กาหรือหงส์ ตอน ๔๔
กาหรือหงส์ ตอน ๔๔ก่อนจะสะดุ้งตกใจ แล้วเงยหน้าขึ้นมาเม่าอมองเห็นว่าเพื่อน ๆ เดินคุยกันส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดดีอกดีใจในเรื่องอะไรสักอย่างที่ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเรื่องอะไร จึงแสร้งจะล้มนอนต่อ แต่จิ๊บก็ถลาเข้ามาดึงตัวไว้ให้ให้ล้มตัวลงไปนอน “เฮ้ย ๆ เพื่อนรัก อย่าเพิ่งมาขี้เซาเอาตอนนี้วันนี้ขอหอมแก้มหน่อยทำความดีนะเราน่ะ”“ โอ๊ยคนจะนอนโว้ยยยย ... มาปลุกทำไมวะ”“ อย่าเพิ่งนอนสิที่รัก เวลานอนยังมีอีกมาก วันนี้พาเพื่อน ๆไปกินอาหารอร่อยก่อนแล้วค่อยไปนอนต่อที่บ้าน เร็วๆ สิมะยม แกรีบเก็บของคุณพระนายสตาร์ทรถรอพวกเราทั้งเจ็ดคนอยู่ปากทางเข้าสนามกีฬาแล้ว เร็วๆ ตื่นเถิดชาวไทย ..”กว่ามะยมจะมานั่งหน้าเป็นตุ๊กตาหน้ารถได้ทุกอย่างก็ทุลักทุเลพอดู ทุก ๆ คนหน้าแช่มชื่นยกเว้นคนข้างหน้าคนเดียวที่ค้อนขวับ ๆ หลาย ๆ รอบจนคนขับอดจะระบายยิ้มเต็มหน้าไปไม่ได้ ...“ นั่งไม่สบายหรือแอร์ไม่เย็นครับมะยม ..”“ ไม่หรอกค่ะคุณพระนาย ฉันแค่อยากจะฆ่าคนหกคนในตอนนี้แค่นั้นเอง..”เสียงหัวเราะดังเหมือนเสียงประสานโอเปร่าวงใหญ่ดังขึ้นเซ็งแซ่อยู่ข้างหลังรถกะบะสี่ประตูสุดหรู จนมะยมแทบอยากจะร้องกรี๊ดกลับไปให้พวกสาว ๆ เสนอหน้าเห่อคนรวยได้รับรู้จนหูพังไปข้างหนึ่งได้ยิ่งดี .. แต่มิวายได้ยินเสียงหยาดทิพย์ เพื่อนผู้ใจเย็นสุดเอ่อยออมกาปลอบใจว่า ..“ ใจเย็นเพื่อน ...ใกล้ถึงร้านคุณพระนายแล้ว ..”“ ฮึ ..จำไว้นะพวกแกทั้งหลาย ... จำไว้ จำไว้ ”ในเย็นวันนั้นมะยมพูดประโยคเด็ดได้แค่นั้น ก่อนจะนิ่งเงียบไม่พุดไม่จาคนทุกคนแยกย้ายกลับจนหมดทุกคนเหลือเพียงพระนายกับมะยมสองคนที่สนทนาในเรื่องราวต่างในระหว่างทางจากในเมืองถึงท่าวังหินพระนายตกใจที่มะยมบอกว่าได้สละสิทธิ์โควต้าแพทย์ชนบทกับทันตกรรมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แต่ได้เลือกเรียนในสิ่งที่ตนเองปรารถนาไว้แล้ว พระนายเอ่ยถามว่าจะเรียนต่อที่ไหน มะยมตอบว่าบอกไม่ได้เพราะยังไม่ได้ตัดสินใจแน่นอน ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วได้ตัดสินใจไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยแถบจังหวัดเชียงรายเรียบร้อยแล้ว ... คนเอ่ยถามหน้าเสียไปเล็กน้อยที่ได้รับการปฏิเสธ ก่อนจะบอกอนาคตของตัวเองว่าจะเป็นข้าราชการการเมืองหรือข้าราชหารประจำแบบผู้เป็นพ่อ มะยมจึงออกความเห็นไปว่า พระนายเหมาะสมแล้ว เพราะชอบบริการผู้คนโดยเฉพาะสาว ๆ เหมาะกับงานบริการเป็นที่สุด คนถูกพาดพิงตอบเลี่ยงไปว่า ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก เพียงแต่โอกาสและจังหวะมักจะมาถึงโดยไม่รู้ตัวเสมอๆ กระทั่งทั้งสองก็มาถึงบ้านพักครูท่าวังหิน ..