แสงจันทร์ข้างแรมสาดส่องรอดช่องหน้าต่างเข้ามา
เธอเอื้อมมือเปิดไฟหัวเตียงอีกครั้ง
ชิดชมัยหันหน้าไปมอง
เห็นสามีนอนเอามือก่ายหน้าผาก
พ่ออยากมีเงินสักก้อนเอาไว้ให้หลานๆ
จะได้เรียนสูงๆ
จะได้ไม่ลำบากเหมือนปู่
เราก็ทำหน้าที่ในส่วนของเราแล้ว
ส่วนที่เหลือให้เป็นหน้าที่ของพวกเขาเถอะค่ะ
แล้วพ่อคิดว่าหลานๆของเราเขาจะชอบเรียนเหรอ
เขาอาจอยากเป็นพ่อค้า นักธุรกิจ ชาวนา คนทำบ่อกุ้งก็ได้
ไศลศักดิ์หันมาสบตา
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ..อย่างน้อยๆ
เวลาที่หลานๆมาหาปู่
หรืออยากเรียนต่ออะไร เราจะได้มีให้เขาไง
ชิดชมัยลูบแขนสามีเบาๆ
มีก็ดีไม่มีก็ไม่เห็นเป็นไร ชีวิตเป็นเรื่องสบายๆอยู่แล้ว
ผู้ใหญ่ขาดแคลนอะไร ทำไมชอบคิดว่า
ลูกหลานต้องการสิ่งเดียวกับตัวเอง"
ไศลศักดิ์ถอนหายใจเบาๆ
ยกมือที่ก่ายหน้าผากมากอดภรรยาไว้
"ยังไงเหรอแม่"
ชิดชมัยกระแอมเบาๆ
"ก็เช่น พ่อแม่ขาดแคลนเรื่องการศึกษา
ก็พยายามเคี่ยวเข็ญให้ลูกหลานเรียน
พ่อแม่ขาดแคลนอาหารอดๆอยากๆ
ก็ขุนลูกหลานจนอ้วน
พ่อแม่ขาดแคลนของเล่น
ก็ประเคนของเล่นให้จนเต็มบ้าน
ลูกหลานก็ทุบเล่นไม่เห็นคุณค่า
คนที่เคยขาดความรักความอบอุ่น
ก็ให้เวลากับลูกๆทั้งอบและอุ่นจนร้อนระอุ
ผู้ใหญ่ตอนเล็กๆเคยขาดอะไร
ก็พยายามหามาเติมเต็มให้เด็กๆจนเกินพิกัด
บางสิ่งบางอย่างในชีวิต
เราไม่จำเป็นต้องไปคิดแทนเขาก็ได้
เขาต้องการอะไร..ให้เขาไขว่คว้าด้วยตัวเขาเอง
เติมเต็มในส่วนที่ขาดด้วยตัวของตัวเอง
ได้ลิ้มรสชาติของชีวิตที่แท้จริง
ไศลศักดิ์พลิกตัวไปกอดหมอนข้าง
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ
"ฉันอาจพูดเหมือนไม่เป็นห่วงลูก
แต่ภายในใจไม่ใช่อย่างนั้นแม้แต่นิดเดียว
ตั้งแต่วันนั้น วันที่รู้ว่ามีสิ่งเล็กๆกำเนิดอยู่ในท้อง
แม่ก็วาดฝันไว้มากมาย วางแผนการณ์ในอนาคต
ในที่สุดก็พบคำตอบ
เราก็ทำหน้าที่ในส่วนของเราแล้ว
ชีวิตของเขาควรปล่อยให้เขาได้ลิขิตด้วยตัวของเขาเอง"
ก่อนที่เรื่องราวจะบานปลายจนดึกดื่น
ไศลศักดิ์หัวเราะเบาๆ
อย่างที่แม่ว่า.จะกังวลล่วงหน้าไปทำไม
เรื่องของวันพรุ่งนี้
ขอให้เป็นของวันพรุ่งนี้ดีกว่า
นอนเถอะแม่..
เช้าจะตื่นไปทำงานไม่ไหว
ก่อนที่จะคิดไปไกลถึงเรื่องหลานๆ
หาลูกสะใภ้ให้ได้ก่อนเถอะแม่มึง ฮา ฮา
แอมอร
ตอนนี้อ่านรัยก็ไม่เก๊ตแล้ว
แหะๆ อีโม้ไม่ขึ้นสักตัว