จินตนาการสำคัญกว่าความรู้
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2553
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
26 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 
กาหรือหงส์ ตอน ๓๖

กาหรือหงส์ ตอน ๓๖





สายน้ำน่านที่ไหลเชี่ยวข้นคลักอยู่ข้างกายสวนทางแล่นลิ่วไปข้างหลังอย่างรวดเร็วราวกับสายลมแรงกล้า อีกทั้งเสียงปลุกเร้าที่รายรอบตนเองขณะนี้ทำเอาหัวใจที่เต้นตุบตั๊บดังกองเพลระรัวลั่น เลือดในร่างกายฉีดพุ่งปรู๊ดปราดคล้ายกระแสไฟแรงสูงแล่นไปมาของอิสราแทบจะโลดแล่นไปชิมลิ้มรสความหอมหวานของชัยชนะของเส้นชัยที่อยู่ตรงหน้าเพียงแค่เอื้อมเท่านั้น ....

เพราะตั้งแต่เสียงปืนดังลั่นไปทั่วบริเวณเส้นปล่อยตัว ฝีพายรูปประมาณเกือบสามสิบชีวิต ร่างกำยำบ่งบอกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมัดแกร่งทนทานและอดทนอย่างเต็มที่ ที่ตอนนี้สวมเสื้อสีเขียวสลับส้มอันเป็นสีประจำโรงเรียนมัธยมท่าวังหินพลิกพลิ้วสะบัดไปตามแรงลมที่พัดเข้ามาปะทะจะมองดูแล้วทั้งสวยงามและแก่งกล้าในเวลาเดียวกัน ต่างก็ทุ่มแรงกายทั้งหมดไปที่ไม้พาย พร้อมกับเงี่ยหูคอยฟังสัญญาณที่ได้ยินจากท้ายเรือ ...

..... ออก ออก อัด อัด และ บิน บิน ....

อิสราออกแรงไปที่แขนทั้งหมดด้วยเรี่ยวแรงที่มี สายตาชำเลืองไปยังเรือพายของคู่ต่อสู้ เห็นเพียงลำโขนเรือโผล่ขึ้นแรงมาเรื่อย ๆ กระทั่งมาเทียบเท่ากับตำแหน่งพายของตัวเอง เสียงปลุกเร้าดังขึ้นมาอีกคำรบตามมาด้านหลัง ...

“ เอ้าออกแรงพายจ้ำให้หนัก ท่าวังหิน สู้ สู้ บินไปเลยพวก บินไป”

....... เฮ้ เฮ้ ....... เฮ้ เฮ้ ....... เฮ้ เฮ้

....... เฮ้ เฮ้ ....... เฮ้ เฮ้ ....... เฮ้ เฮ้

เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนจะบินไปตามเสียงปลุกเร้าที่อยู่ด้านหลัง ทุ่มแรงลงไปที่ไม้พายอย่างเต็มที่ใจข้างในโผนทะยานไปข้างหน้าใกล้เส้นชัยอย่างใจฝัน เรือแข่งของโรงเรียนท่าวังหินออกนำห่างจากเรือแข่งบ้านท่าค้ำเพียงเล็กน้อยเท่านั้น อิสราเพ่งมอง เส้นชัยที่มองเห็นราง ๆ ข้างหน้าด้วยความตื่นเต้นยิ่งกว่าครั้งใด ๆ อีกนิดเดียว อีกนิดเดียวก็จะหยิบชัยชนะไปให้คนหน้าใสที่ยืนอยู่อัศจรรย์เชียร์นั่น ..

แต่เอ๊ะ ! เกิดอะไรขึ้นที่บนริมฝั่งนั่น อัศจรรย์เชียร์ที่เคยเห็นอยู่ตั้งแต่การแข่งขันในวันแรกหายไปไหน? แล้วทำไมผู้คนถึงแตกตื่นส่งเสียงวุ่ยวายทั้งตื่นตระหนก ทั้งร้องขอความช่วยเหลือกันขนาดที่ได้ยินมาจนถึงมากลางลำน้ำน่านแห่งนี้ อิสราเสเลยมองไปยังจุดเชียร์ของโรงเรียนในทันที มือหนึ่งจ้ำพายไปข้างหน้า แต่สมาธิทั้งหมดกลับทุ่มเพ่งมองไปยังอัศจรรย์ที่ค่อยจมหายไปในน้ำ ...

