จินตนาการสำคัญกว่าความรู้
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2552
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
29 มิถุนายน 2552
 
All Blogs
 
ฟ้ายังมีดาว ตอนที่ ๑๐

ฟ้ายังมีดาว ตอนที่ ๑๐




ถึงแม้อากาศยามเช้าจะสดชื่นจนอยากจะออกไปสูดอากาศที่แสนสบายนั้นเข้าเต็มปอดเหมือนอย่างที่เคยทำทุกเช้าบนดาดฟ้าของคอนโดแห่งนี้อย่างไงมาวินก็หามีความคิดที่ทำแบบนั้นอีกไม่ คิดเป็นเพราะว่าเช้าวันนี้ไม่เหมือนทุกวันที่ผ่านมานั่นเอง ... ชายหนุ่มหน้าตาคมเข้ม ร่างกายสูงใหญ่กำยำจากการเล่นกีฬากลางแจ้งอยู่เป็นนิจยืดแข้งยืดขาเพื่อขับความเมื่อขบก่อนจะทรุดตัวนั่งลงบนโต๊ะม้าหินอ่อนที่ตั้งตรงกลางลาน ...

เสียงโทรศัพท์ที่คล้องคอดังขึ้นมาสามครั้ง มาวินเอี้ยวตัวหยิบขึ้นมาดูว่าเป็นเบอร์ของใครถึงได้โทรมาหาในเวลายามเช้าตรู่เช่นนี้ เพราะถ้าหากเป็นลูกน้องคนสนิทจะรู้ได้ในทันทีว่าเวลานี้ไม่ควรรบกวนเวลาส่วนตัวของเจ้านาย ... แต่เสียงเรียกเข้าเร่งเร้า กระชั้นชิด จนชายหนุ่มรู้ได้ว่าต้องมีเรื่องไม่ธรรมดากับใครบางคนที่ปลายสายเข้าแล้ว ... จึงหยิบขึ้นมาดูปลายสายเป็นใคร ... มาวินถึงกับตะลึงเมื่อรู้ว่าเป็นใครกำลังโทรมา ...

“ ฮัลโหล..ว่าไงมิย่า มีอะไรเหรอถึงโทรมาแต่เช้าตรู่ขนาดนี้..”

“ วินหรือเปล่าคะนั่น ...”

“ ใช่ผมเอง มีอะไรกันเหรอเสียงถึงสั่นขนาดนั้นมิย่า ... เมื่อวานผมไปตามหาคุณที่ร้านกาแฟเขาภูหลวง พนักงานในร้านบอกว่าคุณไปเที่ยวหัวหินกับคุณเหมียว กับเพื่อนอีกหลายคน ...”

มาวินพยายามป้อนคำถามไป แต่อีกฝ่ายยังคงอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะตอบพร้อมน้ำเสียงที่สั่นเครือเช่นเดิมว่า ...

“ ใช่ย่ามาเที่ยวหัวหิน กับเพื่อนๆ กับคุณสินธพ ... วินคงรู้จักดีนะ...”

“ อะไรนะย่า ... คุณไปกับไอ้หน้าปลาจรวดนั่นได้ไง ... มันมีลูกมีเมียแล้วนะ รู้หรือเปล่า ...”

“ ฉันรู้ ฉันรู้ดีว่ากำลังทำอะไรอยู่ ... แต่ก็ไม่แคร์หรอกว่าใครจะว่าอะไร คิดอะไร ...ช่างหัวมันเถอะ เอาอะไรมากกับชีวิตมากมายนักนะวิน ... ดูอย่างคุณสิเพชรแท้อยู่ในมือแท้ๆ กับทิ้งลงพื้นแล้วหยิบก้อนกรวดไม่มีราคาค่างวดขึ้นมาเชยชม แล้วหลอกตัวเองว่า นี่แหละสิ่งที่ตัวเองต้องการ ... ทั้งๆที่เวลาอยู่ในสังคม มันคนละเรื่องกัน...”

“ นี่มิย่า ... ผมไม่รู้ว่าคุณไปรับรู้ข่าวอะไรมา แต่ผมขอบอกก่อนนะว่าอย่าไปละลาบละล้วงถึงบุคคลอื่นๆ จะคุยกับผมก็พูดถึงผม หรือคนรู้จักอะไรก็ ได้ ... ไม่ต้องพาดพิงถึงใครคนไหนอีก เข้าใจนะย่า ...”

“ แต่ก่อนวินไม่เคยเป็นแบบนี้เลยงั้นแสดงว่าที่คุณเอานังโสเภณีพลัดถิ่นที่ชื่อเดือน ๆ ดาว ๆ อะไรนั่นน่ะเป็นเรื่องจริง”
“ ถ้าผมตอบว่าใช่ คุณคงไม่เชื่อ เอาเป็นว่าผมกับดาวกำลังอยู่ในช่วงคบหาดูใจกัน ... โอเคมั้ยย่า...”

“ วินขา ... ทำไมคุณถึงคิดสั้นไปเอานังเด็กต่ำๆ นั่นมาแทนย่าล่ะ ..”

“ ไม่มีใครแทนใครน่ะย่า ผมชอบดาว รักดาวอย่างจริงใจ ... และที่สำคัญเธอเป็นคนดี ไม่มีพิษภัยกับใคร แต่บังเอิญอาภัพโชคถูกคนรังแกอยู่ตลอดเวลา ชีวิตเลยต้องตกต่ำ .. ไม่มีวันลืมตาอ้าปากอะไรได้เลยในชีวิต ...ถ้าหากผมไม่ช่วยเธอออกมาจากนรกนั่น ... เราอาจจะเสียคนดีๆในสังคมไปก็ได้ ...”

“ อ้อ ... ที่แท้เป็นความรักที่เกิดจาดความสงสารนั่นเอง ...” รัศมิยาหัวเราะร่วนคล้ายเยาะเย้ยถากถางกลายๆ

“ ไม่นะย่า ... ผมเห็นเธอครั้งแรกก็รู้เลยว่า ผู้หญิงคนนี้แหละที่ผมจะอยู่ด้วย แก่เฒ่าด้วยกันไปตลอดชีวิต...”

“ แต่ย่าว่าตอนนี้คุณกำลังหลงอยู่นะคะวิน ... คุณจะมีความสุขกับความแตกต่างได้ยังไง ... นังโสเภณีนั่นมันคนละชั้นกับพวกเรา มันหาเช้ากินค่ำ มันเห็นเงินสิบบาทยี่สิบบาทเป็นเรื่องใหญ่โต แต่สำหรับสังคมพวกเราแค่นั่นมันเศษเงิน พวกเราต้องสิบล้าน ร้อยล้ายถึงจะมาพูดคุยกัน ...”

“ โธ่มิย่า ... งั้นแสดงว่าตั้งแต่เราคบกันมานานหลายปี คุรไม่เคยเข้าถึงความคิดผมเลย ...”

“ อะไรกันวิน ... ย่าก็ทำทุกอย่างๆที่วินต้องการแล้วนี่นา ... จะเอาอะไรอีก..”

