จินตนาการสำคัญกว่าความรู้
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
14 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 
กาหรือหงส์ ตอน ๑๗

กาหรือหงส์ ตอน ๑๗




กว่าที่มะยมจะเร่งฝีเท้าไล่ตามคนตัวสูงที่ก้าวขาฉับๆไปข้างหน้าอย่างรวดได้ทัน ทั้งสองก็มาถึงบ้านป่าน้ำใคร้ บ้านอาสาพัฒนาเป้าหมายในเวลาตะวันสาดแสงสีทองอยู่ตรงขอบฟ้า ใกล้เวลาโพล้เพล้พอดิบพอดี ความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางด้วยเท้าในระยะทางร่วมสิบกิโลเมตรของทั้งสองส่งผลให้ความอิดโรยแสดงออกมาในรูปของอาการหมดแรงจนต้องนอนแผ่หลาราบไปกับพื้นหญ้าสีเขียวหน้าเสาธงโรงเรียน ...

มะยมลืมตาปรือๆมองคนตัวสูงแล้วระบายลมหายใจออกช้าๆ เพื่อคลายความเหนื่อยก่อนจะหันกลับไปมองอีกครั้ง คราวนี้ต้องสะดุ้งไปอีกครั้งเพราะเจ้าของสายตาอันคมกริบจ้องเขม็งมองมาด้วยความสงสัย เด็กสาวจึงเลิกคิ้วช้าๆทำทีท่าไม่สนใจก่อนจะเอื้อมมือไปปาดเม็ดเหงื่อที่อยู่ตามไรผมอย่างช้าๆ ก่อนจะหันกลับไปสบตาคมปลาบเหมือนจะสำรวจอะไรบางอย่าง ...

“ เหนื่อยมั้ยอิสรา นี่คงไม่เคยเดินป่าละสินะ ”

“ เดินแค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก ไม่อยากจะโม้ผมเคยเดินป่าแถวแอฟริกามาซัมเมอร์เต็มๆเลย แต่ตอนนั้นเป็นช่วงหน้าฝนอากาศไม่ร้อนมากเท่านี้ ”

“ ป่าที่โน้นจะเหมือนบ้านเราได้ยังไงกัน ดูอย่างฟ้าฝนที่นี่สิตกต้องตามฤดูกาลตลอด ไม่เคลื่อนตามสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงเลย”

“ มันก็ใช่นะครับ แต่ป่าที่โน้นน่ากลัวกว่าเยอะครับ ไหนจะสิงสาราสัตว์ ไหนจะคนป่าเผ่ากินคน เดินไปสยองไป อย่างเพื่อนผมเขาชื่อแสนเมือง ปกติจะเป็นสนุกสนานร่าเริงเสมอ พอเจอสภาพความลำบากที่นั่นถึงกับอึ้งและสาบานว่าจะมาแค่ครั้งนั้นครั้งเดียว ผมอดขำเขาไม่ได้ทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องนี้ ”

“ มะยมว่ายังไงๆป่าบ้านเราก็ยังมีความหลากหลายกว่านะ โดยเฉพาะป่าแถบภูคาแห่งนี้..”

“ เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งดูเส้นทางที่เราเดินผ่านมาสิครับ หฤโหดซะเหลือเกินนั่นก็แสดงว่าป่าไม้บ้านเรายังคงอุดมสมบูรณ์ ไม่ได้ถูกรบกวนมากนัก ผมดีใจนะที่เป็นแบบนี้ มะยมล่ะตอนนี้หายเหนื่อยหรือยัง”

“ เราสบายดี เดินป่าแค่นี้เรื่องจิ๊บจ้อย ขอตัวก่อนนะอิสราเราจะไปตามหาเพื่อนที่บนอาคารเรียน”

“ ตามสบาย ผมขอนอนพักเอาแรงสักงีบ..”


มะยมชันตัวลุกขึ้นแล้วเดินจากไปในทันที อิสรามองร่างบางของเด็กสาวไปจนลับตา ก่อนจะยิ้มอย่างมีความสุขอีกครั้งเมื่อสายลมพัดแผ่วไล้ผิวกายให้รู้สึกสดชื่นรื่นเริงอย่างบอกไม่ถูก เด็กหนุ่มเผลองีบหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย ...

