จินตนาการสำคัญกว่าความรู้
Group Blog
 
<<
กันยายน 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
4 กันยายน 2553
 
All Blogs
 

กาหรือหงส์ ตอน ๔๐

กาหรือหงส์ ตอน ๔๐




วันเสาร์ที่น้ำฝนว่าก็มาถึงรวดเร็วอย่างที่ใจบางคนต้องการจริง ๆ อากาศของยามสายเร่งให้คนสองคนที่นั่งซ้อนท้ายจักรยานยนต์คันเก่า ที่ผ่านการรับใช้มานานนมโดยมีเด็กหนุ่มหน้าใส คิ้วเข้ม กำลังเกร็งแขนจับคันเร่งเจ้าแก่ด้วยท่าทียักแย่ยักยัน จนคนซ้อนคือสาวผิวคล้ำเนียนละเอียด ร่างบาง หน้าคมสวยอมยิ้มพร้อมกับเอื้อมมือเกาะช่วงเอวมาจากข้างหลังด้วยท่าทีขัดเขินเล็กน้อย ...

ทั้งสองมาถึงยังจุดสูงสุดของทิวเขาดอยภูคาอันสูงสล้างด้วยเวลาที่เนิ่นนานร่วมชั่วโมง หลังจากสูดดมกลิ่นมวลดอกไม้และพืชพรรณธรรมชาติขิงป่าแห่งนี้มาตลอดเส้นทางโดยไม่ได้พูดได้จากกันแม้แต่ประโยคเดียว มะยมกระโดดลงจากรถทั้ง ๆ ที่ยังไม่จอดสนิทจนอิสราต้องรีบตั้งขาตั้ง พร้อมกับวิ่งตามออกไป ....

“ โอ้โห .... ทุกอย่างไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเลยอ่ะอิส”

“ เดี๋ยว ๆ มะยมรอผมด้วย รีบวิ่งมาอย่างนี้เดี๋ยวตกหน้าผาเอาหรอกครับ”

อิสรายืนหอบแฮ่ก ๆ ข้างสาวหน้าคมเข้มที่กำลังสูดกลิ่นดิน กลิ่นมวลดอกไม้ป่า แล้วส่ายตามองไปยังทิวทัศน์ข้างหน้าด้วยความชื่นชมกับภาพธรรมชาติอันงามงด ทิวเขาใหญ่น้อยสีน้ำเงินเข้มตัดสลับกันเหมือนภาพวาดชั้นดี สีเขียวเทา น้ำเงิน และดำดูใกล้จนแทบจะเอื้อมมือเข้าไปสัมผัสถึงได้ พอเพ่งไปมองกลุ่มก้อนเมฆที่ไหลละล่องระเรี่ยหมู่ไม่น้อยใหญ่ก็นึกอย่างจะเป็นวิหคน้อยที่ได้บินล่องลอยไปคลอเคลียปุยเมฆขาว ก้อนนั้นก้อนนี้อย่างสบายใจ คนร่างสูงตรงเข้าไปประชิดสาวน้อยบ้านนาด้วยความวิสาสะ จนร่างนั้นสะดุ้งถอยห่างออกมาโดยอัตโนมัติ ...

“ อุ๊ย ...อะไรกันอิสรา ... นายยืนห่างเราหน่อย มันไม่ดีที่ทำอย่างนี้ ”

“ ผมไม่ได้ตั้งใจล่วงเกินคุณ ขอโทษด้วยนะมะยม ”