“ คุณยังขาดความเป็นมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดา รากหญ้าเดินดินกินข้าวแกงไงล่ะย่า ... คุณกินก๋วยเตี๋ยวข้างถนนกับผมได้ไหม คุณไปบริจาคอาหารที่บ้านพักคนตาบอดกับคนชราวัดม่วงได้ไหมล่ะ ... ตอบผมมาหน่อยสิ...”

“ ใช่ย่ายอมรับว่ารังเกียจสิ่งที่วินพูดมา ย่าคงทำไม่ได้เหมือนอีนังเด็กวิกตอเรียนั่น ...”

“ เวลาคุยกับผม อย่าไปพาดพิงถึงคนอื่น ... เข้าใจมั้ยย่า...ผมไม่ชอบ...”

“ รู้ค่ะรู้คุณมาวิน ... เดี๋ยวนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้วนี่นา ... ย่าควรสำนึกเอาไว้ใช่ไหม ...” รัศมิยาปล่อยโฮออกมาอีกรอบ พร้อมเสียงสะอื้นที่มาวินฟังดูน่าสงสารอดีตคนรักอย่างบอกไม่ถูก จึงปลอบไปว่า ...

“ ผมไม่ได้หมายความว่ายังงั้นสักหน่อยย่า ...”

“ ไม่ต้องมาปลอบย่าแบบฝืนทนหรอก ... ต่อไปก็ปล่อยให้ย่าเป็นแบบนี้แหละดีแล้ว ... คุณมีความสุขกับคนที่รัก แล้วย่าล่ะวิน ... ย่าจะอยู่ได้ยังไงถ้าไม่มีคุณ ชีวิตที่เลือกทางดีมาตลอด พอเจอคุณย่าก็มีความหวัง .. มีอนาคตที่ดีงามรอข้างหน้า ... แต่พอวันเวลาผ่านไป ... คนที่เปลี่ยนแปลงไปกลับเป็นวิน ... ทั้ง ๆ ที่เราสองคนเคยสัญญาต่อหน้าท่านย่าโมว่าจะอยู่กันจนแก่เฒ่า ไม่แยกจากกันไปไหนอีกแล้ว ... วินจำวันเกิดของวินวันนั้นได้ไหม...”

หญิงสาวไม่ได้ยินคำตอบในทันที แต่พอเวลาผ่านไปสักครู่ใหญ่กลับได้ยินเสียงถอนหายใจดังมาจากปลายสายแทน ..

“ ฟังผมนะมิย่า ... คุณไม่ต้องขุดเอาเรื่องเก่าๆมากระตุ้นเตือนผมหรอก ... ตลอดเวลาที่เราคบหากันคุณคงไม่รู้หรอกนะว่า ผมรู้เรื่องที่คุณไปนอนกับใครต่อใครมากมายหลายคน จนลูกเมียเขามาอาละวาดก็ตั้งหลายครั้ง ... นี่ไงล่ะสาเหตุที่ผมเลือกที่จะเดินจากคุณไปเพราะคุณไม่เคยซื่อสัตย์กับผมในทุกครั้งที่ผมเผลอหรือไปดูงานต่างจังหวัด หรือต่างประเทศ ...”

“ บ้า บ้าที่สุด ... วินเอาอะไรมาพูด... ย่าไม่เคยไปไหนนอกจากร้านกาแฟของเราสองคนเท่านั้น...”

“ ถ้าจะบอกว่าผมมีหลักฐานเป็นวีดีโอ ... คุณจะตกใจไหมมิย่า...”

“ อะไรนะวิน ... คุณไปจ้างนักสืบเอกชนติดตามตัวชั้นหรือนี่ ...” รัศมิยาแทบร้องกรี๊ด เอามือทาบอกด้วยความตกใจ

“ ผมเพียงแค่อยากจะรู้เรื่องราวบางอย่างก็เท่านั้นมิย่า ... ซึ่งผลลัพท์ที่ได้ก็คุ้มแสนคุ้ม ... ผมดีใจกับคุณด้วยนะที่สามารถจับนายสินธพได้ ถึงแม้ตอนนี้มันอาจกำลังหลอกคุณว่ากำลังจะหย่าเมีย แล้วลูกๆสองคนไม่ได้เป็นภาระ..”

รัศมิยาได้ฟังเรื่องราวจากปลายสายแทบจะร้องกรี๊ดออกมาให้ลั่นห้องไป แต่ก็ติดตรงที่สินธพกำลังหลับสบายอยู่ข้างๆ นอนหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข ... ปล่อยให้หญิงสาวรับฟังเรื่องบ้าๆ อะไรอยู่ก็ไม่รู้ ....

“ ไม่จริง ... วินโกหกใช่ไหม...”

“ ผมจะหลอกคุณไปทำไมย่า ... คุณก็ลองเถียงผมสิว่ามันไม่จริง เป็นเรื่องที่สายสืบผมเข้าใจผิดจากภาพในกล้องวงจรปิด และภาพถ่ายอีกเป็นร้อยเป็นพันนั่นอีกล่ะ ....”

“ ฮือ ๆ ๆ ๆ คุณใจร้ายมากเลยนะวิน ... ทำไมเราไม่คุยกันดีๆ บอกย่ามาสิว่าไม่พอใจอะไร… จะได้ปรับปรุงให้ถูกใจไงล่ะ ... แต่วินต้องรู้อยู่อย่างหนึ่งนะว่าที่ย่าเป็นแบบนี้ก็เพราะใคร ... ไม่ใช่เพราะไอ้การงานที่คุณทุ่มเทจนไม่เป็นเวล่ำเวลา พอกลับมาที่คอนโดคุณก้เอาแต่นอน ... ยิ่งพักหลังคุณห่างเหินมิย่าไปเหมือนเป็นคนละคนกับคนก่อนๆ ... ถ้าคุณเป็นย่าคุณจะทำยังไงถ้าไม่ทำวิธีนี้ ...”

“ วิธีการที่คนรุ่นใหม่เรียกว่าสวมเขาผม และเป็นชู้กับผัวชาวบ้านกันทีละหลายๆคนงั้นเหรอย่า ...”

“ กรี๊ด ๆๆ ..คุณดูถูกย่าแบบนี้ได้ไง ... ย่าไม่ยอมนะ...”

“ เฮ้อ ... เอาล่ะไหน ๆ ก็ได้เจอได้คุยและได้เปิดอกอะไรกันมาเยอะแล้ว ... ผมจะเห็นแก่ความสัมพันธ์ที่คุณมีให้ผมด้วยดีมาตลอด เอาไว้วันหลังจะยกวีดีโอทั้งหมด รวมทั้งภาพอุจาดตาพวกนั้นให้คุณไปทั้งหมดเลย ถือว่าเราสองคนเจ๊ากันไป ถ้าเป้นไปได้อย่าได้เจอะเจอกันอีกเลย ... ส่วนหุ้นส่วนร้านกาแฟกับร้านเค้กในห้าง ผมก็ยกให้เป็นของขวัญการคบหากันของคุณกับเจ้าสินธพ ... อ้อ ... อย่าลืมไปบอกนายสินธพที่กำลังนอนข้างๆ คุณด้วยว่าการเข้าหาผู้หญิงแล้วใช้เจ้าหล่อนเป็นเครื่องมือแบบนี้ ... เขาไม่เรียกว่าลูกผู้ชายหรอกนะ ... โชคดีนะมิย่า ..ผมขออวยพรให้คุณมีความสุขตลอดไป ...”