“ เฮ้ยนั่น ! กองเชียร์พวกเราจมน้ำนี่หว่าอิส”

เสียงของเดี่ยว เพื่อนร่างบึกตัวใหญ่ ก้องดังขึ้นมาจากด้านหลัง ตรงใจกับที่อิสราคิดเอาไว้ว่าจะทำอะไรดีกับเหตุการณ์ในยามคับขันเช่นนี้ ... ด้วยตนเองเชื่อได้ว่ามะยมกำลังอยู่ลำน้ำน่านแน่ ๆ เพราะก่อนที่ตนเองกับเพื่อน ๆ จะพายเรือทวนน้ำขึ้นไปเริ่มแข่งขันที่จุดเริ่มต้น มะยมกับเพื่อน ๆ โดยเฉพาะมะหมี่ โบกมือมาให้เป็นกำลังใจจากแถวหน้าสุด ...

อิสราหยุดชะงักการพายไปในทันที เรือแข่งของโรงเรียนมัธยมท่าวังหินเริ่มถูกเรือของบ้านท่าค้ำตีเทียบเสมอ ก่อนที่จะเตรียมที่จะแซงไปได้ในทันทีในไม่กี่วินาทีข้างหน้านี้แล้ว ..

“ นายหยุดพายทำไมอิสรา เรือเรากำลังจะโดนแซงนะ”

“ ขอโทษด้วยนะเพื่อน...ฉันไปล่ะ”

เรือที่จ้ำพายขณะจะพุ่งเข้าสู่เส้นชัยมีความเร็วในระดับหนึ่ง การขับเคี่ยวเพื่อให้ได้ชัยชนะมักจะวัดกันตรงใกล้จะถึงเส้นชัยนี่แหละ…

กำลังเรี่ยวแรงที่มีจึงถาโถมเข้าใส่อย่างเต็มที่ แต่ทว่าฝีพายคนหนึ่งของโรงเรียนมัธยมท่าวังหินได้ทำในสิ่งที่หลายคนต้องหวัดร้องออกมาด้วยความตกใจ อย่างไม่คิดว่าจะมีใครกล้าทำ ...

-----------------------

ความขุ่นของลำน้ำน่านเป็นสีแดงเข้มทำเอามะยมแทบจะลืมตาในน้ำเพื่อมองหา ร่างของพลอยใสไม่เจอ แต่ดูแล้วเหมือนทุกอย่างเป็นจังหวะบังเอิญไปซะหมดเพราะรองเท้าสีชมพูคู่นี้ ...

มะยมดำดิ่งลงไปใต้น้ำอย่างรวดเร็ว เพ่งสายตาจนมองเห็นว่าพลอยใสกำลังอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง ดวงตาที่แลเห็นลิบ ๆ ดูเหลือกถลนออกมาคล้าย ๆ กำลังกลัวสุดขีด มือไม้แกว่งไกว่ไปมา ริมฝีปากขยับขึ้นลงคล้ายกำลังจะเอ่ยประโยคอะไรออกมา โดยที่มะยมฟังไม่รู้เรื่อง รู้แต่ว่าตอนนี้พลอยใสกำลังเดือดร้อนหนัก

“ ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย ..”

นี่คือประโยคที่มะยมเดาเอาจากริมฝีปากบางได้รูปของพี่สาวร่วมสายเลือด ..

ปฏิกิริยาของมะยมรวดเร็วเสมอมาตั้งแต่เด็ก ๆ ด้วยครูพลเคยสอนให้ชกมวยและเอ่ยชมอยู่เสมอว่ามะยมน่าจะเกิดมาเป็นเด็กผู้ชายมากกว่าที่จะเป็นเด็กผู้หญิงเช่นนี้ ...

เด็กสาวมาดทอมบอยรีบพุ่งเข้าไปประคองให้พลอยใสให้ตัวตั้งตรง เพื่อจะให้อีกฝ่ายรีบสลัดแก้เชือกหรือทำอะไรสักอย่างที่กำลังพันเรียวขาอยู่ขณะนี้ให้หลุดพ้นไปในทันที ...