คนพูดทำท่าจะถอยหลังไปทันที แต่ก็ต้องชะงักเมื่อมือเรียวสวยของคนตรงหน้าจับกระชับไว้แน่นแล้วจูงไปยังหน้าผาสูงชันที่อยู่ไม่ไกลนัก จนลมวูบแรงที่พัดเข้ามาปะทะเกือบหกล้มไปทั้งสองคน แต่แล้วอิสราต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าคนจูงมือไม่ได้วิ่งตรงไปยังหน้าผา แต่กลับเลี้ยววกลงไปยังเนินเขาเตี้ยไล่ระดับลงมาหน่อยที่อยู่เยื้องไปทางซ้าย จนมองเห็นว่ามีต้นกาสะลองขนาดใหญ่ยืนเด่นอยู่ริมหน้าผาจนเกิดร่มเงาใหญ่ ลมพัดกิ่งไม้ใบไม้ให้ไหวอู้จนเกิดเสียงประหลาดเหมือนกู่ร้องมาจากแดนไกล มะยมเร่งเท้าให้ก้าวไปยังที่นั่นด้วยใจที่ร้อนรน และสงบนิ่งอย่างประหลาด ....

“ ไม่ยักรู้ว่ามีหน้าผาที่สวยกว่าด้านบนซ่อนตัวอยู่ที่นี่”

“ นายรู้หรือเปล่าหน้าผาที่นี่เรากำลังยืนอยู่มีชื่อว่าอะไร? มีประวัติความเป็นมายาวนานขนาดไหน...”

“ ไม่ทราบครับ มะยม ... ผมเคยแต่มาเที่ยวหน้าผาด้านบนกับพวกของเดี่ยวเมื่อเดือนก่อน แล้ว ประทับใจมากจนอยากเก็บภาพไว้อีกครั้งก่อนที่จะ ...เอ่อ ...”

คนพูดอึกอักพูดไม่ออก ไม่ทราบด้วยเหตุผลกลใด จนคนรับฟังเริ่มรับรู้ถึงความปกติ และมองเห็นแล้วว่าปฏิกิริยาของอีกฝ่ายเปลี่ยนแปลงไป จึงพูดเรื่องอื่นเป็นการกลบเกลื่อนเสีย ...

“ ผาที่นายกำลังยืนอยู่นี่ มีชื่อว่า “ ผาเดียวดาย ” ไงล่ะอิสรา”

“ ผาเดียวดาย ...ชื่อฟังดูเศร้าจัง สงสัยมีที่มาไม่สนุกแน่ ”

“ ใช่! แล้ว ฟังดูแล้วเศร้ามาก ... เป็นหน้าผาแห่งความรักและความเกลียดชัง”

“ แหม! ผมชักอยากจะฟังเสียแล้วล่ะสิมะยม เราปูเสื่อนั่งกันตรีงนี้เลยดีมั้ยครับ ผมชอบลมที่นี่ มันพัดแรงและเย็นชื่นฉ่ำดีจัง”

“ ได้ถ้านายต้องการ ...”

อิสราจัดแจงวิ่งกลับไปยังที่จอดมอเตอร์ไซต์คันเก่าอีกครั้ง ก่อนจะหอบของพะรุงพะรังกลับมาด้วยใบหน้าที่เปื้อนเหงื่อไคลเต็มที่ ค่อย ๆ วางสัมภาระที่จัดเตรียมมาซึ่งก็มีอาหารสำเร็จ ขนมหวาน และของคาวบางส่วนถอดเรียงออกมาจากปิ่นโตเรียงเถาไว้ด้วยความน่ารัก สวยงาม ...

ครั้นตรวจสอบความเรียบร้อยแล้ว จนเห็นว่าควรจะเรียกมะยมให้กลับมานั่งยังใต้ร่มกาสะลองที่ออกดอกสะพรั่งส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วบริเวณได้ในตอนนี้แล้ว จึงลุกขึ้นยืนเดินตรงไปยังสาวเจ้าที่ยืนอยู่ห่างจากหน้าผาชันไม่ถึงสองเมตร ... อิสรารู้สึกประหลาดใจที่ได้ยินเสียงสะอื้นไห้ดังลอดกระซิบให้ได้ยินแผ่วเบาจนแทบจะเรียกได้ว่าถ้าไม่เงี่ยหูฟังจะไม่ได้ยินเลย ...