“ เดี๋ยวก่อนสิวิน ... เดี๋ยวสิเดี๋ยว ... โธ่ วางสายไปแล้ว ฮือ ๆ ๆ ๆ ๆ ...คนใจร้าย...”

รัศมิยากระแทกโทรศัพท์ลงบนเตียงด้วยความรันทดใจ ร้องไห้คร่ำครวญออกมาอย่างเสียงดัง ไม่กลัวสินธพที่นอนร่างเปลือยอยู่บนที่นอนจะรับรู้เสียงร้องไห้ของหัวใจที่แตกสลายอีกต่อไปแล้ว ... ร่างขาวโพลนสูงใหญ่พลิกผ้าห่มไว้พันกายแล้วยันตัวลุกขึ้นมา สีหน้างัวเงียยังไม่ตื่นจากการนอนดี เอ่ยถามด้วยความงุนงงว่า ...

“ เกิดโลกแตกอะไรขึ้นเหรอมิย่า ...ทำไมร้องไห้ฟูมฟายตาแดงซะขนาดนี้...”

“ ไป ไป ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ... ฉันจะไปอาบน้ำและกลับกรุงเทพเดี๋ยวนี้แล้ว...”

“ อะไร ... เป็นอะไรกันอีกนี่คุณ..”

สินธพมีสีหน้าท่าทางงุนงงกับปฏิกิริยาของอีกฝ่ายก่อนจะเดินโทงๆ ไม่มีอาภรณ์ติดกายเข้าไปอาบน้ำร่วมกับหญิงสาว ซึ่งวิธีการนี้ชายหนุ่มบอกกับตัวเองว่ามันใช้ได้ผลกับผู้หญิงช้ำใจมาหลายคนแล้ว ....

----------------------------------------

แม้จะมองเห็นว่ารถราวิ่งผ่านไปมาจนตาลายไปหมด แต่ร่างบางก็พยายามหยัดตัวให้พิงเสาไฟฟ้าให้ได้ ถึงอาการเจ็บปวดรวดร้าวไปทั้งตัวจะพยายามฟ้องตลอดเวลาว่าให้หาที่หยุดนั่งพักก่อน แล้วค่อยทำอย่างอื่นต่อไปก็ตามเถอะ ...

ดาวเซทรุดไปพิงกับป้ายรถเมล์ที่มองเห็นตรงหน้า ซึ่งก็นับว่าโชคดีแล้วที่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่คนงานในโรงงานใหญ่ใกล้ๆที่หญิงสาวยืนอยู่จะออกมาจากที่นั่น กันในกะค่ำกะนี้ ... บาดแผลจากการถูกรุมทำร้ายยังปวดหน่วง ๆ ไม่หาย .... สภาพใบหน้าที่เริ่มจะเขียวคล้ำและบวมพองกำลังแสดงออกมา .... ทุกอย่างดูเลวร้ายที่สุดในวันนี้เพราะความอาฆาตแค้นของคนเพียงสองคนเท่านั้น ...

พอคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อสักครู่ใหญ่ที่ผ่านมา ... ดาวถึงกับปล่อยให้น้ำตาเจ้ากรรมไหลออกมาเป็นทางอาบสองแก้มนวลโดยไม่เช็ดเลย ... ถ้าถามความเห็นนางสุนีย์กับสาลินีว่ารุมทำร้ายตนเองทำไม ... ก็ไม่แน่ใจว่าจะได้รับคำตอบที่แท้จริงกลับมาหรือเปล่า เพราะการที่คนทั้งสองพาชายฉกรรจ์ไม่ต่ำกว่าสี่คนเข้ามาประทุษร้ายถึงในบ้านแทนคุณ …
มันเป็นเรื่องไม่ธรรมดาเลยถ้าคนทั้งหมดไม่มาอย่างประสงค์ร้ายเต็มที่ ...

แต่ก็นับว่ายังดีที่ป้าแก่คนเหงาข้างบ้าน ได้เห็นภาพคนหมู่มากกำลังรุมทำร้ายสาวน้อยบอบบางอย่างอยุติธรรม จนไม่มีทีท่าว่าจะหยุดถ้าตนเองไม่ทำการอะไรไปสักอย่าง ... ความคิดแรกแว่บเข้ามาในหัวของหญิงชราก็คือต้องเรียกยามรักษาการณ์ที่หน้าหมู่บ้านให้มาช่วยหญิงสาวเพื่อนบ้านเคราะห์ร้ายโดยเร็วที่สุด เท่าที่จะเร็วได้ ....

ในตอนนั้นดาวรับรู้แต่ว่านางสุนีย์บริภาษตนเองอย่างแสบร้อน พร้อมกับยกปืนขึ้นมาเล็งที่ขมับ พร้อมกับขู่เอาไว้ว่า...

“ จำเอาไว้ใส่กะโหลกหนา ๆ ของแกเอาไว้เลยนะอีขี้ข้า ... ว่าชาตินี้มึงจะไม่มีทางได้เป็นลูกหลานกู หรือแม้แต่สะใภ้อย่างที่ฝันไว้ก็อย่าหวัง ...”

สาลินีที่ยืนตัวแข็งอยู่ข้าง ๆ หลับตาปี้กลัวเจ้ารีวอลโว่สีดำทะมึนจะลั่นออกมา ...

“ แม่จะยิงนังสกปรกนี่เหรอ ...”

“ ฉันเป็นแม่แก ฉันรู้อะไรควรไม่ควร ...”

“ แต่แม่จะเป็นฆาตกรฆ่าคนตายนะ ... นี่กลัวน่ะแม่ ...อย่าทำเลยนะจ๊ะ...”

นางสุนีย์หัวเราะออกมาอย่างสะใจ ก่อนจะ ก้มมองร่างที่ถูกซ้อมมาอย่างสะบักสะบอมของหญิงสาวแล้วหัวเราะอย่างสะใจอีกครั้ง คราวนี้มันบาดลึกเสียดแทงความรู้สึกดาวอย่างแท้จริง ... สาลินีโบกมือให้ชายฉกรรจ์ท่าทางไม่เป็นมิตรออกไปนอกบ้านก่อน ... แต่ตัวเองกลับมายืนจ้องปืนที่อยู่บนขมับศัตรูหัวใจกึ่งอยากดูกึ่งกลัว แต่มิวายที่จะวี๊ดว้ายออกมาเป้นพัก ๆ

“ แม่จ๋า ... นี่ว่าอย่าฆ่านังดาวมันเลย ... ถ้ามันตายก็เท่ากับเราฆ่าหลานในสายเลือดเราไปนะแม่...”

