จินตนาการสำคัญกว่าความรู้
Group Blog
 
<<
กันยายน 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
1 กันยายน 2553
 
All Blogs
 

กาหรือหงส์ ตอน ๓๘

กาหรือหงสื ตอน ๓๘






ในค่ำคืนที่ดาวดารดาษพร่างพราวกระจ่างเต็มท้องฟ้าเช่นนี้ นาฬิกาที่อยู่ข้างเตียงส่งเสียงเตือนดังติ๊ด ๆ ดังมาแผ่ว ๆ แต่สาวหน้าหวานกลับไม่สามารถจะข่มตาได้เลยตั้งแต่หัวค่ำ ความคิดเก่า ๆ ยังคงวนเวียนหลอกหลอนเหมือนภาพยนตร์ที่ฉายซ้ำไปซ้ำมา กระทั่งนี่เวลาล่วงเลยผ่านมาเกือบตี่สี่ เสียงมอเตอร์ไซต์คันเก่าของผู้เป็นพ่อแว่วยินมาแต่ไกล ....

พลอยใสรีบเอื้อมมือไปปิดสวิทซ์โคมไฟที่หัวนอนทันที ก่อนที่เสียงต้นเหตุจะเคลื่อนเข้าสู่ใต้ถุนบ้าน
เสียงไก่กู่ขันดังมาปกติในทุกเช้า ครูพลตื่นขึ้นมาเหลียวหาคนขยันประจำบ้านด้วยความเคยชิน แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าเจ้าตัวยุ่งอยู่ที่โรงพยาบาล คิดไปคิดมาเลยนึกถึงเรื่อง ๆ หนึ่งที่จะต้อองพูดในเช้านี้ให้ได้ จึงเดินอ้อมประตูใหญ่ไปยังห้องใหญ่ด้านในสุด จนมองเห็นว่าจำเลยจำเป็นเดินสวนมาพอดี ...

“ ไปคุยกับพ่อที่โต๊ะหน่อยสิพลอย”

“ หนูจะรีบไปทำการบ้านกับเพื่อนที่โรงเรียนนะพ่อ เดี๋ยวไปสายจะไม่ทัน”

“ มันจะสายไปได้ไงนี่ก็เพิ่งหกโมงเช้าเอง ตามมาเดี๋ยวนี้ .... ”

พลอยใสทำท่าจะหันหลังกลับไปเดินลงบันใดหลังบ้าน แต่ผู้เป็นพ่อรู้ทันกิริยาเช่นนี้ จึงเดินลิ่วตัดหน้าอีกฝ่ายในทันที จนพลอยใสชะงัก ทำหน้าม่อย ไม่สบอารมณ์อยู่ตรงบันใดนั่น ...

“ มีอะไรจะด่าหนูก็ว่ามาสิพ่อ หนูพร้อมจะรับฟังแล้ว”

“ พ่อจะถามเรื่องบางเรื่องเท่านั้น เราต้องพูดความจริงมาให้หมด”

“ เรื่องอะไรกัน อย่าบอกนะว่าเรื่องเมื่อวาน .. หนูเบื่อจะอธิบายให้ใคร ๆ ต่อใครฟังเลย เพราะพูดไปกลายเป็นว่าหนูแก้ตัว เป็นคนผิด เป็นฆาตกรจะฆ่าจะแกงน้องตัวเอง น่าเบื่อชะมัด”

“ แล้วมันจริงอย่างที่ว่าหรือเปล่าล่ะ ”

ครูพลตะคอกเสียงเน้นไปพร้อมกับย่างไปตรงหน้าทันที ..

“ เอ๊ะพ่อ ... หนูรู้ว่าพ่อไม่ได้รักหนูเท่ามัน แต่จะมากล่าวหากันง่าย ๆ อย่างนี้มันใช้ได้ที่ไหน หนูไม่ยอมนะ อะไรก็มันถูกต้อง อะไรก็มันดีวิเศษไปหมด หนูล่ะ ... หนูเป็นอะไร หนูก็เป็นลูกพ่อแท้เของพ่อนะ พ่อเคยเหลียวแล เคยมอบความรักให้บ้างมั้ย ..”