“ มะยมร้องไห้ทำไมครับ ... ผมชวนมาเสียเวลาหรือเปล่า”

“ มันไม่ใช่อย่างที่นายคิดหรอกอิสรา …”

สาวน้อยบ้านนาค่อยหันหน้าที่เปื้อนคราบน้ำตาไปทั้งหน้ามาทางคนถามที่ตอนนี้กำลังทำหน้าตกใจคล้ายคนทำความผิดอะไรสักอย่าง แต่ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร ...

“ ถ้าเรายังเป็นคนพิเศษต่อกัน ค่อย ๆ เล่าให้ผมฟังจะได้มั้ยครับ” คนพูดคล้ายจะขอร้อง แกมตั้งคำถามอยู่นั้นด้วย “ มันเป็นเรื่องส่วนตัวภายในครอบครัวของฉันเอง พอนายได้ฟังอาจจะหัวเราะหรือเศร้าใจกับมันก็ได้ ... ฉันถึงไม่เคยเล่าให้ใครฟังมาก่อนไง”

“ ถ้าอยากให้ช่วยก็เล่ามาสิครับ ผมอยากจะฟังแล้ว”

“ ที่ที่ฉันยืนอยู่ตรงนี้ เคยเป็นที่แม่การะเกดของฉัน เคยคิดจมากระโดดฆ่าตัวตาย”

“ อะไรนะครับ ... แม่ของมะยมเคยมาที่นี่ ”

“ ไม่ใช่เฉพาะแม่ฉันที่เคยมาที่นี่ คนอื่นๆ พ่อฉัน พี่สาวฉันก็เคยมานั่งปูเสื่อกันเหมือนวันนี้มาก่อน”

“ มิน่าดูมะยมคุ้นเคยกับที่นี่จังครับ” คนพุดทำน้ำเสียงสดใสคล้ายจะคลายบรรยากาศที่ขมึงเครียดให้โอนอ่อนลงมาบ้าง แต่ก็ไม่ได้ผลนัก …

“ พ่อกับแม่มักจะพาพวกเราสองพี่น้องมานั่งเล่นชมพระอาทิตย์ตกดินที่ตรงนี้ในทุกวันหยุด ก่อนที่ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปตลอดกาลเพราะความเข้าใจผิด …”

มะยมทำท่าจะร้องไห้อีกรอบ ด้วยการทำตาแดง ๆ จนน้ำใส ๆ ไหลเอ่อล้นขอบตาออกมาอีกรอบ ... ก่อนจะกั้นหายใจแล้วเล่าอีกต่อไปอีกจนได้ ...

“ แม่การะเกดของฉันเป็นโรคหัวใจมาตั้งแต่ยังเด้ก พอแต่งงานคุณหมอก็บอกว่าอย่ามีลูกเป็นอันขาด เพราะจะทำให้ภูมิคุ้มกันที่มีเพียงน้อยนิดหดหายไป ... แต่แม่ก็ไม่เชื่อและปฎิบัติตามที่หมอสั่ง จนเกิดพลอยกับฉันขึ้นมานี้ไงล่ะ ”

“ แม่การะเกดของมะยมต้องสวย ใจดีมากแน่”

“ นั่นแหละคือคุณสมบัติของแม่ที่ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันหมด แม่สวยบริสุทธิ์ จิตใจดีงาม ไม่นินทาว่าร้ายใคร รักธรรมชาติมากที่สุด และที่สำคัญคอยดูแลพ่อ กับพวกเราอย่างชนิดที่เราเหมือนมาเป็นเทวดา โดยมีข้าทาสรับใช้ก็คือ แม่การะเกดนั่นเอง”

“ ดูจะเป็นครอบครัวที่น่ารักมากนะครับ”

“ มันก็น่าจะเป็นอย่างนั้น ถ้าไม่มีคนอื่นเข้ามาทำร้ายครอบครัวเราก่อน”

“ ใครกันเหรอครับ....”

อิสราเอ่ยถามด้วยความไม่ระคนแปลกใจ แต่อีกฝ่ายกลับมีสีหน้าเคร่งเครียดมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ทอดสายตาเหม่อมองกลุ่มเมฆที่เคลื่อนย้ายไปมาบนฟากฟ้าอย่างไร้จุดหมาย ...