“ เชอะ ..ใครไปนับญาติว่าลูกมันเป็นหลานชั้นไม่ทราบ ... ฉันกำลัง จะฆ่ามันให้มันตายไปจากครอบครัวเรา แทนคุณจะได้มีชีวิตที่ดีขึ้น อนาคตสวยงามกำลังรอเขาอยู่ ไม่ใช่มาจมปลักกับโคลนเลนสกปรก ชาตินี้ทั้งชาติไม่มีวันได้โผล่พ้นน้ำแน่ๆ ... นี่เสียดายที่รู้ช้านะ ถ้ารู้เร็วกว่านี้รับรองว่า มันแหลกคาร้านคาราโอเกะเน่าๆพรรณนั้นไปแล้ว ...”

นางสุนีย์แกว่งปืนไปมาน่าหวาดเสียว โดยที่มือข้างหนึ่งจิกผมหญิงสาวจนหน้าหงาย ก่อนจะพูดต่อไปว่า ...

“ นี่นนนี่ ... ฉันขอถามแกสักหน่อยว่าแกจะยอมรับนังสารเลวคนนี้มาเป็นญาติแกเหรอ ... ถ้าแกรู้ว่ามันเคยเป็นเมียพ่อแกตั้งแต่อายุสิบสี่ แถมยั่วให้ท่าจนเกิดเรื่องวันนั้นที่พ่อแกแทบตายเพราะถูกยิงเข้าที่ท้อง รักษาหมดไปหลายแสน ... ก่อนที่มันไม่รักดีชอบใจบุญให้ทานด้วยร่างกายไว้เป็นของสาธารณะ .... ใครมีเงินก็ได้ขึ้นสวรรค์ไปกับมันด้วยเงินไม่กี่ร้อย ... แบบนี้เหรอที่แกจะให้มันมาเป็นพี่สะใภ้ ... ฉันขอถามหน่อยสิ ...”

“ แต่แม่ก็ทำเกินไป ... ดูมันสิน่าสงสารออก ...”

“ นนนี่ ... ฉันเลี้ยงแกมาไม่ได้เพื่อจะให้มาอ่อนแอเหละแหละใจอ่อนแบบนี้ ... แกเป็นลูกที่ฉันรักที่สุด ขอให้ได้สักครึ่งในสิ่งที่เป็นก็พอ .. แม่ไม่ขออะไรมากแล้วในชีวิตนี้ ...”

“ นี่เข้าใจแม่ดี ...”

สาลินีหยุดคำพูดเอาไว้แค่นั้นยืนเฝ้ามองผู้เป็นแม่กวัดแกว่งปืนไปมาอย่างหวาดเสียว ก่อนจะตกตะลึงเมื่อนางสุนีย์เปลี่ยนใจเก็บปืนไว้ข้างตัวแล้วพูดว่า ...

“ ฉันว่าเปลี่ยนใจดีกว่า...”

“ แม่เรากลับกันเถอะดูสิ ...นังดาวมันสลบไปกองกับพื้นไปนานแล้ว...”

ก่อนที่ทั้งสองจะมองเห็นว่าดาวได้นอนสลบจากการถูกซ้อมมาอย่างหนักแล้วได้ลงไปนอนกองกับพื้นเรียบร้อยแล้ว เสียงเอะอะก็ดังมาจากจากข้างนอกพร้อมความโกลาหลเกิดขึ้นมากลายๆ ... ชายผิวดำคล้ำร่างสูงใหญ่ ไว้หนวดไว้เคราดูน่ากลัวท่าทางไม่เป็นมิตรกับใครในโลกได้โผล่พรวด หน้าตาตื่นวิ่งเข้ามาแล้วละล่ำละลักว่า ...

“ คุณนีแย่แล้ว ...ไอ้ทัพที่ยืนดูลาดเลาตรงสี่แยกหน้าหมู่บ้านมันบอกว่า รถตำรวจกำลังตรงมาทางนี้ ... ผมว่าเรารีบเผ่นกันเถอะ ประเดี๋ยวจะซวยกันไปหมด ... ผมยังไม่อยากจะเข้าไปตารางตอนนี้...”

สาลินีเอามือทาบอก ใบหน้าซีดด้วยความตกใจที่เหตุการณ์ร้ายๆกำลังจะกลับมาลงโทษพวกตนเอง ก่อนจะตอบว่า...

“ เรากลับกันเถอะแม่ ..นี่ยังไม่อยากจะเป็นข่าวหน้าหนึ่ง...”

“ ไป ไป นายโผน เอารถออกเดี๋ยวนี้เลย ...”

“ ครับ ... งั้นเรารีบไปกันเถอะ...”

นางสุนีย์เดินลิ่วออกไปนอกบ้านพร้อมกับนนนี่อย่างรวดเร็วทำเวลาแข่งกับตำรวจที่จะเข้ามาตรวจตราความเรียบร้อยตามคำแจ้งความของยายพลเมืองดีข้างบ้าน ... พอเสียงบดล้อของกลุ่มนางสุนีย์เคลื่อนออกไปอย่างรวดเป็นจังหวะเดียวที่สติสัมปชัญญะของหญิงสาวได้ฟื้นคืนกลับมาในทันทีทันใด ....

ดาวหันซ้ายหันขวาจนเห็นว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ทุกอย่างได้เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว คงเหลือร่องรอยการรื้อค้น ทำลายข้าวของ และความปวดระบมไปทั่วร่างกายยังคงมีให้ได้รู้สึก .... ประสาทสัมผัสที่หกรับรู้และสั่งการแบบปัจจุบันทันด่วนว่าต้องหนีออกไปจากบ้านหลังนี้ให้เร็วที่สุดไม่ว่าจะอยู่ในสภาพร่างกายเป็นยังไงก็ตามที...

หญิงสาวเดินลัดเลาะตามทางเล็กแคบพอให้รถสองคันวิ่งผ่านได้ในหมู่บ้านออกไปถึงถนนใหญ่ ก่อนจะไปหยุดตรงป้ายรถเมล์ใกล้ๆ โรงงานทำปลากระป๋องที่มีพนักงานร่วมสามพันคน ....

----------------------------------------

หลังจากได้แวะเวียนไปไถ่ถามหาหญิงสาวอันเป็นดวงใจที่ร้านคาราโอเกะวิกตอเรียตรงหัวมุมโค้งใกล้โรงแรมชื่อดัง มาวินก็ได้รับคำตอบกลับมาเหมือนทุกครั้งนั่นก็คือ ... ดาวไม่ได้มาที่นี่ และไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน ... ตั้งนานแล้ว ...

แต่ความพยายามในทุกวันก็ไม่ได้สูญเปล่า เพราะในการมาที่นี่ทุกครั้งมักจะได้รับการต้อนรับจากสาวน้อยตาคมชาวใต้ได้มารายงานข่าวคราวของหญิงสาวอยู่เป็นระยะ และทุกครั้งด้วยเช่นกันที่ชายหนุ่มมักจะมีของขวัญของฝากติดไม้ติดมือมาไว้ให้พนักงานในร้านอยู่ไม่ขาด ...

