนเพิ่มอีกสามคนคือ ดอน หรือ นิรันดร์ แหลม หรืออาทิตย์ ส่วนคนสุดท้ายคือ เข้ม ที่มีชื่อจริง ภาคภูมิ ….

เดี่ยวโพล่งขึ้นมากลางวงสนทนาเป็นคนแรกบอกอิสราว่าอย่าถือสายายทอมบ้าอำนาจคนนี้เลย มันบ้า ๆบอๆ เป็นวันๆ อย่างนี้แหละ .... ไม่รู้ว่าอาจารย์เมตตาเลือกมาเป็นประธานนักเรียนโรงเรียนเราได้ยังไง สงสัยใช้เส้นที่พ่อเป็นครูใหญ่มั้ง อิสราไม่ตอบแต่ระบายยิ้มอย่างเดียว ทั้งที่ในใจมีแต่สาวหน้าคมตาคมอยู่ตลอดเวลา ...

“ วันนี้เราขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าวเพื่อนๆ ในฐานะที่เป็นเด็กใหม่ของที่นี่นะครับ..”

“ ได้เลยอิสราเพื่อนรัก... ว่าแต่ว่านายสำรวจโรงเรียนของเราทั่วทั้งโรงเรียนหรือยัง..” เข้มเอ่ยขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เป็นมิตร อิสราส่ายหน้าช้าๆ เป็นเชิงว่ายังเลย ... เดี่ยวจึงเล่าถึงสภาพอาคารต่างๆอย่างคร่าวๆ ก่อนจะเอ่ยถึง “ แดนคนเถื่อน ” ขึ้นมาจนคนฟังถึงกับหูผึ่งขึ้นมาแล้วถามว่า..

“ มันคือที่ไหนเหรอ ฟังชื่อดูน่ากลัวจัง ”

“ อยู่บริเวณโรงเรียนเรานี่แหละอิสรา แต่หลายคนไม่รู้เพราะมัวแต่เป็นเด็กเรียนหรือไม่ก็เด็กดี เลยไม่มีทางที่จะไปเหยียบที่นั่นได้ พวกเรามักจะมีนัดพบกันที่นั่นเป็นประจำ คราวหลังนายกับพวกเรามั้ย ”

“ เรายังไม่รับปากนะเดี่ยว กลัวทางบ้านจะมารับกลับก่อนเวลา ขอเป็นวันพรุ่งนี้เราให้คำตอบ”

อิสราแบ่งรับแบ่งสู้ ใจหนึ่งก็อยากไปดูว่าแดนคนเถื่อนที่ว่ามันเป็นที่อะไรกันแน่ แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่อยากจะทำให้ท่านชายปกรณ์เทวามีอารมณ์โกรธที่ทำตัวเหลวไหลคบเพื่อนกลุ่มนี้ ทั้งๆ ที่ได้ห้ามแล้วเตือนกันแล้วหลายครั้ง ..

เด็กหนุ่มคิดอะไรเพลินๆระหว่างที่นั่งฟังเดี่ยวกับเพื่อนสนทนากัน เลยเผลอไปมองยังโต๊ะอาหารที่อยู่ถัดไปอย่างไม่ตั้งใจจนสบตาสาวสองคนที่นั่งโต๊ะถัดไปอย่างลืมตัว แต่สายตาคู่หนึ่งกำลังจ้องมองมาทางนี้พอดี สายตาทั้งสองประสานนิ่งเนิ่นนาน จนยากจะบอกความรู้สึกว่ากำลังคิดอะไรกันอยู่ …

กริ่ง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

“ ออดดังแล้ว ..ไปเข้าเรียนกันดีกว่าอิส ”

เดี่ยวลุกขึ้นยืนเป็นคนแรก แล้วตามด้วยเข้ม ดอน และแหลม อิสราตามไปเป็นคนสุดท้าย....

เด็กหนุ่มมิวายมาหาร่างบอบบางที่หายลับไปพร้อมกับสาวน้อยหน้าหวานที่แอบยิ้มให้อิสราเมื่อครู่ …

พอมาถึงห้องเรียนมะยมก็เห็นว่าอาจารย์พักตร์วิไลได้มารอที่หน้าชั้นเรียนแล้ว แต่เมื่อได้กวาดสายตาสำรวจเพื่อนร่วมห้องทั้งหมดก็พบว่ายังขาดกลุ่มของนายเดี่ยว และนายตัวดีที่ชื่ออิสรานั่นด้วย …

มะยมยอบตัวลงนั่งที่เก้าอี้ ก่อนที่จะหันไปถามส้มโอว่าอาจารย์ทำไมเข้ามาก่อนเวลา แต่ส้มโอยังไม่ทันจะตอบอาจารย์สาวสวยประจำโรงเรียนก็พูดขึ้นมาเสียก่อน …

“ วันนี้ครูเข้ามาห้องเรียนก่อนเวลาก็เพื่อจะมาบอกพวกเราเรื่องพิธีไหว้ครูในวันพุธหน้านี้ ครูอยากจะมาโหวตพวกเราว่าจะให้ใครเป็นตัวแทนพวกเราในการถือพานคราวนี้ เอ้า ! ยัยส้มโอเสนอมาสองคนชายคนหญิงคนซิ ” อาจารย์พักตร์พิไลหันไปถามส้มโอที่กำลังซุบซิบกับมะยมอยู่พอดี …

“ เอ่อ …หนูขอเสนอ ..ยัยมะยมกับอิสราสุดหล่อ เอ๊ยนายอิสราค่ะครู..” ส้มโอพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเพราะตกใจที่อาจารย์พักตร์วิไลจับได้ว่าตัวเองแอบคุยกันในห้อง …

” แล้วคนอื่นๆใครเสนอใครบ้าง..”