“ เธอเป็นครูอัตราจ้างในโรงเรียนพ่อนั่นแหละ ... ช่วงนั้นพ่อไม่มีเวลาให้กับครอบครัวเท่าไหร่นัก เพราะต้องเดินทางไปสัมมนาตามจังหวัดต่าง ๆ ไกลคราวละหลาย ๆ วัน ความใกล้ชิดทำให้ปัญหาที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นมาจนได้ ... ครูคนนั้นขู่ว่าจะไปฟ้องร้องผู้บังคับบัญชาของพ่อที่จังหวัด แถมเรียกร้องเงินทองจำนวนมากเกินกว่าที่ครอบครัวเราจะมีให้ พอแม่ทราบข่าวอาการโรคหัวใจกำเริบหนัก แต่เก็บความเจ็บป่วยไว้อย่างมิดชิดภายใต้ใบหน้าที่เงียบสงบ แม่หยิบเงินก้อนสุดท้ายของครอบครัวให้พ่อเอาไปให้ผู้หญิงคนนั้น ทั้ง ๆ ที่มันเป็นเงินสำหรับเอาไว้ให้แม่ผ่าตัดในอีกไม่นาน ... พ่อเสียใจมากที่ถูกหักหลัง เอาแต่กินเหล้าทุกวัน แม่เก็บตัวอยู่เงียบ ๆ คนเดียวในห้อง แล้วครอบครัวของเราก็ไม่ได้มาสนุกสุขสันต์ในวันหยุดที่บนเขานี่กันนับต่อจากนั้น”

“ ผมเสียใจด้วยนะครับมะยม ...”

อิสราก้าวเดินไปข้างหน้าจนชิดอีกครั้งก่อนจะดึงร่างบอบบางเข้ามาแนบไว้กับอก จนอีกฝ่ายสะอื้นไห้ไปได้สักครู่ก่อนจะเล่าต่อพร้อมกับสูดน้ำมูกฟุดฟิด ...

“ หลังจากนั้นอีกไม่นานแม่ก็ล้มป่วยและจากเราไปอย่างสงบ พ่อเสียใจออกบวชไปหลายเดือน จนคิดจะบวชไปตลอดชีวิต แต่ก็ทำไม่ได้เพราะยังมีเราสองคนให้ได้รับผิดชอบ ... เราทุกคนเสียใจกับเหตุการณ์ในครั้งนั้นมาก ไม่เคยจะพูดหรือเอ่ยถึงกันอีกเลย และนี่ก็เป็นอีกเหตุหนึ่งที่พลอยเกลียดเรามาจนทุกวันนี้ เพราะคิดว่าเราเป็นต้นเหตุทำให้แม่การะเกดต้องตาย ... ”

“ ทำไมพลอยใสคิดอย่างนั้นล่ะ ”

“ ผู้หญิงคนนั้นเคยเป็นครูสอนชั้นอนุบาลของเรา รักใคร่สนิทสนมกับเรามาก ชอบมาหาพ่อ แล้วแอบอ้างว่ามาหาเราไงล่ะ”

“ ก็ไม่น่าใช่เหตุผลที่ถึงกับทำร้ายมะยมครั้งแล้วครั้งเล่านี่ครับ”

“ มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน นายเป็นผู้ชายอาจจะไม่เข้าใจอะไรมากนัก ... พลอยใสคิดว่าเค้าเป็นลูกแม่ เราเป็นลูกพ่อ เมื่อสิ้นแม่การะเกดชีวิตและความหวังของเค้าก็หมดและจบสิ้นไปพร้อมกัน”


“ เหมือนเป็นลูกรักลูกชัง...”

“ ก็อะไรประมาณนั้น ...นี่เป็นเพียงสองข้อใหญ่ ๆ เท่านั้น ยังไม่รวมเรื่องสิ่งของหรืออื่น ๆ ที่เค้าอยากได้ จะต้องแย่งชิงมาให้ได้ รวมทั้งตัวนายด้วย..”