วันนี้เป็นอีกวันที่มาวินว้าเหว่ใจ ... จะด้วยไม่มีใครให้ได้ถามแม้แต่สาวน้อยตาคมคนเดิม เพราะร้านวิกตอเรียปิดประตูที่หน้าร้านพร้อมประกาศเอาไว้ว่าจะเดินทางไปทำบุญที่จังหวัดศรีสะเกษเป็นเวลาสามวัน ... ชายหนุ่มจึงหิ้วขนมหวานและของฝากอีกจิปาถะกลับมาขึ้นรถดังเดิม พร้อมหัวใจที่ห่อเหี่ยว ท้อแท้ ในการตามหาหญิงสาวอันเป็นที่รัก ...

หลังจากเหตุการณ์ที่คอนโดในคืนวันนั้น ... มาวินไม่นึกคิดเลยว่าผู้หญิงอย่างดาวจะใจเด็ด ผละหนีหายไปจากชีวิตตนเองอย่างไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้เลย ไม่ว่าจะพลิกแผ่นดินเมืองโคราชออกตามหายังไงก็ตามที ก็ไร้เงาของหญิงสาว ...

ชายหนุ่มรับรู้ถึงความผูกพันที่เกิดขึ้นอย่างแสนหวาน ละมุนละไม ประทับตราไว้ในความทรงจำตลอดไปของค่ำคืนที่แสนพิเศษ ยังวนเวียนก้องอยู่ในหัวสมองอยู่ตลอดเวลา ทั้งๆที่เกมสวาทที่ผ่านมาตนเองก็ช่ำชองมากพอสมควร ... แต่กับดาว ไม่รู้เป็นเพราะอะไรถึงอยากจะลิ้มชิมรสหอมกรุ่นจิตอยู่ได้ ไม่รู้สึกเบื่อหน่ายเหมือนกับผู้หญิงสาวสวยมากหน้าที่ผ่านเข้ามาในเส้นทางความรัก ....

รัศมิยานั่นก็อีกคน ... บทรักที่เร้าร้อนและความรุนแรงที่โหมเข้าโรมรันทำเอามาวินเพ้อไปอยู่พักใหญ่ แต่พอเวลาผ่านไปนานสองสามปี ชายหนุ่มกลับไม่รู้สึกอยากจดจำ และกระทำแบบนั้นอีกต่อไปอีกแล้ว ... ไม่รู้เพราะสาเหตุอะไร จนเพื่อนฝูงบางคนถึงกับแซวมาว่าความรักของมาวินกับรัศมิยามาถึงทางตัน และกำลังเหมือนยาที่รอวันเวลาหมดอายุ ... ซึ่งความจริงก็ต้องเป็นความจริงวันยังค่ำ ... หญิงสาวสวย รวยเด่นดังมากหน้าหลายตา ทั้งที่มีพันธะและไม่มีพันธะต่างดาหน้าเข้ามาให้บริการกับชายหนุ่มเนื้อหอมแห่งเมืองใหญ่ภาคอีสานกันคับคั่งหนาตา ....

สุดท้ายเขาก็ไม่ได้เลือกใครเป็นจริงเป็นจังสักคน มีแค่คบหาควงไปตามงานเลี้ยงต่าง ๆ ก็คือสาวสวยหยดย้อยที่ชื่อรัศมิยาคนนี้คนเดียว ... แต่ก็อย่างที่บอก ความรักก็เหมือนนมแก้วหนึ่ง ที่พอทิ้งเอาไว้นานจนลืม มันก็บูดเน่าเสีย ... ไร้ราคาเหมือนตอนที่เทลงแก้วครั้งแรก ...

เสียงเครื่องยนต์ดังหึ่ง ๆ จนราบเรียบปกติ บอกให้มาวินรู้ว่าตอนนี้ได้ออกมานอกเมืองมาไกลโขแล้ว ... จุดหมายปลายทางที่ไม่ได้คาดคิดไว้ผุดขึ้นมาให้ได้มากมายหลายที่ แต่เพื่อเป็นการประหยัดน้ำมัน ตามนโยบายช่วยชาติของรัฐบาลยังมีที่ที่หนึ่งที่ชายหนุ่มคิดไว้นานแล้วว่าจะแวะเวียนไปให้ได้ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ไปเสียที อาจจะเป็นเพราะไม่มีเวลาหรือนึกคิดแต่เรื่องส่วนตัวมากเกินไป จนลืมความฝันอันหนึ่งที่อยากจะทำมานานแสนนานแล้ว ....

พอรถเลี้ยวเข้าตรอกเล็กๆ ที่มีต้นหญ้าขึ้นทึบท่วมไปจนเกือบมองไม่เห็นทาง ตัวรถสปอร์ตหรูถึงกับกระเด้งกระดอนไปตามเส้นทางที่ขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อไปตลอดทาง .... พอพ้นโค้งถนนตรงหน้าก็เข้าสู่เวิ้งฟ้ากว้างจนมองเห็นผืนน้ำไกลสุดลูกหูลูกตา .... มาวินระบายยิ้มออกมาอย่างโล่งใจที่ตามหาจุดหมายปลายฝันได้อย่างที่ตั้งใจเอาไว้ ... รถสปอร์ตที่ตอนนี้ฝุ่นเกาะเกรอะกรังไปทั้งตัวรถจอดเทียบสนิทบนลานกว้าง ๆ ที่ตอนนี้มีสองชายหญิงวัยกลางคนยืนเตรียมพร้อมต้อนรับด้วยท่าทีที่เป็นมิตรยิ่งนัก ....

บ้านที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นกระต๊อบไม่ใหญ่ไม่เล็กที่ปรากฏอยู่ทางด้านหน้าของมาวินในตอนนี้ ทำเอาชายหนุ่มถึงกับทึ่งจัดในการจัดวางองค์ประกอบที่เรียกว่าความเรียบง่ายแต่มากประโยชน์ ... เพราะตัวบ้านที่เรียงรายด้วยไม้ประดับหลากชนิดจัดวางคู่กับก้อนหินน้อยใหญ่เรียงรายไว้อย่างน่าดูชม ... เสียงน้ำพุดังค่อยๆในตัวบ้านบอกให้รู้ว่าเจ้าของบ้านมีอารมณ์สุนทรีย์และมากรสนิยมสักแค่ไหน .... มาวินยกมือไหว้คนทั้งสองแล้วเดินตามไปซุ้มต้นพวงแสดที่กำลังออกดอกสีส้มบานสะพรั่งเต็มต้น ส่งกลิ่นหอมพิเศษชวนไหลหลงเข้ามาแตะจมูกจนต้องย่นเอามือปิดไว้บ้าง ...

“ คุณวินคงไม่คุ้นกลิ่นเจ้าพวงแสด ... มันหอมดีนะครับ...”

“ เอ่อ ...ก็หอมใช้ได้ ... แต่ผมอาจจะไม่คุ้นกับกลิ่นของมันก็เป็นได้ครับลุงแสน...”

“ นั่นสิคะ...ดูคุณวินท่าจะไม่เคยออกมาข้างนอก สูดอากาศโล่งๆ แบบบ้านท้ายอ่างนี่...”