แต่พลอยใสกลับส่ายหัวเป็นเชิงบอกว่าทำไม่ได้ ก่อนจะชี้ไปที่ข้อเท้าด้านล่าง มะยมดำดิ่งลงไปในน้ำที่อยู่ในห้วงลึกในทันที จนพบกับปัญหาที่พลอยใสขยับตัวพุ่งขึ้นเหนือน้ำไม่ได้อย่างชัดเจนแล้วว่า มันเป็นอะไร..
... มันคือเส้นตาข่ายของแหนั่นเอง ...

มะยมแก้เชือกไนล่อนที่พันติดขาพลอยใสออกด้วยความเร่งรีบ เพราะด้วยอากาศที่สูดเข้าปอดก่อนจะดำน้ำลงมาเบื้องล่างใกล้จะหมดเต็มทีแล้ว จนในที่สุดขาของพลอยใสก็หลุดพ้นจากพันธนาการ ก่อนจะพุ่งขึ้นสู่เหนือน้ำไปโดยไม่หันหลังกลับมาเลย ...

พลอยใสค่อยประคองตัวเองขึ้นสู่ฝั่ง จนเจอครูเมตตาที่ยืนรอรับพร้อมกับผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ เด็กสาวโผเข้าไปสวมกอดผู้อาวุโสด้วยความกลัวและกำลังต้องการกำลังใจยิ่งนัก ...

น้ำตาที่ไหลอาบสองข้างของสาวหน้าใสทำเอาไทยมุงที่มุงมาตั้งแต่พลอยใสขึ้นจากน้ำค่อย ๆ แตกกระจายไปคนละทิศละทาง จนมีร่างบางร่างหนึ่งเดินตัวเปียกโชกเข้ามาหาด้วยใบหน้าที่ร้อนรน แล้วเอ่ยถามว่า

“ นังยมที่ไปช่วยแก มันขึ้นมาจากน้ำหรือยัง”

“ ไม่รู้สิ...ไม่เห็นมีใครช่วยฉันนี่ ฉันว่ายขึ้นมาจากน้ำเองนะ”

พลอยใสค่อย ๆ ปาดน้ำตาออกก่อนจะเชิดหน้าคอตั้งอย่างกิริยาปกติยามอยู่เงียบ ๆ คนเดียวหือเดินเหินไปไหนต่อไหน ..

“ พูดหมาหมา ก็นังยมไปช่วยแกขึ้นมาจากน้ำไม่ใช่เรอะ ! ตอนนี้มันหายไปไหนวะ”

“ เอ๊ะ! ฝน ... เธอมาตะคอกฉันทำไม ฉันไม่รู้ก็ไม่รู้สิ จะมาเค้นเอาความจริงอะไร”

“ ก็ตะกี้ตอนอยู่ในน้ำ พอฉันช่วยยายวันวิสา นังยมมันก็เลยผละไปช่วยหล่อนไงล่ะจำได้หรือยังแม่นกหงส์หยกความจำสั้น”

“ นี่หล่อน ..”

พลอยใสทำท่าทางจะเอะอะโวยวายออกมาจนเกินเหตุ ครูเมตตาที่อยู่ใกล้ ๆ จึงโบกมือให้ทั้งสองหยุดเถียงกันได้แล้ว ครูลมจะจับแล้ว ทั้งสองจึงได้เงียบลงหันหน้าไปกันคนละทาง กระทั่งได้ยินเสียงฮือฮามาริมฝั่งน้ำ ก่อนเสียงซุบซิบจะดังขึ้นเรื่อย ๆ ...

“ ว้ายตายแล้วพวกเราดูนั่นสิ ... คุณชายอิสรากำลังอุ้มใคร ขึ้นมาจากน้ำน่ะ”

“ อุ๊ย ...พวกเราพี่มะยมนี่หว่า ไหงไปจมอยู่ในน้ำนั่นได้นะ ฉันงงไปหมดแล้ว”

เสียงสนทนาดังเซ็งแซ่ไปทั่วบริเวณริมน้ำ น้ำฝนพอจะจับใจความและลำดับเรื่องราวได้ จึงหันหลังกลับไปจ้องมองสาวหน้าใสที่สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาอีกคราแล้ว ...