พระนายบอกว่าไม่รู้จะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่ ถ้าหากผมว่าง ๆ จะแวะมาหาครูพลที่นี่จะได้มั้ย มะยมแปลกใจที่พระนายรู้จักพ่อตัวเองได้ไง พระนายระบายยิ้มอย่างจริงใจแล้วบอกว่า ผมสืบมาแล้วว่าลูกสาวบ้านนี้ชื่อเสียงเรียงนามว่าอะไร และขอสารภาพว่าได้มาแอบมองที่นี่นี่หลายครั้งแล้ว แต่ไม่กล้าเข้ามากลัวเจอไม้ตะพด เพราะใคร ๆ ก็ร่ำลือว่าบ้านนี้หวงลูกสาวสวยสองคน ...มะยมรู้สึกว่าตนเองกำลังโดนเกี้ยวอย่างตรง ๆ จึงรีบเอ่ยขอบคุณสำหรับอาหารเย็นที่รับเป็นเจ้าภาพเลี้ยงแบบไม่อั้นให้เพื่อน ๆ ได้อิ่มหนำ ก่อนจะวิ่งขึ้นบ้านไปโดยไม่ทันหยุดรอฟังคำตอบ ....พระนายรู้สึกว่าเวลาที่ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง เหมือนโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะ ... ความทรมานที่ได้ชอบใครสักคนหนึ่ง มันแล่นริ้วปรู๊ดปร๊าดแน่นเต็มอกโดยไม่รู้สาเหตุ เฝ้าถามตัวเองว่านี่คือรักแรกพบหรือไม่ ... จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้คำตอบให้ตัวเองซะที ก่อนจะคิดไว้อยู่ในใจว่า วันต่อ ๆ ไปจะต้องมาหาคำตอบที่นี่บ่อยๆ ซะแล้ว ...ส่วนมะยมพอวิ่งขึ้นบ้านก็แอบฟังเสียงรถยนต์จนได้ยินลับหายไป ยืนนิ่ง ๆ ทบทวนเหตุการณ์เรื่องราววุ่น ๆ ในวันนี้ก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ อดแปลกใจพฤติกรรมแปลก ๆ ของหนุ่มในเมืองที่ชื่อ พระนายคนนั้น นึกแปลกใจที่จู่ ๆ นายคนนี้ทำตัวลึกลับ เข้ามาสืบประวัติตนเอง พร้อมทำตาหวานเชื่อมส่งมาให้ตั้งแต่เดินอยู่ขบวนพาเหรดแล้ว ซึ่งตนเองก็สังเกตเห็นอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรนัก เพราะเสียงวงดุริยางค์ดังสนั่นอยู่ข้างหูและต้องฉีกยิ้มให้ดูมีความสุขท่ามกลางแดดร้อนแทบจะละลายให้ได้ตลอดเวลา ...แล้วความคิดวุ่นวายของมะยมก็ต้องหยุดชะงัดลงไป เมื่อมองเห็นจดหมายซองสีฟ้า ลายมือจ่าหน้าซองตวัดลวดลายคุ้นตาวางอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือ ....... จดหมายของอิสรานั่นเอง ป่านนี้จะเป็นอย่างไงบ้างหนอ ! ครั้งนี้ไม่ได้ข่าวคราวของคนไกลนานจนเกือบเดือน ไม่รู้ว่าจะลืมสาวบ้านนาที่ชื่อมะยมคนนี้ไปหรือยังนะ ... ถ้าลืมก็ส่งข่าวมาบอกให้ได้รู้ว่าสบายดี แค่นี้ทางนี้ก็สุขใจแล้ว .... ---------------------------เวลาที่ผ่านไปไวเหมือนติดปีก .... ทุกสิ่งทุกอย่างเคลื่อนคล้อยไปตามวัฏจักรชีวิต ไม่มีอะไรหยุดนิ่งอยู่กับที่หรือเที่ยงแท้แน่นอนเลยสักอย่าง ….