จินตนาการสำคัญกว่าความรู้
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2552
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
8 มิถุนายน 2552
 
All Blogs
 
ฟ้ายังมีดาว ตอนที่ ๗

ฟ้ายังมีดาว ตอนที่ ๗



“ นาน ๆ ได้ทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันซะที ค่อยดูเป็นครอบครัวสุขสันต์กันหน่อย ...”

เสียงใสแจ๋วของสาวสวยแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดจนเข็ดฟันด้วยเสื้อผ้าเครื่องทรงราคาแพงลิบลิ่ว ประดับด้วยเครื่องประดับพราวไปทั้งตัว ... ดูวูบวาบเรืองแสงพิกล .... ได้เอ่ยแทรกความเงียบที่เป็นมานานร่วมห้านาทีของโต๊ะรับประทานอาหารค่ำ จนทำให้ทุกคนที่ร่วมโต๊ะต้องเงยหน้าขึ้นมามองยังร่างเล็กบางของต้นเสียงพร้อมๆกัน ...

“ แกมองฉันทำไมนายนึก ... หรือฉันพูดไม่จริงอะไรไปยะหล่อน...”

อนึกตาคมวาวสีหน้าไม่พอใจแล้วหันไปตามเสียงที่พาดพิงถึง ก่อนจะถอนหายใจแล้วพูดโต้ตอบไปว่า...

“ อะไรกันพี่นี่ ...อยู่ ๆ ก็มาแขวะกันซึ่งหน้าอยู่ได้ แล้วมันดีไหมล่ะไอ้ที่พูดมาน่ะ...”

“ อ้อลืมไป ... คนโปรดพี่แทนแตะต้องไม่ได้นี่นา...”

“ ผมไม่ได้เป็นคนโปรดใครหรอกครับพี่นี่ ... โปรดเข้าใจใหม่ไว้ด้วย...”

ผู้เป็นน้องยื่นช้อนไปตักแกงเขียวหวานไก่ใส่จานตัวเอง แล้วเกริ่นตอบไปโดยไม่เกรงใจคนที่อาวุโสกว่าสองคนที่กำลังนั่งเงียบอยู่โดยไม่กระตุกกระดิก ประหนึ่งจมอยู่ในความคิดตัวเอง เหมือนไม่ได้อยู่ในระหว่างรับประทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตากันในครอบครัว ...

“ ค้าพ่อประคุณทูนหัวทูนเกล้า ... อีฉันจะจดจำไว้ในกระหม่อมตราบนานเท่านานเลย เฮอะ...”

“ พี่นี่ก็เป็นอย่างนี้ทุ๊กที ชอบพาลพาโล ถ้าเถียงสู้คนอื่นเค้าไม่ได้...”

“ เอ๊ะ .... นายอนึก ตกลงใครเป็นพี่ใครเป็นน้องกันแน่ยะ ...เถียงอยู่ได้ฉอดๆ เดี๋ยวแม่ตบปากด้วยทัพทีเสียหรอก...”

“ ถ้ากล้าก็ทำเลยซี้ ... ผมจะได้หนีออกจากบ้านไปอยู่ข้างนอกกับพี่แทนเลย ... ใช่ไหมพี่...”

อนึกถลึงตาคงจ้องไปยังพี่สาวคู่ปรับ แล้วหันไปพยักเพยิบกับแทนคุณที่นั่งทานข้าวเงียบกริบ ไม่มีส่งเสียงออกมาให้ใครได้รับรู้ว่ายังอยู่ที่โต๊ะกินข้าวแห่งนี้ ... ตรงกันข้ามกับหญิงวัยกลางคนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะที่ตอนนี้หัวคิ้วเริ่มขมวด วางช้อนลงแล้วผินหน้าไปทางอื่นที่ไม่ใช่วงสนทนาเผ็ดร้อนของสองพี่น้อง ...

“ ว้ายตายแล้ว ... หยาบคาย ต่ำไร้สกุลรุนชาติมาก ๆ นี่ถ้าแกเป็นคนนอกบ้านหาเช้ากินค่ำ ...ไม่ได้เกิดอยู่ในบ้านชั้น ก็จะไม่แปลกใจเลยที่พูดออกมาแบบนี้ ... เชอะ... ปกป้องกันเข้าไปเถอะ สักวันจะได้ไปอยู่สลัมตามนังบ้านนอกนั่นสมใจแน่ ..ไม่เชื่อคอยดูสิ... ใช่ไหมคะแม่ขา ...”

สาลินีหรือนนนี่โยนลูกให้หญิงวัยกลางที่เตรียมจะลุกขึ้นให้กลับหันมานั่งโต๊ะอีกครั้ง พร้อมกับสายตาประกาศิตที่กวาดตามองบุตรชายคนเล็กอย่างปรามให้สงบปากสงบคำไว้ แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยียบลึกขาดใจมาว่า ...

“ หยุดเสียทีได้ไหมนายนึก ... เถียงพี่เขาเหมือนเด็ก ๆ ไปได้...”

“ ก็ผมพูดตามเนื้อผ้าจริง ๆ นี่แม่ ... ขอถามหน่อยเถอะวัน ๆ พี่นี่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เห็นแต่ฉุยฉายไปฉุยฉายมารบกวนเวลาคนโน้นทีคนนี้ที ... น่ารำคาญชะมัด ...”

“ นี่ นี่ ไอ้นึก ...แกมาว่าชั้นแบบนี้ได้ไง ฉันไม่ยอมนะ ... แม่ขาดูไอ้นึกมันว่านนนี่สิจ๊ะ...”

“ ว่าแค่นี่ทำเป็นสนิมสร้อย เป็นลูกแหง่ไม่รู้จักโตไปได้ ... จะร้อนตัวไปทำไมถ้ามันไม่ใช่เรื่องจริง...”

“ แก ...ไอ้น้องทรยศ ...ฉันไม่โพนทะนาเรื่องอีดาวกับแกให้แม่ฟัง ...มันก็คุ้มกะลาหัวแกแค่ไหนแล้ว จำใส่กะโหลกเอาไว้ซะบ้าง ...”

หญิงสาวมองหน้าผู้เป็นน้องซ้ำ แล้วเหยียดริมฝีปากคล้ายกำลังสะใจเรื่องทีกำลังพูดเต็มที่ ... ก่อนที่จะมีน้ำเสียงประกาศิตดังเน้นย้ำถามมาจนทั้งสองต้องหันไปมอง แล้วทำหน้าปุเลี่ยนไม่รู้จะทำยังไงดี ...

“ มันเรื่องอะไรกันนี่ ... เล่าให้แม่ฟังอีกทีสิ...”