“ ฝีมือเธอใช่มั้ยพลอย ... เธอทำอย่างนั้นได้ไง ! นั่นน้องเธอนะ ... กะให้ตายเลยเรอะ”

“ อย่ามากล่าวหาฉันพล่อย ๆ อย่างนี้นะหล่อน ... ใครทำอะไรฉันไม่รู้เรื่อง”

“ เฮอะ! ไม่รู้เรื่อง ... เธอคิดเหรอว่าคนอื่น ๆ เค้าจะเชื่อคำโกหกคำโตของเธอ”

“ ฉันก็ไม่ได้ง้อให้ใครมาเชื่อนี่ยะหล่อน ... ฉันบริสุทธิ์ ฉันไม่ได้ทำอะไร”

“ เอาเถอะนะพลอย เชิญเธอหลงตัวเองไปเถอะ ... สักวันกรรมจะสนองเธอเอง ใครทำอะไรไว้ก็จะได้รับผลตอบแทนไปตามนั้น หนีไม่พ้นหรอก”

“ เอ๊ะ !อยากจะมีเรื่องกับฉันนักหรือฝน ถึงต้องมาไล่จี้เหมือนพ่อเหมือนแม่ฉันอย่างนี้ ”

“ ไม่มีอะไรแล้วพลอย ... ฉันจะไปดูคู่รักหวานแหววขึ้นจากน้ำดีกว่า ไปล่ะนะพลอย”

น้ำฝนหยักไหล่ขึ้นสูงเมื่อพูดจบประโยค ก่อนจะเดินลิ่วลับตาไปยังไทยมุงเกือบร้อยชีวิตข้างหน้าด้วยอาการทอดถอนหายใจเฮือกใหญ่ ข้างฝ่ายพลอยใสรู้สึกหน้าร้อนผ่าวเหมือนถูกตบด้วยคำพูดขึ้นมา ... จึงคำรามอยู่ในใจ แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ช่วยอารมณ์พุ่งพ่านภายใจเสมือนกองไฟกองใหญ่กองนั้นดับลงได้เลย ...

อิสราไม่น่าจะช่วยมันให้ขึ้นมาจากในน้ำได้เลย มันน่าจะตาย ตาย ให้จบเรื่องจบราวไปซะที ...

“ มะยมเป็นยังไงบ้างอิสรา ฟื้นหรือยังล่ะ”

เสียงครูเมตตาที่กำลังแหวกไทยมุง ก็คือ นักเรียนท่าวังหินเกือบสองร้อย ค่อย ๆ เข้ามาจนถึงเต็นท์ปฐมพยาบาลของสภากาชาดที่จัดไว้สำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉินที่อาจจะเกิดขึ้นในระหว่างการแข่งขัน ...

“ ยังไม่ฟื้นเลยครับอาจารย์ สงสัยจะกินน้ำเข้าไปมาก เดี๋ยวรถพยาบาลกำลังจะลงมารับที่นี่ครับ”

“ โธ่ยายมะยม ! ทำไมช่างโชคร้ายอะไรอย่างนี้นะ”

ครูเมตตาทำท่าเหมือนจะร้องไห้ เมื่อมองเห็นชัดแล้วว่ามะยมนอนนิ่งสงบ หายใจระรวยอยู่ท่ามกลางคณาจารย์รายรอบเกือบสิบกว่าคน ...

“ ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรนะครับอาจารย์ มะยมปลอดภัยดีแล้ว เมื่อกี้ลืมตาขึ้นมาครั้งหนึ่ง พี่ ๆ พยาบาลให้พักผ่อนก่อน เดี๋ยวสักพักจะให้น้ำเกลือ”

“ นี่ถึงต้องให้น้ำเกลือกันเลยเหรอ เป็นเวรกรรมอะไรหนอยายมะยม เจอแต่เรื่องร้าย ๆ ได้ตลอดเวลา แล้วนี้ครูพล ไม่มีฉีกอกชั้นตายเหรอนี่ ”