มะยม เจ้าเด็กกะโปโล แก่นเซี้ยวแสนซนคนนั้น ... ตอนนี้ได้ย้ายมาเรียนในระดับมหาวิทยาลัยแห่งนี้ที่จังหวัดเชียงรายสมความตั้งใจของครูพลและตัวมะยมเอง ป้าสมพิศญาติห่างๆ ฝ่ายแม่ของครูพลเปิดร้านอาหารเหนือติดกับมหาวิทยาลัย ตอนเช้ามะยมตื่นแต่เช้ารีบไปช่วยป้าตักข้าวราดแกงให้กับนักศึกษาที่เข้ามาแน่นร้าน จนพอสาย ๆ หน่อยถึงไปเรียนที่อาคารเรียนใกล้ ๆ ร้าน ...มะยมเรียนสาขาการพัฒนาชนบทอย่างที่ตั้งใจไว้ว่าจะกลับไปเป็นพัฒนากรของอำเภอท่าวังหิน เพื่อนร่วมชั้นของมะยมมาจากหลาย ๆ จังหวัดทั้งภาคกลาง อิสาน ใต้ หรือ ตะวันออก ตะวันตก รวมทั้งภาคเดียวกับมะยมด้วย การเรียนเทอมแรกค่อนข้างยากกับการปรับตัว จนทุกอย่างเข้าที่เมื่อเรียนในเทอมที่สอง ...คะแนนจากผลการเรียนที่ยอดเยี่ยมของมะยม เป็นที่จับตามองตั้งแต่ต้นจนถึงเดี๋ยวนี้ เพราะตั้งแต่เรียนมาจนขึ้นชั้นปีสอง เทอมที่สอง มะยมยังคงได้ผลการเรียน 4.00 จนเป็นที่โจษขานถึงความยอดเยี่ยมและความรับผิดชอบเจ้าตัว ทั้งคณาจารย์และเพื่อนนักศึกษาชั้นปีที่ 2 นับรวมไปถึง “ เจ้าเดือนเต็มดวง ณ เชียงคาม ..” ที่เฝ้ามองเพื่อนร่วมชั้นด้วยสายตาเทิดทูนและปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะแสวงหามิตรแท้ที่ชื่อว่า “มะยม..” คนนั้นจนทุกอย่างได้เวลาและโอกาสประจวบเหมาะแล้ว เจ้าเดือนได้ร่วมอธิปรายกลุ่มเกี่ยวกับเรื่อง วัฒนธรรมของสังคมไทยที่ต้องไล่ตามกระแสเกาหลีฟีเวอร์ แล้วมิตรภาพของคนทั้งสองก็เริ่มงอกเงยงดงามเริ่มจากตอนนั้น มะยมอดทึ่งกับสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม นุ่มนวลอ่อนหวาน กิริยามารยาทเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้วแบบไม่เสแสร้งแกล้งให้เป็น นิสัยรักสงบ รักความยุติธรรม และไม่เอารัดเอาเปรียบอยากได้ของใคร มะยมกลายเป็นคู่ขวัญดาวเด่นของมหาวิทยาลัยกับเจ้าเดือนเต็มดวง ณ เชียงคาม ดอกฟ้าผู้สูงศักดิ์ จนเรียกได้ว่ามีเจ้าดวงเดือนที่ไหนจะต้องเห็นมะยมเคียงคู่เป็นเงาตามตัวที่นั่น ...