“ หยุด! หยุดโกหกหลอกลวงคนอื่นได้แล้ว ลองมาพูดความจริงกัน อย่าพูดนอกประเด็นเหมือนประโยคเมื่อกี้ พ่อเบื่อจะฟังเราพล่ามเต็มทนแล้ว ”

ครูพลตะคอกใส่พลอยใสอย่างเหลืออดจะทนแล้ว จนกระทั่งสาวหน้าหวานถึงกับน้ำตาหลั่งออกมาด้วยความน้อยใจผู้เป็นพ่อ “ ฮือ ๆ ๆ อย่างนี้หรือที่ว่าเข้าใจ เอะอะก็ด่า เอะอะก็ว่าผิด ..นี่ถ้าแม่การะเกดอยู่ หนูคงไม่กลายเป็นหมาหัวเน่าอย่างนี้หรอก”

“ พ่อบอกว่าอย่านอกเรื่อง เรื่องทั้งหมดมันเป็นยังไง เล่ามาอย่าโกหก พลอยก็รู้ว่าพ่อไม่ชอบ”

“ หนูไม่มีอะไรจะเล่า หนูไม่ผิด อีนั่นมันสำออยเรียกร้องความสนใจเอง”

“ ทำไมพลอยถึงต้องพูดจาหยาบคายอะไรอย่างนี้ ใครสั่งใครสอน”

“ ก็พ่อนั่นแหละ ทำให้หนูเป็นคนอย่างนี้ ..เป็นคนที่เลวจนไม่มีดีไงล่ะ”

“ หยุดก้าวร้าวได้แล้วนะพลอย ...จะไปไหนก็ไปพ่อเบื่อจะพูดจะอธิบายแล้ว”

“ หนูไปก็ได้ แต่ขอบอกพ่ออีกอย่างว่า เปิดเรียนเทอมหน้าหนูจะเหยียบบ้านเส็งเค็งหลังนี้ให้เป็นเสนียดอีกแล้ว จะไปให้พ้น ๆ เลยคอยดู”

“ เออ ! ในเมื่ออวดดีนักก็ไปให้ไกลเลยนะ อย่ากลับมาอีกได้ยิ่งดี”

ครูพลทิ้งประโยคสุดท้ายเอาไว้ให้คนฟังได้ยิน แต่ทว่าตอนนี้ปราศจากร่างบอบบางนั้นแล้ว แต่ยังคงได้แว่วยินเสียงสะอื้นไห้ดังแผ่วห่างออกไปเรื่อยๆ เหตุการณ์เริ่มบานปลายได้ขนาดนี้ทำให้หัวอกผู้เป็นพ่อแทบจะแตกสลายลงตรงนี้ จึงทำได้แค่ทรุดตัวลงไปกองบนพื้น มือกุมหน้าอกที่แน่นขึ้นไปเรื่อย ๆ จนหายใจไม่เข้าไม่ออกไปทุกขณะ ทุกขณะ ..
.
“ คุณครูครับ คุณครูตื่นสิครับ ...”

แสงสว่างสีขาวรอดแยงตาเข้ามาจนผู้อาวุโสต้องหยีตาขึ้นมองใบหน้าที่สลัวรางให้ชัด ๆ จนจำได้ว่าร่างสูงใหญ่ ผิวดำคล้าที่กำลังประคองตนเอง แล้วเขย่าจนหัวโยกหัวคอนอยู่ตอนนี้เป็นใคร ..

“ เจ้าหยามเองเหรอ ... ข้าเป็นอะไรไปวะ”

“ พ่อครูนอนล้มไปบนพื้นห้อง หน้าตาเขียวคล้ำอยู่คนเดียว ผมมาเรียกอยู่ข้างล่างตั้งนานสองนาน จนรู้สึกว่ามันผิดปกติ เลยขึ้นเรือนมาดู ก็พบพ่อครูนอนอยู่ตรงนี้แหละครับ”

“ ครูรู้สึกหน้ามืดเลยวูบไป ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว ... เอ็งพยุงข้าไปที่เก้าอี้โซฟาตัวนั้นสิหยาม”

“ ครับพ่อครู ... ”

สยามค่อย ๆ พยุงร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์ตามวัยวุฒิที่มากของครูพลให้ไปนั่งตรงโซฟาสีน้ำตาลอ่อนริมหน้าต่างที่ตอนนี้มีลมอ่อน ๆ พัดโชยมาให้เย็นสบายใจดับคลายร้อนได้บ้าง ครูอาวุโสเอนร่างพิงกับหมอนผ้าฝ้ายสีขาวสะอาด หลับตาพริ้มไปสักครู่ฟังเสียงลูกศิษย์เดินไปในครัวจนได้ยินเสียงเปิดตู้เย็น พร้อมกับเดินออกมาในเวลาไม่นาน ...