“ ผมอยู่แต่ในอาคารที่มีแอร์คอนดิชั่นตลอดวัน ... พอเย็น ๆ ยังต้องเล่นกีฬาในห้องที่ติดแอร์อีก แถมพอจะนอนก็นอนหลับไม่ลงถ้าไม่เปิดเจ้าทำความเย็นตัวนี้อีกครับ ... เฮ้อ...ชีวิตคนในเมืองก็อย่างนี้แหละครับลุงแสน ป้าแก้ว…วัน ๆ มันก็หมุนเวียนไปอย่างนี้แหละ ... ที่ผมมาวันนี้ก็เพราะเรื่องหนีไปจากเจ้าแอร์พวกนี้ ... อย่างที่ตั้งใจไว้ไงครับลุงป้า ....”

มาวินเล่าเรื่องราวของตนเองให้ทั้งสองลุงป้าด้วยใจที่เป็นสุข พลางยื่นมือไปรับน้ำหวานสีเขียวใสส่งกลิ่นอายโซดา พร้อมน้ำแข็งที่ระไอความเย็นลอยขึ้นมาเหนือแก้ว ดูน่ารับประทานในสภาพอากาศร้อนแบบนี้ ...

“ เราสองคนก็รอคุณวินมาอยู่นานแล้วเหมือนกัน ... เมื่อวันก่อนโทรไปบอกคุณสุเทพ ผู้ช่วยของคุณก็ได้คำตอบไม่น่าพอใจนัก เห็นเขาพยายามจะเล่าว่าธุรกิจหลายอย่างของคุณกำลังจะดิ่งลงเหว เพราะช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดี กำลังซื้อบ้านจัดสรรน้อย ... แถมวัสดุอุปกรณ์ก็ขึ้นราคาเอากันยกใหญ่ ..และที่สำคัญวงการบ้านจัดสรรในเมืองโคราชการแข่งขันก็สูงมาก ยิ่งตอนนี้บริษัทเดินรถยักษ์ใหญ่ของประเทศก็กำลังจะโดดลงมาลุยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อีกเจ้าหนึ่งด้วยแล้ว ... ผมฟังไปมันชักทะแม่งๆยังไงก็ไม่รู้สิคุณวิน ....”

นายแสนพยายามเล่าความคิดที่ตนเองได้พบเจอขณะจะขอพบเจอหรือพุดคุยกับมาวินที่บริษัทให้ชายหนุ่มฟัง แต่คำตอบที่ได้รับทำเอาชายชราถึงกับอึ้ง มองดูคล้ายบริษัทของมาวินกำลังจะล้มสลายไปพร้อมกับต้มยำกุ้งรอบที่สอง

“ ต้องขอโทษแทนเขาด้วยที่ทำกิริยาไม่ดีกับลุง ... ตอนนี้ผมไล่นายสุเทพออกไปเรียบร้อยแล้วครับลุง...”

“ อ้าวงั้นเหรอ ..ทำไมเป็นยังงั้นล่ะคะคุณวิน...”

“ ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับป้า แค่ผมจับได้ว่าเขาปล่อยข้อมูลบริษัทไปให้คู่แข่งตั้งหลายครั้งแล้ว ... จนยกระทั่งผมมาระแคะระคายเอาเข้าจริงๆก็เมื่อเพื่อนที่ธนาคารโทรมาบอกว่าโครงการประมูลบ้านแถวการเคหะ ... ผมยื่นซองไปไม่ทัน ทั้งๆที่ได้สั่งล่วงหน้าไปเกือบสองเดือน ... เขาเค้นเอาความจริงจากหลักฐานว่าเขาเข้ามาบริษัทตอนดึกๆเสมอๆ ก่อนจะกลับออกไป พร้อมเอกสารปึกใหญ่ ... เมื่อจำนนด้วยหลักฐานเช่นนี้ ผมเลยให้ทางเลือกเขาสองทางคือ จะลาออกจากบริษัทโดยไม่ได้เงินเดือนหรือโบนัทอะไรเลย กับจะถูกล็อกตัวไปเพราะตำรวจจากกองเมืองมาลากไป ... เขาเลือกอย่างหลังครับ...”

“ ว้า ...ไม่น่าเชื่อนะครับ .. คุณสุเทพนี่เห็นจะอยู่กับคุณวินมานานแล้ว...”

“ ใช่ครับลุง เขาอยู่มาตั้งแต่ผมเปิดบริษัทใหม่ๆ ตอนนั้นสำนักงานเล็กตั้งอยู่ใกล้วัดปาสาละวันไงครับ...”

“ นี่แหละน่า ... ความโลภของคนไม่เข้าใครออกใครเลยจริงเชียว ... ขนาดคุณสุเทพที่ธรรมะธัมโมออกปานนั้นก็เหอะ..ไม่วายถูกกิเลสเข้าครอบงำ น่าเสียดายคนดีๆ มาเสียคนตอนแก่ เพราะความโลภตัวเดียวแท้ ๆ ...”

“ ไหนเรื่องก็ผ่านไปแล้ว ก็ช่างมันเถอะครับ ... ลุงป้าเตรียมผังไร่ที่ผมฝากร่างไว้หรือยังครับ...”

นายแสนเด้งตัวออกจากม้านั่งแล้วเดินเข้าไปในบ้านครู่ใหญ่ ก่อนจะเดินออกมาพร้อมกระดาษพิมพ์เขียวแผ่นใหญ่กางลงที่โต๊ะพร้อมกับเกริ่นออกมาว่า ...

“ มัวนอกเรื่องตั้งนาน ลุงขอโทษคุณวินด้วย ... ผมจะอธิบายระบบน้ำหยดในไร่เสมอดาวให้คุณฟังคร่าวๆนะครับ ..”

“ เริ่มเลยดีกว่าครับลุง ...”

“ พื้นที่ที่ผมจัดโซนเอาไว้ทั้งหมดห้าโซนตามแปลนอันนี้จะฝังท่อไว้ใต้ดินทั้งหมดเหมือนกับระบบไฟฟ้าในทั้งไร่ จะมีแค่ในเรือนคนงานกับโรงเก็บเครื่องมือที่ต้องเดินสายไฟฟ้าลอยไว้เผื่อจะแก้ไขในวันหน้า ถ้าคุณวินไม่ชอบแบบเดิมๆ ...”

“ นี่คือแปลนไร่เสมอดาวทั้งห้าสิบไร่ใช่ไหมครับลุงแสน...”

มาวินวาดมือไปบนพิมพ์เขียวอย่างเบามือ ... ความตื้นตันล้นปรี่ขึ้นมาจุกอก ไม่คิดนึกว่าที่ดินรกร้างว่างเปล่าที่ตนเองได้ซื้อไว้เมื่อตอนขึ้นเหนือคราวนั้นจะสานต่อความฝันอันเฉิดฉาย จนเป็นจริงได้อย่างที่ใจนึกคิดในวันที่ใกล้ถึงจุดอิ่มตัวทางธุรกิจ ... อา..ไร่แห่งความฝันกับคนรู้ใจที่จะหยุดเวลาไว้ด้วยกันตรงนั้น ...

“ ครับทั้งหมดห้าสิบสองไร่ ... แต่ถ้าเราซื้อที่ข้างๆก็จะได้เพิ่มมาอีกเท่าตัว ...”