งานหลักๆของคณะอาสาพัฒนาในค่ำวันนี้ไม่มีอะไรมากไปกว่าจับกลุ่มสนทนา ด้วยเพราะกิจกรรมทั้งหมดที่ได้ตระเตรียมเอาไว้จะเริ่มต้นขึ้นในวันพรุ่งนี้เช้า นักเรียนหญิงเข้าที่พักแรมในอาคารเรียนเล็กๆสร้างด้วยสังกะสีอย่างง่ายๆส่วนนักเรียนชายทั้งหมดเข้าพักแรมยังหอประชุมกลางหมู่บ้าน ที่สร้างเป็นอาคารโล่งกว้างลมโกรกเย็นสบาย ...

คณะครูได้นัดแนะนักเรียนกลุ่มผู้นำเพื่อนำข่าวกิจกรรมที่จะทำไปแจ้งให้ลูกทีมที่แบ่งเป็นสีๆทราบแล้วปฏิบัติตามนั้นในวันพรุ่งนี้ พร้อมกับแนะนำตัวกับผู้นำชุมชนคือ ผู้ใหญ่บ้านป่าน้ำไคร้ อบต. และสมาชิกที่สำคัญอื่นๆ จำนวนหนึ่ง เพื่ออำนวยความสะดวกในกิจกรรมเดินทางไกลในวันต่อไป ...

ลมหนาวพัดกรูเข้ามาพร้อมความเย็นจากร่องเขาที่มองเห็นเป็นเงาทะมึนรายรอบ จนเย็นยะเยือกไปทั่วบริเวณสนามหญ้าหน้าอาคารเรียน สาวๆกลุ่มสาวซ่าส์เหลียวมองไปรอบๆจนเห็นว่าตอนนี้เหลือวงสนทนาเพียงสองกลุ่มคือกลุ่มตนเองกับกลุ่มหนุ่มหล่อเมืองกรุงที่นั่งล้อมวงรอบกองไฟส่งเสียงดังเต็มไปด้วยความสนุกสนาน มะหมี่กระชับผ้าห่มผืนเดียวเข้ากับตัวโดยมีป้อมกับหยาดทิพย์นั่งกอดกันกลมดิก สั่นหนาวอยู่ข้างๆ จิ๊บที่กำลังง่วนอยู่กับมันเผาในเตาถ่านเอ่ยถามมะยมขึ้นมาว่า...

“ น้ำค้างลงหนักอย่างงี้ แกไม่รู้สึกหนาวบ้างเลยหรือวะมะยม”

“ ไม่เห็นหนาวเลย พอดีตอนเย็นได้อาบน้ำอุ่นด้วยแหละ”

“ เฮ้ย แกไปหาน้ำอุ่นมาอาบได้ที่ไหนวะ น่าอิจฉาชะมัด ...”

“ พอดีอิสราชวนไปคุยเรื่องกิจกรรมวันพรุ่งนี้ที่บ้านลุงผู้ใหญ่ท้ายบ้านโน้นแนะ พอคุยไปคุยมาลูกสาวตัวน้อยของแกก็โผล่มาร่วมคุยด้วย พวกเราคุยกันอย่างสนุกสนาน จนป้านิ่ม แม่ของชบา บอกว่าตอนนี้อากาศเริ่มเย็นเพราะหมอกโปรยลงมาแล้ว รอประเดี๋ยวจะต้มน้ำให้เราสามคนอาบ ก็เลยสบายตัวด้วยประการฉะนี้แล มีอะไรข้องใจมั้ยพี่..”

“ต๊ายตายอกอีแป้นจะแตก นี่แกแอบไปจู๋จี๋กับอิสรากันสองคนกันอีกแล้วเหรอ ร้ายลึกนะยะหล่อน เมื่อตอนกลางวันก็ทีหนึ่งแล้ว ฉันเห็นนะว่าหล่อนวิ่งตามคุณชายอิสแล้วหายไปเลย ทิ้งพวกชั้นไว้กับกองสัมภาระหนักๆไว้ข้างหลัง ตกลงแกชอบคุณชายอิสใช่มั้ย บอกมาเดี๋ยวนี้นะ”

มะหมี่วี้ดว้ายส่งเสียงดังออกมาทั้งที่ตาเริ่มปรือเหมือนคนง่วงนอนเต็มที่หลังจากได้ยินสาวตาคมมาดทอมบอยประจำกลุ่มเล่าว่าไปอาบน้ำอุ่นกันสองต่อสามกับที่ผู้ใหญ่บ้าน โดยไม่ได้ฟังเจ้าตัวขยายความอะไร ..