“ อ้าว! ผมไปเกี่ยวด้วยกับเรื่องนี้ตอนไหน..”

“ นายจำวันที่ฉันเจอกับนายครั้งแรกได้ใช่มั้ย ...”

“ จำได้สิมะยม ผมทักทายคุณแต่คุณกับทำตาดุยังกับเสือใส่ผม ทำเอาแทบหงายหลังไปเลย”

“ นั่นเป็นเพราะนายไม่ได้สังเกตคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉัน ... วันนั้นพลอยก็ยืนอยู่ที่ตรงนั้นด้วย แต่นายไม่ได้สนใจ กลับมาแซวทะลึ่ง บ้า ๆ กับฉัน..”

“ อิอิ ก็ผมมัวแต่มองมะยมคนเดียว ไม่ได้สนใจใครอื่นนะสิครับ ...มอง เห็นแต่เจ้าแสนดีทักทายอย่างอารมณ์ดี แค่นี้ก็ดึงความสนใจผมได้หมดแล้ว ...”

“ ก็นั่นแหละที่นายต้องรับรู้เรื่องราวเอาไว้บ้างว่ามีคนแอบชอบนายมานาน นายไม่เคยสนองตอบไมตรีของเขาเลย ....ทั้ง ๆ ที่พยายามจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้อยู่ใกล้ชิดนาย ไม่ว่าจะยอมทิ้งแฟนเก่าตัวเองอย่างพี่อานนท์ หรือยอมทะเลาะกับพ่อเพราะอยากจะไปที่ไร่ฟ้าเมฆาทุกวัน หรือแม้แต่ทำร้ายฉันด้วยวิธีการต่าง ๆ เท่าที่โอกาสจะอำนวย ... เพื่อน ๆ ในกลุ่มสรุปกันว่าพลอยใสเปลี่ยนไปเพราะอารมณ์แห่งความรัก”

“ ผมทราบดีว่าพลอยเค้าปลื้มผม แต่เรื่องอย่างนี้มันบังคับกันไม่ได้ ความรักเป็นเรื่องคนสองคนที่อยากจะอยู่ใกล้ชิดกัน ไม่ใช่ว่าจะคิดกันได้ข้างเดียว”

“ไม่เข้าใจพลอยเขาเหมือนกัน เกิดความคิดอะไรบ้าๆขึ้นมาก็ไม่รู้ คนอื่นพลอยเดือดร้อนกันไปหมด”

“ คนกำลังขาดสติและหลงทาง อย่าไปห้ามเขาเลย สักวันหนึ่งคงเข้าใจเอง เราต้องรอคอยเวลานั้น”

มะยมค่อย ๆ แกะมือหนาใหญ่ของพ่อหนุ่มเมืองกรุงออกอย่างละมุนละม่อม ก่อนจะหันหลังกลับมาแล้วรวบมือหนาใหญ่ไว้เพียงระดับอก แล้วเอ่ยถามเรื่องราวต่อไปว่า ...

“ นายบอกว่ามีเรื่องจะบอกกับฉัน มีอะไรเหรอจ๊ะ”

“ จริง ๆ แล้วที่ผมชวนมะยมมาบนเขานี่ ก็เพราะมีเรื่องสำคญจะบอก ... แต่มาคิดดูแล้วมันคงยังไม่ถึงเวลานั้น อยากจะบอกเมื่อถึงเวลาพิเศษนั้นจริง ๆ ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ”

“ มะ ..ไม่เป็นไรหรอก ถ้านายยังไม่พร้อม ..”

มะยมหลบสายตาคมปลาบที่ส่งทอดมาเหมือนดวงตะวันสองดวงส่องแสงระยิบระยับอยู่อย่างนั้น ก่อนจะรับฟังถ้อยประโยคที่ชื่นรื่นใจ เหมือนน้ำอมฤตอันศักดิ์สิทธิ์เลยทีเดียว ...