สาลินี่มองไปยังอนึกแล้วยิ้มเยาะอีกครั้ง ... หนุ่มน้อยหันไปมองพี่ชายเหมือนจะขอตัวช่วย แต่ก็พบกับความว่างเปล่าจึงตอบคำถามผู้เป็นแม่แบบเลี่ยงดำน้ำข้าง ๆ คู ๆ ว่า ...

“ ไม่มีอะไรนี่แม่ ...พี่นี่พูดถึงนับดาว เพื่อนของนึกที่มหาวิทยาลัยน่ะครับ ... ไม่มีอะไร...”

“ เชอะเพื่อนมหาวิทยาลัยบ้านแกน่ะสิย่ะนายนึก เดี๋ยวนี้กล้าโกหกแม่ซึ่งหน้าแล้วเหรอพ่อคนเก่ง...”

“ พี่นี่พูดอะไรผมไม่เห็นรู้เรื่อง ... ใครไปทำอะไรอย่างไง เมื่อไหร่ ที่ไหน...”

“ หน๊อยทำมาย้อน ... ช่างน่าซื่อตาใสดีแท้น้องรัก...”

“ พูดให้ดี ๆ นะพี่นี่ ..ถ้ามันไม่ใช่ เห็นทีต้องเกิดเรื่องแน่ ..”

“ โอ๊ย ๆ ๆ ๆ กลัวแล้ว กลัวแล้วจ้าพ่อพระของบ้าน ... ฉันไม่นึกเลยว่าแกกับพี่แทนจะปิดแม่ได้นานถึงขนาดนี้ นี่แค่รู้ระแคะระคาย งานยังเข้าขนาดนี้ ... ถ้ารู้เรื่องทั้งหมด มันจะเกิดอะไรขึ้นนะ ... ไม่อยากจะคิดเลย ฮ่ะ ๆ ๆ ๆ ๆ ...”

“ พี่นี่ ...พี่รู้ตัวเปล่าว่าตัวเองกำลังจะเหมือนนังแม่มดใจร้ายขึ้นทุกวัน ๆ เสียดายหน้าตาก็สะสวยดีอยู่หรอก ..ไม่น่าเล้ย”

“ อะไร...แกพูดให้จบนะไอ้บ้า...”

สาลินีใบหน้าหน้าแดงกล่ำด้วยอารมณ์โกรธจัด ลุกยืนขึ้นตบโต๊ะอาหารดังปังพร้อมจานข้าวตรงหน้าลอยวืดข้ามหัวอนึกไปหล่นลงบนพื้นดังเพล้ง ... เป็นที่ตกตะลึงกันทั้งโต๊ะ อนึกยิ้มเยาะพร้อมทำท่ายียวนกวนโมโหอีกต่อไป...

“ โอะโอ ... อารมณ์ก็รุนแรงไม่เปลี่ยนด้วย เสียดายจานสวยๆใบนี้เหมือนกันนะ...”

“ กรี๊ด ๆ ๆ ๆ ไอ้น้องชั่ว ... ฉันอยากจะฆ่าแก กรี๊ด ๆ ๆ แม่ช่วยนี่ด้วย ... แม่ แม่ แม่...”

เสียงกรีดร้องของหญิงสาวทำเอาบรรดาคนรับใช้ต่างหลบไปบังอยู่หลังเสากันเป็นแถว ...

นางสุนีย์กำหมัดแล้วลุกยืนขึ้นตรงไปยังอนึกแล้วทำบางอย่างที่ทำให้ร่างสูงใหญ่ที่นั่งตรงกันข้ามและนิ่งเงียบมานานถึงกับลุกขึ้นเพราะทนนิ่งอีกต่อไปไม่ได้แล้ว ...

.. เพลียะ ....

เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าหนุ่มน้อยฝีปากกล้าดังสนั่นไปทั่วห้องโถงที่เป็นห้องรับประทานอาหารของบ้าน ทำเอาหลายคนที่อยู่บริเวณนี้ถึงกับอ้าปากค้างตกตะลึง แต่ผู้กระทำหาได้สนใจไม่ กลับทำตาลุกวาวแล้วขู่สำทับไปว่า ...

“ นี่เป็นการสั่งสอนแก จำเอาไว้ให้ดีนะอนึก ... แม่กำลังจะบอกว่าเราเป็นเด็กควรรู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ พี่เขาก็เป็นพี่ไม่ควรไปเถียงฉอดๆ ไม่ตกฟากแบบนั้น ... ไม่รู้ใครสั่งใครสอนกัน ...”

อนึกยืนนิ่ง เอามือลูบแก้มที่แดงเถือกพร้อมน้ำตาที่หยอดรินไหลปริ่มขอบตา ... คราวนี้เด็กหนุ่มนิ่งเงียบไปแล้วจริงๆ

“ แม่หยุดเถอะ .... อย่าทำแบบนี้กับน้องอีกเลย แทนขอร้อง...”

คนร่างสูงดินตรงไปตบบ่าผู้ป็นน้องแล้วพยักหน้าเป็นเชิงปลอบใจ ก่อนจะต่อไปด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบก้องกังวาร

“ แม่ทำแบบนี้ทำไม ... แทนผิดเองที่ทำอะไรไม่ปรึกษา ... อนึกไม่รู้เรื่องอะไรมากนักหรอก...”

“ ก็เพราะเห็นชั้นเป็นหัวหลักหัวตอนะสิ .. มันถึงเกิดเรื่องอับอายฉาวโฉ่เหม็นคุ้งไม่ดีไม่งามไปจนคนเขาเอาไปนินทาทั่วบ้านทั่วเมือง เป็นขี้ปากชาวบ้านอยู่ตอนนี้ไงล่ะ ...”

“ แม่จะไปแคร์ทำไม ... ในเมื่อเรื่องนี้มันเป็นเรื่องของบ้านเรา ... พวกเขาไม่เกี่ยว ...”

“ ฉันจะไม่แคร์ได้ยังไงแทน ... แค่ฉันไปเข้าสมาคมไหนใครก็ถาม ใครก็ชัก ...ขี้เกียจจะปั้นหน้าโกหก หรือส้รางเรื่องว่าแกบริสุทธิ์ จบด็อกเตอร์จากเมืองนอกเมืองนา ไม่มีรอยราคินเพราะไปเกลือกกลั้วกับอีโสเภณีชั้นต่ำนั่น...”

นางสุนีย์แค่นน้ำเสียงออกมาคล้ายเยาะอยู่ในที สาลินี่เข้าไปโอบกอดผู้เป็นแม่แล้วยิ้มเยาะด้วยความสะใจ ... อนึกเมินหน้าหนีแล้วส่ายหน้าด้วยความระอาในญาติวงศ์พงศา ...แต่คนที่สำคัญถูกกล่าวพาดพิงกับยืนนิ่ง แล้วเอ่ยถ้อยคำพูดออกมาแผ่วเบาว่า …

“ ที่แท้ก็เป็นเรื่องของดาวนี่เอง ... แทนขอถามแม่หน่อยจะได้ไหม...”