เช้าวันนี้อากาศเย็นสบายด้วยลมพัดแผ่ว มะยมออกจากร้านข้าวแกงป้าสมพิศ เพื่อไปหาค้นฐานข้อมูลประชากรภาคเหนือทั้งหมดที่หอสมุดกลางของมหาวิทยาลัยด้วยเพราะนัดหมายกับเพื่อนรักเอาไว้นั้นเอง พอไปถึงก็อดแปลกใจไม่ได้เมื่อมองเห็นเจ้าเดือนกำลังสนทนาภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล้วกับชายหนุ่มหน้าตาค่อนข้างดี ท่าทางเป็นมิตร เพราะยิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลา เจ้าเดือนมองเห็นมะยมเดินนิ่งอยู่ริมประตูทางเข้าจึงร้องเรียกเบา ๆ ว่า ....“ มามานั่งนี่มะยม จะแนะนำหนุ่มหล่อนักเรียนนอกให้รู้จัก ..” มะยมเดินเข้าไปนั่งก้าวอี้ตรงกันข้ามคนทั้งสอง ลองคำนวนอายุจากหน้าตาอาคันตุกะผู้มาเยือนในเช้าวันนี้ เห็นว่าน่าจะอาวุโสกว่าตนเองจึงยกมือไหว้ จนเจข้าเดือนต้องร้องว้าย แล้วเอ่ยว่า ...“ นี่เจ้าแสนเมือง เป็นญาติสนิทของเดือนเอง รุ่นเดียวกันกับเราไม่ต้องไหว้ก็ได้ แสนเมืองจ๊ะนี่มะยมคนสวยที่เดือนพูดถึงบ่อย ๆ ไงล่ะ .. เป็นไงถึงกับตะลึงเลยเหรอ..”“ หวัดดีครับมะยม เรียกแสนเหมือนเดือนเรียกก็ได้นะ”“ แสนเมืองเพิ่งกลับมาจากอิตาลี พอลงเครื่องที่เชียงใหม่ก็ตรงมาหาเดือนเลย นี่คงกะมาโม้ให้ฟังก่อนกลับฟ้าโอบดินแน่ๆ ใช่มั้ย” เจ้าเดือนเต็มดวงเล่าไปพร้อมกับหัวเราะร่วนตามนิสัยร่าเริงของตนเอง จนเจ้าแสนเมืองเริ่มเขินที่สองสาวสวยเอ่ยถึงและมองด้วยสายตาคาดคั้น อยากรู้ความจริง ..“ พอดีเจ้าย่าลงมางานเลี้ยงขันโตกที่เชียงใหม่ เราเลยขอแวะมาหาเดือนที่นี่ก้อน แล้วค่อยวกกลับไปหาเจ้าย่าที่คุ้มในตอนสาย ๆ แล้วนี่คุณมะยมจะเริ่มทำรายงานกันหรือยังครับ ผมรบกวนหรือเปล่า..”“ ไม่หรอกค่ะเจ้า เป็นงานกลุ่มแบ่งงานกันทำหลายคน ส่งอาทิตย์หน้าไม่ต้องเร่งอะไรก็ได้..”“ มะยมเขาเป็นเด็กขยันเรียน ได้เกรด 4ทุกวิชา มาตั้งแต่เรียนชั้นอนุบาลนะแสน ความจำและความคิดสร้างสรรค์สุดยอด เดือนไม่ได้ครึ่งเขาหรอก”“ ไม่หรอกค่ะ เจ้าเดือนเป็นคนหัวดีมากคนหนึ่ง อาจารย์ก็ชมเสมอ ๆ ว่าความจำดีคนหนึ่งในชั้น”“ โอ้โห ! มีแต่คนเก่ง ๆ ไม่น่าเชื่อว่าการศึกษาบ้านเราจะพัฒนาคนได้เก่งขนาดนี้เนอะเดือน ส่วนแสนนะอีกสองปีไม่รู้ว่าจะจบอย่างที่ท่านพ่อท่านแม่หวังหรือเปล่า นี่ถ้าไม่ได้เพื่อนสนิทที่เป็นญาติเราช่วยเอาไว้นะ แสนว่าแสนแย่แน่ ๆ เออ! นี่เดือนจำชายอิสได้หรือเปล่า .. ชายอิสรารังสรรค์ ลูกชายหม่อมอาปกรณ์เทวาไงล่ะ คนนี้แหละที่ช่วยแสนทุกอย่าง ..”“ จำได้สิแสน ... ชายอิสเป็นญาติทางท่านแม่ของเรา เห็นไปเรียนศิลปะที่อิตาลีต้งหลายปีแล้ว ไม่นึกว่าจะไปเรียนที่เดียวกับแสน ..”