ครูเมตตายกมือขึ้นทาบอกถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้ง ก่อนจะทรุดลงนั่งข้าง ๆ ลูกศิษย์คนโปรดที่มีเรื่องให้เกี่ยวข้องกันได้ตลอดเวลา ... อิสราขยับตัวลุกขึ้นเพื่อไปหยิบน้ำดื่มมาให้อาจารย์เมตตาก่อนที่จะตอบคำถามของครูอาวุโสว่าแผลที่ขาได้ให้พยาบาลดูหรือยัง เด็กหนุ่มตอบว่าเรียบร้อยแล้ว ... ครูเมตตาจึงถามว่าทำไมถึงกระโจนออกมาจากเรือแข่งอย่างนั้น อิสราจึงเล่าไปคร่าวว่า ....

“ พอผมมองเห็นอัศจรรย์เชียร์เลื่อนไหลจมน้ำ น้อง ๆ วิ่งหนีตายกันอลหม่าน เชียร์ลีดเดอร์หลายคนช่วยกันขึ้นจากน้ำสำเร็จ จนเหลือสามคนบนแพไม้ไผ่ วันวิสาถึงฝั่งก่อนกับน้ำฝน จนพลอยใสโผล่ขึ้นมาจากใต้น้ำคนเดียว ผมจึงกระโดดจากเรือแข่งลงไปช่วยพลอยจนถึงฝั่ง ได้สักพักหนึ่งหยาดทิพย์วิ่งมาบอกว่ามะยมไปช่วยพลอยใสแล้วยังไม่ขึ้นมาจากน้ำเลย ... ผมรู้สึกช็อค จึงกระโจนลงน้ำไปในทันที ก็พบว่ามะยมกำลังจะหมดแรงอยู่ใต้น้ำ ผมจึงแก้เชือกที่พันติดที่ขาแล้วอุ้มขึ้นน้ำมานี่แหละครับอาจารย์”

“ ขายายมะยมไปติดอะไรในน้ำ”

“ เป็นเส้นใยพลาสติกคล้ายแหครับอาจารย์ มะยมคงหมดแรงที่จะดึงตัวเองขึ้นสู่ผิวน้ำได้ เลยจมน้ำอยู่อย่างนั่นครับ พี่พยาบาลบอกว่าชีพจรของมะยมเต้นช้ามากในตอนแรก ๆ จนมาดีขึ้นเมื่อครู่นี้ครับ”

“ นี่มีใครไปตามครูพลมาหรือยัง”

“ ผมให้เดี่ยวไปตามแล้วครับอาจารย์ ประเดี๋ยวคงตามไปที่โรงพยาบาล”

“ เฮ้อ !โล่งอกไปที แล้วคนอื่น ๆ ใครเจ็บอะไรตรงไหนมั่งยายจิ๊บ” ครูเมตตาหันไปถามกลุ่มสาวซ่าส์ที่นั่งเงียบฟังคนสองคนสนทนาหน้าสลอนกันอยู่สามสี่คน “ พวกน้อง ๆ เจ็บกันคนละนิดละหน่อย พวกเชียร์รีดเดอร์ตกใจวิ่งขึ้นจากแพทันกันหมด ยายวันวิสา เอ่อ วันวิสาทางบ้านรับกลับไปแล้วค่ะอาจารย์”

“ งั้นก็ดีแล้ว อ้าวนั่นท่านอาจารย์ใหญ่มาพอดี เดี๋ยวครูไปเรียนท่านก่อนนะ”

พอครูอาวุโสเดินคล้อยหลังออกจากเต็นท์พยาบาลออกไปข้างนอก เป็นจังหวะเดียวที่มะยมฟื้นตื่นลืมตาขึ้นมา ด้วยอาการที่ยังคงสลึมสะลือ ส่ายตามองไปบนหลังคาเต็นท์อย่างเหม่อลอยกว่าปกติ กระทั่งจิ๊บตะโกนลั่นด้วยเสียงอันดัง จนสติสะตังของสาวตาคมร่างบางกลับมาอีกครั้ง จนมองเห็นใบหน้าคมเข้มของใครคนหนึ่งลอยเด่นอยู่ใกล้ด้วยอาการแย้มยิ้ม ทอดสายตาบอกความนัยทั้งหมดปรากฏอยู่ในดวงตาคู่นี้ ...