นางสุนีย์คอตั้งเชิด ไม่มองมายังแทนคุณเลย ...

“ แทนจะถามว่า ..... ดาวเขาทำอะไรให้แม่โกรธนักหนา ถึงได้ผูกใจเจ็บเขาไม่จบไม่สิ้น...”

“ แกก็เป็นเหมือนพ่อแกไม่มีผิด ทั้งๆที่มีชาติตระกูลจะสูงเป็นหงส์เยี่ยมเทียมฟ้า แต่จิตใจข้างในหาได้สูงไปตามไม่ พยายามทำตรงกันข้ามเสียอีก ... ใจคออ่อนแอ ปรกเปียก โลเล ไม่อดทนขี้ใจอ่อน .. .ยอมให้คนอื่นหลอกใช้หรือสนสะพายอยู่ได้ตลอดเวลา ...ทำไมไม่เอานิสัยที่ดี ๆ อย่างชั้นบ้างแทน แม่ขอถามแกหน่อยเถอะ...”

“ ใช่พี่แทนไฝ่ต่ำเพราะไปเกลือกกลั้วโคลนตมอย่างนังดาว...”

สาลินีพูดเสริมนางสุนีย์ แต่ผู้เป็นแม่กลับตวาดหญิงสาวคล้ายไม่พอใจที่พูดแทรกไม่ถูกจังหวะในตอนนี้ ...

“ หยุดเถอะนนนี่ ...จะขึ้นห้องไปเลยไหม...”

“ แม่ก็...ฮึ...”

ชายหนุ่มทั้งสองยังคงยืนนิ่งฟังผู้เป็นแม่ปรามจนจบก่อนที่คนตัวใหญ่กว่าจะพูดประโยคที่นางสุนีย์ถึงกลับอยากจะกรีดร้องออกมาให้ลั่นบ้านเหมือนสาลินีเมื่อตะกี้ ...

“ เราเคยพูดเรื่องนี้กันมาหลายครั้งแล้วไม่ใช่เหรอครับแม่ ... แทนบอกไปแล้วว่าจะรับดูแลดาวเขาเอง ... แม่ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวอะไรอีกแล้ว ไม่ว่าเรื่องค่าใช้จ่าย ความเป็นอยู่ หรื้อแม้แต่เงินทองที่แทนหามาได้กำลังจะไปหยิบยื่นให้ดาวเขาเร็ววันนี้ ... แทนขอถามหน่อยว่าทำไมแม่ยังเป็นทุกข์กับเรื่องนี้อีก ... เราทำผิดกับเธอมากมาก ชาตินี้คนตระกูลเราไม่มีวันที่จะไถ่โทษที่ทำไว้กับเธอได้อีกแล้ว ถ้าแม่ยังตามไปรังครวญดาวแบบนี้ ... แม่ยังจำวันที่เราไปรับเขามาจากบ้านเด็กกำพร้าได้ใช่ไหม ... วันนั้นแม่ยิ้มแก้มแทบฉีกเพราะดีใจที่บ้านเราจะได้มีลูกสาวกับเขาเสียที .... พ่อก็เหมือนกันที่พออกจากที่นั่นก็อุ้มดาวไม่ยอมวางลงด้วยความเห่อ วันนั้นครอบครัวเรามีความสุขกันมาก คุณย่ามอบสร้อยทองรูปหัวใจให้ แล้วอวยพรว่าดาวคือดวงใจของคนในบ้าน
ทุกคนรวมทั้งคุณปู่คุณย่าด้วย .... แล้วเด็กหญิงน่ารักคนนั้นก็ยิ้มทั้งน้ำตาพูดอ้อแอ้ว่าพ่อจ๋าแม่จ๋า หนูมีพ่อกับแม่เหมือนคนอื่นเขาแล้ว .. เห็นไหมครับแม่ ดาวเขาน่ารักมากมายมาตั้งแต่เด็ก ... ผมรักน้อง เพราะเขาเป็นตัวแทนของพวกเราในวันที่เรากำลังทุกข์ยากตอนเสียน้องกลางไป ... แม่คงจำได้นะครับว่าดาวเขาเรียนเก่ง ชอบมาอ้อนแม่ขอกินไอติมกะทิของโปรด ... แต่ก็ไม่ได้กินเลยสักครั้งเพราะแม่ขู่เขาว่าจะอ้วนฉุเหมือนตือโป้ยก่าย หรือจะมีน้ำหนักร่วมร้อยกิโลเหมือนน้าอุไรพรข้างบ้าน ... คืนนั้นดาวร้องไห้สะอึกสะอื้นฝันร้ายมาหาแทน แล้วบอกว่าปีศาจหมูไล่เขาทั้งคืน ... แม่ยังหัวเราะเขาท้องดัดท้องแข็ง ปลอบอยู่ทั้งคืนจนสว่างคาตา แล้วลงไปตักบาตรเลย ... แม่ยังจำลูกสาวแม่คนนี้ได้อยู่ไหมครับ ...”

สิ่งที่แทนคุณไม่เห็นในตอนนี้นอกจากสาลินีก็คือนางสุนีย์ฟังชายหนุ่มเล่าไปพร้อมปาดน้ำตาอย่างไว้เชิง คอยังคงเชิดตั้งอย่างไม่เปลี่ยนแปลง ....

“ แกเล่าเรื่องปีมะไว้มาเพื่ออะไรกันแทน ... ฉันไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย ...”

“ ผมเชื่อว่าแม่ไม่รู้สึกอะไร เพราะสิ่งที่แม่ทำไว้กับดาว มันบอกโต้งๆอยู่แล้ว...”

“ เอ๊ะแทน ... จะให้แม่ไปกราบตีน มันหรือไงถึงจะเจ๊ากันไปน่ะ...”

“ ผมแค่อยากบอกบางเรื่องที่แม่อาจจะลืมไปแล้ว หรือพยายามจะลืมมันไปจากชีวิตของแม่...”

“ แทนคุณ ... แม่ผิดหวังในตัวแกมาก เสียเวล่ำเวลาที่ได้ส่งเสียไปเรียนเมืองนอก ... หมดเงินหมดทองไปตั้งหลายล้าน หวังไว้ว่าจะฝากฝีฝากไข้ในยามแก่เฒ่า เป็นที่เชิดหน้าชูตากับวงศ์ตระกูล แต่แกกลับทำเหมือนคนสิ้นคิด คิดสั้นแต่เรื่องไม่เป็นเรื่อง ... ทำความดีบ้าบอไร้สติ ... แล้วยังจะมาประณามแม่ผู้ให้กำเนิดเกิดแกมาลืมตาดูโลกว่าเนรคุณ ไม่รู้จักคุณคน ... แถมยังตำหนิว่าครองตนทั้งความคิดและสติไม่ถูกครรลองครองธรรมไปอีกนั่น ... ฉันคิดว่าชีวิตในชาตินี้ ... ฉันขอตายเสียดีกว่าที่ทำตัวผิดพลาดและเลี้ยงดูเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองได้แย่ถึงเพียงนี้ ....”