“ แกเป็นบ้าอะไรอีกวะนังหมี่ มันไม่มีอะไรในกอไผ่อย่างที่แกกำลังคิดนะโว้ย.. ครูพักตร์วานให้ข้ากับอิสราไปเรียนลุงผู้ใหญ่ว่าอาจารย์ประสงค์พร้อมนักแนะกิจกรรมที่จะให้กลุ่มชาวบ้านช่วยทำกับพวกเราในวันพรุ่งนี้ว่ามีอะไร เรื่องมันก็มีแค่นี้เอง ..”

“ ไม่รู้ล่ะ ก็เห็นแกเล่าว่าได้อาบน้ำอุ่นกับพ่อหนุ่มของชั้นนี่นา รายละเอียดใครจะไปรู้ล่ะ ..”

สาวสวยสลับเพศยังมิวายสงสัยเรื่องการอาบน้ำอุ่นของมะยมกับอิสราอยู่ จนต้นเรื่องส่ายหน้าไปมาอย่างระอาเต็มที ..

“ ที่แท้ติดใจประเด็นอาบน้ำอุ่นใต้แสงจันทร์ท้าลมหนาวนั่นใช่มั้ยวะนังหมี่ค้างคืน”มะหมี่หลบสายตาที่จ้องเขม็งมาวูบหนึ่งก่อนจะตอบไปเบาๆว่า “ อื่อ ..”

สาวตาคมจึงอธิบายไปอย่างยาวยืดหมดเปลือกว่า ..

“ พอฉันกับอิสไปถึงบ้านลุงผู้ใหญ่ ก็พบว่าลุงออกบ้านไปสักพักใหญ่กับผู้ช่วยแล้ว ป้านิ่ม เมียผู้ใหญ่เลยชวนอาบน้ำ เอ่อ น้ำอุ่นที่นั่นพร้อมกับรับประทานข้าวต้มแบบบ้านป่าจนอิ่มหนำสำราญกันแล้ว ฉันก็เดินกลับ ... ระหว่างที่กำลังเดินไปตามทางแคบๆเล็กๆมีใบไม้ให้เหยียบเสียงดังก๊อบแก๊บๆ สลับเสียงมวลหมู่แมลงต่างๆดังเซ็งแซ่ไปหมด หูของฉันแว่วได้ยินเสียงๆหนึ่งแทรกมาตามอากาศ เป็นเสียงเล็กๆเบาๆคล้ายจะมากระซิบที่ข้างหู แว่วไกลมาจากราวป่าต้นกล้วยฟากจอมปลวกใหญ่โน้น ... ฉันสะกิดให้อิสรามองไปยังป่ากล้วยที่ว่าก็พบว่าลมที่พัดรอบตัวเริ่มกรูเข้ามารุนแรงมากยิ่งขึ้นจนใบกล้วยที่เห็นสะบัดไปมาเหมือนมีคนกำลังโบกมือเรียกข้าไปใกล้ๆ แต่ทว่าเสียงปริศนาเล็กๆ เสียงนั้นยังคงรบกวนจิตใจ ฉันทำใจกล้าเดินตรงเข้าไปยังเสียงเรียกตรงนั่นโดยมีอิสราเดินตามใกล้ๆ พอเหลียวซ้ายแลขวาหาต้นเสียงแถบป่ากล้วยตรงนั้น ก็พบว่าไม่มีใครคนไหนอยู่แถวๆนั้นเลย พอเอ่ยถามอิสราว่าได้ยินเสียงอะไรมั้ย เขาก็ตอบว่าไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ... ฉันขนลุกซู่ขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ ก่อนจะรวบรวมความกลัวครั้งสุดท้ายเพื่อเข้าไปดูในดงต้นกล้วยให้รู้กันไปเลยว่าเป็นอะไรกันแน่ ฉันค่อยๆ ย่องไปช้าๆ ช้าๆ จนมาหยุดตรงกอกล้วยที่หนาทึบกอหนึ่ง เสียงลมพัดวู่หวิวเมื่อครู่เงียบเสียงอย่างน่าอัศจรรย์ ฉันจึงเอื้อมมือไปแหวกกอกล้วยที่ใบบังอยู่สองสามใบอย่างช้าๆ ... พลันนั้นเอง ...เลือดในตัวฉันกำลังจะหยุดไหลเวียนไปชั่วขณะ เมื่อฉันกำลังเห็น กำลังเห็น ..”