“ ขอโทษอีกครั้ง ... ผมคิดจะตัดสินเพียงครั้งเดียว ..”

อิสราพูดทิ้งให้เป็นปริศนาไว้อย่างนั้น จนคนทั้งสองสนทนาอยู่สักพัก ท้องก็ร้อง และเริ่มหิวกันแล้ว จึงเดินกลับมายังร่มไม้ที่เตรียมอาหารไว้แล้ว ก่อนจะลงมือจัดการกับสิ่งยั่วน้ำลายข้างหน้าทันที ....

สายลมที่พัดโชยเอื่อย แผ่วพลิ้วเหมือนลำนำแห่งพงไพรพัดพาเอากลิ่นดอกไม้ป่าระรวยรินกลิ่นหอมจนถึงกับทำให้อิสราที่ขณะนี้นอนหนุนตักสาวบ้านป่า หลับตาพริ้มด้วยใจเป็นสุขอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน ก่อนจะลืมตาขึ้นมามองปุยเมฆที่ไหลเคลื่อนไปมา แล้วฮัมเพลงออกมาอย่างอารมณ์ดี ..
.

... ฟ้าเบื้องบนจงเป็นพยานว่ารักของฉัน จะเป็นนิรันดร์ตลอดไป ...
ไม่ว่าเวลาจะผันผ่านเนิ่นนานไปสักเพียงไหน ฉันจะยังยึดมั่นรักนั่นเอาไว้ ...ตลอดกาล
... ณ ที่นี่ตรงเส้นขอบฟ้า ที่เธอเมตตารับรักฉันด้วยใจเปี่ยมรอยยิ้มแห่งรัก ฉันปรารถนามัน
ปรารถนาจะรับรู้ความรู้สึกดีดี เช่นนี้ตลอดไป ....
... อย่าเปลี่ยนแปลงไปนะ ฉันกลัวความเปลี่ยนแปลงจะมาเกิดขึ้นกับคามสัมพันธ์ของสองเรา
มันอาจจะเป็นไปได้ถ้าเธอไม่มั่นคง ... ฉันรักเธอนะ ฉันรักเธอตลอดไป ...
... รักเอย ...รักนั่นเป็นฉันใด ไยมาแกล้งให้ฉันละเมอเพ้อพกอยู่คนเดียว เมื่อไหร่เธอจะตอบกลับมาว่ารักฉันมากที่สุด เหมือนกับที่ฉันรักเธอดั่งแก้วตาดวงใจ ...
.... กลับมานะสุดที่รัก ฉันคอยเธออยู่ตรงนี้ ที่เดิมของสองเรา ที่เดิมที่กำหนดไว้ว่าสองใจเราจะผูกกันมั่นนิรันดรตลอดไป ... กลับมานะ ได้โปรดกลับมา ฉันจะรอคอย ....
.
มะยมรู้สึกว่ามือทั้งสองข้างของตัวเองจะเกะกะอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ด้วยความไม่เคยใกล้ชิดเพศตรงข้ามได้มากขนาดนี้ นี่ถ้าหากครูพลรู้ว่าตนเองมีพฤติกรรมเช่นนี้จะต้องโกรธอย่างเอาเป็นตายแน่แท้ แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไงดีเพราะคนร่างสูง ตัวขาวใหญ่ที่นอนฮัมเพลงอยู่บนตักตัวเอง ดูท่าจะมีความสุขอย่างเหลือประมาณ ... จึงทำได้แค่แซวเล็ก ๆ ไปเท่านั้น ...

“ เพลงอะไรกันอิส เพราะจังเลย .. ใครเป็นคนร้องน่ะ ...”