นางสุนีย์ร่ำไห้โฮออกมาด้วยความขุ่นข้องหมองใจ โดยมีสาลินีเคียงข้างตาคว่ำตาเหลือกอยู่ไม่ห่าง ...

“ พี่แทนทำไมทำกับแม่แบบนี้ ... มีลูกที่ดีที่ไหนที่เขาทำร้ายแม่ด้วยคำพูดแบบนี้กันหรือคะพี่ ... ที่แม่ทำไปทั้งหมดก็เพราะใคร ไม่ใช่เพราะพี่หรอกหรือ ... ถ้านังดาวมันมีดีจริง ทำไมไม่อยู่ส่วนเขา เราก็อยู่ส่วนเรา ไม่ต้องเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว ... เขาเติบโตมาจากเด็กจนเป็นสาวที่บ้านเรา เราเลี้ยงดูเขามาจนโต ...เขาตอบแทนเราด้วยแรงงาน มันก็เหมาะสมกันดีแล้วไม่ใช่เหรอคะพี่แทน ยังจะมาเรียกร้องเอาอะไรอีก...”

“ ใช่เราเลี้ยงดูเขาด้วยข้าวสามมื้อ พร้อมการศึกษาขึ้นพื้นฐาน.... แต่ตอนที่เรารับเขามาจากบ้านเมตตา ในฐานะลูกสาว ไม่ใช่คนใช้เข้าใจหรือยังยายนี่ ... พอเธอเกิดมา ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไป ... ลดตำแหน่งดาวไปเป็นคนใช้ ชีวิตที่สุขสบายกลับตกสวรรค์ไปซะงั้น ... นนนี่ถ้าลองเอาใจเขาไปใส่ใจเราดูสิจะรู้ได้ทันทีว่า ... เขาต้องเจ็บปวดมากมายแค่ไหน ...”
“ พี่แทนก็เป็นซะแบบนี้ ใจอ่อนไม่เข้าท่า ...”

“ เธออาจจะว่าพี่ใจอ่อนไม่เข้าท่า ... ใช่พี่ยอมรับ แต่มันก็คงไม่ได้ช่วยให้ชีวิตดาวหลังจากถูกพ่อของเธอหลอกไปข่มขืนที่บนห้องนอนตัวเอง ...”

“ หยุด หยุดได้แล้วนายแทน .... จะไปไหนก็ไป อย่ากลับมาบ้านนี้อีกเลย ...”

“ แม่ครับ ... แทนขอโทษที่ก้าวล่วงแม่ ... แต่มันจำเป็นที่ต้องรับผิดชอบชีวิตของดาวที่เหลือให้ดีขึ้นอีกตลอดไป ... สิ่งที่พ่อทำกับดาวในคืนนั้น เปลี่ยนชีวิตเขาทั้งชีวิต เขาไม่มีทางเลือก เขาไปขายตัวเพื่อแลกเงินมาเลี้ยงสองชีวิต ... ชีวิตต้องตกต่ำไม่มีวันได้ผุดได้เกิดเหมือนคนทั่วๆไป ไปที่ไหนก็มีแต่คนรังเกียจ สกปรกโสโครกเหมือนกากเดนสังคมที่เดินยัวะเยี้ยตามท้องถนนอนาคตไม่ต้องพูดถึง ไม่มีอะไรให้ได้เห็นนอกจากเลี้ยงท้องไปวันๆ ... เธออยู่อย่างลำบากกว่าเราไม่รู้กี่ล้านเท่า ... ใครคนไหนยังไม่รู้สึกว่าได้ทำลายคนดี ๆ มีอนาคตคนหนึ่งให้จมดิ่งอยู่ในบ่อโคลน ไม่มีวันผุดขึ้นมาเหนือน้ำตลอดชีวิตก็แล้วแต่ ... ถึงยังไงแทนก็จะขอดูแลเธอในชีวิตที่เหลือทั้งหมดด้วยตัวแทนเอง ... ถ้าทำไม่ได้ขอบวชไม่สึกตลอดชีวิต ... แม่คงเข้าใจนะครับ...”

“ พี่แทน พี่แทนบ้าไปหรือเปล่า ...”

เสียงกรีดร้องของสาลินีดังลั่นบ้านอีกครั้งเมื่อนางสุนีย์ ตัวอ่อนละทวย ใบหน้าซีดเผือดทรุดกองไปกับอ้อมกอดของลูกสาว ภายหลังที่แทนคุณขับรถคันเก่งพร้อมอนึก น้องชายพ้นจากประตูรั้วไปแล้ว ...

แทนคุณเปิดประทุนหลังคารถสปอร์รับลมที่พัดมาจากภายนอกรถ แล้วถอนหายใจออกมาดังๆคล้ายอยากจะระบายความอึกอัดที่อยู่ในใจให้ออกมาอีกครั้ง ก่อนะหันไปถามคนข้างตัวว่า ...

“ นายว่าพี่ทำแบบนี้ถูกหรือเปล่าวะนึก ... มันดูเหมือนลูกเนรคุณยังไงไม่รู้...”

“ ถ้าถามความเห็นผม ผมก็ว่าพี่แทนทำถูกต้อง อย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน ...”

แทนคุณอมยิ้มที่น้องชายปล่อยมุขออกมาแก้ความเคร่งเครียดในยามคับขันทั้งการจราจรบนถนนมิตรภาพ ทั้งเรื่องราวจากเหตุการณ์ระทึกขวัญวันแห่งครอบครัวเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ...

“ ฟังดูเหมือนโฆษณาผ้าอนามัยยังไงก็ไม่รู้สินึกเอ๊ย ...”

“ ผมพูดจริงนะพี่แทน ... คนอย่างพี่นนนี่ต้องเจอพริกที่เผ็ดร้อนพอฟัดพอเหวี่ยงอย่างนึกนี่แหละ ส่วนแม่ต้องใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหวแบบพี่แทน ถึงจะสมน้ำสมเนื้อแท้จริง .... แต่แหมยังไม่รู้ผล ระฆังดันหมดยกไปซะงั้น วัยรุ่นเซ็งชะมัดญาติ ... นี่ถ้าระฆังต่อเวลาให้อีกสามนาที คงได้รู้ผล แพ้ชนะชัวร์ ๆ ...”