“ อ้าว! แม่ตัวดีตื่นแล้วหรือจ๊ะ ... แหมแกล้งนอนหลับไปซะนานเลยวุ้ยเพื่อน”

“ เฮ้ย …นังจิ๊บแกพูดเบา ๆ หน่อยสิเกรงใจคนป่วยมันหน่อยสิ ”

มะหมี่ที่นั่งนิ่ง ๆ หันมาทำตาโตพร้อมกับตีแขนสาวทอมบอยเสียงแปดหลอดดังเพียะ จนทุกคนต้องหันมามองเป็นสายตาเดียวกัน ...

“ แกมาตีฉันทำไมนังกระเทยควาย ”

“ ก็หล่อนเงียบ ๆ เสียงหน่อยได้มั้ย ปล่อยให้คนช่วยชีวิตนังยมเขาถามไถ่กันเองดีกว่า”

“ เออ เออ บอกแค่นี้ก็รู้แล้ว” จิ๊บกับมะหมี่ถอยร่นออกไปข้างเตียงปล่อยให้คนสองคนเอ่ยถ้อยสนทนากันอยู่อย่างเงียบ “ ปวดหัวหรือหิวน้ำมั้ยครับมะยม” เสียงทุ้มนุ่มนวล ชวนน่าเคลิ้มและหลงใหลแว่วดังมากระซิบข้างหู จนมะยมถึงกับหันไปตามเสียงนั่น ....

“ เวียนหัวนิดหน่อยจ๊ะ... แล้วนี่เพื่อน ๆ ของฉันหนีไปไหนกันหมด”

“พวกเขารอมะยมอยู่ข้างนอกให้ผมมาถามอาการเบื้องต้นของมะยมก่อนเดี๋ยวรถพยาบาลจะมารับแล้ว”

“ ฉันไม่อยากจะไปโรงพยาบาลเลยอิสรา” มะยมเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงละห้อยดูน่าสงสาร จนคนร่างสูงอดยิ้มและปลอบใจไปว่า …“ คงไม่มีอะไรมากหรอกมะยม แค่ไปเช็คระบบต่าง ๆ ของร่างกายว่ายังทำงานปกติหรือเปล่าเท่านั้น คงไม่ได้นอนค้างที่นั่นหรอกครับ”

“ ฉันอยากจะกลับบ้าน ฉันกลัวโรงพยาบาล กลัวเข็มฉีดยา”

“ ฮึ ฮึ ไม่น่าเชื่อว่าหญิงเก่งและแกร่งอย่างมะยมจะกลัวเข็มไปได้นะครับ”

“ ก็ตอนเด็ก ๆ ของฉันมีเรื่องฝังใจไม่ดีเกี่ยวกับโรงพยาบาลกับเข็มฉีดยานี่นา ถ้าเล่าไปเรื่องมันจะยาวและน่าขายหน้านักเชียว” มะยมเริ่มหน้าง้ำด้วยความขวยเขินและพยายามแก้เขินด้วยการดึงทึ้งผ้าห่ม...

“ ผมจะบอกมะยมว่า ผมก็กลัวเหมือนกันครับ ฮ่ะ ๆๆๆ”

“ จริงหรือเปล่าอิสรา ... งั้นนายพาฉันกลับบ้านตอนนี้เลยได้มั้ย”

“ ผมคิดว่าคงไม่ได้แล้วล่ะครับมะยม รถพยาบาลกำลังมาถึงพอดี ผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณที่โรงพยาบาล คนกลัวเข็มฉีดยาสองคนจะต้องอยู่เป็นเพื่อนกันใช่มั้ยครับ”

เด็กสาวพลิกตัวตะแคงข้างไม่ตอบหรือเอ่ยอะไรอีกเลย กระทั่งเตียงพยาบาลพร้อมบุรุษพยาบาลยกตัวคนไข้ขึ้นสู่เปลเหล็ก แล้วเคลื่อนเตียงคนไข้ขึ้นสู่รถพยาบาลฉุกเฉินนออกจากเต็นท์ริมน้ำแห่งนี้ไปในทันที ...