“ นี่แหละพ่อทูนหัวของแท้ของแสน ... อิสราเป็นคนดีมาก ไม่ถือตัวว่าเป็นเจ้า เป็นคนมีน้ำใจชอบช่วยเหลือคนอื่นที่ลำบาก อย่างรายงานแสนที่ทำไม่ทันชายอิสก็เป็นคนทำให้ แต่บางครั้งเขาก็ชอบเก็บตัวอยู่แต่ในห้องคนเดียวถามไปถามมาก็ได้ความลับอยู่อย่างหนึ่งว่า อิสรามีความรักมั่นคงกับคนที่อยู่เมืองไทย ”“ อุ๊ยตายโรแมนติกจังแสน ใครเป็นหญิงสาวที่โชคดีคนนั้นนะ..”“ เราก็ไม่รู้จักเหมือนกัน เห็นอิสราบอกว่าตอนนี้กำลังเรียนเกี่ยวกับการปกครองท้องถิ่นอะไรประมาณนี้ แต่ก็แปลกใจอยอย่างนะเดือน อิสรายังไม่ได้ถอนหมั้นกับยายวันวิสาจอมกรี๊ด ที่เราสองคนไม่ชอบขี้หน้ามาตั้งแต่สมัยเด็กๆ ไง พอจะจำยัยคนนี้ได้มั้ย ”“ ทำไมจะจำไม่ได้ ก็แสนเป็นคนเอาน้ำหวานราดหัววันวิสาตอนทะเลาะกันครั้งนั้น ที่เราจำได้ดี เพราะเจ้าย่าตีก้นเราเป็นครั้งแรก ...”“ เออๆ ใช่เราจำได้แล้ว ยัยคนนี้นี่แหละที่เป็นคู่หมั้นของชายอิส แต่ดูยังไงก็ไม่เข้ากันเลยให้ตายสิเดือน สงสารแต่คนกลางของเรา ท่าทางจะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกที่ต้องมาเจอสภาพเช่นนี้ ยายวันวิสาคนนี้ธรรมดาเสียที่ไหนล่ะ ขี้เก็ก ขี้วีน ขี้หึงเป็นที่หนึ่ง จนเกิดเรื่องเกิดราวที่หอพักเราตั้งหลายต่อหลายครั้ง ...”“ แล้วมันเรื่องอะไรกันเหรอแสน..”“ จะมีอะไร้! เดือนก็เรื่องหึงตะบี้ตะบัน หน้ามืดตามัวไม่ยอมเปิดใจมองโลกให้กว้าง ... หลังจากวันนั้นอิสราถึงกับหายไปตั้งสองวีคแน่ะ นี่ก็ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง เรากลับมาเมืองไทยก่อนที่อิสราจะกลับมาจากฝรั่งเศส..”แสนเมืองเล่าไปเหมือนเขื่อนที่แตกทะลักออกจากแม่น้ำเพราะความอึดอัดใจกับเรื่องราวของเพื่อนรัก ก่อนจะมาระบายเล่าให้เจ้าเดือนเต็มดวงฟังเหมือนปลดปล่อยอะไรข้างใน ... ทั้งสองสนทนาไปเรื่อย ๆ จนลืมไปว่ามีสาวสวยตาคมนั่งเงียบทำตาแดง กระพริบตาปริบอยู่ข้าง ๆ ตั้งนานสองนาน...“ อ้าวมะยมเป็นอะไรไปครับทำไมตาแดงๆ ยังงั้น”แสนเมืองเอ่ยโพล่งออกมาจนมะยมถึงกับสะดุ้งตื่นจากภวังค์ค์ความคิดของตัวเอง เจ้าเดือนจึงรีบหันควับไปตามเสียงทักของเจ้าแสนเมือง ก่อนจะอุทานว่า ..“ ใช่ ๆ มะยมร้องไห้ทำไมจ๊ะไม่สบายหรือเปล่า..”“ ปละ เปล่าค่ะ ... ฉันแค่แสบตานิดหน่อย ไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ”มะยมแสร้งพูดบิดเบือนเรื่องที่พูดไปจากความจริงในใจ เพื่อให้คนทั้งสองคลายใจ ทั้ง ๆที่ เมืองครู่ตนเองกำลังใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆกับเรื่องราวที่ได้ฟังตลอดสิบกว่านาทีที่ผ่านมาจนแทบจะอดกลั้นนั่งฟังอยู่ไม่ไหว“ ถ้าไม่สบายก็บอกนะจ๊ะมะยม แสนเล่าต่อสิ เรื่องคุณชายอิสราเป็นยังไงต่อ ...”