คนเล่าดีดนิ้วเปลาะสะใจในเรื่องเล่า ก่อนที่ผู้เป็นพี่จะปรามออกมาว่า ...

“ นายคิดอย่างนี้ก็ไม่ถูกทั้งหมดนะนึก อย่าลืมสิว่านั่นก็แม่ นั่นก็พี่สาวเรา ...”

“ โถพี่แทนยังกะพี่ไม่รู้จักนิสัยทั้งสองคนนั่นดี ... เมื่อกี้แม่ตบหน้านึก แล้วยัยพี่นี่ยังแลบลิ้นยกคิ้วหัวเราะให้อีก พี่แทนไม่เห็นเหรอว่า ...มีแม่ มีพี่คนไหน ...ตบหน้าลูกตัวเองโดยไม่มีเหตุผลแบบนี้บ้าง เล่าให้ใครฟังอายเขาถึงนั้น .... ดู ๆ ไปแล้วผมกับพี่เหมือนไม่ได้เป็นลูกแม่ ส่วนพี่นี่ก็เหมือนกันร้ายกาจ ผิดพี่ผิดน้อง ..ตอนเกิดน้าเอาขี้เถ้ายัดปากซะให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปเลย จะได้ไม่ไปเสี้ยมแม่กับแสดงฤทธิ์เดชได้ขนาดนี้ ... เฮ้อกลุ้มชะมัดพี่ ...”

“ เฮ้ย เฮ้ย นายนึก...ฟังพี่ให้ดีนะโว้ย ... ตอนนี้รู้สึกนายกำลังจะฟุ้งซ่านไปกันใหญ่แล้ว ... แม่กับยายนี่คือแม่กับพี่สาวเอ็งชัดเจนมั้ย ที่พี่กล้าว่าแม่วันนี้ก็เพราะอยากจะให้เรื่องจบ ๆ ไปเร็วๆ ถ้าดาวเขาตกลงจะมาอยู่กับพี่ที่บ้านจอหอ เรื่องมันก็ลงตัว เขาจะเป็นแม่บ้านให้พี่ พี่จะมีลูกกับเขา ...เราจะเริ่มต้นกันใหม่ ... ใช้ชีวิตเรียบง่ายพอเพียงตามอัตภาพ ไม่ร่ำรวย ไม่ฟุ้งเฟ้อหรือเห่อไหลกับกระแสวัตถุนิยมเหมือนคนในทุกวันนี้ .. แค่นี้ชีวิตที่เหลือของพี่ก็น่าจะสงบ มีความสุขที่สุดแล้ว ...”

“ ถ้าทำได้อย่างที่ฝันไว้มันก็ดีนะพี่ ... แต่ไม่รู้ว่าดาวเขาจะเอาด้วยกับพี่หรือเปล่าน่ะสิ คิดแล้วชักกลุ่มดีมั้ย...”

“ นายพูดก็ถูก .. ตอนนี้พี่ยังไม่รู้ว่าดาวเขาหนีจากร้านวิกตอเรียไปอยู่ที่ไหน เราสองคนจะได้คุยกันอีกเมื่อไร นั่นคือปัญหาหลักล่ะนึกเอ๊ย ...”

“ งั้นเราลองไปเลียบเคียงถามที่ร้านวิกตอเรียอีกครั้งมั้ยพี่แทน เผื่อได้ข่าวดาวขึ้นมาบ้าง...”

“ ไปกันเลยนึก ...พี่ก็ใจร้อนอยากรู้เรื่องดาวเหมือนกัน ...”

อนึกพยักหน้ารับคำชวนแทนคุณที่กำลังหักเลี้ยวพวงมาลัยไปตามถนนมิตรภาพ-หนองคายมุ่งตรงไปยังวอยสามย่านอันเป็นที่ตั้งของร้านคาราโอเกะขึ้นชื่อที่สุดของเมืองโคราชที่ชื่อ ... “ วิกตอเรีย..”

------------------------------------------------------

แสงเดือนแสงดาวของท้องฟ้าที่กระพริบพราวยามค่ำคืนในคืนนี้ดูเหมือนจะไม่อาจจะเทียบแข่งกับรัศมีสร้อยเพชรพวงระย้าที่วาบวิบอวดแสงอยู่บนคอระหงของหญิงสาวร่างบอบบางน่าทะนุถนอมสวมชุดราตรีสีดอกพิกุลเดินกรุยกรายกระย่องกระแย่งนวยนาถลงจากรถสปอร์ตคันหรูด้วยท่าทีขัดๆเขินๆ เก้งๆ ก้างๆแตกต่างกับชายหนุ่มที่สวมสูทสีดำสง่าผูกเนคไทสีสดตัดกันแบบดูดีมีระดับเดินตรงเข้ามายังคลับวีไอพีใต้ถุนโรงแรมเลิศหรูห้าดาวแห่งนี้ด้วยท่าทีที่เป็นธรรมชาติ ใบหน้าเปื้อนยิ้มตลอดเวลาเหมือนคนกำลังอ่มความสุขอย่างเต็มที่ ...

“ ทำตัวตามสบายนะดาว ไม่ต้องเกร็ง ... แถวนี้ไม่มีเสือสิงห์ มีแต่คนสนิทรู้จักกันทั้งนั้น...”

“ ขอโทษด้วยค่ะคุณวิน ... ดาวไม่เคยใส่ชุดแบบนี้ มันคันยิบๆที่คอ แล้วชุดที่ใส่ก็ดูโป๊กับดีเกินไป..”

“ ผมเตรียมไว้ให้คุณโดยเฉพาะ เดาขนาดเอวเอาไว้ ไม่คิดเหมือนกันว่าคุณจะใส่ได้พอดี แถมยังสวยดูดี ใครก็มองมาตั้งแต่ลงมาจากคอนโดนั่นแล้ว ... เป็นไงบ้างครับน้าเพลง ช่างเสริมสวยส่วนตัวผมเอง แกใจดีไหมครับดาว..”

น้าเพลงที่มาวินพูดถึงคือช่างเสริมสวยกิตติมศักดิ์ เป็นเสมือนญาติห่างๆ มีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยชายหนุ่มตั้งแต่หัวจรดเท้า รวมทั้งเรื่องบางเรื่องที่อยากจะปรึกษาเป็นพิเศษก็สามารถจะบอกกล่าวได้ อย่างเรื่องการแต่งตัวดาวด้วยเครื่องทรงที่หรูหราเกินกว่าที่หญิงสาวจะหามาใส่ได้ในชีวิตนี้ ... น้าเพลงคนนี้นี่เองเป็นผู้จัดการบันดาลความงามได้อย่างที่ใคร ๆ เห็นก็ต้องชื่นชม แม้กระทั่งมาวินที่พบเจอดาวหลังจากแปลงโฉมถึงกับอึ้งตะลึง ไม่เชื่อว่าเด็กสาวกะโปโลบอบบางจะกลายเป็นนางหงส์ นางพญาที่ผู้ชายคนไหนคนใดเห็นต้องคาราวะในความงามนี้ ...