“ ตอนนี้ผมว่าเราพอแค่นี้ก่อนดีกว่า ...ไว้ไปถึงที่นั่นค่อยคิดกันอีกที ผมพอจะรู้ว่าชาวบ้านแถบนั้นต้องการขายที่ที่ตนเองมีอยู่แทบจะทุกเจ้า เพราะทนการบีบคั้นนายทุนเจ้าของไร่ส้มไร่ติดกับเราไม่ไหว ...”

“ คนที่นั่นลำบากเรื่องนายทุนบุกรุกที่ป่าอย่างนั้นเหรอครับลุงแสน...” นายแสนหยิบแก้วที่พร่องไปของมาวินขึ้นไปเติมน้ำหวานที่ด้านในของกระท่อม เป็นจังหวะเดียวที่นางแก้วเอ่ยอธิบายแทนมาว่า ...

“ ค่ะคุณวิน ... ชาวบ้านจะทนนายทุนหน้าเลือดกันไม่ไหวแล้ว ยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงที่พวกมันพ่นยาฆ่าแมลง ... บนดอยเขาเสมอดาวจะคลุ้งไปด้วยกลิ่นสารเป็นพิษ .. ไม่น่าอยู่เลยสักนิด...”

“ ฮืม ... น่าคิด น่าคิด ถ้าผมได้ไปอยู่ที่นั่น คงได้ต่อสู้กับนายทุนพวกนี้เป็นแน่ ...” ชายหนุ่มเปรียบเปรยไว้ด้วยท่าทีขึงขัง แต่แฝงไปด้วยอารมณ์ขันที่มีมาพร้อมกันในน้ำเสียง ...

“ ป้าก็เชื่อว่าคุณวินทำได้อยู่แล้ว ... ว่าแต่ว่าบ้านเสมอดาวที่ให้ลุงออกแบบไว้ต่างหาก คุณวินจะให้ใครไปอยู่เหรอคะ”

“ เธอเป็นคนพิเศษของผม ...”

“ คนพิเศษคนนี้เรียกว่าแฟนได้หรือเปล่าคะ...”

นางแก้วยั่วยิ้ม ... พร้อมกับรับแก้วน้ำจากนายแสนที่กลับมาคราวนี้มีกล้วยน้ำว้าหวีใหญ่กับม่ะมวงถุงใหญ่วางกองไว้ที่พื้นเตรียมเอาขึ้นรถถ้ามาวินกลับไปหลังจากการสนทนาในวันนี้ …ชายหนุ่มตาคมระบายยิ้มออกมาเช่นกัน เข้าใจในคำถามของอีกฝ่ายที่จงใจจะถามว่าหญิงสาวที่จะไปอยู่ที่ไร่เสมอดาวนั้นเป็นใคร ...

“ ก็ทำนองนั้นครับป้า ... เอาไว้ถ้าพวกเราอพยพไปที่นั่นกันถาวรก็คงได้เห็นจนเบื่อแหละครับ...”

“ แล้วเมื่อไหร่ล่ะครับคุณวินที่เราจะไปอยู่นั่น ...”

“ ทำไมเหรอครับลุงแสน ... มีใครมาไล่ที่ท้ายอ่างลำตะคองนี่...”

“ มันก็ไม่เชิงหรอกครับ .. จริง ๆ แล้วเรื่องเจ้าหน้าที่กรมชลประทานมาไล่ที่ลุงแทบทุกปีที่น้ำลดลงแบบนี้ มันเป็นเรื่องปกติธรรมดา เพราะความเคยชินน่ะคุณวิน ... แต่อีกไม่กี่เดือนที่จะถึง น้ำฝนท่าจะมาแรงกว่าทุกปี ถึงตอนนั้นตัวบ้านกับเรือนเพาะกล้าไม้ และต้นหมากรากไม้ของลุงคงจมอยู่ใต้ก้นลำตะคองไปแล้วในตอนนั้น ...”

“ ผมเข้าใจเรื่องที่ลุงพูดนะครับลุงแสน ... ผมรับปากว่าจะเคลียร์ตัวเองเพื่อขึ้นไปอยู่จังหวัดน่านพร้อมกับลุงกับป้าและแม่ของผมโดยเร็วที่สุด ไม่น่าจะถึงสามเดือนต่อจากนี้ ...”

“ ดีค่ะคุณวิน ... ป้าจะได้เก็บข้าวของไว้รอ..”

“ อย่าหาว่าลุงเร่งอะไรเลยนะครับคุณวิน .... เรื่องราวมันก็เหมือนที่ผมบอกนั่นแหละครับ ขอโทษจริงๆ..”

“ ผมเข้าใจจริงๆลุงแสน ไม่ต้องกังวลอะไรนะ รอโทรศัพท์ของผมอยู่ที่นี่ ... ถ้าผมโทรมาบอกว่าจะเคลื่อนย้ายข้าวของ ลุงกับป้าก็แพ็คเป็นกล่องไว้ได้เลย เพียงแต่ตอนนี้ผมจะขอไปเคลียร์เรื่องบริษัททั้งหมด รวมทั้งเรื่องแม่ที่อยู่โรงพยาบาลจิตเวชนั่น กับเรื่องเอ่อ .... ส่วนตัวอีกนิดหน่อย ....”

“ เออ ...พูดถึงเรื่องแม่คุณวิน ตอนนี้อาการเป็นยังไงบ้างดีขึ้นหรือยัง...”

“ ยังไม่กระเตื้องขึ้นมาเลยครับป้า ... ผมไม่มีญาติที่ไหน ได้แต่จ้างพยาบาลพิเศษดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง แต่บางทีผมก็แวะไปนอนเป็นเพื่อนแม่บ้างเหมือนกัน ... แต่ดูเหมือนแม่จะเบื่อที่นั่นเต็มทน เห็นบ่นว่าพยาบาลดุ อาหารก็ไม่อร่อย แถมสุขอนามัยก็ทำแบบขอไปที ... ผมอยากจะเอาตัวแม่มารักษาเอง แต่ก็ติดที่ไม่มีเวลาเป็นของตัวเองเลย ... วัน ๆ วิ่งรอกไปทั่ว ทำแต่งาน งาน และก็งานครับลุงป้า...”

มาวินบ่นออกมาเหมือนได้ระบายความรู้สึกที่อยู่ข้างใน นางแก้วกับนายแสนหันหน้ามามองกันแล้วก็ส่ายหน้าอย่างเหน็ดเหนื่อยกับเรื่องราวของชายหนุ่ม ... ก่อนที่นายแสนจะเอื้อมมือไปจับที่ต้นแขนมาวินแล้วบอกว่า ...

“ คุณวินทำงานหนักเกินไปหรือเปล่า ..ปีนี้อายุคุณก็เยอะมาสมควร น่าจะหาคนมาดูแลได้แล้วนะครับ ...”

“ จะมีสาวคนไหนมาแลคนไม่มีเวลาให้อย่างผมล่ะครับลุงแสน ...”