“ ครูครับครู ... เช็ดหน้าก่อนนะครับ ผมเตรียมผ้าเย็นไว้ใหแล้วนี่ครับ”

“ ขอบใจมากว่ะหยาม”

ครูพลยื่นมื่อไปรับผ้าเย็นก่อนจะลูบหน้าไปสองสามครั้ง จนพอรู้สึกสดชื่นอย่างที่คนตัวใหญ่นั่งจ้องอยู่ตรงหน้าต้องการแล้ว จึงเอ่ยถามไปว่า ...

“ แล้วนี่เอ็งมาหาข้าตั้งแต่เช้านี่มีธุระอะไรหรือเปล่า”

“ ผมมาธุระให้ท่านชายครับพ่อครู”

“ มันมีเรื่องอะไรกันอีก ถึงต้องมาหาครูอย่างรีบด่วนขนาดนี้ ” ครูพลถามด้วยความสงสัยจนอีกฝ่ายต้องรีบอธิบายด้วยความเกรงใจเป็นที่ตั้งว่า....

“ เมื่อคืนที่วังเกิดเรื่องราวตั้งมากมายหลังจากที่พ่อผมไปส่งหม่อมพักตร์ที่โรงพยาบาล คุณชายอิสราโมโหถึงกับตบหน้าคุณวันวิสาต่อหน้าต่อหน้าต่อตาหม่อมย่าและหม่อมแม่ของเธอ ... หม่อมพักตร์กรีดร้องโหยหวนไปทั้งวังฟ้าเมฆา ท่านชายปกรณ์อาการโรคหัวใจกำเริบขึ้นมาอีกหลังจากหายไปนาน โกลาหลวุ่นวายไปทั้งคืน กว่าพวกกระผมจะเข้านอนได้ก็เกือบสว่าง ... พอกำลังจะเข้านอนได้ไม่ถึงชั่วโมง ผมก็ได้ยินเสียงเคาะประตูหลาย ๆ ทีจึงรีบออกมาเปิด พบคุณชายอิสราเดิรวนไปวนมาที่หน้าประตูนั่น ผมจึงเอ่ยถามเธอไปก็ได้ความว่าร่อนใจเป็นห่วงพ่อครู อยากจะให้ผมมาดูแล ก่อนที่คุณชายจะหาทางปลีกตัวมาในตอนสายครับ”

“ ครูสบายดีไม่ได้เป็นอะไร เมื่อกี้แค่เวียนหัวนิดหน่อย เลยล้มตัวลงนอนไปกับพื้นเลย”

“ ผมว่าพ่อครูไปโรงพยาบาลดีกว่ามั้ยครับ”

สยามทอดสายตามองไปยังครูพล ผู้ที่เป็นทั้งพ่อบุญธรรมและบุคคลที่เคารพรักบูชายิ่งด้วยความเป็นกังวลใจ เพราะแค่เดินขึ้นมาบนบ้านแล้วเห็นครูพล นอนราบไปกับพื้นเรือนใบหน้าเขียวคล้ำ ตนเองก็รู้สึกแทบจะช็อกตายเอาเสียให้ได้ ... จึงพูดปลอบประโลมจนครูพลค่อยพยุงตัวลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในชุดลำลอง เพื่อไปโรงพยาบาล แต่ไปรับมะยมไม่ใช่จะไปตรวจเช็คร่างกายอย่างที่สยามต้องการ....

พอนั่งเบาะหน้าของรถกะบะคันเก่าของไร่ฟ้าเมฆาที่สยามขับมาแล้วครูอาวุโสแห่งท่าวังหินเอ่ยถามขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจจะทราบคำตอบนักว่า ...

“ แล้วอิสราเป็นยังไงบ้าง โดนคุณชายปกรณ์ตำหนิมั้งหรือเปล่าวะหยาม”

“ หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายที่ข้างนอก หม่อมท่านให้ป้าแม้นมาเรียนเชิญคุณชายที่ห้องหนังสือ หลังจากนั้นผมก็ไม่ทราบอะไรอีกเลยครับครู เพียงแต่เห็นนายแม่อุ่นเรือนนั่งร้องไห้อยู่คนเดียวที่ในครัว”

“ โธ่! เรื่องมันชักจะบานปลายไปกันใหญ่แล้ววะหยาม ... ครูสงสารอิสรา เมื่อคืนเผลอด่าไปซะกัณฑ์ใหญ่ ทั้ง ๆ ที่เขาก็ไม่ได้ทำผิดอะไร นี่กลับเป็นห่วงครู ทั้ง ๆ ที่ครูไล่ไปว่าอย่ามาที่นี่อีกเป็นอันขาด”

“ คุณชายอิสราเป็นคนดีมากนะครับพ่อครู ไม่เคยดุด่าว่าใครแรง ๆ เลย หากพวกเราลำบากท่านจะยื่นมือมาช่วยพวกเราในไร่กันเสมอ ๆ ไม่เหมือนกลุ่มที่มาจากกรุงเทพ ฯ หยิ่ง และกดหัวคนอื่นให้จมดินเลย ... พวกป้า ๆ ที่รับใช้พวกเค้าเหนื่อยสายตัวแทบขาดกันทุกคน พ่อผมก็ด้วย กลับมาบ้านทีไร พอหัวถึงหมอน หลับเป็นตายจนถึงรุ่งเช้านั่นเลยทีเดียว ไร่ฟ้าเมฆาเปลี่ยนไปเพราะคนที่เรียกตัวเองว่าผู้ดีพวกนี้แหละครับครู”

“ เฮ้ย! มากไป ๆ เจ้าหยาม ...นินทาเจ้านายที่ให้ข้าวให้น้ำเองกินทุกวัน มในไม่ดีหรอกนะเว้ย”

“ แต่พวกเราอยู่กันอย่างเหลือจะอดทนแล้วนะครับพ่อครู สักวันหนึ่งมันคงพังทลายไปแน่ ๆ ผมสังเกตว่าท่านชายปกรณ์จะทรงเงียบขรึมมากขึ้น นายแม่อุ่นเรือนก็เอาแต่ร้องไห้สงสารคุณชายอิสรา ส่วนตัวคุณชายเองก็ซึมเศร้า เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องนอนอย่างเดียว ไม่ออกมารับประทานข้าวเหมือนเคย ส่วนมากจะเรียกให้ผมถวายสำรับในห้องนั้น ”

สยามบ่นพึมพำไปเหมือนความทุกข์ของวังฟ้าเมฆาจะสุมอยู่ในอกของตัวเองแทบทั้งหมด จนครูพลต้องกระแอมไปอีกครั้ง คนเล่าถึงหยุดแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา...

“ เอ็งยังด้อยประสบการณ์ชีวิตนักเจ้าหยามเอ๊ย ... เรื่องทั้งหมดที่เอ็งเพียรนำเสนอข้ามาตั้งแต่ขึ้นรถนั้นน่ะ ข้าพอจะเดาเหตุการณ์ออกทั้งหมดได้แล้ว ขับรถต่อไปเถอะ..อย่าเสียสมาธิเลย เดี๋ยวก็ถึงโรงพยาบาลแล้วนี่นา ”

ครูอาวุโสเอ่ยคำพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาคล้ายครุ่นคิดอะไรอยู่ภายใจ จนรถกะบะคันเก่าเลี้ยวซ้ายตรงมุมถนนลาดยางเพื่อเข้าสู่โรงพยาบาลท่าวังหิน ...

--------------------------

มะยมเดินออกมาส่งสยามขึ้นรถกะบะเก่าที่หน้าบ้านด้วยความรู้สึกแช่มชื่นกว่าอยู่โรงพยาบาล อาการอ่อนเพลียต่าง ๆ ดีขึ้นกว่าเมื่อวาน แต่สยามกลับดึงมะยมให้เดินเข้าไปยังใต้ต้นหูกวาง ต้นใหญ่ข้าง ๆ รั้วบ้าน จนอีกฝ่ายแปลกใจที่เพื่อนเล่นตั้งแต่วัยเด็กไม่พูดไม่จาตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลแล้ว แต่กลับดึงแขนเพื่อชวนสนทนาหลังจากที่ครูพลเดินขึ้นบนเรือนไปแล้ว ...