“ ค่ะน้าเพลงใจดีมาก กรุณาดาวทุกเรื่อง .. ไม่ถามว่าเป็นใครหรือซักไซ้ร์เรื่องส่วนตัว น่ารักมากค่ะ...”

“ นี่แหละคนที่ผมนับถืออีกคน รองจากแม่ ...”

เมื่อพูดถึงมารดาผู้ให้กำเนิดดาวสังเกตเห็นว่าชายหนุ่มมีน้ำเสียงเป็นกังวลใจอะไรบางอย่าง แต่ไม่พูดออกมาให้ได้ฟัง นอกจาแววตาที่หลุบหลูลงมาจนมองเห็นแว่บเดียวเท่านั้น ..

“ มันสวยงามและดีเกินไปที่คนอย่างดาวจะมีโอกาสใส่มัน...”

“ ไม่ต้องคิดอะไรมากนะครับ .. ผมพอใจและดีใจที่คุณใส่มันได้ ก็แค่นั้น...”

“ ขอบคุณ ขอบคุณค่ะคุณวิน...”

พอคำสนทนาจบลง ทั้งสองก็เดินล่วงเข้าไปในห้องสูทหรู บรรยากาศอบอวลไปด้วยมิตรภาพและแอร์เย็นฉ่ำ เสียงสนทนาของคนแต่ละกลุ่มดังแทรกเสียงดนตรีที่บรรเลงเป็นระยะๆ เสริมให้งานเลี้ยงคืนนี้มีอะไรน่าสนใจกว่าปกติ ...

มาวินเดินควงแขนดาวเข้าไปในงานกาล่าดินเนอร์ด้วยท่าทีองอาจ เรียกร้องทุกสายตาให้มามองด้วยความรู้สึกแปลกแตกต่างกว่าทุกครั้งที่พารัศมิยาเข้ามาที่นี่ ชายหนุ่มเดาคำถามแรกที่เพื่อนร่วมก๊วนสนิทจะซักถามก็คือ ... ดาวเป็นใคร..

และแล้วก็เป็นจริงอย่างที่มาวิน คิด เพราะทันทีชายหนุ่มเดินเจอกลุ่มชายหนุ่มฉกรรจ์วัยทำงานเดียวกันสามสี่คน ทุกคนถามคำถามทันทีที่หยุดสนทนาว่า ...

“ เอ้ามาถึงแล้วพระเอกของเรา ... แนะมากับสาวสวยเสียด้วย...”

ดาวก้มหน้าต่ำมองพื้นเมื่อชายรูปร่างสันทัด ท่าทางและบุคลิกดูอารมณ์ดี หันมาจ้องเต็มตาแล้วทักมาวินด้วยความสนิทสนมกว่าคนอื่นๆ ที่เข้ามารุมล้อมจับจ้องมองหญิงสาวอย่างพินิจพิเคราะห์เต็มที่ ...

“ นี่คุณดาว ... เพื่อนสนิทของกันเอง ... ดาวจ๊ะนี่เพื่อนๆ คนรู้จักกันมานาน นั่นสมชาย ชื่อเล่น แอ๊ดเพื่อนสนิทของผมหรือพิภพ โน้นพาที อาเสี่ยใหญ่โรงน้ำแข็ง คนโน้นที่ดื่มไวน์แกล้มสาวตาหวานฉ่ำก็ภวัณ เจ้าของรีสอร์ทหรูวังน้ำเขียว คนสุดท้ายอารมณ์ดีสุดสมคะเนเจ้าของโรงน้ำแข็งเอเอชื่อดัง ..”

“ สวัสดีค่ะ...”

ดาวหลบตาเพื่อมาวินมองพื้นห้อง แต่มาวินยังคงถามเรื่องทุกข์สุขต่อไป ...

“ พวกนายมานานกันหรือยังวะ..”

“ พักใหญ่วะวิน วันนี้ไหงมากับสาวน้อยคนนี้ได้ รัศมิย่าคนเด่นไปอยู่ไหนแล้วล่ะเพื่อน...”

เสียงทุ้มนุ่มของร่างสูงใหญ่มาดสุขุมที่ซ่อนตัวในมุมมืดเดินออกมาพร้อมรอยยิ้มที่ดาวรู้สึกไม่ถูกชะตาเอาเสียเลย มันดูทั้งไม่จริงใจและเย้ยหยันแปลกพิกล ... มาวินระบายยิ้มอย่างเคย เดินตรงเข้าไปโอบไหล่ชายผู้นี้แล้วดึงออกมาแนะนำกับหญิงสาวด้วยท่าทีสนิทสนมคุ้นเคยกันดี ...

“ อ้าวไอ้ชาติ ... วันนี้นายก็มางานเลี้ยงกับเขาเป็นด้วยเหรอวะ... เห็นกลัวเมียหงอ..”

“ งานแบบนี้จะพลาดได้ไงล่ะเพื่อน....ว่าแต่นายน่ะพาใครมาด้วย หน้าคุ้นๆนะ ...”

ชายชื่อสมชายยิ้มมุมปากเอียงคอมองจ้องดาวจนหญิงสาวต้องก้มไปมองพื้นด้วยความกลัว ...

“ ดาวเป็นแฟนของเรา ...เพื่อนๆรู้จักไว้ก็ดีนะ..”

เสียงหัวเราะแข่งกับเสียงคุยกันดังเมื่อครู่เเงียบเสียงลงเมื่อได้ยินประโยคที่มาวินพูดเมื่อครู่ ... ทุกคนมีสีหน้าประหลาดใจจนมองเหมือนมีเครื่องหมายคำถามตั้งอยู่บนหน้าชัดเจน แต่ก็เป็นชายแปลกหน้าอีกเช่นเคยที่ยื่นหน้าเข้ามาเคลียร์เหตุการณ์เอาไว้เหมือนพระเอกขี่ม้าขาว ...

“ ยินดีที่รู้จักครับคุณดาว สวย ๆ อย่างนี้มิน่านายวินถึงทิ้งมิย่าลงคอ...”