“ เป็นเพลงพิเศษ ขับร้องโดยนักร้องที่มีหน้าตาและเสียงดีที่สุดในท่าวังหินนี่ ”

“ เซี้ยวจังเลยอิสใครเป็นคนขับร้องกันแน่ ฉันจะไปซื้อเพลงมาฟัง เนื้อเพลงให้ความหมายดีมากๆ ”
“ ไม่ต้องไปหาที่ไหนไกลหรอกมะยม .... นักร้องน้องรักคนนั้นกำลังนอนตักผู้หญิงที่เขาหมายปองไว้เป็นคู่ชีวิต อยู่นี่แล้วไงล่ะ จะขอลายเซ็นเป็นรอยจุมพิตก็ได้นะ ฮ่ะ ๆ ๆ เร็ว ๆ เข้าเดี๋ยวนักร้องจะเล่นตัวซะก่อน ”

คนพูดปล่อยเสียงหัวเราะออกมาเต็มเสียง พร้อมกับปัดป้องหมัดหลุน ๆ ที่ซัดเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย

“ บ้า นายแกล้งฉันอีกแล้วนะ”

“ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ”

อิสรายังคงหัวเราะ เสียงดังลั่น แล้ววิ่งวนไปรอบ ๆ ตัวมะยมที่หัวเราะท้องดัดท้องแข็งกับท่าทางตลก ๆ ของอีกฝ่าย ก่อนที่คนร่างสูงจะทรุดตัวลงนั่งฝั่งตรงกันข้าม แล้วทำท่าจะนอนหนุนตักอีกรอบ จนอีกฝ่ายต้องเอาศอกค้ำยันเอาไว้ .ก่อนจะเอ่ยถามด้วยกิริยาที่ผ่อนคลายกว่าทุกครั้งที่ได้สนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ...

“ นายเสียงดีและมีพรสวรรค์มาก น่าจะเป็นนักร้องออกเทปขาย ถ้าหากทำได้จริง ๆ สาว ๆ คงกรี๊ดกันทั้งบ้านทั้งเมืองแน่ที่มีนักร้องเสียงดี หน้าตาก็พอใช้ได้ แถมเก่งวาดภาพอีกต่างหาก ”

“ ไม่อยากจะโม้ เนื้อเพลงเมื่อกี้ ผมแต่งเองจริงๆ ขอบอก ขอบอก...”

“ อื่อ ... ไม่น่าเชื่อ ไพเราะมาก ๆ ความหมายก็ดีด้วย ฉันชอบประโยคที่ว่า .. กลับมานะสุดที่รัก ฉันคอยเธออยู่ตรงนี้ ที่เดิมของสองเรา ที่เดิมที่กำหนดไว้ว่าสองใจเราจะผูกกันมั่นนิรันดรตลอดไป ... กลับมานะ ได้โปรดกลับมา ฉันจะรอคอย มันฟังดูเศร้าและเหมือนกำลังรอคอยอะไรสักอย่าง อย่างไม่รู้จุดหมาย ”

“ เพลงนี้ทั้งเพลงแต่งขึ้นมาเพื่อมอบให้มะยม สำหรับความสุขที่ได้รับในวันเกิดวันนี้ ขอบคุณนะ”

“ ไม่ต้องขอบคุณอะไรหรอกจ๊ะ แค่ทำตามที่ต้องทำไม่มีใครมาบังคับเราได้..”

“ ผมขอสัญญาว่าจะเป็นอิสราของคุณในวันนี้ ... เหมือนเดิมตลอดไป ขอสัญญา”

“ ฉันก็เหมือนกัน ขอบคุณสำหรับอาหารที่อิ่มท้อง ขอบคุณมิตรภาพความรักที่ให้กันตลอดมาและไม่ว่าเวลาจะเปลี่ยนนานเท่าไหร่ ฉันก็ขอสัญญากับนายเหมือนกันว่าจะเป็นมะยมคนเดิมอย่างนี้ตลอดไป ขอสัญญา”

“ ชื่นใจจริง ครับมะยม ผมก็เช่นกันจะขอสัญญาว่าเราสองคนจะต้องเป็นครอบครัวเดียวกันตราบนานเท่านาน ผมรักคุณนะครับ ผมรักคุณ ... ”

มะยมไม่พูดอะไรออกมาอีกเลยหลังจากนั้น กระทั่งรู้สึกว่ามีอะไรอุ่นมาแนบที่แนบจึงหันไปจนจมูกชิดกับใบหน้าคมเข้มของอิสราพอดี เวลารายรอบตัวเหมือนหยุดนิ่ง อำนาจพิเศษดึงดูดให้คนทั้งสองเอนเข้าหากัน จนเวลาผ่านไปเนิ่นนานเหมือนโลกทั้งโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะ ก่อนจะผ่อนคลายออกจากกัน ...