มะยมหยุดเล่าไว้เพียงเท่านั้น ด้วยความตั้งใจจะปล่อยให้เพื่อนๆทั้งกลุ่มหัวเราะว่าตนเองแต่งเรื่องได้น่าสนใจ ตื่นเต้นดี แต่แล้วก็ผิดหวังเพราะคาดคิดไว้ผิด เพราะกลุ่มเพื่อนๆที่นั่งรอบกองไฟขยับเข้ามาอยู่รวมกันเป็นกระจุกเดียว พร้อมนั่งเงียบกริบ ไม่พูดจา ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมาให้ได้ยินแม้แต่เสียงลมหายใจ


กระทั่งมะหมี่ สาวสวยประจำกลุ่มก็เถอะ คราวนี้นั่งพับเพียบแต่สงบเสงี่ยม ตาจ้องเป๋งมายังคนเล่าคล้ายเตรียมการอะไรสักอย่าง ก่อนะเอ่ยถามคำถามด้วยน้ำเสียงสั่นระรัว ด้วยเป็นเพราะอากาศที่หนาวเย็นรายรอบหรือด้วยความกลัวก็ไม่รู้ว่า...

“ กะ แก ....ก ....เห็นอะไรวะนังยม..”

มะยมที่มองเห็นปฏิกิริยาที่เปลี่ยนไปของเพื่อนๆโดยตลอดตั้งแต่ต้น อดยิ้มที่มุมปากเล็กๆ แบบไม่ให้มองเห็น เริ่มสนุกกับการแต่งเรื่องบันเทิงใจขึ้นมาบ้างแล้ว จึงเล่าต่อด้วยการปั้นน้ำเสียงให้แผ่วเบาโหยหวนชวนขนลุกตามสภาพบรรยกาศที่ยะเยือกเย็นรอบๆ ตัว ..

“ ฉันเห็น มือ อ อ ... หนึ่งกำลังยื่นมาจากดงกล้วยนั่น ..”

.... กรี๊ด ๆ ๆ ๆ ๆ ....

เสียงกรีดร้องสนั่นบางของมะหมี่หลังจากสาวห้าวผู้นำกลุ่มเล่าเรื่องชวนสยองจองทำเอาสาวๆที่นั่งกอดกันกลมรอบกองไฟเล็กๆ ลุกแตกฮือเหมือนผึ้งแตกรังกระจายไปคนละทิศคนละทาง จนคนเล่าเองถึงกับต้องวิ่งตามด้วยความรวดเร็วเช่นเดียวกัน...

อิสรากับพวกของเดี่ยวที่นั่งคุยกันเงียบๆมานานอยู่ถัดไปอีกไม่ไกลต่างหันไปตามเสียงที่ดังสนั่นเมื่อครู่อย่างสนใจ ก่อนจะส่งเสียงหัวเราะออกมาจนท้องดัดท้องแข็งที่เห็นสาวๆวิ่งกระจายไปคนละทิศละทาง แต่ยังมีคนอีกคนหนึ่งที่เด็กหนุ่มเห็นว่ายังยืนอยู่ที่เดิม จึงเพ่งมองจนแน่ใจก่อนจะหยิบแก้วนมร้อนๆ เดินตัวปลิวไปยังจุดหมายทันที ...

“ เกิดอะไรเหรอมะยม เพื่อนๆถึงวิ่งแตกกระจายไปแบบนั้น..”

“ ฮ่ะๆๆ พวกมันขี้ขลาด แค่เล่าเรื่องผีๆให้ฟังสนุกๆ ก็วิ่งหางจุกตดเผ่นแน่บเข้านอนไปแล้ว”

“ มะยมเล่าเรื่องอะไรเหรอครับ”

คนตัวสูงอมยิ้มระบายความรู้สึกด้วยแววตาที่ระยิบระยับ พร้อมกับยื่นแก้วนมอุ่นๆให้เด็กสาวที่เริ่มขัดเขินเบื้องหน้าจนรู้สึกลังเลว่าจะรับไม่รับดี แต่สุดท้ายก็เอื้อมมือไปรับพร้อมคำขอบคุณที่มีน้ำใจเอามาให้ ...