“ มีอะไรเหรอหยาม ทำลับๆ ล่อๆ พิกลว่ะเพื่อน”

สยามเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้มะยมฟังตั้งแต่ต้น จนเด็กสาวพยักหน้าเข้าใจดีแล้ว ทั้งคู่จึงเดินออกมาจากต้นหูกวาง

“ เราไม่เข้าใจพ่อครูจริง ๆ นะมะยม ทำไมไม่ยอมให้หมอสุรชัยตรวจอาการโรคหัวใจ”

“ พ่อก็เป็นอย่างนี้แหละ บทจะดื้อก็ดื้อขาดใจ บทจะใจดีก็ดีใจหาย เป็นพัก ๆ น่ะหยาม”

“ ฉันตกใจจริง ๆ นะมะยม ตอนเห็นพ่อครูนอนหงาย หน้าเขียวอื้อน่ะ”

“ ก็เคยเจอสภาพนั้นมาแล้ว มันน่ากลัวจริง ๆ อย่างนั้นจริง ๆ ด้วยสิหยาม ”

“ มะยมฉันคิดว่า ถ้าพ่อครูไม่ไปหาหมออย่างนี้ เราเหลือทางเลือกทางเดียวที่จะไม่ให้เกิดเรื่องน่าหวาดเสียวอย่างวันนี้ขึ้นอีก”

สยามเอามือเคาะกะโหลกทีสองที เหมือนกำลังใช้ความคิดอย่างเต็มที่อยู่ ...

“ ทำยังไงวะไอ้หยาม … ”


“ ง่ายนิดเดียวก็แค่ไม่ให้พ่อครูช็อกกะทันหันขึ้นมาอีก ไม่ว่าด้วยวิธีการระแวดระวังใด ๆ ก็ตาม ที่เธอจะต้องทำ ฉันคงไม่ต้องสาธํยายนะว่าต้องทำอะไรบ้าง”

“ ฉันไม่รู้จะต้องทำอะไรบ้างหยาม”

“ อะไรที่พ่อครูไม่ชอบอย่างรุนแรงก็อย่างไปขัดใจ อย่างเรื่องเธอกับคุณชายอิสราไงล่ะ เธอจะเลิกติดต่อหรืออยู่กันห่างสักพักจะได้มั้ยมะยม ”

“ ฉันคงทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกหยาม อิสราไม่ได้มีความผิดอะไรที่ฉันจะต้องเลิกคบเค้า”

“ นี่แหละคือปัญหาของแท้ล่ะ .... ขอถามตรง ๆ ให้ฐานะที่เราเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ นะมะยม เธอรักคุณชายใช่มั้ย ไม่ต้องอายตอบมาเลย หรือจะพยักหน้าก็ได้เพื่อน”

มะยมก้มหน้างุด ไม่ตอบหรือเอนเอ่ยอะไรออกมา แต่กลับพยักหน้าช้า ๆ สยามเมินหน้าไปมองทางอื่น เหมือนคนแบกรับปัญหาทั้งหมดเอาไว้เช่นเคย ...

“ รักต้องห้าม รักที่ไม่มีวันจะเป็นจริง รักต่างฐานันดร รักต่างบรรดาศักดิ์ ฉันไม่รู้จะอธิบายปรากฎการณ์รักของเธอว่าไงแล้วนะมะยม ... เธอต้องพยายามตัดใจจากคุณชายให้ได้เสียตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อพ่อครูพล ซึ่งเป็นพ่อแท้ ๆ ของเธอ บทเรียนรักครั้งนี้ของเธอไม่มีวันคุ้มค่า คุ้มทุนต่อการเสี่ยงหรอกนะมะยมมันอาจจะต้องเจ็บปวด เสียหายมากมายเกินคณานับถ้าเธอยังจะเล่นกับไฟ ”

“ สงสัยแกจะอ่านนิยายมากไปหน่อยวะหยาม เพ้อเจ้อได้ซะเป็นคุ้งเป็นแควเลยนะ”