“ แหมมาหยอกคนแก่เล่น ... ก็ผมเห็นคุณวินเนื้อหอม ชื่อเสียงดังเกรียวกราวตามหน้าหนังสือพิมพ์แทบจะทุกฉบับของเมืองโคราชไม่เว้นแต่ละวัน ... แถมยังได้ชื่อว่าคาสโนว่าฆ่าไม่ตายของสาวแก่แม่ม่ายอีกตั้งเยอะแยะ จนใครๆที่มีลูกสาวต่างก็กลัวว่าคุณจะไปหว่านเสน่ห์จนยากจะถอนตัวขึ้นมาได้กันครับ ...ฮ่ะ ๆ ๆ ๆ ”

“ โอ๊ยอย่าไปเชื่อข่าวลวงพวกนั้นเลยครับลุง ... มันไม่จริงอย่างนั้นหรอก แค่เขาขายข่าวให้ได้เท่านั้นเอง...”

“ แต่ผมก็เห็นสาวๆในภาพข่าวแล้วหลายคน แต่ละคนสวยสะเด็ดยาดไปเลยนะครับ..”

“ สาวๆพวกนั้นเป็นแค่ได้คู่ควง ... แต่ตัวจริงไม่นานลุงจะได้เห็น ...”

“ งั้นผมกับยายแก้วคงต้องรอวันนั้นนะครับคุณวิน...”

“ ครับลุง ...”

มาวินตอบไปเพียงสั้นๆ แล้วมองไปที่นาฬิกาก็เห็นว่าเวลาที่นั่งคุยกันนานร่วมสองสามชั่วโมงแล้ว เห็นควรจะขอตัวกลับในตัวเมิองซะที เพราะบางที่ถนนลูกรังที่เข้ามาน้ำอาจจะท่วมขึ้นมาก็เป็นได้ ... นายแสนเห็นว่าคุยธุระเหมาะสมแล้วจึงเดินออกมาส่งพร้อมยกกล้วยและมะม่วง แถมด้วยน้อยหน่าอีกจำนวนหนึ่งขึ้นรถสปอร์ต ...


พอรถขึ้นบนถนนลาดยางหกเลน ... ชายหนุ่มถึงกับโล่งใจที่หนทางสะดวกกว่าที่คิดเอาไว้ว่าวันนี้เป็นวันทำการธรรมดา บนถนนมิตรภาพจึงมีรถราวิ่งฉิวเข็มไมล์ได้เกิน 120 และไม่มีรถวิ่งจอแจเหมือนตอนเทศกาล ...

ชายหนุ่มขับรถเรื่อยมาตามทางเกิดความคิดอยากจะแวะหาอเนก เพื่อนร่วมเป็นร่วมตายครั้งเรียนมัธยมที่ตอนนี้กำลังนอนป่วยด้วยโรคสุราเรื้อรังอยู่ที่หมู่บ้านจัดสรรนอกเมืองโครงการใหม่ ... พอรถเลี้ยวเข้าไปในหมู่บ้านจนมาเจอบ้านของอดีตเพื่อนรัก มาวินก็พบว่าบ้านมีแต่ความเงียบเข้าปกคลุม ... พรางคิดในใจว่าสงสัยอเนกจะเข้าไปพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลมหาราชอีกแล้ว …

“ สงสัยอาการเก่าจะกำเริบ ...”

ขณะรถสปอร์ตหรูกำลังจะเลี้ยวออกมาจากหมู่บ้านเพื่อตัดเข้าถนนใหญ่อีกครั้ง ด้วยความเร็วเรื่อยเฉื่อยฉิวไม่มีธุระเร่งรีบจะไปใหน ... ชายหนุ่มจ้องมองไปข้างหน้าเพื่อใช้สมาธิในการขับให้ได้ดีที่สุด แต่ก็แว่บหางตามองเห็นว่ามีร่างบอบบางร่างหนึ่งกำลังเดินโซซัดโซเซอยู่ริมฟุตบาทคล้ายคนที่ใช่ในความคิดยังไงบอกไม่ถูก ....

เสียงล้อบดถนนเพื่อหยุดรถดังเอียดก่อนที่จะหันกลับไปทางเดิมทำเอาวินมอเตอร์ไซค์ที่อยู่ใกล้ๆ เลี้ยวตามองแทบจะทุกคน ก่อนที่สปอร์ตหรูจะวิ่งกลับไปทางเดิม แล้วหยุดตรงป้ายรถเมล์ ... พร้อมกับอาการถลาวิ่งไปของเจ้าของรถ ...

“ ดาว ...ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ ...”

มาวินโอบร่างที่เกือบจะสิ้นสติของหญิงสาวเข้ามาไว้แนบอกก่อนจะยกร่างบางลอยหวิวไปยังรถสปอร์ตที่จอดอยู่ พร้อมกับออกตัวไปข้างหน้า เพื่อไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด เร็วที่สุดเท่าที่เร็วได้ ...

“ อย่าเพิ่งตายนะดาว ... ผมจะพาคุณไปโรงพยาบาล ...”

-------------------------------------------------


ฟ้ายังมีดาว ตอนที่ ๑๐ จบลงแล้ว โปรดติดตามตอนที่ ๑๑ ได้ในอาทิตย์หน้านะครับผม ... ขอบพระคุณที่ติดตามชีวิตของดาวที่โชคชะตาแสนจะโหดร้าย กระหน่ำซ้ำเติมเข้ามา ... แต่อย่าเพิ่งตกใจเพราะชื่อเรื่องของนวนิยายเรื่องนี้คือ “ ฟ้ายังมีดาว” ยังไงยังไง บนท้องฟ้าก็จะยังมีดาวเป็นเสมือนเครื่องเตือนใจชีวิตเราเสมอ ๆ .... นายเมฆฉาย




Create Date : 29 มิถุนายน 2552
Last Update : 29 มิถุนายน 2552 10:07:57 น. 5 comments
Counter : 825 Pageviews.

 
กว่าจะเจอนะพ่อคุณ อิอิ


โดย: Kitsunegari วันที่: 12 กรกฎาคม 2552 เวลา:13:50:05 น.  

 
way not up date more?


โดย: 4748 IP: 213.37.170.151 วันที่: 3 กันยายน 2552 เวลา:6:44:24 น.  

 
กะว่าเข้ามาจะเจอบทใหม่ แต่ที่ไหนได้ เฮียเบี้ยวซะงั้น


โดย: Kitsunegari วันที่: 3 กันยายน 2552 เวลา:16:56:24 น.  

 
จะรอเรื่องนี้นะคะ



โดย: คน IP: 125.26.58.160 วันที่: 13 ตุลาคม 2554 เวลา:2:12:59 น.  

 
ขอบคุณมากคะ เปนเรื่องราวที่น่าติดตาม สะท้อนสังคม หวังว่ามันจะเปนแค่นิยาย


เปนกำลังใจให้นะคะ


โดย: อ้อม IP: 69.243.101.20 วันที่: 20 สิงหาคม 2555 เวลา:23:28:01 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เมฆชรา
Location :
นครราชสีมา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




เข้าสู่ปีที่ 8
Friends' blogs
[Add เมฆชรา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.