อิสราเดินออกมานอกกระโจมด้วยการเดินกระเพก ๆ เดินสวนทางกับวันวิสารที่นั่งแฝงตัวอยู่กับเปลคนไข้ที่วางเรียงรายปฐมพยาบาลกันหนาตา เด็กหนุ่มทำได้แค่ชำเลองมองแค่หางตา ก่อนจะค่อย ๆ เดินไปยังรถกะบะสปอร์ตสีเขียวใบไม้ที่สตาร์ทเครื่องไว้รอท่าอยู่แล้ว ...

“ ไปโรงพยาบาลครับลุงแม้น”

-----------------------

พอลืมตาขึ้นจากการงีบหลับไปชั่วขณะ มะยมก็ได้ยินเสียงคนสองคนสนทนาแว่วอยู่ริมระเบียงนอกห้องคนไข้ จึงดันตัวเองให้ลุกขึ้น แล้วใช้หมอนดันตัวให้อยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน ก่อนจะเงี่ยหูฟังเรื่องราวที่คนทั้งสองสนทนาอย่างน่าสนใจ ...

“ อะไรนะอิสรา ! นายกำลังจะบอกฉันว่ายายยมจมน้ำครั้งนี้ ไม่ได้เป็นอุบัติเหตุ”

“ ผมไม่กล้ายืนยันฟันธงถึงขนาดนั่นหรอกครับ เพียงแต่สันนิษฐาน ปะติดต่อเรื่องราวไว้เล่นๆแค่นั้นเอง” อิสราจ้องมองไปยังสายฝนที่หล่นพรำอยู่ข้างนอกอาคาร ครุ่นคิดถึงเรื่องเมื่อตอนกลางวัน ...

“ ตอนที่ฉันหิ้วยัยวิสา คู่หมั้นของนาย ออกมาจากแพนั่น ฉันเห็นยายยมของฉันอาการร่อแร่แล้ว ไหนจะว่ายน้ำช่วยเด็กมอต้นตั้งหลายรอบ แล้วไหนจะช่วยยายวิสาอีก จนไปช่วยยายพี่สาวใจมารนั่นอีกล่ะ ... แค่นี่ถ้าไม่หมดแรงก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว”

“ มะยมช่วยชีวิตวันวิสาด้วยเหรอครับน้ำฝน”

“ ก็แหงล่ะ แฟนนายแหกปากซะลั่นคุ้งน้ำขนาดนั้นคนอย่างนังยมน่ะเหรอจะไม่ช่วยคนตกทุกข์ได้ยาก”

“ โธ่มะยม ... ไม่น่าเหนื่อยยากลำบาก จนหมดเรี่ยวหมดแรงเกือบเอาชีวิตไม่รอดขนาดนี้”

“ นั่นไม่สำคัญเท่ากับถูกพี่สาวร่วมสายเลือดเหยียบหัวจมน้ำเกือบเอาชีวิตไม่รอดหรอก”

“ ผมว่าน้ำฝนกำลังเข้าใจพลอยใสผิดอยู่นะครับ เขาอาจจะไม่มีเจตนาก็ได้”

“ เชอะ ! ใครจะไปเชื่อแม่จอมกระล่อนคนนั้นให้โง่ล่ะอิสรา มันนั่นแหละที่เหยียบหัวนังยมจนจมน้ำแทบจะเอาชีวิตรอดกลับมาไม่ได้ เป็นเพราะบุญเก่ามันยังมี นายถึงต้องกระโดดเรือแข่งลงมาช่วยมันไว้ไงล่ะ”

“ ทุกอย่างมันเป็นอุบัติเหตุเราไม่ควรไปปรักปรำเขาทั้ง ๆ ที่ไม่มีหลักฐานอะไร”

“ ถ้านายไม่เชื่อก็ลองถามนังยมมันดูก็ได้ เดี๋ยวมันคงจะตื่นแล้ว”

“ ถ้าเป็นจริงอย่างที่เล่า มันก็เป็นเรื่องเลวร้ายที่ให้อภัยกันไม่ได้ เดี๋ยวผมจะถามเรื่องนี้กับมะยมตรงๆ”
อิสราจบการสนทนาด้วยความกังวลและสับสนในความสัมพันธ์อันลึกลับซับซ้อนของพี่น้องสายเลือดเดียวกันของมะยมกับพลอยใส ก่อนจะผลักบานประตูเข้าไปในห้องคนไข้ที่สะอาด ดูสีขาวสะอ้านไปทั้งห้อง..
.
“ คุยอะไรกันเหรอยัยฝน .. แล้วนี่.เพื่อนเรากลับกันหมดแล้วรึ”