เป็นอีกประโยคที่บาดหัวใจหญิงสาวเสียเหลือเกิน ... อยากจะออกไปจากที่แห่งนี้เสียโดยเร็วจะยิ่งดี ... แต่เมื่อเห็นแววตาแห่งความดีใจที่ได้สังคมกับเพื่อนฝูงของคนข้างตัวแล้วทำเอาหญิงสาวถึงกับเปลี่ยนใจ ... เพราะตั้งแต่ได้เจอหน้าตาพูดคุยหรืออยู่ร่วมคอนโดมาพอสมควร ตนยังไม่เห็นชายหนุ่มยิ้มกว้าง หรือหัวเราะร่าเริงได้เต็มเสียงได้ขนาดนี้มาก่อน ...

แต่คำพูดที่วกวนชวนคิดได้ออกมาจากปากเพื่อนหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนนั้นอย่างสม่ำเสมอ กระทั่งเวลาเข้าสู่วันใหม่ ... กลุ่มเพื่อนสนิทของมาวินได้แยกย้ายกลับไปบางส่วน โดยทีเหลือได้มารวมกันนั่งที่โต๊ะข้างๆเวทีนักดนตรี หัวข้อสนทนายังคงมีมากมายอยู่ต่อไป ...

มาวินส่งสายตามาดูแลหญิงสาวเป็นบางครั้ง แต่ก็เป็นแค่ช่วงสั้นๆ แล้วหันไปสนใจการสนทนาที่ออกรสพร้อมแอลกอฮอล์ที่เพิ่มมากขึ้นไปตามด้วยเช่นกัน ....

แต่ดาวเริ่มรู้สึกอึดอัดเพราะเป็นเหมือนส่วนเกิน จึงขอตัวออกมาด้านนอกห้องงานเลี้ยง ... สายลมโชยพัดเอาอากาศเย็นตามธรรมชาติเข้าปะทะใบหน้านวลจนต้องเบี่ยงตัวหลบไปมุมเสา ... ก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อชายร่างสูงที่อยู่ในมุมมืดตลอดเวลามายืนปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า จนสังเกตเห็นได้ชัดเจนว่าชายคนนี้มีใบหน้าหวานคมผสมกันอย่างลงตัว โครงหน้าโดดเด่นจนดูว่าหน้าตาดี สำอางกว่าคนปกติ ที่สำคัญคือแววตาที่จ้องมายังหญิงสาวมีทั้งเยาะเย้ยปะปนไปกับความเชิดหยิ่งในความเป็นตัวของตัวเอง ...

“ หาตั้งนานที่แท้คุณดาวแห่งบ้านวิกตอเรียก็มาหลบมุมหนีควันบุหรี่ที่ด้านนอกด้วยเหมือนกัน ...”

“ เอ่อ ..คุณชื่ออะไรนะคะ...”

ชายหนุ่มทำท่าปั้นปึ่งไม่พอใจ ก่อนจะตั้งสติกลับคืนได้อย่างรวดเร็วแล้วพูดด้วยความประชดประชันว่า ...

“ ผมจะชื่ออะไรไม่สำคัญนักหรอกคุณดาว .. แต่ขอให้รู้ไว้อย่างหนึ่งว่า ผมรู้ประวัติของคุณดีทุกอย่าง ตั้งแต่คุณมาเป็นดาราประจำร้านคาราโอเกะโนเนม จนโด่งดัง ใครๆก็รู้จัก และเผลอไปใช้บริการ...”

“ คุณต้องการอะไรกันแน่คะคุณชาติ..” ดาวเริ่มเข้าใจเจตนาของชายหนุ่มคนนี้ดีจากการพูดจาเพียงประโยคเดียว
ดูท่าทางแล้วไม่มีเจตนาดีแน่ เมื่อเห็นตามออกมาถึงด้านนอกและปลอดผู้คนถึงเพียงนี้ ...

“ เธอก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจนะดาว ว่าสังคมที่นี่ไม่ต้องการโสเภณีค้างคืนแบบเธอ...”

ช่างเป็นถ้อยคำที่เสียดแทงหัวใจหญิงสาวเสียเหลือเกิน แต่ยังไงความจริงก็เป็นสิ่งไม่ตายอยู่วันยังค่ำ ดาวเชิดหน้าตั้งตรงหันกลับไปจ้องชายหนุ่มร่างสูงจนอีกฝ่านรู้สึกงงๆ ... ก่อนจะพูดออกมาว่า...

“ ฉันรู้จักตัวเองดีค่ะคุณ ... รู้ว่าตนเองเป็นใคร ต่ำต้อยถูกเหยียบติดดินได้สักแค่ไหน แต่ก็อยากจะขอถามคุณสักหน่อยจะได้ไหมว่า อาชีพขายของเก่าที่ฉันทำอยู่เป็นอยู่ในตอนนี้ มันสุจริตพอที่สังคมจะเรียกว่าคนดีได้หรือเปล่า แล้วถ้าคนที่ขายตัวแลกเงินอย่างฉันทำงานด้วยความสุจริตไม่คดโกงหรือเอาเปรียบใคร มันจะดีกว่าพวกนักการเมืองหรือพ่อค้าท้องถิ่นที่โกงชาติบ้านเมืองอยู่ทุกวันนี้ .... คุณคิดว่าอย่างไหนที่ควรจะยกย่องมากกว่า...”

“ ก็ทางเลือกมีตั้งมากมายทำไมไม่เลือก มาขายตัวทำไม...”

“ คุณชาติคะ ฉันอยากจะถามว่าคนจน ๆ อย่างพวกเรามีทางเดินให้เลือกมากมายนักเหรอ ..ขอถามหน่อย...”

“ อย่างน้อยก็ไม่น่ามาขายตัว...”

“ แต่คนขายตัวอย่างพวกเราอาจจะมีจิตใจที่ดีกว่าพวกที่ฉันกล่าวอ้างก็ได้ ...”

“ งั้นแสดงว่าตอนนี้เธอกำลังจะสบายด้วยการมาเกาะนายวิน เพื่อนของฉันงั้นซี...”

“ มาเกาะคุณวิน ... ให้ตายเถอะคุณชาติอะไรทำให้คุณคิดไปได้ถึงขนาดนั้น ... ฉันไม่ได้คิดอะไรนอกลู่นอกทางอะไรเลยสาบานกันเลยก็ได้ ...”

“ อันนี้ฉันรู้ว่านายวินกำลังชอบและหลงเธออย่างหนัก ไม่งั้นคงไม่ทิ้งยัยมิย่ามาคั่วแล้วพาออกงานสังคมแบบนี้ได้..”

“ ขอบอกเอาไว้เลยนะคะคุณว่าฉันไม่คิดอะไรแบบนั้น แค่คุณวินพามางานหรูหราของคนชั้นสูง สวมเสื้อผ้าที่ล้อมเพชรวูบวาบยังกะไฟงานวัด รองเท้าส้นสูงคล้ายอยู่บนปากเหว แล้วอะไรต่อมิอะไรที่ทั้งชีวิตนี้ฉันไม่เคยรู้จักหรือแม้จะสัมผัสก็นับว่าเป็นบุญของฉันแล้วในชาตินี้ ... ขอคุณอย่าซ้ำเติมความต่ำต้อยของฉันอีกเลยนะคุณชาติ ฉันขอร้อง...”