เจ้าเดือนเต็มดวงอยากจะฟังเรื่องของอิสราที่เสมือนเครือญาติกันห่าง ๆ จากปากของเจ้าแสนเมือง แต่คนเล่ากลับนิ่งเฉย แต่มองไปยังคนที่นั่งเงียบ ๆ ใบหน้าซีดเซียวปราศจากสีเลือดขึ้นทุกที ...“ เอาไว้เดี๋ยวแสนไปล่าให้เดือนฟังที่คุ้มต่อดีกว่า ตอนนี้เดือนต้องพาคุณมะยมไปนอนพักที่ห้องพยาบาลก่อนดีกว่า ดูท่าทางจะไม่ไหวแล้ว หน้าซีดเหลือเกิน ...”“ มะ ไม่เป็นไรค่ะเจ้า ดิฉันไม่เป็นไรจริงๆ”“ เออ... หน้าซีดจริง ๆ ด้วย แสนตัวเองเก็บหนังสือเข้าชั้นให้เราหน่อยนะ เราจะพามะยมไปห้องพยาบาลก่อน ขอบใจมาก เราไปกันเถอะมะยม..”แล้วมะยมก็ได้งีบหลับพักผ่อนที่ห้องพยาบาลที่มีเตียงสีขาวรายเรียงประมาณสิบกว่าเตียงตามความประสงค์ของเจ้าเดือนที่กำชับพยาบาลประจำห้องว่าให้ช่วยดูแลคนป่วยอย่างใกล้ชิด ส่วนตัวเองจะขึ้นไปฟังเลคเชอร์ที่อาคารเรียน ประมาณเวลาเที่ยงค่อยลงมาหา พยาบาลรับปากว่าจะคอยดูแลให้ … คนป่วยจึงได้งีบหลับไปตามความต้องการ แต่ก็ได้สะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่ออากาศร้อนอ้าวพัดผ่าน ม่านสายตาที่เป็นผ้าฝ้ายระบายเข้ามากระทบผิวจนถึงกับมองหาพัดลมตัวที่ใกล้ที่สุด ก่อนจะพบว่าได้เปิดเอาไว้แล้ว เป็นเพราะอากาศข้างในสู้กับข้างนอกไม่ได้นั่นเอง ....มะยมจึงล้มตัวลงนอน หลับตาพริ้มลงไปด้วยความอ่อนล้า ห้วงความคิดผุดวาบขึ้นมาจากคำบอกเล่าของเจ้าแสนเมืองถึงเรื่องอิสรา ผู้เป็นที่รัก ที่ตอนนี้กำลังลำบากจากเรื่องเดิม ๆ เหมือนเมื่อหลายปีที่ผ่านมา หนำซ้ำต้องอยาไกลบ้านไกลเมือง ขาดการติดต่อมาเป็นเวลาร่วมสองปีแล้ว ...การได้ยินเรื่องราวของอิสราในวันนี้เหมือนกับเป็นการตอกย้ำหนทางที่เริ่มตีบตันขึ้นเรื่อย ๆ ระหว่างตัวเองกับคุณชายผู้สูงศักดิ์แห่งฟ้าเมฆา ... พอหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข เมื่อนึกถึงวันที่ได้อยู่ด้วยกันในระยะสั้น ๆ ที่ท่าวังหิน วันเวลาแสนงามเหล่านั้นไม่เคยจะบั้นทอนความอดทนเพื่อสิ่งสวยงามที่กำลังรอคอยอยู่ข้างหน้า วันนั้นคงมาถึง ...มะยมเอื้อมมือที่เปียกน้ำตาไปกุมคลึงแหวนทองวงเกลี้ยงวงนั้นอยู่นานสองนาน ก่อนจะสะดุ้งเมื่อยินเสียงสนทนาของคนสองคนกำลังใกล้เข้ามายังห้องพยาบาลแล้ว ....เย้ มะยมโตแล้ว .. ติดตามชีวิตของมะยมต่อในตอนหน้านะครับผม .. ขอบคุณที่เข้ามาอ่านผมซาบซึ้งมากครับ .. ขอบพระคุณมากกกกจ้านายอิส /เมฆชรา๑๒ กันยายน ๒๕๕๓สิบโมงกว่าๆครับ--------------------------------