“ พวกมันกลับตั้งแต่ตอนค่ำแล้ว พ่อครูพลไม่อยู่ไปสัมมนาที่ต่างอำเภอ ตอนดึก ๆ จะมาเยี่ยมเธอ”

“ อ้าวงั้นเหรอฝน ... แล้วนี้ยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ ใครมารับที่นี่ล่ะ”

“ เดี๋ยวพ่อก็มารับ ฉันจะไปรอที่ตึกหน้าก่อนนะมะยม”

“ เออไปเถอะฝน ประเดี๋ยวพ่อของฉันก็คงจะมาเหมือนกันขอบใจสำหรับทุกอย่างในวันนี้นะเพื่อนรัก”

“ ไปล่ะอิสรา ไปละมะยม”

พอได้อยู่กันสองคนตามลำพัง ทั้งคู่กลับนิ่งเงียบไปในทันที ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาอีกเลย จนเวลาล่วงผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง มะยมจึงเอ่ยคำพูดแทรกบรรยากาศที่เงียบงันขึ้นมาว่า ...

“ เรื่องที่คุยกันริมระเบียงฉันได้ยินหมดแล้วนะอิสรา นายมีเรื่องอะไรจะถามฉันก็รีบถามสิ”

“ ผมอยากจะถามว่าเพราะอะไรมะยมถึงจมน้ำได้ ” เด็กหนุ่มเอ่ยถามอย่างเบี่ยงประเด็นแบบอ้อม ๆ

“ เอาเป็นว่าฉันขอขอบคุณสำหรับเรื่องราวในวันนี้กับนายก่อน ขอบใจมากนะอิส ... ถ้าฉันไม่ได้นายช่วยชีวิตเอาไว้ ฉันคงต้องตายอยู่ที่ใต้น้ำนั่นแน่ ๆ ”

คนพูดน้ำเสียงสั่นเครือเหมือนจะร้องไห้ออกมาทันที จนคนฟังต้องเอื้อมมือเรียวเนียนละเอียดขึ้นมาเกาะกุมไว้ในระหว่างหัวใจ ...

“ ไม่ต้องคิดอะไรมาก ผมแค่ทำตามหน้าที่ของหัวใจผมเท่านั้นครับมะยม”

“ แต่นายก็ช่วยชีวิตฉันอีกครั้งหนึ่งแล้ว ชีวิตของฉันเป็นหนี้นายไม่รู้กี่ครั้งแล้ว”

“ ไม่หรอกครับมะยม ผมยินดีและเต็มใจที่จะทำเช่นนั้น”

มะยมแย้มยิ้มออกมาทั้งที่น้ำตาไหลออกมา สายตาสองคู่ประสานกันมั่นนิรันดร ไม่มีอะไรจะเอ่ยออกมาได้เป็นถ้อยคำอีกแล้ว ....

-----------------------
ติดตามกาหรือหงส์ ตอนที่ ๓๗ วันอาทิตย์ดึกๆๆนะครับ ขอบพระคุณที่ติดตามอ่านมา ขอบพระคุณคร้าบ
นายอิส/เมฆชรา
๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๓ สี่ทุ่มกว่าๆๆ




Create Date : 26 สิงหาคม 2553
Last Update : 26 สิงหาคม 2553 22:28:53 น. 1 comments
Counter : 709 Pageviews.

 

ทักทายนะค่ะ

สนุกๆๆดีจัง ฮ่าๆๆ

มาอ่านของเรามั้งน๊า เราพึ่งอัพลงบล็อก อิอิ

ยินดีนะค่ะ


โดย: โรสชมพู (bon_ob ) วันที่: 27 สิงหาคม 2553 เวลา:19:27:58 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เมฆชรา
Location :
นครราชสีมา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




เข้าสู่ปีที่ 8
Friends' blogs
[Add เมฆชรา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.