“ อ้าวก็นึกว่าทำงานแล้วจะรวย เห็นเป็นงานง่ายๆเหนื่อยแป๊บเดียวก็สบาย...”

เสียงหัวเราะขื่นๆที่ดังลอดริมฝีปากออกมา ทำเอาดาวถึงกับเพิ่มความเกลียดชังมากขึ้นไปอีกหลายเท่า แต่งานเลี้ยงของมาวินยังไม่จบ ต้องอดทนเอาไว้อย่างถึงที่สุด ... เพื่อนคนดี ๆ อย่างมาวิน ...

“ ความจริงมันก็คือความจริง จะเสริมหรือปรุงแต่งมากมาย สุดท้ายก็คือตัวตนของตัวเราเอง ...”

“ คารมจากร้านวิกตอเรียหรือเปล่านี่....”

“ ไม่ใช่หรอกค่ะคุณชาติ มันคือความจริงที่คนขายของเก่าทุกคนต้องตระหนักถึงความไม่แน่นอนของสังขารที่ร่วงโรยตามวันเวลา หรือไม่ก็เรื่องหากินไม่พอยาไส้ ... จะอดตายถ้าไม่ออกไปทำงานทั้ง ๆ ที่กำลังเจ็บป่วยปางตายก็ต้องทำ เพื่อปากท้อง เพื่อญาติที่รออยู่ข้างหลัง ... คุณคิดว่าพวกเราจะไปทำอะไรถ้าไม่หากินด้วยวิธีนี้ ...”

“ งั้นก็แสดงว่าอาชีพขายของเก่าเป็นอาชีพที่ดี สมควรที่เยาวชนควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างงั้นล่ะสิ... หึ หึ ...”

เสียงหัวเราะที่แฝงเจือปนไปด้วยความเย้ยหยันเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่อยากรู้ ทำเอาหญิงสาวถึงกับมีอารมณ์อยากจะตะบันหน้าคนพูดขึ้นมาบ้างเหมือนกัน ... แต่คิดไปคิดมาเรื่องคำพูดแค่นี้ ไม่อาจจะทำอะไรได้อีกแน่นอน... จึงเงียบเสียงเอาไว้ฟังดีกว่า ...

“ ทำไมเงียบไปล่ะครับคุณดาวคนสวย หรือว่าผมพูดอะไรไม่จริงออกไป...”

ดาวถอนหายใจ รู้สึกเหนื่อยหน่ายกับผู้ชายที่หน้าตาแสนเปอร์เฟคตรงหน้า แต่คำพูดคำจาสุนัขไม่รับประทานเลย ...

“ ถ้าคิดได้อย่างนี่มันก็สุดแต่ความเข้าใจของคุณ แต่ฉันขอบอกไว้อีกครั้งนะว่า ... ไม่ว่าใครจะเป็นอะไร ที่ไหน อย่างไร หรือทำอะไรเมื่อไหร่ฉันจะไม่ขอรับรู้ ...ฉันไม่อาจจะเป็นตัวอย่างแก่เด็ก เรื่องความถูกต้องหรือศีลธรรมอะไรพรรณนั้นได้ แต่ในเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตในอาชีพ ฉันก็เล่าให้พวกเขาได้อย่างเต็มปากว่า ... ฉันเอาหยาดเหงื่อแรงงานเข้าแลก ไม่ได้คดโกงกินเหมือนใครหลายคนๆที่กำลังทำกันอยู่ในบ้านเมืองนี้ ... และที่สำคัญถึงพวกเราจะขายของเก่า แต่พวกคุณอย่าลืมว่าสิ่งที่คุณได้กลับไปก็คือความสุข ไม่ใช่เหรอ ...”

“ เชอะความสุขที่แลกมากับน้ำกามงั้นเหรอ...”

“ คุณจะคิดอะไรก็แล้วแต่ ... ถึงยังไงพวกเราก็เป็นคน เป็นมนุษย์มีเลือดเนื้อ เต้นเร่ารับรู้ความรู้สึกเหมือนกัน ... มันน่าแปลกที่คุณวินมีเพื่อนอย่างคุณได้...”

ดาวพูดสวนไปด้วยคำถามเด็ดทำเอาสมชายถึงกับสะอึกและหน้าตาแดงกร่ำขึ้นมาด้วยความโกรธ ก่อนจะตรงเข้ามาจับไหล่ทั้งสองข้างของหญิงสาวแล้วขู่ตะคอกออกมาว่า ...

“ ทำปากดีนักนะเธอ ... อย่าลืมกำพืดตัวเองสิว่าเป็นใคร...”

“ คุณพูดอย่างนี้ยิ่งไม่น่าจะเป็นเพื่อนคุณมาวินได้เลย ...”

“ ทำไม ...เธอมีดีอะไร หรือมีลีลาท่าทางรักท่าทางใหม่คิดประดิษฐ์ขึ้นมามัดใจนายวิน มันถึงกล้าพามาออกงานได้..”

“ เขาเป็นสุภาพบุรุษ ... ไม่เคยทำร้ายผู้หญิงแบบที่คุณกำลังทำอยู่ในตอนนี้...”

“ เอ๊ะอีบ้า... แกวอนซะแล้วนะ..”

สมชายเง้อมือข้างหนึ่งขึ้นเพื่อจะพาดเปรี้ยงลงใบหน้าของหญิงสาว แต่ก็ต้องชะงักเมื่อห้าวลึกดังก้องมาจากด้านหลังพร้อมแรงเหวี่ยงที่กระชากตามมาอย่างรุนแรง ...

“ หยุดเดี๋ยวนี้นะ...”

ดาวหันไปมองอย่างตกใจเมื่อเห็นหมัดหลุนๆของใครคนหนึ่งกำลังแหวกลอยไปในอากาศแล้วเลี้ยวโค้งปะทะหน้าของสมชายเข้าอย่างจัง ....

--------------------------------------------------

จบตอนที่ ๗ แล้วกรุณาติดตามความสนุกของชีวิตดาวในตอนที่ ๘ ในอาทิตย์หน้าขอบพระคุณที่เข้ามาตามอ่านอย่างจริงใจ และจากใจผมนายเมฆชราครับ ....




Create Date : 08 มิถุนายน 2552
Last Update : 8 มิถุนายน 2552 10:57:33 น. 0 comments
Counter : 792 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เมฆชรา
Location :
นครราชสีมา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




เข้าสู่ปีที่ 8
Friends' blogs
[Add เมฆชรา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.