“ ไม่มีอะไรมากหรอกจ๊ะ แค่ฉันเล่าเรื่องไปบ้านลุงผู้ใหญ่เมื่อตอนเย็นให้พวกขวัญอ่อนฟังเท่านั้นแหละ นี่ยังเล่าไม่ทันจะจบดีเลยเผ่นแน่บไม่เหลือหัวให้ได้คุยเลยซักคน..”

“ มะยมเล่าเรื่องผีให้เพื่อนฟังใช่หรอืเปล่า”

“ เปล่านะ..แค่เล่าเรื่องเราสองคนเจอน้องชบาในดงกล้วยให้พวกนั้นฟัง นายจำได้หรือเปล่า”

“ จำได้สิครับ ชบาเป็นเด็กน่ารัก ดูแกท่าจะติดมะยมมากเลยทีเดียวนะครับ เห็นจากเมื่อตอนเย็นไม่ยอมลงจากตักคุณเลย นี่ผมกะไว้ว่าพรุ่งนี้จะเอาขนมไปให้แกตามที่สัญญาเอาไว้น่ะครับ ไปด้วยกันมั้ย”

“ เดี๋ยวขอคิดดูก่อน เจ้าเด็กชบานี่แหละที่ทำให้พวกเพื่อนฉันวิ่งป่าราบได้ขนาดนี้ นี่คงจะเข้ากับคำโบราณที่ว่าฟังไม่ได้ศัพท์จับเอามากระเดียด โดยเฉพาะยัยมะหมี่ แฟนของนายวิ่งแน่บขึ้นอาคารเรียนเป็นคนแรกเลย ฮะๆๆสมน้ำหน้าอยากรู้เรื่องคนอื่นดีนัก..”

“ พวกเพื่อนๆเลยคิดว่าชบาเป็นผีเด็กในดงกล้วย..” อิสราเอ่ยแทรกขึ้นมาบ้าง

“ ใช่ ใช่ ทั้งๆ ที่ฉันยังเล่าไม่จบเลยนะ อุ๊ยตายคุยไปคุยมานี่ดึกขนาดไหนแล้ว..”

“ ตอนนี้เวลาห้าทุ่มครับ..”

“ดึกมากแล้ว งั้นฉันขอตัวขึ้นนอนก่อนนะอิสรา ไว้พรุ่งนี้เราเจอกัน ฉันขออนุญาตเอาน้ำร้อนของนายไปให้ยัยน้ำหวานรับประทานต่อจะได้มั้ย..”

“ ตามสบายเลยครับ ผมก็ว่าจะไปเดินเล่นทางป่าฟากโน้นหน่อย แล้วค่อยเข้านอน ..มะยมจะเปลี่ยนใจไปด้วยกันมั้ย คืนนี้พระจันทร์สีเหลืองกลมโตสวยมากนะครับ น่าเสียดายออกที่ไม่ชื่นชมมัน..”

“ ไม่ได้หรอกอิส ฉันเป็นผู้หญิงจะไปเดินตากน้ำค้างดึกๆดื่นๆกับนายได้ยังไง เอาเป็นว่าคืนนี้ขอขอบคุณสำหรับนมสดร้อนๆ ราตรีสวัสดิ์นะ ฉันไปล่ะ ...”

พอเด็กสาวพูดจบก็หันควับกลับหลังไปในทันที ปล่อยให้คนร่างสูงบ่นพึมพำคล้ายคนละเมอว่า ..

“ ราตรีสวัสดิ์เช่นกันครับ คนดีของผม..”

------------------------

กากับหงส์ 17 จบแล้ว ติดตามตอนต่อไปอีกสองวันครับ .. ขอบคุณที่ติดตามกันเรื่อยมา ขอบคุณคร้าบ .. นายอิส / เมฆชรา

14 กรกฏาคม 2553

---------------------------







Create Date : 14 กรกฎาคม 2553
Last Update : 14 กรกฎาคม 2553 21:55:03 น. 0 comments
Counter : 815 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เมฆชรา
Location :
นครราชสีมา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




เข้าสู่ปีที่ 8
Friends' blogs
[Add เมฆชรา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.