“ หนูขอเสนอเป็นวันวิสากับอิสราค่ะคุณครู”

เสียงใสแจ๋วดังมาจากมุมห้อง ทำให้ทุกคนต้องหันไปตามเสียงในทันที เป็นเสียงของพลอยใสนั่นเอง .. มะยมหันไปมองตามเสียงด้วยเช่นกัน ได้แต่อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมพลอยใสถึงไปเลือกโต๊ะนั่งใกล้กับวันวิสา ทั้งๆเพิ่งรู้จักกัน ...

“ คนอื่นๆล่ะมีใครจะเสนอชื่ออีกมั้ย” อาจารย์พักตร์วิไลเอ่ยถามอีกครั้งเพื่อจะสรุปผลการโหวตแล้ว

“ เป็นอันว่าเราได้ผู้ถือพานของสองคู่ ครูจะให้ยกมือโหวตดู ใครเห็นด้วยที่จะให้สมาชิกใหม่ของห้องเราอย่างอิสรากับวันวิสาเป็นตัวแทนถือพานให้ห้องเรายกมือขึ้นเลย ..”

…. เงียบ …

ไม่มีใครยกมือขึ้นแม้แต่คนเดียว พลอยใสหน้าซีดที่ตนเองออกตัวเสนอชื่อวันวิสาเพื่อจะเอาใจ แต่ไม่ได้รับการต้อนรับเท่าจากเพื่อนในห้องเลย พอเหลียวไปมองวันวิสาที่ใบหน้าแดงกล่ำด้วยความอายและหน้าแตก พลอยใสรีบยกมือขึ้นในทันที …

“ ตกลงมีคนเดียวคือคนเสนอ..” ครูพักตร์วิไลสรุปสั้น ๆ ก่อนจะถามต่อไปว่า “ แล้วมาถึงคู่ที่สอง ใครเห็นด้วยที่มะยมจะถือพานคู่กับอิสรา ..

พอผลการโหวตออกมาทำเอาส้มโอถึงกับยิ้มปลื้มแก้มแทบปริพร้อมเพื่อนๆกลุ่มใหญ่ในห้อง .. แต่คนนั่งข้างๆ ยกมือขึ้นเขกไปที่บนหัวเพื่อนจอมจุ้นดังโป๊ก จนต้องร้องออกมาด้วยเสียงอันดัง …

“ โอ๊ย! เจ็บนะนังบ้า แล้วนี่จะเขินอะไรนักหนาย่ะถึงต้องมาเขกหัวฉันอย่างนี้” ส้มโอโวยขึ้นมา

“ ก็แกเสือกไปเสนอหน้าไม่เข้าท่าทำไมวะนางสาวส้มเน่า..” มะยมแค่นเสียงคำรามอย่างหมั่นไส้เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดที่เสนอหน้าไม่เข้าเรื่องจริงๆ ...

“ ได้ถือพานกับคนหล่อมันจะเสียหายตรงไหนวะมะยม เรื่องมากนักเดี๋ยวก็อดหรอก ฉันสร้างโอกาสงามๆ ให้แกกลับตัวมาเป็นหญิงแล้วนะเพื่อนฮ่ะ ๆ ๆ งานนี้มันส์แน่ๆ ”

“ อีส้มเน่าพันปี ..”

มะยมรู้สึกอ่อนใจไม่รู้จะทำยังไงดีจึงตะโกนด่าออกไป แต่ก็รู้สึกอ่อนใจกับผลการโหวตที่เป็นอย่างใจคนเสนอชื่อ เพราะเพื่อนร่วมชั้นมอห้าทับหนึ่งต่างยกมือให้อิสราถือพานกับมะยมด้วยคะแนนเอกฉันท์ แถมด้วยเสียงเฮดัง ๆ ตามมาของคนอีกหลายกลุ่ม แต่มิวายมีเสียงที่ดังมาของคนสองคนที่ดูไม่สบอารมณ์กับผลโหวตเท่าใดนัก ..

“ ทำไมพวกนี้ยกมือให้ยายทอมโรคจิตคนนี้ถือพานไหว้ครูด้วยนะพลอยใส..”

วินวิสามีสีหน้าท่าทางไม่พอใจอย่างมากจนแสดงออกมาทางแววตาที่แข็งกระด้าง แต่คนที่นั่งข้างกลับไม่อธิบายอะไรทั้งสิ้น ทั้งๆที่ควรจะอธิบายความให้กระจ่างอย่างน้อยก็เป็นพี่กับน้องกัน …

“ ไม่รู้สิวิสา ทำไมถึงเป็นแบบนี้..”

-- -- -- -- -- -- -- -- -- -
กำลังเข้มข้นเชียว อิอิ ติดตาม กาหรือหงส์ ตอน ๓ นะครับผม ..
ขอบพระคุณที่เข้ามาอ่านครับ ..



Create Date : 03 มิถุนายน 2553
Last Update : 3 มิถุนายน 2553 0:12:33 น. 0 comments
Counter : 987 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เมฆชรา
Location :
นครราชสีมา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




เข้าสู่ปีที่ 8
Friends' blogs
[Add เมฆชรา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.