เมื่อมะยมขยับตัวออกมาให้ห่างออกมานิดหน่อย อิสรายังคงรวบแขนและรั้งดึงตัวเอาไว้ไม่ให้ไปไหน จนอีกฝ่ายเหลียวมองดูบรรยากาศรอบๆ เห็นว่าแดดร่มลมตกพอสมควรแล้ว ...

“ เรากลับกันเถอะ เดี๋ยวพ่อจะเป็นห่วง”

“ ผมยังไม่อยากกลับเลย ไม่แน่ใจว่าพวกเพื่อนๆจะกลับบ้านถึงบ้านกันหมดหรือยัง…”

“ น่าจะถึงกันหมดแล้ว เราว่าอิสกลับบ้านไปก่อนน่ะดีแล้ว ไม่รู้ป่านนี้คนทั้งไร่ฟ้าเมฆาคงจะตามหานายกันให้คลั่กที่เจ้าภาพวันเกืดหายไปไหนทั้งวัน สงสารแต่เจ้าหยามเพื่อนรัก...ไม่รู้จะแก้ตัวแทนนายว่ายังไง”

“ ช่างเขาเถอะมะยม ผมตัดสินทำอะไรแล้ว ไม่ย้อนกลับไปคิดวุ่นวายใจหรอก อะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิด ไม่มีใครห้ามหรือเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ตามโชคชะตาของคนเรา ... ผมเชื่อว่าเราสองคนทำแต่ความดี ผลแห่งการกระทำคงช่วยให้เราสมหวังแน่นอน ”

“ งั้นเรารีบเก็บของดีกว่า เดี๋ยวจะลงไปถึงบ้านมืดค่ำ ..”

“ ครับได้ครับแม่นาย ...”

คุณชายแห่งไร่ฟ้าเมฆายังคงหัวเราะร่วน ประหนึ่งความสุขทั้งมวลในโลกใบเบี้ยว ๆ ใบนี้อยู่ในที่แคบ ๆ หน้าผาเดียวดายแห่งนี้ที่เดียวเท่านั้น โดยหารู้ไม่ว่าเหตุการณ์ร้ายแรงจนขั้นต้องเปลี่ยนแปลงชีวิตใครบางคนไปตลอดกาล กำลังจะคืบคลานเข้ามาครอบคลุมอย่างช้าช้า

ให้เป็นไปตามกฎธรรมดาของโลกว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงเป็นนิรันดร์ ....

------------------------

กาหรือหงส์ ตอน ๔๐ จบแล้ว ติดตามตอนหน้ารับรองว่าสุดเข้มข้นเพราะพระเอกนางเอกกำลังถึงจุดเปลี่ยนชีวิตครั้งสำคัญ ติดตามกันให้ได้นะครับผม .. ขอบพระคุณมากครับที่ติดตาม ..

อิสราวุธ /เมฆชรา
๔ กันยายน ๒๕๕๓
เก้าโมงกว่า ๆ ครับ




 

Create Date : 04 กันยายน 2553
1 comments
Last Update : 4 กันยายน 2553 9:19:02 น.
Counter : 882 Pageviews.

 

ตามๆๆๆๆ ค่ะ

 

โดย: Dewii IP: 115.87.220.93 5 กันยายน 2553 21:30:59 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


เมฆชรา
Location :
นครราชสีมา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




เข้าสู่ปีที่ 8
Friends' blogs
[Add เมฆชรา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.