“ มันเป็นพูดเรื่องจริงทั้งหมด เธอจะไปยืนอยู่ตรงไหนของไร่ฟ้าเมฆาในเมื่อที่นั่นไม่มีที่ว่างสำหรับอีกาตัวดำ ไร้สกุล ต่ำต้อยเพียงดินอย่างพวกเรา .... ต้นรักที่เธอปลูกกับคุณชายอิสรา ด้วยดินดีด้วยปู๋ยชั้นเลิศ แล้วก็เพาะบ่มมันมาด้วยความรักบริสุทธิ์ จะช่วยอะไรเธอได้ ในเมื่อหงส์ก็อยู่ส่วนหงส์ กาต้องอยู่ส่วนกา เลือดสีน้ำเงินไม่มีทางที่จะปะปนเลือดสีธรรมดาอย่างพวกเราแน่นอน ... ถ้ายังดื้อดึง เธออาจจะเสียใจและเจ็บปวดไปตลอดชีวิต เธอต้องเลือกเส้นทางชีวิตของเธอแล้วมะยม ”

“ ฉัน ... เอ่อ ... ฉันกลัวว่าจะทำไม่ได้ ”

“ มะยมเพื่อนรัก ... เธอต้องคิดพิจารณาเอาเองว่าระหว่างความสุขของเธอ กับ ความเป็นความตายของผู้ให้กำเนิด เธอจะเลือกใคร คิดดูให้ดีดี ”

“ นี่คงหมายถึงว่าฉันไม่มีทางเลือกใดให้เลือกแล้วใช่มั้ยหยาม เพราะยังไงฉันก็ต้องเลือกอยู่กับพ่อ ครอบครัวของเราเหลือกันอยู่แค่นี้ ”

“ มันอยู่ที่เธอจะเลือกแล้วมะยม ฉันเตือนเธอ เพราะฉันรู้สึกเสมือนลูกพ่อครูพลเช่นกัน พวกเราคงอยากจะเห็นท่านอยู่กับเราไปนาน ๆรวมทั้งลูกสาวอันเป็นที่รักอย่างเธอด้วย ”

สยามทิ้งท้ายประโยคไว้เป็นร่องรอยในสายลม ก่อนจะเหยียบคันเร่งเคลื่อนรถกะบะคันเก่าออกจากบ้านของมะยมไป ทิ้งไว้แต่เพียงฝุ่นที่ตลบอบอวลตามรอยล้อรถที่เคลื่อนหายลับตาไปตามโค้งถนนข้างหน้า

มะยมเดินหันหลังกลับด้วยอาการเหม่อลอย คิดไม่ตกตามคำพูดของสยามเมื่อครู่ ใจอยากจะค้าน อยากจะเถียงแทบขาดใจ ... แต่ทำไม่ได้สักอย่าง เพราะรู้ดีว่าสิ่งที่เพื่อนรักพูดออกมาทั้งหมดมันเป็นความจริง


“ ....ต้นรักที่เธอปลูกกับคุณชายอิสรา ด้วยดินดีด้วยปู๋ยชั้นเลิศ แล้วก็เพาะบ่มมันมาด้วยความรักบริสุทธิ์ จะช่วยอะไรเธอได้ ในเมื่อหงส์ก็อยู่ส่วนหงส์ กาต้องอยู่ส่วนกา เลือดสีน้ำเงินไม่มีทางที่จะปะปนเลือดสีธรรมดาอย่างพวกเราแน่นอน ...”


คำพูดจากประโยคหนึ่งยังคงแว่วได้ยินวนเวียนอยู่ในหัวตลอดเหมือนเทปที่กรอกลับไปกับมาอยู่อย่างนั้น มะยมถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะเดินขึ้นบนบ้านด้วยหัวใจสับสนอีกครั้ง ...


--------------------------
โอ๊ยกำลังสนุกจบซะแล้ว ติดตามตอนใหม่ในวันศุกร์นี้นะครับ ของคุณที่ติดตามอ่านงานเขียนของผม ขอบพระคุณมากครับเพื่อนหนอนที่น่ารัก ..

นายอิส / เมฆชรา
๑ กันยายน ๒๕๕๓
๑๐ โมงครึ่งครับ





 

Create Date : 01 กันยายน 2553
1 comments
Last Update : 1 กันยายน 2553 10:31:23 น.
Counter : 756 Pageviews.

 

รอๆ อ่านค่ะ ชอบมากเลย อยากรู้จังตอนจบแฮปปี้หรือป่าว อีกกี่ตอนจบคะ สู้ๆค่ะ

 

โดย: tukke IP: 202.80.239.2 2 กันยายน 2553 16:35:57 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


เมฆชรา
Location :
นครราชสีมา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




เข้าสู่ปีที่ 8
Friends' blogs
[Add เมฆชรา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.